ดาวน์โหลดบทความ ดาวน์โหลดบทความ

เมื่อเราอยากได้รับการให้เกียรติจากผู้อื่น เราก็ต้องพยายามที่จะให้เกียรติและเอาใจใส่ผู้อื่นก่อน การให้เกียรติผู้อื่นหมายถึงการแสดงว่าเรานั้นให้ความสำคัญกับมุมมอง เวลา และสิทธิของผู้อื่น

วิธีการ 1
วิธีการ 1 ของ 3:

แสดงการให้เกียรติแบบทั่วไป

ดาวน์โหลดบทความ
  1. 1
    แสดงความมีน้ำใจและอัธยาศัยไมตรี. เราสามารถให้เกียรติผู้อื่นได้โดยเริ่มจากการคำนึงถึงความรู้สึกของผู้อื่น ถามตนเองสิว่าในสถานการณ์ต่างๆ เราอยากได้รับการปฏิบัติจากผู้อื่นอย่างไร แล้วพยายามปฏิบัติต่อผู้อื่นตามที่เราอยากได้รับการปฏิบัติตอบ ปฏิบัติต่อคนที่พบเจอ ไม่ว่าจะเป็นคนแปลกหน้า เพื่อนร่วมงาน เพื่อนร่วมห้อง และสมาชิกในครอบครัวอย่างให้เกียรติและมีอัธยาศัยไมตรี
    • แบ่งปันอาหาร น้ำ หรือสิ่งของแก่ผู้อื่น เมื่อเห็นว่าคนเหล่านั้นจำเป็นต้องมีแต่ขาดแคลน
  2. 2
    มีมารยาท . เมื่อเรายังเด็ก อาจไม่เข้าใจการรักษามารยาทและกิริยาอาการเท่าไรนัก แต่เมื่อโตขึ้น เราก็ได้ตระหนักแล้วว่าหลักปฏิบัติเหล่านี้เป็นกลไกอย่างหนึ่งที่ทำให้สังคมดำเนินไปอย่างราบรื่น การมีมารยาทจึงเป็นการเคารพเวลาและสิทธิของผู้อื่น ถ้าทุกคนไม่มีมารยาทเลย เราก็ไม่สามารถทนกับสถานการณ์ที่เราต้องเผชิญอยู่ทุกวันได้อย่างแน่นอน เช่น การกินข้าวที่ร้านอาหาร การต่อแถวทำธุระต่างๆ หรือการรับมือการจราจรที่ติดขัด นี้เป็นมารยาทสองสามอย่างที่เราควรมี
    • อย่าคุยโทรศัพท์มือถือในร้านกาแฟ ร้านอาหาร ร้านค้าต่างๆ หรือสถานที่สาธารณะ เพราะอาจเป็นการรบกวนผู้อื่นได้
    • อย่าแซงคิวยกเว้นเกิดเหตุฉุกเฉินอย่างเช่น ต้องรีบพาคนไข้อาการหนักส่งโรงพยาบาล
    • อย่าขับรถแซงผู้อื่น
    • ขอความช่วยเหลือจากผู้อื่นอย่างสุภาพและเอ่ยขอบคุณเสมอเมื่อได้รับการช่วยเหลือ!
    • ทำตามกฎระเบียบเพื่อผลประโยชน์ของทุกฝ่ายอย่างเช่น จำกัดเวลาใช้คอมพิวเตอร์สาธารณะเพื่อคนอื่นจะได้มีโอกาสใช้บ้าง
    • อย่านำอาหารและน้ำดื่มเข้ามาในบริเวณที่มีกฎห้ามนำอาหารและเครื่องดื่มเข้ามา
    • อย่าพูดคุยกันเมื่อภาพยนตร์กำลังฉายอยู่
    • นำขยะไปทิ้งลงถังขยะหรือนำไปแปรสภาพกลับมาใช้ใหม่แทนการทิ้งไว้ให้เจ้าหน้าที่ทำความสะอาดมาเก็บ
  3. ให้เกียรติทุกคน อย่าให้เกียรติแค่คนที่เรารู้จักหรือมีสถานภาพสูงกว่าเราเท่านั้น ผู้คนจำนวนมากมายให้เกียรติเฉพาะคนที่พวกตนอยากให้ประทับใจ แต่กลับทำตัวหยาบคายใส่ผู้อื่น เหมือนกับคำกล่าวที่ว่า “เราสามารถตัดสินนิสัยของคนคนหนึ่งจากการปฏิบัติของคนคนนั้นต่อคนที่ไม่มีผลประโยชน์ต่อเขาหรือแก่เขา” [1]
    • การอย่าเลือกปฏิบัติหมายถึงว่าเราควรมีน้ำใจต่อคนที่ “ด้อยกว่า” เราเท่ากับที่เรามีน้ำใจแก่ผู้ที่อยู่เหนือกว่าเรา
    • มีน้ำใจต่อผู้คนที่เราพบเจอและคนที่ไม่เคยได้รับการปฏิบัติอย่างให้เกียรติ ตัวอย่างเช่น พวกคนไร้บ้านมักถูกมองข้ามและได้รับการปฏิบัติที่ไม่ดี ทั้งที่คนกลุ่มนี้ควรได้รับเกียรติและน้ำใจเช่นเดียวกับคนอื่น
  4. ให้เกียรติผู้อื่นถึงแม้อีกฝ่ายจะแตกต่างจากเราและเราเองก็ไม่เข้าใจเขาเลยก็ตาม ความแตกต่างระหว่างเราและเขานั้นทำให้ชีวิตน่าสนใจและนอกจากนี้เราอาจมีลักษณะนิสัยบางอย่างเหมือนเขามากกว่าที่ตนเองคิด ถึงแม้จะไม่รู้เลยว่าคนคนนั้นมาจากไหน แต่ก็จงมีอัธยาศัยไมตรีและมีมารยาทกับเขา เราไม่จำเป็นต้อง รัก คนทุกคนที่พบเจอและเห็นด้วยกับใครต่อใคร เราแค่ต้องการให้เกียรติอีกฝ่ายเท่านั้น
    • ให้เกียรติคนที่มีวัฒนธรรมต่างจากเรา
    • ให้เกียรติคนที่นับถือศาสนาและมีความเชื่อต่างจากเรา
    • ให้เกียรติคนที่มีมุมมองทางการเมืองต่างจากเรา
    • ให้เกียรติคนที่อยู่ในทีมคู่แข่งของเรา (และแฟนๆ ผู้ติดตามทีมอื่น)
  5. ควรให้ความเคารพสถานที่ใดก็ตามที่เราใช้ร่วมกับผู้อื่นด้วย บ้าน (ถ้าอาศัยอยู่ร่วมกับคนอื่น) โรงเรียน ป้ายรถประจำทาง เป็นพื้นที่ซึ่งผู้อื่นก็ใช้ด้วยเช่นกัน เราคงไม่ชอบใจ ถ้าหากมีใครมาทำให้สถานที่ซึ่งเราใช้อยู่ทุกวันสกปรก ฉะนั้นช่วยกันรักษาความสะอาดสถานที่เหล่านี้เพื่อที่เราและคนอื่นจะได้เข้ามาใช้สถานที่ต่อไปได้
    • อย่าทิ้งห่อลูกอมและขยะอื่นเรี่ยราด ถ้าต้องการทิ้งขยะ ให้ไปทิ้งใส่ถังขยะ ถ้าเราเป็นคนทำสถานที่สกปรก เราต้องเป็นทำความสะอาดด้วย
    • อย่าวาดภาพขีดเขียนลงในบริเวณพื้นที่สาธารณะ (เว้นเสียแต่ว่าเราเป็นศิลปินและได้รับอนุญาตแล้ว)
  6. เราไม่เพียงเคารพและให้เกียรติผู้คนเท่านั้น แต่เราต้องเคารพและให้เกียรติสัตว์ พืช และโลกด้วย เพราะเราต่างก็ต้องอาศัยอยู่ร่วมกันและพึ่งพาอาศัยกัน ฉะนั้นจึงควรเคารพกันไว้ เราควรปฏิบัติต่อสิ่งมีชีวิตทุกชนิดอย่างให้เกียรติเช่นเดียวกับมนุษย์
    • อย่าปล่อยมลพิษสู่สิ่งแวดล้อม
    • ตระหนักว่าการกระทำของตนเองมีผลกระทบต่อโลกอย่างไร ตัวอย่างเช่น การใช้ยาฆ่าแมลงกับสนามหญ้าอาจทำให้น้ำบาดาลปนเปื้อนและมีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ฉะนั้นพยายามใช้ชีวิตโดยคำนึงถึงสิ่งแวดล้อมด้วย
  7. การถือวิสาสะหยิบของที่ไม่ใช่ของเรามาใช้ตามอำเภอใจถือว่าเป็นพฤติกรรมที่ไร้มารยาทและไม่คำนึงถึงผู้อื่น ถ้าจำเป็นต้องใช้ทรัพย์สินของผู้อื่น ให้ขออนุญาตก่อน ถ้าไม่ทำ ก็อาจถูกกล่าวหาว่าเป็นขโมยได้
  8. 8
    เคารพระยะห่างระหว่างบุคคล. ทุกคนมีระยะห่างระหว่างบุคคลแตกต่างกันไปตามสถานการณ์ คนแปลกหน้า (เช่น คนที่พบบนรถไฟใต้ดิน) ควรได้รับการเว้นระยะห่างระหว่างบุคคล อย่าเพิ่งชวนสนทนาทันที ยกเว้นคนแปลกหน้าแสดงท่าทีว่าอยากพูดคุยด้วย เพื่อนและครอบครัวมักจะยินดีให้เราใกล้ชิดมากกว่าแต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ต้องดูท่าทีของพวกเขาด้วยเช่นกัน
    • เมื่อจะกอดและหอมแก้ม ให้คนใกล้ชิดรู้ท่าทีของเราด้วย เขาจะสามารถปฏิเสธได้ ถ้าเขายังไม่พร้อมให้เราเข้าไปใกล้ไม่ว่าด้วยเหตุผลใดก็ตาม
    • ขออนุญาตก่อนสัมผัสเนื้อตัวอย่างเช่น เล่นผมหรือนวดหลัง
    • การแตะอุปกรณ์สำหรับผู้พิการ (ไม้เท้า รถเข็น) และสุนัขบริการให้ทำเหมือนกับการสัมผัสเนื้อตัวของผู้อื่น อย่าแตะโดยไม่ได้รับอนุญาต
    โฆษณา
วิธีการ 2
วิธีการ 2 ของ 3:

มีมารยาทในการสนทนา

ดาวน์โหลดบทความ
  1. 1
    ฟังคู่สนทนาพูด. เมื่อมีการสนทนาเกิดขึ้น การเป็นผู้ฟังที่ดีคือการให้เกียรติคู่สนทนา ถ้าเราแสดงท่าทีเบื่อหน่ายหรือพูดขัดคู่สนทนาขึ้นมา ท่าทีแบบนี้เป็นการบอกว่าเราไม่สนใจฟังสิ่งที่คู่สนทนาพูดเลย ตั้งใจฟังคู่สนทนาและรอจนกว่าเขาจะพูดจบแล้วค่อยตอบกลับไป
    • การสบตาคู่สนทนาเป็นวิธีเคารพสิ่งที่เขาพูดวิธีหนึ่ง ท่าทางจากภาษากายก็ช่วยได้เหมือนกัน มองหน้ากับคู่สนทนาและพยายามไม่หยุกหยิกขณะที่อีกฝ่ายพูด
    • พยายามทำความเข้าใจสิ่งที่อีกฝ่ายพูดแทนที่จะแค่พยักหน้าเฉยๆ
  2. 2
    คิดก่อนพูด. เมื่อถึงคราวที่เราต้องพูด พยายามพูดจาให้เกียรติคู่สนทนา ใคร่ครวญถึงสิ่งที่อีกฝ่ายพูดและแสดงความเห็นของเราโดยไม่ทำร้ายจิตใจเขา อย่าดูหมิ่นผู้อื่นด้วยการพูดอะไรที่หยาบคายหรือไม่ไว้หน้า
    • อย่าพูดจาโอ้อวด อย่าอธิบายเรื่องที่ผู้อื่นรู้ดีอยู่แล้วเสียจนยืดยาว ตัวอย่างเช่น อย่าไปบอกนักกีฬาเบสบอลตัวจริงว่าควรตีลูกอย่างไร
    • อย่าพูดจาดูถูกผู้อื่น การพูดจาดูถูกผู้อื่นอาจทำให้ผู้ฟังรู้สึกว่าเราไม่ให้เกียรติเขา ฉะนั้นหลีกเลี่ยงคำพูดอย่างเช่นว่า “ถึงพูดไป คนโง่อย่างเธอก็ไม่เข้าใจอยู่ดี” หรือ “นี้เป็นเรื่องของผู้ชาย เธอไม่เข้าใจหรอก”
    • รู้ว่าเรื่องไหนไม่ควรพูด ถ้าเรายังไม่รู้จักคนคนหนึ่งดีพอ ก็อาจมีคำถามบางคำถามที่ไม่ควรเอ่ยออกไป ตัวอย่างเช่น ถ้าเพิ่งพบกัน ก็ไม่ควรถามอีกฝ่ายว่าได้แผลเป็นยาว 3 นิ้วที่หน้าผากมาได้อย่างไร
  3. 3
    พูดให้ชัดเจนว่าต้องการอะไร. มีใครหลายคนอยากช่วยเหลือเราอยู่แล้ว แต่พวกเขาอาจช่วยไม่ถูก ถ้าไม่รู้ว่าที่จริงแล้วเราต้องการอะไรกันแน่ พูดให้ชัดเจน (ต้องการอะไร หรือรู้สึกอย่างไร) พวกเขาจะได้ไม่งุนงงสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้นกับเรากันแน่
  4. เคารพความคิดเห็นของผู้อื่น ถึงแม้จะไม่เห็นด้วย. เราควรเคารพความคิดเห็นของผู้อื่น แม้เราจะไม่เห็นด้วยกับความคิดนั้นเลยก็ตาม สิ่งสำคัญคือเมื่อไม่เห็นด้วยกับสิ่งที่คนคนนั้นพูด ก็ไม่พูดจาดูถูกลดคุณค่าความเป็นมนุษย์ของเขา ตัวอย่างเช่น เราอาจไม่เห็นด้วยกับความเชื่อทางการเมืองของใครบางคนอย่างยิ่ง แต่เราก็ควรให้เกียรติเขาในฐานะมนุษย์คนหนึ่งและโต้แย้งแสดงความคิดเห็นของเราโดยไม่ดูถูกความคิดเห็นของเขา
    • อย่าโต้แย้งด้วยการพูดจาดูหมิ่นผู้อื่น อย่าพูดว่า “ฉันไม่เห็นด้วยกับความคิดของเธอ มันไม่เห็นจะเข้าท่าเลย”
    • ถ้าจำเป็น หยุดการสนทนาก่อนที่สถานการณ์จะบานปลายและก่อนที่เราจะเผลอพูดอะไรที่ต้องมานั่งเสียใจในภายหลัง เราจะทำอะไรไม่ประสบความสำเร็จ ถ้าเราไม่ให้เกียรติผู้อื่น อีกทั้งยังเป็นการสร้างศัตรูเพิ่มด้วย
  5. 5
    มีความอดทนและสันนิษฐานว่าคนอื่นสุจริตใจ. การสื่อสารอาจเป็นเรื่องลำบากในบางครั้ง ผู้คนอาจพูดผิดหรือพยายามหาคำพูดที่เหมาะสม ให้เวลาอีกฝ่ายคิดหาคำพูดเสียหน่อยและเมื่อเราไม่แน่ใจว่าคู่สนทนาหมายถึงอะไร ก็ให้คิดเสียว่าคู่สนทนากำลังพยายามอย่างถึงที่สุดที่จะแสดงน้ำใจและเข้าอกเข้าใจเราแล้ว
  6. 6
    อย่าพูดเหมารวม. อย่าพูดจาตัดสินความคิดเห็นของผู้คนหรือภูมิหลังของคนคนนั้นจากเชื้อชาติ เพศ ศาสนา สัญชาติ หรือปัจจัยใดๆ ก็ตาม ทุกคนต่างก็เป็นบุคคลที่มีประสบการณ์และความเชี่ยวชาญเฉพาะตัว อย่าไม่ให้เกียรติด้วยการเข้าใจผิดคิดว่าเรารู้จักคนคนนั้นดีทั้งที่ยังไม่เคยทำความรู้จักและใกล้ชิดพอที่จะเห็นคุณงามความดีของเขาเลย
  7. 7
    อย่าซุบซิบนินทา. ถึงนิสัยชอบซุบซิบนินทาเป็นนิสัยที่ใครๆ ก็เป็นกัน แต่ก็ถือว่าเป็นนิสัยที่ไม่ดีอยู่ดี เพราะจะทำให้เรามองผู้อื่นเป็นบุคคลเอาไว้นินทาแทนที่จะมองว่าคนคนนั้นเป็นบุคคลที่มีความรู้สึกและเจ็บปวดเป็น ถึงแม้คนคนนั้นจะเป็นคนประหลาด น่ารำคาญ หรือน่ารังเกียจ เราก็ไม่ควรนำเขามานินทาบ่อยๆ ราวกับตัวตนของเขามีไว้เพื่อกลายเป็นตัวตลกสำหรับคนอื่น
    • ถ้าเราไม่มีอะไรจะพูด ก็อย่าพูดเสียจะดีกว่า
    • พยายามยุติการซุบซิบนินทาหรือออกจากการซุบซิบนินทาอย่างสุภาพ ถึงแม้คนที่ถูกซุบซิบนินทาจะทำอะไรไม่ดีไว้กับเราก็ตาม พึงระลึกไว้ว่าทำอย่างไร ได้ผลอย่างนั้น ฉะนั้นการไม่ปล่อยให้ตนเองทำพฤติกรรมแย่ๆ จึงเป็นการทำสิ่งดีๆ เพื่อตนเองและผู้อื่น จำไว้ว่าไม่ว่าเราและผู้อื่นจะทำดีหรือชั่ว เราและผู้อื่นก็จะได้รับผลจากการกระทำของตนอย่างแน่นอน
  8. 8
    ขอโทษถ้าตนเองพูดจาให้ผู้อื่นเจ็บช้ำน้ำใจ. ไม่ว่าเราจะพยายามระมัดระวังมากแค่ไหน เราก็อาจเผลอพูดจาทำร้ายจิตใจของใครเข้าได้ในบางครั้ง การพลั้งปากพูดให้ผู้อื่นเจ็บปวดไม่สำคัญเท่ากับเราจะทำอย่างไรเมื่อพูดออกไปแล้ว ถ้ารู้ตัวว่าเราพูดบางสิ่งที่ทำร้ายจิตใจหรือทำให้ผู้อื่นวุ่นวายใจ ให้ขอโทษ
    • อย่าพูดคำว่า “แต่” เพื่ออธิบายการกระทำของเรา ถ้าอยากอธิบายว่าทำไมตนเองถึงทำแบบนั้น พยายามใช้คำว่า “และ” ตัวอย่างเช่น “ฉันขอโทษที่สะดุ้งหนีเมื่อเธอบอกว่าเป็นออทิสติก และ ฉันเข้าใจเกี่ยวกับเรื่องนี้ผิดไป ฉันขอโทษนะที่ทำให้เธอไม่สบายใจและไม่ว่าอย่างไรก็ตามเธอคือเพื่อนฉันเสมอ” จะเห็นว่านี้เป็นคำพูดอธิบายการกระทำโดยไม่มีการแก้ตัวใดๆ เลย
  9. 9
    ให้เกียรติผู้อื่น ถึงแม้ผู้อื่นจะไม่ให้เกียรติเราก็ตาม. ถึงจะทำได้ยากลำบาก แต่ก็ให้พยายามอดทนและอ่อนน้อมถ่อมตน อีกฝ่ายอาจรู้ตัวบ้างว่าตนเองทำพฤติกรรมไม่ให้เกียรติเราอยู่ ถ้าคนคนนั้นหยาบคายหรือทำพฤติกรรมไม่ดีใส่เรา พยายามยับยั้งชั่งใจตนเองไม่ให้ทำตัวแย่แบบเขา
    โฆษณา
วิธีการ 3
วิธีการ 3 ของ 3:

เคารพและให้เกียรติจากใจจริง

ดาวน์โหลดบทความ
  1. แสดงความเคารพนับถือผู้ที่มีอำนาจโดยชอบธรรม. มีบุคคลที่สมควรได้รับความเคารพเป็นพิเศษเนื่องจากมีตำแหน่งหน้าที่สูงกว่า ผู้อำนวยการโรงเรียน หัวหน้างาน เจ้าอาวาส นายกเทศมนตรี พระมหากษัตริย์ เป็นบุคคลที่เราต่างยกให้เป็นผู้นำเพราะบุคคลเหล่านี้ได้แสดงคุณสมบัติที่สังคมเห็นว่าควรค่าแก่การเคารพอย่างยิ่ง ให้แสดงความเคารพนับถือบุคคลเหล่านี้ตามธรรมเนียมปฏิบัติที่สืบทอดกันมา เช่น เมื่อจะถวายความเคารพพระมหากษัตริย์ ผู้ชายให้โค้งคำนับ ผู้หญิงให้ถอนสายบัว เป็นต้น
    • เคารพผู้สูงอายุ เคารพพ่อแม่ ปู่ย่าตายาย และผู้อาวุโสท่านอื่นๆ ในชุมชนของเรา เพราะพวกท่านได้เมตตาอบรมสั่งสอนเราและมอบความรู้ที่มีให้แก่เราโดยไม่หวงแหน
    • ในบางกรณีการรู้ว่าผู้มีอำนาจคนไหน ไม่ สมควรได้รับเกียรติและความเคารพนับถือก็สำคัญเหมือนกัน ถ้ามีใครทำลายความเชื่อใจที่เรามีให้และเราไม่อาจเคารพนับถือเขาได้เหมือนเดิม การตัดสินใจว่าจะทำอย่างไรต่อไปขึ้นอยู่กับเราแล้ว ในบางกรณี ถ้าเราเลือกที่จะยืนหยัดต่อสู้กับผู้มีอำนาจนั้น เราและผู้อื่นอาจได้รับผลกระทบจากอำนาจของคนคนนั้นก็ได้
  2. ถ้าเรามีอำนาจ ให้เกียรติคนที่เชื่อถือเราด้วยการมีอัธยาศัยไมตรีและมีเมตตา อย่าให้พวกเขาเชื่อฟังเรา “เพราะเรามีอำนาจมากกว่า” จงเป็นผู้นำที่มีเมตตา ผู้คนจะได้เชื่อฟังเราด้วยความเต็มใจ ไม่ใช่เชื่อฟังเพราะกลัวเรา
  3. 3
    เคารพตนเอง . เราก็เป็นบุคคลที่มีความสำคัญและสมควรได้รับการปฏิบัติอย่างดีเช่นกัน ให้ปฏิบัติต่อตนเองให้เหมือนกับที่ปฏิบัติต่อเพื่อน ทุกครั้งที่คิดไม่ดีกับตนเองหรือมีพฤติกรรมทำร้ายตนเอง ให้ถามตนเองสิว่าเราจะทำกับเพื่อนแบบนั้นไหม เราต้องเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของตนเอง
    • “การสละให้ผู้อื่นก่อน” นั้นเป็นการแสดงความมีน้ำใจก็จริง แต่บางครั้งก็ต้องดูความเหมาะสมด้วย บางครั้งเราก็มีความจำเป็นที่ต้องได้รับ (อาหาร การพักผ่อน การดูแลสุขภาพจิต) ก่อนผู้อื่น เมื่อเราได้สิ่งที่จำเป็นแล้ว เราถึงจะสามารถช่วยเหลือผู้อื่นได้เต็มที่
  4. เราจะสามารถให้เกียรติผู้อื่นได้ เมื่อเอาใจเขามาใส่ใจเราและพยายามทำความเข้าใจที่มาที่ไปของบุคคลนั้น เราอาจแสดงความมีอัธยาศัยไมตรีโดยที่ไม่ต้องเอาใจใส่ผู้อื่นมากนักก็ได้ แต่ถ้าเราอยากให้เกียรติผู้อื่นจริงๆ เราก็ควรนึกถึงใจเขาใจเรา จึงจะสามารถเข้าใจผู้อื่นได้อย่างลึกซึ้ง พยายามคิดเสียว่าเราก็ต่างต้องพึ่งพาอาศัยซึ่งกันและกันและอยู่บนโลกใบเดียวกัน การให้เกียรติกันและกันจึงเป็นทางหนึ่งที่จะทำให้โลกน่าอยู่และทำให้ทุกคนมีความสุข
    โฆษณา

เคล็ดลับ

  • วิธีให้เกียรติผู้อื่นที่ดีเยี่ยมวิธีหนึ่งคือการมีความเห็นอกเห็นใจหรือการมีสัมพันธ์ภาพกับผู้อื่น การฟังและตอบอย่างมีเหตุผล เป็นไปตามความจริง และมีประโยชน์ต่อผู้อื่นก็ถือเป็นการให้เกียรติมากแล้ว ทุกคนอยากให้มีใครสักคนฟังสิ่งที่พวกเขาพูดและนำไปใคร่ครวญดู
  • การให้เกียรติผู้อื่นไม่เพียงแสดงให้ผู้อื่นเห็นว่าเราใส่ใจเขาเท่านั้น แต่ยังเป็นการแสดงความเอาใจใส่ตนเองด้วย ส่วนที่สำคัญที่สุดของการให้เกียรติผู้อื่นคือการให้เกียรติตนเอง เพราะถ้าเราไม่ให้เกียรติตนเอง คนอื่นก็ไม่ให้เกียรติเราเช่นกัน
  • ถ้าพูดคุยกับใครสักคน ให้สบตาอีกฝ่ายด้วยท่าทีที่เป็นมิตรเข้าไว้
โฆษณา

ข้อมูลอ้างอิง

เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้

มีการเข้าถึงหน้านี้ 84,541 ครั้ง

บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม

โฆษณา