ดาวน์โหลดบทความ ดาวน์โหลดบทความ

การบ้านถือเป็นหนึ่งในภาระหนักหนาสาหัสของเด็กทั่วโลก (แต่เด็กไทยอาจจะมากกว่าเขาเพื่อน) บางคนเลยชอบผัดวันประกันพรุ่งไปเรื่อยๆ จนกว่าจะไฟลนก้น ประมาณว่าทำไมต้องรีบทำ ในเมื่อยังเหลืออีกตั้ง 2 - 3 วัน จริงๆ แล้วปัญหาอาจไม่ได้อยู่ที่ "คุณไม่อยากทำการบ้าน" ก็ได้ ไม่งั้นจะกลุ้มใจจนมาหาแรงบันดาลใจจากบทความนี้ทำไม ปัญหาจริงๆ คืออยากทำการบ้าน แต่ขี้เกียจเพราะไม่มีอะไรดีๆ จูงใจนั่นเอง วันนี้ได้เวลาเปลี่ยนแปลงตัวเองแล้ว กำจัดดินที่พอกหางคุณ...เอ้ย...หางหมูซะ แล้วมากระตุ้นตัวเองให้อยากทำการบ้านกัน ยังไงการบ้านก็เป็นการฝึกฝนพัฒนาตัวเองอย่างหนึ่ง เพื่อไปสู่อนาคตในแบบที่คุณใฝ่ฝันไง

  1. วางแผนล่วงหน้า จะได้เหลือเวลาว่างหลังเลิกเรียน. ถ้ามีชั่วโมงว่างหรือพักกลางวัน ให้รีบทำการบ้านตุนไว้ให้มากที่สุด จะได้เหลือไปทำที่บ้านน้อยๆ ไม่มีเลยยิ่งดี อย่าพยายามพอกหางหมูไว้จนวินาทีสุดท้าย ทำให้เสร็จตั้งแต่อยู่ที่โรงเรียนนั่นแหละดี (ถ้ามีเวลา) แบบนี้ถ้าไม่เข้าใจตรงไหน ก็ถามเพื่อนหรือครูได้เลย สะดวกสุดๆ
    • ทำการบ้านยากๆ ก่อน ทำไมถึงต้องทำแบบนั้น? ก็เพราะจะได้มีเวลาแก้ไขทีหลังไง! เริ่มทำเร็วก็เสร็จเร็ว ถ้าสงสัยหรือไม่แน่ใจ ก็ยังมีเวลากลับมาตรวจทาน (ประมาณว่ามีเวลาให้ "คิดพิจารณา" ไม่รีบไม่ลนจนทำแค่เสร็จๆ ไป) ถ้าสงสัยตรงไหนจะข้ามไปทำข้อง่ายๆ ก่อน แล้วค่อยย้อนกลับมาก็ได้ ถ้าเก็บไว้ทีหลัง กว่าจะรู้ว่าทำไม่ได้ขึ้นมาก็สายไปแล้ว! แบบนี้สมองจะได้มีเวลาขบคิดนานๆ

      รีบทำเรื่องยากแต่แรก อย่างน้อยก็ลองทำดูก่อน ถ้าไม่ได้จริงๆ ก็ข้ามไปทำเรื่องง่ายๆ แล้วค่อยกลับมาเกลาตอนสมองปลอดโปร่ง

      "เปิดสมองตีบตัน" ถึงจะยากจนเดี๋ยวต้องกลับมาทำหรือตรวจทานซ้ำ แต่แค่ลงมือทำ อย่างน้อยก็ได้บริหารสมอง (เปิดสมองที่ตีบตันให้ความคิดไหลลื่น!) โดยเฉพาะการขบคิดอะไรยากๆ มักกระตุ้นให้เกิดความคิดสร้างสรรค์ สดใหม่ และใช้การได้แบบไม่เคยคิดมาก่อน!
  2. ดูเป็นจุดๆ ไป เริ่มจากสแกนหัวข้อโดยรวมก่อน

    ~ อ่านหัวข้อ บทนำ แผนที่ แผนผัง รูปภาพ คำบรรยาย ตัวหนาตัวเอียง เชิงอรรถ ไปจนถึงสรุปแต่ละบท แล้วจับใจความโดยรวมกับแง่มุม/มุมมองต่างๆ ให้พอเข้าใจว่าบทเรียนเกี่ยวกับอะไร

    ~ ตอบคำถามแต่ละข้อ รวมถึงคำตอบที่ต้องเขียนอธิบายไปทีละส่วน! โดยเริ่มจากประโยคหรือขั้นตอนแรก จากนั้นอธิบายเสริม เพิ่มรายละเอียดเข้าไป (เป็นขั้นเป็นตอน)

    ~ เขียนใจความ/ขั้นตอนที่ 2 และต่อไปเรื่อยๆ โดยต่อยอดมาจากประโยคหรือใจความที่แล้ว เขียนไปทีละประโยคหรือวลี เดี๋ยวรู้ตัวอีกทีก็ทำได้เยอะเอง

    ~ ถ้าอยากไปหัวข้อต่อไปแล้ว ให้เว้นบรรทัดไว้บ้าง เผื่อจะกลับมาเขียนอะไรเพิ่มเติม

    ก่อนตอบคำถามต่อไป ให้ อ่านที่เขียนหรือตอบไปเพื่อตรวจทาน แล้วต่อยอดไปจากตรงนั้น ความคิดจะได้ไม่ขาดตอน
  3. พอทำแต่ละเป้าหมายสำเร็จ หรือก็คือทำการบ้านเสร็จ 1 อย่าง ควรให้รางวัลตัวเองเล็กๆ น้อยๆ ให้พอรู้สึกดี แล้วค่อยให้รางวัลตัวเองแบบจัดเต็มอีกที หลัง ทำการบ้านเสร็จครบถ้วนบริบูรณ์ เช่น อ่านการ์ตูนหรือนิยายเล่มโปรด โทรคุย/แชทกับเพื่อน (แต่ต้องทำการบ้านเสร็จแล้วทั้งคู่นะ) ท่องเว็บให้สบายใจ หรือทำงานอดิเรกอื่นที่สนใจและหาเวลาทำมานาน
    • ใช้วันหยุดทั้งเสาร์-อาทิตย์และนักขัตฤกษ์เป็นเป้าหมายซะเลย เช่น พอถึงวันพฤหัสบดี ก็ให้กำลังใจตัวเองว่าอีกแป๊บเดียวจะหยุดเสาร์-อาทิตย์แล้ว ถ้าทำการบ้านให้เสร็จ ก็ใกล้ความสนุกไปอีกขั้น โดยเฉพาะช่วงปีใหม่ สงกรานต์ หรือปิดเทอมใหญ่ยิ่งล่อใจ ทำไมไม่รีบทำการบ้านให้เสร็จ จะได้ออกเที่ยวหรือทำอะไรให้สนุกเต็มที่
  4. เลิกผัดวันประกันพรุ่ง . วิธีเอาชนะนิสัยชอบผัดวันประกันพรุ่งได้ชะงัด ก็คือรีบสะสางภารกิจของตัวเองให้เสร็จสิ้นแต่เนิ่นๆ อย่าเอาแต่รอ แล้วบอกตัวเองว่าเดี๋ยวค่อยทำก็ได้
    • ลองเปลี่ยนมุมมองดู ว่าถ้าเลื่อนไปก่อน ก็เท่ากับกังวลนานขึ้น แทนที่จะเอาเวลานั้นไปสะสางงานจริงๆ ถ้าตัดใจทำการบ้านไปเลย รู้ตัวอีกทีก็เสร็จหมดแล้ว ได้ไปสนุกสักที
  5. สมองตื้อแล้วยัดอะไรก็ไม่เข้า ให้แบ่งเวลาทำการบ้านเป็นช่วงๆ ไป สลับกับพักสมอง ตั้งเตือนไว้ก็ได้ จะได้ไม่ทำเกินเวลา เช่น ทำการบ้าน 1 ชั่วโมง พัก 5 - 10 นาที ช่วงพักให้ลุกเดินยืดเส้นยืดสาย อย่านั่งๆ นอนๆ รวมถึงดื่มน้ำเยอะๆ กินผลไม้นิดๆ หน่อยๆ ดื่มน้ำแล้วร่างกายสดชื่น ส่วนแอปเปิ้ลสักครึ่งลูกเป็นของว่างเติมพลังที่ดีกว่าขนมขบเคี้ยวหรือเครื่องดื่มชูกำลัง
  6. ถ้า ไม่ทำการบ้าน จะมีผลเสียยังไงกับคุณ เกรดจะตกไหม? หรือครูและพ่อแม่บ่นหูชา? ถ้าที่ว่ามาไม่ตรงกับคุณเลย อย่างน้อยให้คิดซะว่าการบ้านก็เป็นการพัฒนาตัวเองอย่างหนึ่ง เพื่อไปสู่อนาคตที่คุณฝันไว้ หาความรู้ใส่ตัวไว้ไม่ตกอับแน่นอน
  7. คุณจะได้อะไรถ้าทำการบ้าน? แน่นอนว่าคะแนนกับเกรดดีๆ ที่สำคัญคือครูอาจารย์กับพ่อแม่ต้องดีใจและภูมิใจแน่นอน แต่ยิ่งกว่านั้นคือคุณเองได้ความรู้ใหม่ๆ รวมถึงได้ฝึกวินัย ซึ่งทั้งสองอย่างเป็นเรื่องจำเป็นถ้าอยากมีชีวิตดี๊ดี! พอทำหน้าที่ตัวเองครบถ้วนและได้ผลดีอย่างที่ควรจะเป็นแล้ว คุณจะรู้สึกสดชื่น มีความหวัง อยากทำภารกิจที่ได้รับมอบหมายให้เสร็จสิ้นอีกเรื่อยๆ กลายเป็นสนุกไปซะงั้น!
  8. จัดมุมสงบปลอดคนและสิ่งรบกวนสำหรับทำการบ้านอ่านหนังสือโดยเฉพาะ ห้ามชวนเพื่อนมานั่งเล่น เปิดทีวีดู หรือทำกิจกรรมอื่นๆ มุมสงบที่ว่าก็เช่น โต๊ะสักตัว ถ้าต้องใช้คอมทำการบ้าน (ซึ่งก็แน่นอน) ก็อย่าแวบไปแชทกับใคร หรือเข้าเว็บไหนจนเพลิน แต่ถ้าสมาธิสั้นจริงๆ หรืออ่านหนังสือทีไรหลับตลอด ให้ย้ายไปทำการบ้านอ่านหนังสือที่ห้องสมุดแทน นอกจากสถานที่พร้อมแล้ว ยังมีเสียงคนเดินไปมาพอให้ไม่ง่วงเกินไป ที่สำคัญคือมีแหล่งข้อมูลและบรรณารักษ์หรือเจ้าหน้าที่ให้สอบถามทันที
  9. จะมีสมาธิกว่าถ้าโต๊ะเป็นระเบียบเรียบร้อย ลองหาเวลามาจัดที่ทางสัก 5 นาที แล้วค่อยนั่งทำการบ้านอ่านหนังสือให้สบายใจ
    • แต่อย่าหาเรื่องทำความสะอาดนานๆ เพราะอยากถ่วงเวลา จัดโต๊ะให้มีพื้นที่ทำการบ้านได้ก็พอ
  10. แต่อย่าเลือกเพื่อนที่ชอบชวนเล่นลูกเดียว ขอคนที่เงียบๆ มีสมาธิ ชวนกันเรียนดีกว่า ทำการบ้านกับเพื่อนนอกจากสนุกแล้วยังช่วยกันถามตอบได้ถ้าใครไม่รู้ข้อไหน แต่แค่นั้นพอนะ อย่าลามไปเม้าท์แตกเรื่องอื่น
  11. แต่ละคนก็เรียนรู้ช้าเร็วต่างกันไป วิธีที่ใช้ทำการบ้านอ่านหนังสือให้เข้าหัวก็ไม่เหมือนกัน บางคนชอบท่องไปเดินไป แต่บางคนชอบเปิดเพลงคลอระหว่างท่องหนังสือทำการบ้าน ไม่ว่าจะแบบไหน ให้คุณลองดูจนกว่าจะเจอวิธีที่ใช่สำหรับคุณ
  12. วิธีนี้ไม่เหมาะกับทุกคนเสมอไป แต่ถ้าเป็นวิธีที่ใช่สำหรับคุณ ให้เลือกเพลงคลาสสิคหรือเพลงบรรเลง ไม่ก็เพลงเบาๆ ที่คุณไม่เคยได้ยิน จะได้ไม่อินกับเนื้อเพลงจนลืมการบ้านไป
  13. ทั้งเพื่อพักสมองและผ่อนคลายร่างกายที่ตึงเครียด จะได้มีสมาธิและตื่นตัว เช่น เดินไปมา ยืดเหยียด กระโดดตบ แล้วก็วิ่งอยู่กับที่
  14. ถ้ากำหนดช่วงเวลาชัดเจน คุณก็จะทำการบ้านท่องหนังสือสม่ำเสมอจนเป็นนิสัย ให้กำหนดทั้งวันและช่วงเวลา จะได้รู้ล่วงหน้าว่าอาทิตย์นี้ อาทิตย์หน้า และอาทิตย์ต่อๆ ไปจะทำอะไร แน่นอนว่าสุดท้ายมักมีเหตุสุดวิสัย แต่อย่างน้อยก็มีแผนคร่าวๆ ให้อุ่นใจ
  15. ปิดคอม มือถือ และอุปกรณ์สื่อสารอื่นๆ ซะ จะได้ไม่วอกแวก กระทั่งช่วงพักก็อย่าติดจอคอมจอมือถือจนไม่เป็นอันทำอะไร เพราะจะลืมที่ท่องหนังสือไปจนหมด แถมกินเวลาทำการบ้านไปอีก สรุปคืออยู่ให้ห่างคอมและมือถือ เว้นแต่ต้องใช้คอมทำการบ้านจริงๆ
    • เก็บมือถือ คอม และสิ่งล่อตาล่อใจอื่นๆ ไปให้พ้นชั่วคราว จากนั้นก็เข้ามุมสงบอ่านหนังสือทำการบ้านไป จับเวลาทุก 30 นาทีถึง 1 ชั่วโมงด้วย จะได้รู้เวลาและพักสายตาบ้าง
  16. แยกการบ้านตามความสามารถของคุณในแต่ละวิชา ถ้าไม่ค่อยถนัด ให้รีบทำก่อน ส่วนอันไหนสบายๆ ให้พักแล้วทำให้เสร็จใน 15 นาทีขึ้นไป แล้วค่อยกลับไปทำวิชายากๆ แต่ถ้าเป็นรายงานหรือโครงงาน ควรเก็บไว้ทำทีหลัง ไม่ใช่ว่าไม่สำคัญ แต่ควรทำการบ้านที่ต้องส่งวันต่อวันก่อนมากกว่า
  17. อีกทางเลือกคือให้ทำงานง่ายๆ 1 - 2 อย่างให้เสร็จตั้งแต่แรก เก็บวิชายากๆ ไว้ทีหลัง เพราะสำหรับบางคน ทำงานยากๆ แต่แรกอาจตัดกำลังใจได้ เขาถึงขั้นวิจัยกันมาแล้วว่าหลายคนทบทวนบทเรียนได้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้นเมื่อเริ่มจากวิชาง่ายๆ ก่อน แล้วค่อยไต่ระดับเพิ่มความยากเข้าไป อีกอย่างคือพอทำงานง่ายๆ จนสำเร็จไปบ้าง จะทำให้รู้สึกดีและขยัน ซึ่งอันนี้ก็แล้วแต่อุปนิสัยของคุณ บางคนก็เลือกทำวิชายากๆ ก่อนจะได้สบายทีหลัง
  18. แทบจะทุกปัญหามักสามารถแตกแยกย่อยออกเป็นปัญหาเล็กๆ ง่ายๆ ได้ ให้คุณลองใช้วิธีนี้กับวิชาเลขและวิทยาศาสตร์ดู ทั้งการบ้านและการสอบ
  19. อ่านมาถึงตรงนี้แล้วจะรออะไร รีบปิดคอมปิดมือถือแล้วไปทำการบ้านเร็ว!!.
    โฆษณา

เคล็ดลับ

  • ถ้าการบ้านโหดหินจริงๆ ให้เริ่มทำจากงานง่ายๆ ก่อน จะได้ไม่อึ้งทึ่งอยู่ตรงนั้นจนเสียเวลา
  • อย่าถอดใจ ถ้าเจอทางตัน แก้โจทย์ไหนไม่ได้จนเสียเวลาไปนาน ให้หยุด แล้วสลับไปทำงานอื่นชั่วคราว
  • ทำการบ้านโดยมีเลคเชอร์ที่จดมาหรือตำราประกอบ อย่ามั่วไปเอง จะปลอดภัยกว่า
  • ปิดสมองจากเรื่องเล่น เปิดสมองให้เรื่องเรียน
  • อย่างดอาหารเช้าและกลางวัน ไม่งั้นเดี๋ยวสมองตื้อไม่รู้ด้วย
  • มั่นใจหน่อย! เจอปัญหาอะไรอย่าถอดใจ ท่องไว้คุณคือคนเก่ง!
  • หาแรงบันดาลใจ! ทำแผนผังหรือกราฟประกอบสีสันสดใส จะได้เห็นภาพชัดเจน เข้าใจรวดเร็ว
  • นอนให้เต็มอิ่ม สมองจะได้พักผ่อนเพียงพอ พร้อมลุยทั้งการบ้านและตำราที่ต้องท่อง
  • ลองอ่านหนังสือหรือการบ้านออกเสียงดู จะได้เข้าสมอง
  • ท่องไว้ว่า "อดเปรี้ยวไว้กินหวาน" ก่อนจะประสบความสำเร็จตามเส้นทางที่ตั้งใจ ต้องผ่านอะไรอีกเยอะ แม้เรื่องที่ไม่ชอบก็ตาม!
  • หาวันว่างสักวันมาทุ่มให้เต็มที่ สะสางทุกงานจนครบ วันอาทิตย์นี่แหละเหมาะ จะได้สบายไปทั้งอาทิตย์จนกว่าจะทำการบ้านอีกทีในสุดสัปดาห์หน้า
  • ถ้ารู้ตัวว่าสมาธิสั้นหรือสัปหงกง่าย ให้ลุกมากระโดด เต้นแร้งเต้นกาตั้งสติหน่อย!
โฆษณา

คำเตือน

  • ถ้าเลือกตื่นเช้ามาอ่านหนังสือมากกว่า (มีหลายคนชอบนะจะบอกให้) ก็ต้องเข้านอนแต่หัวค่ำ อย่านอนดึกดื่นแล้วมานั่งฝืนตัวเอง เพราะจะส่งผลเสียต่อร่างกายในระยะยาว
  • กินอาหารที่มีประโยชน์ กินของว่างได้บ้างเพื่อกระตุ้นสมอง (แต่อย่ากินอิ่มอืดจนหนังตาหย่อน)
  • ถ้าเลือกใช้ อาหารหรือขนม เป็นรางวัล อย่าเอะอะทำเสร็จข้อสองข้อแล้วกินแบบจัดหนัก เดี๋ยวจะตบะแตกจนลืมไปหมด ว่านี่จะมากินหรือมาทำการบ้านกันแน่
  • ทางที่ดีอย่าล่อตัวเองด้วยอาหารหรือขนมเลย เพราะจะเพิ่มน้ำหนักตัวจนอาจเกิดปัญหาสุขภาพได้ ถ้าอยากกินจุบจิบจริงๆ ให้เลือก "free snack" หรือของว่างแคลอรี่ต่ำ อย่างสลัดจานเล็กๆ แครกเกอร์ 2 ชิ้น อัลมอนด์หรือถั่วอื่นๆ 3 - 4 เมล็ด หมู/ไก่ไม่ติดมันสักชิ้น หรือชาสักถ้วยกำลังดี
โฆษณา

เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้

มีการเข้าถึงหน้านี้ 24,092 ครั้ง

บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม

โฆษณา