ดาวน์โหลดบทความ ดาวน์โหลดบทความ

ถ้าคุณชอบกิจกรรมกลางแจ้งช่วงฤดูร้อน และคุณอาศัยอยู่ในสภาพแวดล้อมที่ร้อนชื้นแล้ว คุณก็แทบจะมั่นใจได้เลยว่าจะโดนเจ้ายุงที่น่ารำคาญกัดเป็นแน่ ลองทำตามคำแนะนำเหล่านี้เพื่อลดอาการบวม กำจัดรอยยุงกัดให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ และหาวิธีป้องกันทั้งหมด

วิธีการ 1
วิธีการ 1 ของ 4:

การรักษารอยยุงกัด

ดาวน์โหลดบทความ
  1. ล้างรอยยุงกัดด้วยสบู่และน้ำทันทีที่คุณรู้ว่ายุงกัดคุณ. หลังจากใช้สบู่และน้ำแล้ว ให้แต้มแอลกอฮอล์เช็ดแผลบนรอยยุงกัดเล็กน้อยเพื่อให้แผลแห้งและช่วยให้อาการคันทุเลาลง [1]
  2. ทาคาลาไมน์โลชั่นหรือครีมไฮโดรคอร์ติโซน (Hydrocortisone Cream) แก้คันที่รอยยุงกัด. ยาทั้งสองอย่างนี้สามารถลดอาการคันได้ คาลาไมน์โลชั่นเป็นยาแก้คันที่มีซิงค์ออกไซด์ (Zinc Oxide) และเฟอร์ริกออกไซด์ (Ferric Oxide) ที่ใช้เพื่อรักษาอาการคันกันทั่วโลก [2] ไฮโดรคอร์ติโซนที่ซื้อได้เองที่ร้านขายยานั้นมีปริมาณสเตอรอยด์เล็กน้อย (1% ของสารละลายทั้งหมด) ที่ช่วยบรรเทาอาการคัน [3] ซึ่งใช้กันอย่างแพร่หลายเช่นกัน
  3. ทาวิชฮาเซลหรือยาระงับกลิ่นใต้วงแขนบนรอยยุงกัด. วิชฮาเซลเป็นพืชที่มีคุณสมบัติแก้คันและต้านการอักเสบที่ชาวอินเดียนแดงในอเมริกาใช้กันอย่างแพร่หลาย ก่อนที่จะทำเป็นยาสมานแผลตามท้องตลาด
    • สารระงับกลิ่นกายประกอบด้วยอะลูมิเนียมคลอไรด์ (Aluminum Chloride) ซึ่งมีประสิทธิภาพในการแก้ปวดและบวมที่เกี่ยวข้องกับรอยยุงกัด [4]
  4. ดีเกลือฝรั่งทำมาจากแมกนีเซียมและซัลเฟต และช่วยรักษาอาการป่วยเป็นจำนวนมากนอกเหนือจากการผ่อนคลายจิตใจ แมกนีเซียมช่วยควบคุมการทำงานของเอนไซม์จำนวนมาก รวมถึงการเพิ่มระดับเซโรโทนิน (Serotonin) ในสมอง มีวิธีที่จะบรรเทารอยยุงกัดด้วยดีเกลือฝรั่งหลายวิธี:
    • อาบน้ำด้วยดีเกลือฝรั่ง เติมดีเกลือฝรั่งลงในอ่างอาบน้ำตามที่ระบุไว้บนบรรจุภัณฑ์ แช่ประมาณ 30 นาทีถึง 1 ชั่วโมง
    • ทำลูกประคบดีเกลือฝรั่ง โดยการผสมดีเกลือฝรั่งกับน้ำให้พอที่จะเป็นเนื้อเหนียวข้นบางๆ แล้วทาบนรอยยุงกัด ใช้ผ้าเช็ดตัวที่ร้อนจัด (เกือบร้อนเกินไปจนสัมผัสไม่ได้) และปิดแผลให้แน่นประมาณ 10 นาที ทำซ้ำตามความจำเป็น [5]
  5. ใช้เคล็ดลับต่อไปนี้เพื่อลดการอักเสบโดยเฉพาะ:
    • เติมน้ำแข็งบดใส่ถุงซิปล็อคหรือถุงประคบเย็น วางถุงน้ำแข็งบนรอยยุงกัดเพื่อลดอาการคัน ปวด และบวม
    • กินยาแก้แพ้หรือใช้ยาแก้แพ้ตามธรรมชาติ ยาแก้แพ้จะช่วยลดอาการบวมและอาการคัน ยาแก้แพ้ตามธรรมชาติ ได้แก่:
      • ตำแย แพทย์บางคนแนะนำให้ใช้ตำแยแช่แข็งแห้ง ซึ่งเป็นที่รู้จักกันดีเกี่ยวกับคุณสมบัติในการลดปริมาณฮีสตามีนที่ร่างกายผลิตออกมา [6]
      • ต้นโคลส์ฟุต (Coltsfoot) อาจจะมีประสิทธิภาพเป็นยาแก้แพ้ตามธรรมชาติ ชาวยุโรปมีประวัติอันยาวนานในการใช้พืชชนิดนี้เพื่อรักษาโรคผิวหนัง ใบของมันสามารถนำมาบดเป็นยาพอกหรือสามารถกินสารสกัดโคลส์ฟุตในรูปแบบยาเม็ดได้
      • โหระพาอาจจะใช้เป็นยาแก้แพ้ตามธรรมชาติได้เช่นกัน นึ่งโหระพาสักสองสามกิ่งและทาเบาๆ ที่ลมพิษ โหระพาอาจจะช่วยสร้างความมั่นใจให้ร่างกายว่าไม่ควรต่อสู้กับสารแปลกปลอมที่ก่อให้เกิดลมพิษ [7]
    โฆษณา
วิธีการ 2
วิธีการ 2 ของ 4:

การรักษารอยยุงกัดด้วยสิ่งที่ใช้รักษาที่บ้าน

ดาวน์โหลดบทความ
  1. น้ำมันหอมระเหยสามารถบรรเทาความเจ็บปวดบนผิวหนัง รักษาอาการอักเสบ และแม้แต่ลดขนาดของรอยกัดได้ ให้ตระหนักว่าน้ำมันหอมระเหยชนิดใดใช้ได้ดีกับผิวของคุณ (และประเภทของผิว) เช่น น้ำมันลาเวนเดอร์อาจจะใช้รักษารอยยุงกัดได้อย่างมหัศจรรย์ แต่อาจจะดึงดูดผึ้งด้วย
    • น้ำมันทีทรีเป็นยาสำหรับโรคผิวหนังที่ดีเยี่ยม ซึ่งไม่เพียงแต่จะช่วยรักษารังแค ฮ่องกงฟุต และสิวเท่านั้น แต่ยังทำหน้าที่เป็นยาแก้อักเสบ ยาแก้คัน และมีคุณสมบัติในการต้านไวรัสที่ช่วยป้องกันการติดเชื้อได้ด้วย [8]
    • น้ำมันลาเวนเดอร์สามารถช่วยรักษาอาการบวม ลดการอักเสบ และลดอาการคันที่เกี่ยวข้องกับรอยยุงกัดได้เช่นเดียวกับน้ำมันทีทรี [9] น้ำมันลาเวนเดอร์อาจจะป้องกันยุงอื่นๆ ได้เหมือนน้ำมันทีทรี แต่ที่แตกต่างจากน้ำมันทีทรีก็คืออาจจะดึงดูดผึ้ง
  2. ปอกเปลือกกล้วยแล้วเก็บกล้วยไว้ในภายหลัง (หรือคุณอาจจะกินมันเพื่อไม่ให้นึกถึงรอยยุงกัดก็ได้นะ) รักษาบริเวณที่ถูกกัดด้วยเจลล้างมือก่อน แล้วก็วางเปลือกกล้วยด้านใน (ด้านเนื้อ) บนรอยยุงกัดสัก 5-10 นาที ถูเปลือกบนผิวเป็นครั้งคราว เปลือกกล้วยจะบรรเทาอาการคันและทำให้ผิวแห้งได้อย่างรวดเร็ว [10]
  3. ผสมน้ำ 1 ช้อนโต๊ะกับผงหมักเนื้อนุ่ม 1 ช้อนโต๊ะเพื่อทำเป็นยาพอก ทายาพอกในบริเวณที่มีอาการ
    • ผงหมักเนื้อนุ่มซึ่งมีปาเปนหรือบรอมีเลนจะช่วยดึงพิษจากการถูกแมลงกัดต่อยออกมา หรือในกรณีนี้มันจะดึงน้ำลายออกจากรอยยุงกัดและลดความรู้สึกคัน [11]
    • เอนไซม์ที่ทำให้เนื้อนุ่มที่ชื่อปาเปนหรือบรอมีเลนนั้น ยังสามารถพบได้ใน ส่วนผสมจากธรรมชาติ หลายชนิด: บรอมีเลนสามารถพบได้ในน้ำและลำต้นของสับปะรด [12] ในขณะที่ปาเปนสามารถพบได้ในมะละกอและมะละกอภูเขา [13]
      • ถ้าคุณไม่มีผงหมักเนื้อนุ่ม แต่คุณมีมะละกอหรือสับปะรด ให้หั่นผลไม้ใดก็ได้จากสองอย่างนี้เป็นชิ้นๆ และทาบนผิวแทน
  4. ทายาทาเล็บสีใสบนรอยยุงกัดและปล่อยให้แห้งเป็นเวลา 5 นาที ลอกยาทาเล็บออกแล้วทาใหม่ถ้าจำเป็น
  5. น้ำส้มสายชูแอปเปิลไซเดอร์เป็นสิ่งที่ใช้ลดอาการคันจากรอยยุงกัดที่ดีเยี่ยมเนื่องจากความเป็นกรดของมัน ค่า pH ของน้ำส้มสายชูไซเดอร์มีความเป็นกรดน้อยกว่าเล็กน้อย โดยจะช่วย "สมดุล" ค่า pH ของผิวหนังที่แดงคัน [8] มีวิธีใช้น้ำส้มสายชูไซเดอร์บนรอยยุงกัดเพื่อบรรเทาอาการคัน 2 วิธี ได้แก่:
    • ในรูปแบบ สารละลายของเหลว :
      • ผสมน้ำอุ่นและน้ำส้มสายชูแอปเปิลไซเดอร์ในปริมาณเท่าๆ กัน
      • ชุบสำลีก้อนลงในสารละลายและทาบนรอยยุงกัด
      • ปล่อยไว้สัก 1-2 นาทีแล้วปล่อยให้แห้ง ทาใหม่ตามความจำเป็น
    • ในรูปแบบ ยาพอก :
      • ผสมน้ำส้มสายชูแอปเปิลไซเดอร์และแป้งข้าวโพดในปริมาณเท่าๆ กัน
      • ทายาพอกบนรอยยุงกัดและปล่อยให้แห้ง
      • ล้างออกด้วยน้ำอุ่น
    โฆษณา
วิธีการ 3
วิธีการ 3 ของ 4:

การป้องกันไม่ให้ยุงกัด

ดาวน์โหลดบทความ
  1. การศึกษาวิจัยแสดงให้เห็นว่าวิตามินนี้อาจจะเปลี่ยนกลิ่นของคุณ ซึ่งจะทำให้คุณน่าดึงดูดต่อยุงน้อยลง
  2. กำจัดน้ำนิ่งรอบๆ บ้านของคุณเพื่อไม่ให้ยุงมีที่วางไข่. จัดการไม่ให้รางน้ำอุดตัน เปลี่ยนน้ำในสระน้ำหรืออ่างน้ำนก และเก็บคว่ำภาชนะเพื่อไม่ให้น้ำขัง นอกจากนี้อย่าปล่อยให้ยางรถยนต์วางอยู่รอบบ้านของคุณ
  3. ซ่อมแซมรูหรือรอยโหว่ที่ฉากหน้าต่างหรือประตู.
  4. ให้หาสารไล่แมลงที่มี DEET พิคาริดิน (Picaridin) หรือน้ำมันยูคาลิปตัส เทียนตะไคร้หอมก็อาจจะป้องกันยุงได้เช่นกัน
    • ใส่เสื้อแขนยาว กางเกงขายาว และถุงเท้า ใส่หมวกปีกกว้างหรือหมวกเบสบอลที่มีปีกคลุมคอแบบพับเก็บได้
    • ใส่มุ้งคลุมใบหน้าของคุณ นอกจากนี้คุณยังสามารถคลุมที่นั่งเด็กทารกและรถเข็นเด็กด้วยมุ้งกันยุงเพื่อป้องกันเด็กๆ ไม่ให้ถูกกัด
    โฆษณา
วิธีการ 4
วิธีการ 4 ของ 4:

การทำยากันยุงที่บ้าน

ดาวน์โหลดบทความ
  1. ให้รวบรวมกระป๋องเปล่าที่มีฝาปิด ฟองน้ำล้างจานที่ไม่ได้ใช้ เพื่อทำโป๊ะยากันยุงที่คล้ายกับโคมไฟหรือเทียนกันยุง และน้ำมันหอมระเหยหนึ่งชนิดหรือผสมกันจากน้ำมันต่อไปนี้: ลาเวนเดอร์ เพนนีรอยัล (Pennyroyal) ต้นยูคาลิปตัส ตะไตร้หอม เปปเปอร์มินต์ หรือตะไคร้
    • ชุบฟองน้ำในน้ำมันหอมระเหยหนึ่งชนิดหรือส่วนผสมของน้ำมันหอมระเหย
    • วางฟองน้ำไว้ในกระป๋อง ปิด และทิ้งไว้ 24 ชั่วโมง
    • ใช้โป๊ะไล่แมลงโดยเปิดฝากระป๋องและปล่อยให้น้ำมันหอมระเหยลอยออกจากกระป๋อง
  2. ทำสเปรย์กันยุงด้วยน้ำมันธรรมชาติและน้ำส้มสายชู. นี่เป็นสูตรพื้นฐานที่ไม่ยุ่งยากซับซ้อน สูตรนี้จะใช้น้ำมันยูคาลิปตัส แต่คุณสามารถใช้น้ำมันที่มีอยู่ในรายการข้างต้นเพื่อใช้บรรเทาได้เช่นกัน
    • ผสมสิ่งเหล่านี้ให้เข้ากันในขวดสเปรย์ :
      • วิชฮาเซล 1/2 ถ้วย
      • น้ำส้มสายชูแอปเปิลไซเดอร์ 1/2 ถ้วย
      • น้ำมันหอมระเหย 30-50 หยด เลือกส่วนผสมใดก็ได้ระหว่าง ตะไคร้หอม กานพลู ตะไคร้ โรสแมรี่ ทีทรี เสม็ดขาว ยูคาลิปตัส ต้นซีดาร์ กัญชาแมว ลาเวนเดอร์ หรือมินต์
    • เขย่าส่วนผสมเข้ากันและฉีดพ่นส่วนของร่างกายของคุณที่อยู่พ้นเสื้อผ้า หลีกเลี่ยงอย่าให้สารไล่แมลงเข้าตาหรือปาก
  3. สูตรนี้ใช้สมุนไพรต้มกับวิชฮาเซลเป็นฐาน มันได้ผลดีเพราะว่าแมลง โดยเฉพาะอย่างยิ่งแมลงวันนั้นไม่ชอบกลิ่นแรงของสมุนไพร
    • ต้มน้ำ 1 ถ้วย และใส่ส่วนผสมของสมุนไพรแห้งอะไรก็ได้ระหว่าง เปปเปอร์มินต์ สเปียร์มินต์ ตะไคร้หอม ตะไคร้ กัญชาแมว ลาเวนเดอร์ หรือกานพลูลงไป 3-4 ช้อนโต๊ะ แล้วปิดฝาหม้อ
    • หลังจากผ่านไปสองนาที ให้นำหม้อออกจากเตา และปิดฝาทิ้งไว้ รอจนกว่าจะอุ่นพอควร
    • เติมน้ำใส่วิชฮาเซล (หรือแอลกอฮอล์เช็ดแผล) 1/2 ถ้วย และเก็บไว้ในขวดสเปรย์และใส่ในตู้เย็น
    • ใช้บนผิวหนังได้ตามต้องการ
  4. ถูน้ำมันลาเวนเดอร์หรือน้ำมันลาเวนเดอร์เจือจางบนผิว. ลาเวนเดอร์เป็นสารไล่แมลงตามธรรมชาติ และไล่หมัดแมวหรือหมาได้อย่างยอดเยี่ยมด้วย หยดน้ำมันลาเวนเดอร์ที่เจือจางกับน้ำมันตัวพาเล็กน้อยลงบนข้อมือหรือบริเวณที่อยู่พ้นเสื้อผ้าตามต้องการ
  5. ถูน้ำมันเปปเปอร์มินต์หรือน้ำมันในตระกูลมินต์บนผิวโดยตรง. มินต์เป็นสารไล่แมลงตามธรรมชาติอีกชนิดหนึ่ง และมีกลิ่นมินต์ที่หวาน หอมแบบคลาสสิก เปปเปอร์มินต์ สเปียร์มินต์ กัญชาแมว เพนนีรอยัลนั้นสามารถไล่แมลงที่ไม่พึงประสงค์ได้อย่างดีเยี่ยมและทำให้คุณหอมด้วย
  6. โหระพาเป็นสมุนไพรกลิ่นแรงอีกชนิดหนึ่งที่โดยทั่วไปแล้วแมลงวันจะไม่ชอบ และโหระพามีประโยชน์ในการป้องกันแมลง [14]
  7. วิธีนี้เป็นที่นิยมน้อยกว่าแค่เพียงเพราะกระเทียมนั้นทิ้งกลิ่นที่แตกต่างกันอย่างชัดเจนมาก แต่ถ้าคุณจนปัญญาจริงๆ และคุณมีแต่กระเทียมที่จะใช้เป็นยาไล่แมลงแล้วล่ะก็ มั่นใจได้ว่าการถูกระเทียมสักเล็กน้อยบนผิวที่พ้นอยู่นอกเสื้อผ้าจะไล่แมลงไปได้
    โฆษณา

เคล็ดลับ

  • ใส่น้ำแข็งในกระดาษทิชชูและวางบนรอยแผลยุงกัด น้ำแข็งจะช่วยให้ผิวเย็นและช่วยบรรเทาอาการคันได้
  • เมื่อใช้ยาทาเล็บก็ให้แน่ใจว่าผิวหนังไม่ถลอก เพราะว่าจะทำให้เกิดการติดเชื้อและอาการปวดได้
  • การแคะหรือการเกาที่รอยแมลงกัดจะกระตุ้นให้เกิดวงจรการคัน ซึ่งจะทำให้กระบวนการรักษายืดเยื้อออกไป
  • วางช้อนร้อนลงบนรอยยุงกัด เพราะความร้อนสามารถช่วยบรรเทาฮอร์โมนที่ทำให้เกิดอาการคันได้
  • ดื่มน้ำให้มากขึ้น เพื่อช่วยให้ร่างกายของคุณชะล้างสิ่งกระตุ้นออกจากน้ำลายยุงและฮอร์โมนที่เป็นสาเหตุของการอักเสบและอาการคัน ค่า pH ที่เป็นกลางของน้ำจะช่วยแผลรอยยุงกัดให้สมดุล
  • การทายาไล่แมลงตอนคุณอยู่ข้างนอกหรือใกล้บริเวณที่คุณรู้ว่ามียุงจะช่วยป้องกันไม่ให้ยุงกัดได้ นอกจากนี้การใส่เสื้อผ้าที่เหมาะสมจะสามารถช่วยปกปิดบริเวณที่มีแนวโน้มที่จะถูกกัดได้อีกด้วย
  • เติมน้ำอุ่นใส่ขวดน้ำเล็กๆ และเมื่อไรก็ตามที่คุณอยากเกาแผลยุงกัด คุณก็สามารถวางขวดอุ่นๆ เหล่านั้นลงบนรอยยุงกัดได้
  • ทำยาพอกจากผงฟูกับวิชฮาเซล ทิ้งไว้จนแห้งแล้วล้างออกด้วยน้ำเย็น
  • เบี่ยงเบนความสนใจตัวเองโดยการดูโทรทัศน์หรือใช้คอมพิวเตอร์นั้น สามารถช่วยให้คุณเลิกนึกถึงรอยแผลยุงกัดได้
  • สามารถใช้สำลีก้อนชุบเมทิลแอลกอฮอล์แล้วแต้มบนบริเวณนั้นเพื่อช่วยให้แห้ง
  • ร้านขายยาขายครีมหรือเจลทาแก้คันที่ทำขึ้นมาเฉพาะสำหรับรอยแมลงกัดต่อยหรือต้นพอยซั่นไอวี
  • การแต้มครีมหลังโกนหนวดบนรอยยุงกัดก่อนนอนแล้วทิ้งไว้ข้ามคืน อาจจะลดอาการคันและเร่งเวลารักษาให้เร็วขึ้นได้
โฆษณา

คำเตือน

  • ถ้าคุณสังเกตเห็นอาการอื่นๆ มาพร้อมกับรอยยุงกัด ได้แก่ อาการไข้ อาการปวดเมื่อยตามร่างกายอย่างรุนแรง อาการคลื่นไส้หรืออาเจียนแล้วล่ะก็ให้ปรึกษาแพทย์ ยุงแพร่กระจายโรคต่างๆ รวมทั้ง ไวรัสเวสต์ไนล์ (West Nile Virus) มาลาเรีย ไวรัสซิกา (Zika Virus) และไข้เลือดออก ซึ่งต้องได้รับการรักษาพยาบาล
  • คุณอาจจะเกิดปฏิกิริยาแพ้รอยยุงกัดอย่างรุนแรงได้ ลมพิษอย่างรุนแรง การหายใจฮืดฮาด และอาการคอบวมนั้น ต้องได้รับการรักษาทางการแพทย์ ทันที
  • ถ้าคุณใช้น้ำส้มสายชูบนผิวหนังถลอกมันจะทำให้แสบ
  • หลีกเลี่ยงการเกาที่แผลรอยยุงกัด คุณจะทำให้ผิวหนังถลอกซึ่งหมายถึงต้องใช้เวลาในการรักษานานขึ้น และมีโอกาสให้เกิดการติดเชื้อ
โฆษณา

เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้

มีการเข้าถึงหน้านี้ 2,940 ครั้ง

บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม

โฆษณา