ดาวน์โหลดบทความ ดาวน์โหลดบทความ

หนูเป็นสัตว์ที่มีหน้าตาดูน่ารัก แต่คุณคงเปลี่ยนความคิดแทบไม่ทันเมื่อคุณเห็นหนูสักตัวหนึ่งวิ่งป่วนไปทั่วบ้าน และที่แย่ไปกว่านั้นคือการเจอร่องรอยของพวกมันบนชั้นวางของหรือในตู้เสื้อผ้าอย่างเศษมูลหรือแม้กระทั่งรังหนู คุณสามารถกำจัดหนูที่ป้วนเปี้ยนอยู่ในบ้านของคุณได้หลายวิธี ไม่ว่าจะเป็นการดักจับด้วยกรงดักหนูและนำไปปล่อยข้างนอก การวางกับดักหนูที่หาซื้อได้ทั่วไป หรือแม้กระทั่งการหาแมวสักตัวมาช่วยไล่หนูให้พ้นบ้าน หลังจากนี้อย่าลืมปิดทางเข้าออกภายในบ้าน กำจัดแหล่งอาหาร และใช้น้ำยาไล่หนูฉีดพ่นบริเวณต่างๆ เพื่อป้องกันไม่ให้หนูเข้ามาในบ้านได้อีกครั้งหลังจากนี้

วิธีการ 1
วิธีการ 1 ของ 3:

ดักจับด้วยกรงดักหนูและนำไปปล่อยข้างนอก

ดาวน์โหลดบทความ
  1. หากคุณมองเห็นผ่านๆ ทางหางตาว่ามีหนูวิ่งออกมาจากซอกใดซอกหนึ่ง ลองสังเกตดูว่าพวกมันมุ่งหน้าไปยังทิศทางใด จำไว้ว่าหนูเป็นสัตว์ที่มีฝีเท้าอันรวดเร็ว ดังนั้นแทนที่คุณจะวิ่งไล่จับพวกมันไปรอบบ้านซึ่งไม่ใช่วิธีที่ได้ผลดีมากนัก ให้คุณใช้วิธีแกะรอยจนพบรังของพวกมันและดักด้วยกรงดักหนูแทน
    • หากคุณไม่ทันเห็นว่าหนูวิ่งไปยังทิศทางใด ให้คุณมองหารังของพวกมันแทน ซึ่งโดยส่วนใหญ่แล้วรังหนูมักถูกทำขึ้นโดยใช้เศษผ้า เศษกระดาษ เส้นผม หรือเศษเล็กเศษน้อยจากของอื่นๆ มาสุมรวมกันและมีกลิ่นที่เหม็นสาบ ลองสำรวจดูตามมุมด้านหลังของตู้เสื้อผ้า ใต้อ่างล้างมือ หลังตู้เย็น ตามรอยแตกบนผนัง หรือในซอกหลืบมืดๆ ที่อื่น [2]
    • คุณยังสามารถแกะรอยหนูได้ด้วยการมองหาเศษมูลซึ่งมีลักษณะคล้ายกับเมล็ดข้าวสีดำ หากคุณพบเศษมูลของพวกมันตกอยู่ แสดงว่ารังหนูอาจอยู่ในบริเวณใกล้ๆ กันนี้
    • คุณอาจเลือกใช้วิธีวางกรงดักหนูไว้ที่บริเวณในบ้านที่มักมีหนูมารวมตัวกัน เช่น โรงจอดรถ ชั้นใต้ดิน หรือห้องครัว

    เคล็ดลับ: หนูเป็นสัตว์ที่มีความปราดเปรียวว่องไวและมักชอบหลบซ่อนตัว ดังนั้นคุณจึงอาจไม่มีโอกาสเจอตัวหนูเลยสักครั้งเดียวแม้ว่าพวกมันจะอาศัยอยู่ในบ้านของคุณก็ตาม ด้วยเหตุนี้คุณจึงต้องคอยสังเกตร่องรอยต่างๆ ของหนูแทน เช่น เศษมูล บรรจุภัณฑ์อาหารที่ถูกกัดจนเป็นรอย หรือกลิ่นเหม็นสาบภายในบ้าน [1]

  2. กรงดักหนูจะช่วยให้คุณสามารถดักจับหนูได้โดยไม่จำเป็นต้องฆ่า ซึ่งกรงดักหนูโดยส่วนใหญ่มีหลักการทำงานโดยการใช้เหยื่อเพื่อล่อหนูให้วิ่งเข้ามาในกรงก่อนที่ประตูจะปิดลงมาอย่างรวดเร็วและขังพวกมันไว้ไม่ให้หลุดรอดออกไปได้ คุณสามารถหาซื้อกรงดักหนูได้จากร้านค้าออนไลน์หรือตามร้านอุปกรณ์ช่างหรือร้านอุปกรณ์ในบ้านทั่วไป [3]
    • กรงดักหนูอาจมีราคาที่ค่อนข้างสูงเมื่อเทียบกับกับดักหนูแบบสปริงแต่ก็สามารถนำกลับมาใช้ใหม่ได้เช่นเดียวกัน การจ่ายเงินเพื่อซื้อกรงดักหนูสักอันหนึ่งไว้จึงนับว่าคุ้มค่าเลยทีเดียว
    • ติดเหยื่อล่อตามขั้นตอนที่ระบุไว้ในคู่มือการใช้งาน โดยเตรียมเนยถั่ว โอ๊ตมีล หรือถั่วสำหรับใช้เป็นเหยื่อล่อ
    • วางกรงดักหนูไว้ใกล้ๆ กับรังหนูและรอให้พวกมันเข้ามาหาเหยื่อล่อ
    • ตรวจสอบกรงดักหนูทุกวันเพื่อดูว่าหนูเข้ามาติดอยู่ในกรงแล้วหรือยัง
    เคล็ดลับจากผู้เชี่ยวชาญ

    Kevin Carrillo

    MMPC, ผู้เชี่ยวชาญด้านการกำจัดสัตว์รบกวน
    เควิน คาร์ริลโญ่เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการกำจัดสัตว์รบกวนและเป็นผู้จัดการอาวุโสของ MMPC ผู้ให้บริการด้านการกำจัดสัตว์รบกวนที่เป็นการลงทุนทางธุรกิจของคนกลุ่มน้อย (MBE) ในกรุงนิวยอร์ก MMPC ได้รับการรับรองจากทุกสถาบันชั้นนำของวงการนี้ อาทิ สมาคมการจัดการสัตว์รบกวนแห่งชาติ (NPMA), QualityPro, GreenPro, และสมาคมการจัดการสัตว์รบกวนแห่งนิวยอร์ก (NYPMA) ผลงานของ MMPC เคยถูกพูดถึงใน CNN, NPR, และ ABC News
    Kevin Carrillo
    MMPC, ผู้เชี่ยวชาญด้านการกำจัดสัตว์รบกวน

    จำกัดการเข้าถึงแหล่งอาหารของหนูเพื่อกำจัดหนูให้หมดไปโดยไม่จำเป็นต้องฆ่า หากหนูเข้าไปอยู่ในซอกหลืบตามกำแพงหรือเพดาน คุณสามารถกำจัดหนูให้พ้นบ้านได้ด้วยการขัดขวางไม่ให้พวกมันสามารถเข้าถึงแหล่งอาหารภายในบ้านได้และพยายามปิดรูและรอยแตกที่พวกมันสามารถมุดตัวเข้าไปได้ให้หมด ในที่สุดหนูก็จะออกไปจากบ้านของคุณไปยังสถานที่ที่พวกมันสามารถหาอาหารได้

  3. ทำกับดักหนูใช้เองหากคุณไม่ต้องการซื้อกรงดักหนู. คุณยังสามารถทำกับดักหนูแบบไม่จำเป็นต้องฆ่าใช้เองได้โดยใช้อุปกรณ์ต่างๆ ที่หาได้ในบ้านหรือสามารถหาซื้อได้ตามร้ายอุปกรณ์ช่างทั่วไป โดยการทำกับดักหนูใช้เองจะช่วยให้คุณสามารถประหยัดเงินได้มากกว่าการซื้อกับดักแบบสำเร็จรูป ขั้นตอนการทำกับดักหนูง่ายๆ จากกระป๋องซุปมีดังนี้: [4]
    • งัดฝาขึ้นจากกระป๋องและเทอาหารในกระป๋องออกมาให้เรียบร้อยก่อนลงมือเจาะรูเล็กๆ ที่ก้นกระป๋อง นอกจากนี้คุณยังสามารถเลือกใช้กระป๋องน้ำอัดลมเปล่าและเจาะรูที่ก้นกระป๋องด้วยไขควงหรือเหล็กปลายแหลม
    • เตรียมถังน้ำมาใบหนึ่ง (ควรเลือกขนาดบรรจุอย่างน้อย 20 ลิตร) และใช้น้ำมันประกอบอาหารทาให้ทั่วด้านในถังให้ลื่น จากนั้นจึงเจาะรูเล็กๆ 2 รูตรงข้ามกันที่บริเวณใต้ปากถังลงมาเล็กน้อย
    • ใช้ลวดที่มีความยาวพอดีสอดเข้าไปในรูที่เจาะไว้ใต้กระป๋องจนทะลุออกมาอีกด้านหนึ่งก่อนนำปลายทั้งสองฝั่งของลวดสอดเข้าไปในรูที่เจาะไว้บนถังน้ำทั้งสองรู ลองตรวจสอบดูให้แน่ใจว่ากระป๋องสามารถหมุนได้รอบและพันลวดเข้ากับรูบนถังน้ำสัก 2-3 ครั้งเพื่อยึดให้แน่น
    • นำแผ่นไม้วางพิงถังน้ำไว้เพื่อให้หนูสามารถปีนขึ้นไปยังลวดได้ง่าย
    • ทาเนยถั่วเคลือบให้ทั่วกระป๋อง หนูจะปีนขึ้นมาบนถังน้ำและไต่ตามลวดมาเรื่อยๆ เพื่อเข้ามาทานเนยถั่วก่อนตกลงไปยังก้นถังและไม่สามารถปีนขึ้นมาได้
  4. นำหนูไปปล่อยข้างนอกหลังจากที่ดักจับได้แล้ว. อย่านำหนูไปปล่อยไว้แค่บริเวณสวนหลังบ้าน แต่ให้คุณเดิน ขี่จักรยาน หรือขับรถเพื่อนำหนูที่ดักจับได้ไปปล่อยให้ไกลจากบ้านอย่างน้อย 1.5 กิโลเมตรเพื่อป้องกันไม่ให้พวกมันกลับเข้ามาในบ้านของคุณอีกครั้ง เช่น ตามสวนสาธารณะหรือป่าข้างทาง เมื่อเจอสถานที่ที่เหมาะสำหรับปล่อยหนูแล้ว ให้คุณเปิดประตูกรงดักหนูออกและปล่อยให้พวกมันวิ่งหนีออกมาจากกรง
    • สมาคมพิทักษ์สัตว์บางส่วนสนับสนุนให้นำหนูไปปล่อยไว้ในอาคารอีกหลังหนึ่ง เช่น โรงจอดรถหรือโรงเก็บของภายในพื้นที่บ้านของคุณ การทำเช่นนี้จะช่วยให้หนูสามารถเอาชีวิตรอดได้ดียิ่งขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากพวกมันอาศัยอยู่ในบ้านของคุณมาตั้งแต่เกิด [5]
  5. วิธีสุดท้ายในการกำจัดหนูให้พ้นบ้านโดยที่ไม่จำเป็นต้องฆ่าคือเพียงแค่ส่งเสียงชู่เพื่อไล่พวกมันออกไปนอกบ้านเท่านั้น ในบางครั้งหนูอาจเกิดหลงเข้ามาในบ้านของคุณและวิ่งไปมาอย่างสับสนเพราะหาทางออกไม่ได้ ซึ่งพวกมันก็ต้องการออกไปจากบ้านเช่นเดียวกันไม่แตกต่างกับที่คุณต้องการไล่พวกมันออกไป ให้คุณใช้ไม้กวาดมาปัดๆ เพื่อไล่ให้หนูวิ่งไปทางประตูที่เปิดอยู่ ซึ่งคุณอาจต้องวิ่งไล่กวดไปมาอยู่สักพักก่อนที่พวกมันจะหนีออกไปข้างนอกได้ อย่างไรก็ตาม เมื่อลองพิจารณาดูแล้ว การดักจับหนูด้วยกับดักอาจช่วยให้คุณสามารถกำจัดหนูออกไปจากบ้านได้เร็วกว่า
    • แน่นอนว่าการไล่หนูด้วยวิธีนี้อาจมีโอกาสที่หนูจะกลับเข้ามาในบ้านของคุณอีกครั้งได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากพวกมันเข้ามาในบ้านของคุณทางช่องว่างประตูหรือรอยแตกร้าวตามฐานบ้าน ซึ่งหากบ้านของคุณมีช่องทางให้หนูสามารถเข้ามาในบ้านได้ ให้คุณปิดทางเข้าเหล่านี้ให้สนิทและใช้น้ำยาไล่หนูฉีดพ่นบริเวณต่างๆ เพื่อป้องกันไม่ให้พวกมันเล็ดลอดเข้ามาได้
    โฆษณา
วิธีการ 2
วิธีการ 2 ของ 3:

ฆ่าหนูให้ตายด้วยกับดักหรือวิธีอื่นๆ

ดาวน์โหลดบทความ
  1. การวางกับดักแบบสปริงถือได้ว่าเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพมากที่สุดในการกำจัดหนูให้หมดไป โดยคุณควรเลือกซื้อกับดักแบบสปริงที่ออกแบบสำหรับหนูตัวเล็กแทนแบบที่ใช้ดักจับหนูตัวใหญ่ คุณสามารถใช้งานกับดักแบบสปริงได้โดยเตรียมเนยถั่วสำหรับใช้เป็นเหยื่อล่อและนำกับดักวางไว้ในบริเวณที่มักมีหนูวิ่งไปมา และเมื่อน้ำหนักของหนูกดลงไปบนตัวกับดัก สปริงก็จะดีดขึ้นมาและงับพวกมันจนตายคาที่ แม้ว่าการใช้กับดักแบบสปริงอาจดูทารุณเมื่อเทียบกับการกำจัดหนูด้วยวิธีอื่นๆ แต่ก็เป็นวิธีที่สามารถช่วยกำจัดหนูได้ผลดีอย่างชะงัด [6]
    • วางกับดักให้ตั้งฉากกับผนัง (กับดักและขอบผนังด้านล่างทำมุมเป็นรูปตัว T) และหันด้านที่มีเหยื่อล่อไว้ด้านใน
    • วางกับดักไว้ใกล้ๆ กับบริเวณที่คุณสังเกตเห็นร่องรอยของหนู เช่น เศษมูลหรือรังหนู โดยระวังอย่าวางกับดักไว้ในบริเวณที่เด็กหรือสัตว์เลี้ยงสามารถหาเจอและเผลอนำมาเล่นได้

    คำเตือน: หลีกเลี่ยงการใช้เหยื่อล่อที่มีพิษกับกับดักแบบสปริง โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากมีเด็กหรือสัตว์อาศัยอยู่ในบ้านของคุณและอาจเผลอกลืนสารพิษเข้าไปจนล้มป่วยได้

  2. คอยตรวจสอบกับดักเป็นประจำและนำซากหนูที่ตายแล้วไปทิ้ง. ไม่ว่าคุณจะดักจับหนูด้วยกับดักประเภทใด อย่าลืมตรวจสอบกับดักที่คุณวางไว้เป็นประจำทุกวันโดยเด็ดขาด เพราะคุณอาจจำเป็นต้องเปลี่ยนเหยื่อล่อใหม่หากพวกมันฉลาดพอที่จะหยิบออกไปได้โดยไม่โดนดักจับ นอกจากนี้การปล่อยซากหนูที่ติดกับทิ้งไว้นานหลายวันคงไม่ถูกสุขลักษณะเท่าไรนัก เนื่องจากซากหนูที่ตายแล้วอาจมีแมลงตอมและเริ่มส่งกลิ่นเหม็นไปทั่ว
    • หลังจากที่คุณสามารถดักจับหนูได้แล้ว ให้คุณนำซากหนูไปทิ้งโดยทันที เพียงนำซากหนูออกจากกับดักและใส่ลงไปในถุงพลาสติกก่อนทิ้งลงไปในถังขยะที่มีฝาปิดแน่นหนา [7]
    • สวมถุงมือทุกครั้งเมื่อนำซากหนูไปทิ้งและล้างมือให้สะอาดด้วยสบู่และน้ำอุ่นหลังจัดการกับซากหนูเสร็จแล้วเพื่อป้องกันการติดเชื้อ
  3. กาวดักหนูจะมีลักษณะดูเหมือนบ้านจากลังกระดาษหรือถาดเล็กๆ ซึ่งบนพื้นของกับดักจะปกคลุมไปด้วยกาวที่เหนียวเป็นพิเศษที่ทำให้หนูติดอยู่กับที่ทันทีที่พวกมันวิ่งเข้ามาในกับดัก โดยหนูที่เข้ามาติดกับจะค่อยๆ ตายอย่างช้าๆ จากความหิวโหย เนื่องจากการดักจับหนูด้วยกาวดักหนูเป็นวิธีที่ก่อให้เกิดความตึงเครียด ความเจ็บปวด และความทรมานกับสัตว์โดยไม่จำเป็น สมาคมพิทักษ์สัตว์โดยส่วนใหญ่จึงไม่สนับสนุนการใช้กาวดักหนูเป็นอย่างยิ่ง ดังนั้นหากคุณจำเป็นต้องฆ่าหนูให้ตาย คุณควรเลือกใช้กับดักแบบสปริงแทน [8]
    • ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคแห่งสหรัฐฯ เป็นอีกหนึ่งหน่วยงานที่ไม่สนับสนุนการใช้กาวดักหนู เนื่องจากหนูที่ยังมีชีวิตอยู่หรือสัตว์อื่นๆ ที่เข้ามาติดกับอาจขับปัสสาวะหรืออุจจาระออกมาจนเปรอะเปื้อนและทำให้ผู้ที่สัมผัสกาวดักหนูได้รับเชื้อโรคได้ [9]
    • นอกจากนี้กาวดักหนูยังเป็นอันตรายต่อสัตว์เลี้ยงในบ้านของคุณด้วยเช่นกัน เนื่องจากสัตว์เลี้ยงของคุณอาจเผลอเดินเหยียบลงไปบนกาวดักหนูจนทำให้กาวติดแน่นกับอุ้งเท้าหรือขนของพวกมันได้
    • ในบางประเทศหรือภูมิภาคมีกฎหมายควบคุมการซื้อขายและใช้กาวดักหนูที่เข้มงวด
  4. พิจารณาการเลี้ยงแมวเพื่อควบคุมหนูในระยะยาว. โดยธรรมชาติแล้วแมวเป็นสัตว์ที่มีสัญชาตญาณการเป็นนักล่าหนูที่สูง ดังนั้นการเลี้ยงแมวไว้สักตัวหนึ่งจึงเป็นอีกหนึ่งวิธีที่สามารถลดจำนวนประชากรหนูได้อย่างดีเยี่ยม [10] หากคุณไม่ได้เลี้ยงแมวอยู่ ลองถามเพื่อนของคุณที่เลี้ยงแมวว่าสามารถให้แมวมาอยู่ที่บ้านของคุณสัก 2-3 วันได้หรือไม่ อย่างไรก็ตาม ไม่ใช่แมวทุกตัวที่จะชื่นชอบการไล่จับหนู ดังนั้นจึงไม่สามารถรับประกันได้ว่าการเลี้ยงแมวจะให้ผลลัพธ์ตามที่ต้องการหรือไม่ อย่างไรก็ตาม โดยทั่วไปแล้ววิธีนี้มักได้ผลดีพอๆ กับการวางกับดัก
    • องค์กรการกุศลเพื่อช่วยเหลือสัตว์บางส่วนจะรับแมวจรจัดไปดูแลและฝึกฝนให้พวกมันสามารถไล่จับหนูได้ [11] คุณสามารถมองหาแมวจับหนูสำหรับรับเลี้ยงใกล้บ้านคุณได้จากอินเทอร์เน็ต
    โฆษณา
วิธีการ 3
วิธีการ 3 ของ 3:

ป้องกันไม่ให้หนูเข้ามาในบ้าน

ดาวน์โหลดบทความ
  1. ปิดช่องว่างประตูให้สนิทเพื่อไม่ให้หนูเข้ามาในบ้านได้. พึงระวังไว้ว่าหนูอาจแอบเข้ามาในบ้านของคุณได้ผ่านทางช่องว่างระหว่างขอบประตูกับพื้น โดยพวกมันสามารถบีบตัวให้แบนลงเพื่อให้ลอดผ่านช่องว่างแคบๆ เข้ามาได้ ดังนั้นอย่าคิดไปเองว่าไม่มีทางที่หนูจะลอดผ่านเข้ามาได้เพียงเพราะคุณเห็นว่าช่องว่างนั้นเล็กนิดเดียว ลองหาซื้ออุปกรณ์สำหรับกันช่องว่างของประตูจากร้านอุปกรณ์ช่างและนำมาติดไว้ที่ขอบประตูด้านล่างเพื่อปิดช่องว่างไว้ให้สนิท [12]
    • ลองมองไปรอบๆ บริเวณประตูเพื่อดูว่ายังมีจุดใดที่หนูสามารถเล็ดลอดเข้ามาได้อีกหรือไม่ โดยคุณอาจพบรอยแตกร้าวตามฐานบ้านที่จำเป็นต้องอุดด้วยปูนให้เรียบร้อย หรือจะใช้ฝอยขัดหม้ออุดเข้าไปก็ได้เช่นกัน
    • ใช้ตาข่ายลวดปิดช่องระบายอากาศภายในบ้านของคุณทั้งหมด เช่น ช่องระบายอากาศของเครื่องอบผ้าหรือในช่องใต้หลังคา [13]
    • รวมทั้งอย่าลืมตรวจสอบประตูมุ้งลวดให้แน่ใจว่าไม่ขาดชำรุดจนเป็นรู
  2. กลิ่นอาหารสามารถดึงดูดหนูได้เป็นอย่างดี ดังนั้นการจัดการขยะให้เหมาะสมไม่ว่าจะเป็นในบ้านหรือในสวนจึงเป็นเรื่องสำคัญอย่างยิ่ง โดยคุณควรเลือกใช้ถังขยะที่มีฝาปิดแน่นหนาทั้งในบ้านและนอกบ้าน รวมทั้งนำขยะออกไปทิ้งโดยทันทีในวันทิ้งขยะ [14]
    • นอกจากนี้หนูยังอาจเข้ามาคุ้ยเขี่ยในถังขยะรีไซเคิลซึ่งเต็มไปด้วยขวด กระป๋อง และกล่องที่ยังอาจมีคราบอาหารติดอยู่ ดังนั้นอย่าลืมทิ้งขยะรีไซเคิลในถังขยะที่มีฝาปิดด้วยเช่นกัน
    • หากในพื้นที่บ้านของคุณมีกองปุ๋ยหมัก ควรแน่ใจว่ากองปุ๋ยหมักตั้งอยู่ห่างจากตัวบ้านมากพอเพื่อป้องกันไม่ให้หนูมาป้วนเปี้ยนอยู่ใกล้บ้าน

    เคล็ดลับ: หากคุณมักให้อาหารนกที่อยู่นอกบ้านเป็นประจำ คุณอาจหยุดให้อาหารไปก่อนจนกว่าจะสามารถแก้ปัญหาหนูบุกบ้านได้ หรืออีกวิธีหนึ่งคือให้คุณเลือกอาหารที่ไม่มีเปลือกเมล็ดหลงเหลือให้หนูได้ทาน เช่น ไขมันวัว น้ำหวานสำหรับนกฮัมมิ่งเบิร์ด หรืออาหารนกที่แกะเปลือกแล้ว [15]

  3. กองขยะต่างๆ ทั้งในบ้านและในสวนอาจกลายเป็นแหล่งอาหารหรือที่อยู่อาศัยชั้นดีของหนูได้ ดังนั้นการวางอาหารทิ้งไว้ข้างนอก ละเลยที่จะเก็บเศษอาหารที่ตกหล่นตามพื้น หรือแม้กระทั่งปล่อยให้เศษกิ่งไม้ที่ร่วงหล่นกองพะเนินเต็มสวนจึงเหมือนเป็นการเชิญชวนให้พวกมันเข้ามาอาศัยในบ้านของคุณ พยายามจัดบ้านให้สะอาดและระเบียบเรียบร้อยอยู่เสมอเพื่อไม่ให้เอื้ออำนวยต่อการอาศัยของหนูมากนัก [16]
    • นอกจากนี้คุณควรจัดเก็บอาหารไว้ในภาชนะที่มีฝาปิดแน่นหนาเพื่อจำกัดการเข้าถึงแหล่งอาหารของหนู ยกตัวอย่างเช่น คุณอาจย้ายซีเรียลในกล่องกระดาษมาเก็บไว้ในกล่องเก็บอาหารพลาสติกหรือแก้วที่มีฝาปิดแทน
    • หากคุณมีสัตว์เลี้ยง ให้คุณนำอาหารที่พวกมันทานเหลือจัดเก็บให้เรียบร้อยและอย่าวางทิ้งไว้ข้างนอกข้ามคืน
  4. ใช้น้ำยาไล่หนูฉีดพ่นบริเวณต่างๆ ร่วมกับการกำจัดหนูด้วยวิธีอื่นๆ. น้ำมันเปปเปอร์มินต์เป็นสมุนไพรตามธรรมชาติที่หลายคนแนะนำว่าสามารถไล่หนูได้อย่างดีเยี่ยม แต่ก็ยังคงไม่เป็นที่แน่ชัดว่าน้ำมันเปปเปอร์มินต์มีประสิทธิภาพในการกำจัดหนูมากน้อยเพียงใด ให้คุณใช้น้ำมันเปปเปอร์มินต์ 2 ช้อนชาผสมกับน้ำเปล่า 240 มิลลิลิตรให้เข้ากันในขวดสเปรย์และนำไปฉีดพ่นในบริเวณที่หนูมักมารวมตัวกัน [17] นอกจากนี้คุณยังสามารถหาซื้อเครื่องไล่หนูระบบคลื่นอัลตร้าโซนิคและนำไปวางไว้ในจุดต่างๆ รอบบ้านก็ได้เช่นกัน
    • ยังคงไม่มีหลักฐานยืนยันอย่างแน่ชัดว่าน้ำมันเปปเปอร์มินต์หรือน้ำมันระเหยชนิดอื่นๆ สามารถกำจัดหนูอย่างได้ผลหรือไม่ และแม้ว่าเครื่องไล่หนูระบบคลื่นอัลตร้าโซนิคอาจมีประสิทธิภาพในการไล่หนูที่ดีกว่า แต่เมื่อเวลาผ่านไปหวกมันก็จะเริ่มคุ้นชินกับคลื่นเสียงที่ปลอยออกมาในที่สุด ดังนั้นจึงแนะนำให้คุณใช้วิธีเหล่านี้ควบคู่กับการกำจัดหนูด้วยวิธีอื่นๆ [18]
    โฆษณา

เคล็ดลับ

  • พยายามปิดซอกเล็กซอกน้อยต่างๆ ภายในบ้านทั้งหมด ซึ่งแม้ว่าจะฟังดูเป็นงานที่น่าเบื่ออยู่บ้าง แต่ก็เป็นขั้นตอนที่จำเป็นในการป้องกันไม่ให้หนูเข้ามาในบ้านคุณได้ ฝอยขัดหม้อเป็นวัสดุหนึ่งที่สามารถใช้ปิดทางเข้าออกของหนูได้อย่างดีเยี่ยม และยังสามารถผสมเข้ากับปูนสำหรับอุดรอยแตกตามกำแพงได้อีกด้วย (อย่างไรก็ตาม สนิมจะเริ่มซึมผ่านเข้าสู่เนื้อปูนเมื่อผ่านไประยะหนึ่ง) จุดหนึ่งที่คุณไม่ควรมองข้ามและควรปิดให้สนิทคือด้านหลังของเตาอบตรงตำแหน่งที่มีสายไฟออกมา
  • หลายคนอาจเชื่อว่าชีสเป็นของโปรดของหนู แต่ที่จริงแล้วไม่ใช่หนูทุกตัวที่จะชื่นชอบชีส ดังนั้นคุณจึงอาจเลือกใช้ช็อกโกแลต ขนมปัง ลูกอมคาราเมล และเนยถั่วมาเป็นเหยื่อล่อแทน [19] นอกจากนี้หนูบางตัวยังชอบทานข้าวโพดเลี้ยงไก่อีกด้วย [20]
โฆษณา

คำเตือน

  • การนำสัตว์ที่ดักจับได้ไปปล่อยไว้ในบริเวณที่ดินของบุคคลอื่นอาจเป็นเรื่องผิดกฎหมายในบางพื้นที่ ดังนั้นเมื่อคุณดักจับหนูได้ ให้คุณนำพวกมันไปปล่อยไว้ตามป่าหรือภายในบริเวณที่ดินของคุณเอง
โฆษณา

เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้

มีการเข้าถึงหน้านี้ 4,011 ครั้ง

บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม

โฆษณา