ดาวน์โหลดบทความ ดาวน์โหลดบทความ

ห้องที่เต็มไปด้วยกลิ่นบุหรี่นั้นไม่เป็นที่พึงประสงค์ต่อแขกผู้มาเยือนทั้งยังสร้างบรรยากาศที่ไม่น่าอภิรมย์สำหรับการพักผ่อนโดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับพวกเด็กๆ แม้ว่าการกำจัดกลิ่นบุหรี่ให้หายไปจะไม่ใช่เรื่องง่าย โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลิ่นบุหรี่ที่ฝังแน่นอยู่ในห้องมาเป็นเวลานาน แต่โชคดีที่มีวิธีการมากมายที่จะช่วยลดและกำจัดกลิ่นบุหรี่อันไม่พึงประสงค์นี้ และสำหรับกลิ่นบุหรี่ที่กำจัดให้หายไปได้ยาก ลองทำความสะอาดบ้านและสิ่งของที่มีกลิ่นบุหรี่ฝังแน่นอย่างละเอียด นอกจากนี้ การกรองอากาศก็เป็นอีกหนึ่งวิธีที่จะช่วยลดกลิ่นเหม็นและทำให้อากาศภายในห้องสะอาดยิ่งขึ้น

วิธีการ 1
วิธีการ 1 ของ 3:

ใช้วิธีการง่ายๆ

ดาวน์โหลดบทความ
  1. นำถาดเขี่ยบุหรี่และอุปกรณ์สูบบุหรี่ทั้งหมดออกจากห้อง. นอกเหนือจากตัวผู้สูบบุหรี่แล้ว ถาดเขี่ยบุหรี่และอุปกรณ์สูบบุหรี่เป็นหนึ่งสาเหตุหลักที่ทำให้กลิ่นบุหรี่ฝังแน่นภายในห้อง ดังนั้น เพื่อกำจัดกลิ่นบุหรี่ภายในห้อง สิ่งแรกที่คุณควรทำคือการกำจัดแหล่งกำเนิดกลิ่นบุหรี่เหล่านี้
  2. แม้ว่าการเปิดหน้าต่างจะไม่เพียงพอสำหรับการกำจัดกลิ่นบุหรี่ที่แรงและฝังแน่นเป็นเวลานาน แต่วิธีนี้อาจมีส่วนช่วยในการกำจัดกลิ่นบุหรี่อ่อนๆ ที่อบอวลภายในห้องได้ และหากเป็นไปได้ ให้นำพัดลมตั้งไว้ตรงขอบหน้าต่างโดยหันหน้าพัดลมเข้ามาด้านในเพื่อดูดอากาศจากภายนอกให้เข้ามาในห้อง
  3. มีสเปรย์ปรับอากาศมากมายหลายประเภทที่จะช่วยเพิ่มกลิ่นหอมสดชื่นภายในห้อง ซึ่งหากคุณเลือกใช้อย่างเหมาะสม สเปรย์เหล่านี้สามารถช่วยกำจัดกลิ่นเหม็นภายในห้องได้อย่างมีประสิทธิภาพ จำไว้ว่าสเปรย์ปรับอากาศบางตัวนั้นไม่มีคุณสมบัติช่วยในการกำจัดกลิ่นเหม็น ดังนั้นเมื่อเลือกซื้อสเปรย์ปรับอากาศ ให้มองหาผลิตภัณฑ์ที่ระบุว่า “กำจัดกลิ่นเหม็น” ไว้บนบรรจุภัณฑ์ สเปรย์เหล่านี้จะช่วยขจัดกลิ่นบุหรี่และคงกลิ่นหอมสดชื่นภายในห้องของคุณ [1]
  4. การจุดเครื่องหอมจะทำให้เกิดกลิ่นควันหอมอบอวลไปทั่วทั้งห้อง โดยคุณสามารถหาซื้อเครื่องหอมได้ทั้งแบบก้าน แบบผง และแบบเม็ด ควรแน่ใจว่าฐานรองที่ใช้ทำจากวัสดุที่ไม่ติดไฟและคอยสังเกตอย่างต่อเนื่องในขณะที่กำลังจุดเครื่องหอม และเมื่อเสร็จเรียบร้อยแล้วอย่าลืมราดน้ำเพื่อดับไฟให้สนิท [2]
  5. แม้ว่าจะมีกลิ่นที่คุณอาจไม่ชอบใจมากนัก แต่น้ำส้มสายชูมีคุณสมบัติช่วยในการดูดซับกลิ่นเหม็นต่างๆ ได้รวมถึงกลิ่นบุหรี่ ซึ่งคุณจะสามารถสังเกตเห็นความเปลี่ยนแปลงได้อย่างรวดเร็วภายในวันเดียว เพียงนำชามใส่น้ำส้มสายชูตั้งไว้เพียงไม่กี่ชั่วโมงแล้วนำไปเททิ้ง กลิ่นของน้ำส้มสายชูนี้จะไม่เหลือตกค้างภายในห้องแตกต่างจากกลิ่นของบุหรี่ [3]
    • คุณยังสามารถใช้เบคกิ้งโซดา ทรายขับถ่ายสำหรับแมว หรือถ่านกัมมันต์ [4] [5] ที่มีคุณสมบัติช่วยในการดูดซับกลิ่นเหม็นได้เช่นกัน โดยพยายามเปลี่ยนใหม่ทุกๆ 2-3 วัน
  6. หากกลิ่นบุหรี่ยังคงอยู่แม้ว่าจะระบายอากาศในห้องแล้ว อาจเป็นเพราะว่ากลิ่นบุหรี่เหล่านี้ยังคงติดตามเฟอร์นิเจอร์อยู่ นำเฟอร์นิเจอร์ออกไปผึ่งแดดทิ้งไว้ 1-2 วัน รังสียูวีจากแสงแดดจะช่วยฆ่าเชื้อแบคทีเรียที่เป็นก่อให้เกิดกลิ่นเหม็นและขจัดกลิ่นบุหรี่ที่ติดตามเฟอร์นิเจอร์ให้หมดไป [6]
  7. [7] ทิ้งไว้นาน 72 ชั่วโมงแล้วใช้เครื่องดูดฝุ่นดูดออกจนหมด เบคกิ้งโซดาสามารถช่วยในการดูดซับกลิ่นเหม็นได้เป็นอย่างดี [8]
    • คุณยังสามารถใช้วิธีการฉีดน้ำส้มสายชูลงบนพื้นผิวเฟอร์นิเจอร์แล้วเช็ดออกก็ได้เช่นเดียวกัน
    • วิธีนี้อาจไม่ได้ผลเท่าที่ควรหากกลิ่นค่อนข้างแรง
    โฆษณา
วิธีการ 2
วิธีการ 2 ของ 3:

ทำความสะอาดทุกส่วนอย่างละเอียด

ดาวน์โหลดบทความ
  1. เช็ดทำความสะอาดกำแพงและเพดานด้วยน้ำยาทำความสะอาดที่ประกอบด้วยแอมโมเนีย. ควันบุหรี่สามารถติดได้อยู่ทุกซอกทุกมุม ซึ่งถึงแม้คุณจะมองไม่เห็น แต่ควันบุหรี่เหล่านี้ยังคงเหลือตกค้างอยู่ตามทุกที่ ซึ่งควันบุหรี่นี้เองที่เป็นสาเหตุของกลิ่นบุหรี่ที่ยังคงติดอยู่ในห้องแม้ว่าผู้สูบบุหรี่จะไม่อยู่ในห้องแล้ว [9]
    • ในกรณีที่รุนแรง คุณอาจจำเป็นต้องทาสีฝาผนังและเพดานใหม่ สีที่ทาใหม่จะกลบทับสีเก่าและช่วยดูดซับกลิ่นบุหรี่ที่ติดอยู่ให้หายไป เริ่มจากทาสีรองพื้นให้เรียบร้อยแล้วจึงทาสีใหม่ทับลงไป วิธีนี้สามารถช่วยกลบทับกลิ่นเหม็นได้อย่างได้ผล [10]
    • หากคุณไม่สะดวกในการทาสีใหม่ ให้ใช้วิธีการทาโพลียูรีเทนทับลงไปแทน การทาโพลียูรีเทนจะช่วยกลบกลิ่นบุหรี่ภายในห้องโดยที่คุณไม่จำเป็นต้องทาสีใหม่ [11]
    • หากคุณติดตั้งวอลเปเปอร์บนฝาผนัง ให้เริ่มจากใช้น้ำส้มสายชูเช็ดจนทั่วดูก่อน และหากกลิ่นบุหรี่ยังคงไม่หายไป คุณอาจจำเป็นต้องเปลี่ยนวอลเปเปอร์ใหม่ทั้งหมด
  2. เช็ดทำความสะอาดพื้นผิวทั้งหมดด้วยแอมโมเนียหรือน้ำส้มสายชู ไม่ว่าจะเป็นขอบหน้าต่าง หิ้งเหนือเตาผิง เฟอร์นิเจอร์ และพื้น รวมถึงชั้นวางของ ตู้เสื้อผ้า และตู้ลิ้นชักทั้งด้านในและด้านนอก ไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับกลิ่นของน้ำส้มสายชู เนื่องจากกลิ่นของน้ำส้มสายชูนั้นไม่ติดทนนานและจะหายไปในที่สุด
  3. คุณสามารถทำวิธีนี้ได้ด้วยตัวเองโดยการหาเช่าหรือซื้อเครื่องทำความสะอาดระบบไอน้ำ หรือจะเลือกใช้บริการทำความสะอาดพรมก็ได้เช่นกัน และในกรณีที่รุนแรง คุณอาจจำเป็นต้องเปลี่ยนพรมใหม่ทั้งหมด เนื่องจากการกำจัดกลิ่นบนพื้นพรมให้หมดไปนั้นเป็นเรื่องที่ค่อนข้างยาก
    • ก่อนเริ่มเปลี่ยนพรมใหม่ ให้คุณขัดพื้นด้านใต้ให้เรียบร้อยเสียก่อนเพื่อกำจัดต้นตอของกลิ่นบุหรี่ทั้งหมด [12]
    • เติมน้ำยาดับกลิ่นเพิ่มลงไปในเครื่องทำความสะอาดระบบไอน้ำเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการขจัดกลิ่นบุหรี่
  4. นำเสื้อผ้า เครื่องเบาะ หมอน และผ้าห่มไปซักให้สะอาด. สำหรับผ้าที่สามารถซักเครื่องได้ ให้เติมน้ำส้มสายชู 1 ถ้วย (240 มิลลิลิตร) ลงไปในถังซักด้วย เนื่องจากน้ำส้มสายชูมีคุณสมบัติในการช่วยขจัดกลิ่นเหม็นให้หมดไป ส่วนสำหรับผ้าประเภทอื่นๆ ให้ทำความสะอาดด้วยวิธีการซักแห้ง จำไว้ว่าคุณอาจจำเป็นต้องซักทำความสะอาดหลายต่อหลายครั้งเพื่อขจัดกลิ่นออกให้หมด [13]
    • ในบางกรณี คุณอาจจำเป็นต้องเปลี่ยนหมอนผ้าห่มหรือเครื่องเบาะชุดใหม่ [14]
    • หากการซักในเครื่องซักผ้าไม่สามารถขจัดกลิ่นบุหรี่ที่ติดบนเสื้อผ้าได้ ให้ลองใช้วิธีการซักแห้งแทน
  5. ถอดผ้าม่านและม่านม้วนทั้งหมดออก หากผ้าม่านที่ใช้สามารถนำไปซักได้ตามปกติ ให้นำไปซักทำความสะอาดให้เรียบร้อย แต่หากผ้าม่านไม่สามารถซักได้ด้วยวิธีการปกติ ให้คุณใช้บริการซักแห้งแทน และสำหรับม่านม้วนให้นำไปซักทำความสะอาดในอ่างอาบน้ำด้วยน้ำส้มสายชู
  6. ควันบุหรี่สามารถตกค้างอยู่ได้ทุกที่รวมถึงตามหน้าต่างและกระจก ซึ่งถึงแม้คุณจะมองไม่เห็น แต่ควันบุหรี่เหล่านี้ยังคงเหลือตกค้างอยู่เสมอ และในวันที่อากาศร้อน ควันบุหรี่ที่เหลือตกค้างจะได้รับความร้อนและทำให้กลิ่นบุหรี่กลับมาอบอวลในห้องอีกครั้ง เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาเช่นนี้ขึ้น เพียงเตรียมน้ำส้มสายชูใส่ขวดสเปรย์และกระดาษอเนกประสงค์ให้เรียบร้อยแล้วเริ่มต้นเช็ดหน้าต่างและกระจกได้เลย [15] หรือจะเลือกใช้น้ำยาเช็ดกระจกแทนก็ได้เช่นกัน [16]
    • คุณอาจเช็ดหลอดไฟในห้องด้วยเช่นกัน เนื่องจากหลอดไฟเป็นอุปกรณ์ที่ได้รับความร้อนตลอดเวลา หรือจะเปลี่ยนหลอดไฟใหม่แทนก็ได้เช่นกัน [17]
    โฆษณา
วิธีการ 3
วิธีการ 3 ของ 3:

กรองอากาศ

ดาวน์โหลดบทความ
  1. การใช้เครื่องฟอกอากาศจะช่วยกำจัดแบคทีเรียและสารเคมีที่สาเหตุทำให้เกิดกลิ่นเหม็น ทำให้อากาศภายในห้องสะอาดบริสุทธิ์และสดชื่นยิ่งขึ้น [18]
    • เครื่องฟอกอากาศยังช่วยในการกำจัดสารก่อภูมิแพ้ในอากาศ จึงเหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่เป็นโรคภูมิแพ้และโรคหอบหืด
  2. เปลี่ยนแผ่นกรองอากาศของเครื่องทำความร้อนและเครื่องปรับอากาศ. กลิ่นเหม็นมักสะสมและฝังลึกอยู่ในแผ่นกรองอากาศ หากภายในห้องของคุณมีกลิ่นเหม็นรุนแรงและยังคงไม่หายไปแม้จะทำความสะอาดหลายต่อหลายครั้ง อาจเป็นเพราะว่ากลิ่นเหม็นเหล่านี้สะสมอยู่ในแผ่นกรองอากาศก็เป็นได้ [19]
  3. เครื่องผลิตโอโซนจะทำหน้าที่ผลิตโอโซนที่มีความสามารถในการทำปฏิกิริยาออกซิไดซ์กับโมเลกุลอินทรีย์ต่างๆ (ซึ่งเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้เกิดกลิ่นเหม็น) ซึ่งหลายคนพบว่าการใช้เครื่องผลิตโอโซนสามารถช่วยขจัดกลิ่นบุหรี่ภายในห้องได้อย่างมีประสิทธิภาพ เริ่มจากนำเครื่องผลิตโอโซนตั้งไว้ในห้องโดยปิดหน้าต่างทุกบานให้สนิทและตั้งเวลาไว้ จากนั้นออกไปจากห้องและปิดประตูให้เรียบร้อย เครื่องผลิตโอโซนจะปล่อยโอโซนให้กระจายทั่วทั้งห้อง และเมื่อเครื่องปิดการทำงานแล้ว ให้รออย่างน้อย 1 ชั่วโมงแล้วจึงค่อยกลับเข้าห้องตามปกติ
    • การใช้เครื่องทำโอโซนอาจก่อให้เกิดการระคายเคืองในลำคอได้ ดังนั้นวิธีนี้จึงไม่แนะนำสำหรับผู้ที่เป็นโรคหอบหืด เพราะอาจทำให้สถานการณ์ยิ่งแย่ลงได้ [20]
    • หากเป็นไปได้ ควรเปิดใช้งานพัดลมในเครื่องปรับอากาศเพื่อเพิ่มการหมุนเวียนของอากาศภายในห้องรวมถึงทำความสะอาดเครื่องปรับอากาศเป็นประจำ [21]
    • ยิ่งกลิ่นบุหรี่ภายในห้องแรงเท่าไหร่ คุณก็จะต้องตั้งเวลาการทำงานของเครื่องผลิตโอโซนให้นานขึ้นเท่านั้น ตัวอย่างเช่น หากผู้สูบบุหรี่เพิ่งใช้ห้องไปเพียงไม่กี่วัน ให้ตั้งเวลาการทำงานของเครื่องไว้เพียงช่วงสั้นๆ แต่หากผู้สูบบุหรี่อยู่ห้องนี้มาแล้วเป็นเวลานานหลายปี คุณอาจต้องตั้งเวลาการทำงานของเครื่องนานถึง 2-3 วัน
    • เครื่องผลิตโอโซนสามารถขจัดกลิ่นบุหรี่ได้ในบางบริเวณเท่านั้น หากกลิ่นบุหรี่ยังคงติดตามฝาผนัง พื้น ผ้าม่าน และเฟอร์นิเจอร์ แสดงว่าคุณยังคงขจัดกลิ่นบุหรี่ออกจากห้องไปได้ไม่หมด [22]
    โฆษณา

เคล็ดลับ

  • มองหาน้ำหอมปรับอากาศที่ช่วยในการขจัดกลิ่นเหม็นแทนน้ำหอมปรับอากาศที่ช่วยเพิ่มกลิ่นหอมเพียงอย่างเดียว
  • วางเทียนไว้ในห้อง โดยหลายคนพบว่าเทียนไม่เพียงช่วยเพิ่มกลิ่นหอมเท่านั้น แต่ยังสามารถดูดซับกลิ่นเหม็นได้อีกด้วย
  • อย่าสูบบุหรี่ในห้อง แต่หากข้างนอกมีอากาศเย็นหรือมีฝนตก ให้สูบใกล้หน้าต่างที่เปิดอยู่แทน
  • ระบายอากาศในห้องหลังจากที่สูบบุหรี่เสร็จแล้วโดยการเปิดหน้าต่างและนำพัดลมมาตั้งไว้ตรงขอบหน้าต่าง วิธีนี้จะช่วยจะช่วยดูดอากาศที่สดชื่นจากภายนอกเข้ามาในห้อง [23]
  • อย่าวางที่เขี่ยบุหรี่และอุปกรณ์สูบบุหรี่ไว้ในห้อง และแม้ว่าคุณจะออกไปสูบบุหรี่ข้างนอก แต่ก็ควรหลีกเลี่ยงการนำสิ่งของทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับการสูบบุหรี่เข้ามาภายในห้อง ซึ่งรวมถึงเสื้อผ้าอย่างเสื้อโค้ตและเสื้อแจ็กเก็ตด้วย
  • ทดสอบผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดตรงบริเวณที่ไม่สะดุดตาทุกครั้งก่อนเริ่มใช้เพื่อดูว่าผลิตภัณฑ์ที่ใช้ก่อให้เกิดคราบหรือความเสียหายต่อพื้นผิวหรือไม่
  • นำก้นบุหรี่ออกไปทิ้งข้างนอกเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดกลิ่นเหม็นฝังแน่น
โฆษณา

คำเตือน

  • เปิดหน้าต่างทิ้งไว้ในขณะที่ทำความสะอาดห้องด้วยผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดต่างๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนประกอบของแอมโมเนีย
  • หลีกเลี่ยงการใช้เครื่องผลิตโอโซนหากคุณเป็นโรคหอบหืด
  • ห้ามใช้สเปรย์ปรับอากาศใกล้กับสัตว์เลี้ยง โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับนก
โฆษณา

เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้

มีการเข้าถึงหน้านี้ 20,855 ครั้ง

บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม

โฆษณา