ดาวน์โหลดบทความ ดาวน์โหลดบทความ

คงเซ็งน่าดู ถ้าเสื้อผ้าสีสวย ใส่และซักได้ไม่กี่ครั้งก็ซีดซะแล้ว โชคดีที่บทความวิกิฮาวนี้มี 2 - 3 วิธีช่วยคืนความสดใสให้ผ้ามาฝากกัน บางทีเพราะซักผ้าแล้วน้ำยาซักผ้าตกค้าง สีผ้าถึงได้ดูหม่นๆ แบบนั้นให้ซักด้วยเกลือหรือน้ำส้มสายชู ก็จะช่วยให้ผ้าดูสว่างสดใส ใหม่ขึ้นได้ ถ้าซักปกติแล้วผ้าซีดจางเพราะเก่าไปตามเวลา คงต้องย้อมสีใหม่เลย เพื่อชุบชีวิตผ้าเก่า นอกจากนี้ยังทำให้ผ้าดูใหม่ขึ้นได้ด้วยของใช้ในบ้าน อย่างเบคกิ้งโซดา กาแฟ และไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์

วิธีการ 1
วิธีการ 1 ของ 4:

คืนความสดใสด้วยเกลือ

ดาวน์โหลดบทความ
  1. เอาผ้าที่ซีดใส่เครื่องซักผ้า แล้วใช้น้ำยาซักผ้าตามปกติ. ถ้าผ้าซีดจางทั้งที่ซักไปแค่ไม่กี่ครั้ง เป็นไปได้ว่าเกิดจากคราบน้ำยาซักผ้าตกค้าง แบบนี้ให้เติมเกลือเวลาซักผ้าตามปกติ จะช่วยสลายคราบ ทำให้ผ้ากลับมาเหมือนใหม่ได้ [1]
    • ผงซักฟอกมีโอกาสตกค้างมากกว่าน้ำยาซักผ้า
  2. พอใส่ผ้าและน้ำยาซักผ้าในเครื่องแล้ว ให้เทเกลือประมาณ 1/2 ถ้วยตวง (150 กรัม) ลงไปในถังซักผ้า นอกจากช่วยคืนความสว่างสดใสให้ผ้าซีดแล้ว ยังช่วยป้องกันไม่ให้ผ้าใหม่ซีดแต่แรกด้วย [2]
    • จะเติมเกลือลงไปทุกครั้งที่ซักผ้าก็ได้
    • จะใช้เกลือปรุงอาหารตามปกติ หรือเกลือละเอียดสำหรับหมักดองก็ได้ แต่อย่าใช้เกลือ sea salt เกล็ดหยาบ เพราะจะละลายไม่หมด ตกค้างในเครื่องซักผ้า
    • เกลือใช้ขจัดคราบได้อยู่หมัดด้วย โดยเฉพาะคราบเลือด เชื้อรา และคราบเหงื่อ [3]
  3. พอซักเสร็จแล้ว ก็เอาผ้าออกมาเช็คสีได้เลย ถ้าโอเคแล้ว ก็เอาไปตากผึ่งลมไว้ หรืออบในเครื่องอบผ้าก็แล้วแต่ ถ้าผ้ายังดูซีดๆ ให้ซักด้วยน้ำส้มสายชูแทน [4]
    • พอนานๆ ไป สีซีดอีก ก็ให้ย้อมผ้าใหม่เลย
    โฆษณา
วิธีการ 2
วิธีการ 2 ของ 4:

ขจัดคราบน้ำยาซักผ้าด้วยน้ำส้มสายชู

ดาวน์โหลดบทความ
  1. ) ในเครื่องซักผ้า . ถ้าใช้เครื่องซักผ้าฝาบน ก็เทน้ำส้มสายชูลงไปในถังซักผ้าโดยตรงได้เลย หรือเทใส่ช่องน้ำยาปรับผ้านุ่ม ถ้าเป็นเครื่องซักผ้าฝาหน้า น้ำส้มสายชูจะไปสลายคราบน้ำยาซักผ้าหรือตะกรันจากน้ำกร่อย ทำให้เสื้อผ้าสว่างสดใสขึ้น [5]
    • น้ำส้มสายชูป้องกันไม่ให้เกิดคราบแต่แรก เลยช่วยให้ผ้าใหม่สีสันสดใส ไม่ตก ไม่ซีดเร็ว [6]

    เคล็ดลับ: ถ้าอยากทำความสะอาดแบบล้ำลึก ก็เจือจางน้ำส้มสายชูกลั่นขาว 1 ถ้วยตวง (250 มล.) ด้วยน้ำอุ่น 1 แกลลอน (4 ลิตร) แล้วแช่ผ้าในน้ำที่ผสมแล้วนี้ ประมาณ 20 - 30 นาที ก่อนซักตามปกติ

  2. เอาผ้าที่ซีดจางเข้าเครื่อง ใส่น้ำยาซักผ้า แล้วเดินเครื่องซักตามปกติ ส่วนใหญ่แค่แช่ผ้าในน้ำส้มสายชูแล้วซัก ก็ช่วยให้ผ้าสว่างสดใสขึ้นแล้ว [7]
    • เลือกรอบซักให้เหมาะสมกับเนื้อผ้า. เช่น ถ้าจะซักผ้าเนื้อบาง ขาดง่าย อย่างผ้าไหม หรือผ้าลูกไม้ ก็ต้องเลือก gentle wash หรือโหมดถนอมผ้า แต่ถ้าซักผ้าทนทานอย่างคอตตอนหรือยีนส์ ก็ซักตามปกติได้เลย
  3. น้ำส้มสายชูจะถูกชะล้างออกไปตั้งแต่ตอนซักผ้าน้ำสุดท้าย เพราะงั้นไม่ต้องกลัวเครื่องซักผ้าหรือผ้าเหม็นฉุน ซักเสร็จจะตากผึ่งลมไว้ หรือเอาเข้าเครื่องอบผ้าก็ได้ แล้วแต่คำแนะนำที่ป้าย ว่าต้องซัก ตาก/อบยังไง
    • ถ้ายังเหลือกลิ่นน้ำส้มสายชูเล็กน้อย ให้ผึ่งเสื้อผ้าไว้นอกบ้าน หรือใส่แผ่นหอมอบผ้าในเครื่อง ผ้าแห้งแล้วก็มักจะไม่เหลือกลิ่นอีก
    • ถ้าเสื้อผ้ายังดูซีดๆ เป็นไปได้ว่าสีตกหรือสีย้อมหลุดไปตามเวลา ให้ย้อมผ้าใหม่เลย
    โฆษณา
วิธีการ 3
วิธีการ 3 ของ 4:

ย้อมผ้าใหม่เลย

ดาวน์โหลดบทความ
  1. อ่านคำแนะนำการดูแลที่ป้ายก่อนว่าย้อมได้ไหม. บางเส้นใยจะดูดสีย้อมได้ดีกว่าแบบอื่น เพราะงั้นถ้าจะย้อมให้ผ้าสีสด ใหม่ขึ้น ก็ต้องอ่านรายละเอียดที่ป้ายของผ้าแต่ละชิ้นก่อน ว่าเป็นเส้นใยแบบไหน ดูแลยังไง ถ้าทำจากเส้นใยธรรมชาติ 60% ขึ้นไป เช่น คอตตอน ไหม ลินิน ป่านรามี และวูล (ขนสัตว์) หรือทำจากเรยอน หรือไนล่อน ก็จะดูดซับสีย้อมได้ดี [8]
    • ถ้าเสื้อผ้าชิ้นนั้นทำจากเส้นใยผสม ทั้งธรรมชาติและสังเคราะห์ ย้อมแล้วสีอาจจะออกมาไม่เข้มเท่าเส้นใยธรรมชาติ 100%
    • ถ้าเสื้อผ้าชิ้นนั้นทำจากอะคริลิก สแปนเด็กซ์ โพลีเอสเตอร์ หรือโลหะ หรือที่ป้ายเขียนว่า “Dry Clean Only” คือต้องซักแห้งเท่านั้น ก็จะย้อมไม่ค่อยติด หรือไม่ติดเลย

    เคล็ดลับ: ผ้าที่จะนำมาย้อม ต้องซักสะอาดแล้ว ถ้ามีคราบหรือสิ่งสกปรกตกค้าง จะย้อมได้ไม่ดีเท่าที่ควร สีออกมาไม่สม่ำเสมอ

  2. เลือกสีย้อมที่ใกล้เคียงกับสีผ้าดั้งเดิมมากที่สุด. ถ้าอยากให้ผ้ากลับมาสีสวยเหมือนเพิ่งซื้อ ต้องเอาผ้าชิ้นนั้นติดไปเทียบสีด้วย ตอนเลือกซื้อสีย้อมที่ห้างหรือร้านขายอุปกรณ์งานฝีมือ พยายามเลือกสีที่คล้ายเดิมที่สุด จะออกมาสีสด ดูเป็นธรรมชาติกว่า [9]
  3. ให้ปูรองบริเวณที่จะย้อมผ้า ด้วยหนังสือพิมพ์ ผ้าใบ หรือถุงดำ เผื่อสีย้อมกระเด็นจะได้ไม่เลอะโต๊ะ เคาน์เตอร์ หรือพื้น นอกจากนี้ให้เตรียมผ้าขี้ริ้วหรือทิชชู่ไว้ใกล้ๆ จะได้หยิบมาใช้เช็ดทันเวลา ส่วนตัวคุณเองให้สวมเสื้อผ้าเก่าที่เลอะได้ไม่เป็นไร และถุงมือหนาๆ กันเปื้อนไว้ [10]
    • ย้ำว่าต้องป้องกันดีๆ อย่าให้สีย้อมเลอะมือ เพราะอาจทำให้ผิวหนังระคายเคืองได้ [11]
  4. เทน้ำร้อนประมาณ 50 - 60 องศาเซลเซียส (120 - 140 องศาฟาเรนไฮต์) ใส่กะละมัง. ปกติถ้ามีก๊อกที่เปิดน้ำร้อนได้ อุณหภูมิน้ำจะอยู่ที่ประมาณ 50 องศาเซลเซียส (120 องศาฟาเรนไฮต์) แต่บางทีก็ไปถึง 60 องศาเซลเซียส (140 องศาฟาเรนไฮต์) เพราะงั้นใช้น้ำร้อนจากก๊อกก็ได้ ไม่ต้องต้มน้ำ แต่ถ้าอยากได้น้ำร้อนกว่านี้ ให้เอาไปต้มต่อ อย่าให้ถึงขั้นเดือด คือประมาณ 90 กว่าองศา (200 องศาฟาเรนไฮต์) เสร็จแล้วเทน้ำร้อนนั้นลงมากะละมัง ถัง อ่าง หรือใช้เครื่องซักผ้าฝาบนก็ได้ โดยเลือกใช้น้ำร้อนที่สุดที่มี [12]
    • ต้องใช้น้ำประมาณ 3 แกลลอน (10 ลิตร) ต่อเสื้อผ้าหนัก 0.5 กก. (1 ปอนด์)
    • ถังหรือหม้อ เหมาะสำหรับย้อมผ้าชิ้นเล็กๆ เช่น เสื้อบางๆ ผ้าพันคอและเครื่องประดับตกแต่งอื่นๆ ไปจนถึงเสื้อผ้าเด็ก ส่วนกะละมังพลาสติก อ่างอาบน้ำ หรือเครื่องซักผ้า เหมาะสำหรับผ้าชิ้นใหญ่ เช่น เสื้อสเวตเตอร์ และกางเกงยีนส์ [13]
    • ผ้าส่วนใหญ่จะหนักชิ้นละประมาณไม่เกิน 0.5 กก. (0.5 - 1 ปอนด์) [14]
  5. ละลายสีย้อมกับเกลือในน้ำถ้วยเล็กๆ แล้วเอาไปเทใส่น้ำย้อมผ้าอีกที. ทำตามขั้นตอนที่แนะนำไว้ข้างฉลาก จะได้รู้ว่าต้องใส่อะไรมากแค่ไหน แต่ปกติต้องใช้สีย้อมผ้าประมาณ 1/2 ขวดต่อผ้า 0.5 กก. (1 ปอนด์) ถ้าอยากให้สีเซ็ตตัวดีขึ้น ให้ใส่เกลือ 1/2 ถ้วยตวง (150 กรัม) ต่อผ้าทุก 0.5 กก. (1 ปอนด์) แนะนำให้คนผสมสีย้อมและเกลือให้ละลายในน้ำอุ่นถ้วยเล็กจนหมดก่อน แล้วค่อยเอาไปเทใส่กะละมังน้ำย้อมผ้า แล้วใช้ช้อนโลหะคันยาวหรือที่คีบ คนทุกอย่างให้เข้ากัน [15]
    • จะทำความสะอาดง่ายกว่า ถ้าใช้ไม้หรือช้อนพลาสติกคนสีให้ละลายดีในภาชนะเล็กๆ ก่อน แบบนี้พอคนเสร็จจะได้ทิ้งไปเลย
  6. แช่ผ้าในน้ำย้อม แล้วใช้ช้อนหรือที่คีบกดลงไปให้น้ำท่วมผ้าทั้งผืน จะยิ่งย้อมติดดี ถ้าหมั่นกวนผ้าที่แช่ไว้เรื่อยๆ ทุก 5 - 10 นาที ผ้าจะได้ไม่เกยกันหรือพับทบกัน จนสีไม่สม่ำเสมอ [16]
    • ยิ่งกวนผ้า สีก็ยิ่งซึมเข้าผ้า บางคนก็กวนไปตลอดระหว่างย้อม แต่บางคนก็ว่าแค่แกว่งผ้าทุก 2 - 3 นาทีก็พอแล้ว
  7. พอย้อมจนครบเวลาที่แนะนำแล้ว หรือคิดว่าผ้าดูสีเข้มตามต้องการแล้ว ให้ใช้ที่คีบหรือช้อน ค่อยๆ ยกผ้าขึ้นมาจากน้ำย้อม แล้วเอาผ้าไปใส่ในอ่างอาบน้ำหรืออ่างล้างจาน แล้วเปิดน้ำเย็นราดไปเรื่อยๆ จนน้ำใส [17]
    • ย้ำว่าสีจะดูเข้มกว่าปกติตอนผ้าเปียก เพราะงั้นตอนเช็คสีผ้า ก็อย่าลืมเรื่องนี้ด้วย!
    • ล้างอ่างหรืออ่างล้างจานทันทีหลังเสร็จขั้นตอน เพราะสีย้อมผ้าทำอ่างด่างได้!
  8. เอาผ้าแค่ชิ้นนั้นชิ้นเดียวซักในเครื่องซักผ้า ที่เลือกน้ำเย็นไว้. ถ้าโอเคกับสีที่ย้อมเสร็จแล้ว ก็ให้กลับด้านผ้า แล้วเอาใส่เครื่องซักผ้า ถึงจะล้างน้ำเอาสีย้อมส่วนเกินออกเยอะแล้ว แต่เวลาซัก ก็จะยังมีสีปนมา เพราะงั้นเวลาซักเครื่อง อย่าซักรวมกับผ้าชิ้นอื่น ไม่งั้นจะสีตกใส่ผ้าชิ้นอื่นได้ เวลาซักเครื่อง ให้เลือกโหมดผ้าน้อย และใช้น้ำเย็น [18]
    • การกลับด้านผ้าก่อนซัก ช่วยถนอมสีผ้าได้
  9. จะตากผึ่งลมไว้ หรือเอาเข้าเครื่องอบผ้าก็ได้ แล้วแต่เนื้อผ้าและความสะดวก แต่ไม่ว่าจะตากหรืออบ เสร็จแล้วให้เช็คสีผ้าที่ย้อมเสร็จแล้วดูอีกรอบ จะได้แน่ใจว่าสีสม่ำเสมอ ไม่ด่างเป็นดวงๆ เส้นๆ ออกมาสวยสมใจ [19]
    • ถ้ายังไม่ถูกใจ จะเอาผ้าไปย้อมใหม่ตามขั้นตอนก็ได้
    โฆษณา
วิธีการ 4
วิธีการ 4 ของ 4:

ลองใช้อย่างอื่นที่มีในบ้าน

ดาวน์โหลดบทความ
  1. ลองใส่เบคกิ้งโซดาในเครื่องซักผ้า จะช่วยให้ผ้าขาวสว่างสดใสขึ้น. เบคกิ้งโซดาเป็นอะไรที่คนส่วนใหญ่มีติดบ้าน ช่วยให้สีผ้าสว่างสดใสขึ้นได้ โดยเฉพาะเมื่อใช้กับผ้าขาว แค่เติมเบคกิ้งโซดา 1/2 ถ้วยตวง (100 กรัม) ในถังซักผ้า หลังใส่ผ้าที่จะซักและน้ำยาซักผ้าแล้วตามปกติ [20]
    • นอกจากนี้เบคกิ้งโซดายังช่วยขจัดกลิ่นอับของผ้าได้ด้วย! [21]
  2. คุณ คืนสีให้ผ้าดำ ได้โดยแช่ผ้าในชาหรือกาแฟ. ถ้าอยากได้วิธีคืนสีให้ผ้าดำกลับมาเข้มเหมือนเสื้อใหม่แบบง่ายๆ ในราคาย่อมเยา ก็ให้ชงชาหรือกาแฟดำเข้มๆ 2 ถ้วยตวง (500 มล.) จากนั้นเอาผ้าเข้าเครื่อง ซักตามปกติ แต่อย่าเพิ่งไปไหน พอถึงน้ำสุดท้าย ให้เปิดฝาเครื่องซักผ้า แล้วเทชาหรือกาแฟใส่ลงไป ปล่อยให้ซักไปจนเสร็จ แล้วเอาผ้าไปตากให้แห้งได้เลย [22]
    • ระวังว่าถ้าเอาเสื้อผ้าสีดำไปเข้าเครื่องอบผ้าบ่อยๆ สีจะซีดเร็วขึ้น
  3. ทำให้ผ้าสีเข้มชัดขึ้นโดยใส่พริกไทยดำตอนซัก. เอาผ้าที่จะซักเข้าเครื่องตามปกติ แล้วใส่พริกไทยดำบด 2 - 3 ช้อนชา (10 - 15 กรัม) ไปด้วย จะช่วยขจัดคราบตกค้างได้ แถมผงพริกไทยยังไหลไปกับน้ำสุดท้ายด้วย ไม่ต้องกลัวเหลืออยู่ [23]
  4. ซักผ้าขาวให้สว่างสดใสด้วยไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์. ถ้าผ้าขาวเริ่มหม่นๆ หลังซักไป 2 - 3 ครั้ง คุณอาจจะอยากจับไปฟอกขาวให้รู้แล้วรู้รอด แต่บอกเลยว่าไม่ดีต่อเส้นใยผ้า แถมผ้ายังสีซีดไปเรื่อยๆ แนะนำให้ผสมไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ 1 ถ้วยตวง (250 มล.) กับน้ำยาซักผ้า แล้วซักไปตามปกติได้เลย [24]
    โฆษณา

เคล็ดลับ

  • อาจจะใช้หลายเทคนิครวมกัน เพื่อให้ได้ผ้าสว่างสดใสยิ่งขึ้น เช่น ใส่ทั้งเกลือและน้ำส้มสายชูเวลาซักผ้า
  • แยกผ้าสี ผ้าขาว กลับด้านผ้า แล้วซักในน้ำเย็น ก็ช่วยให้ผ้าซีดจางช้าลงได้
โฆษณา

คำเตือน

  • อย่าใช้วิธีด้านบนกับเสื้อผ้าที่เป็น “dry clean only” หรือซักแห้งได้อย่างเดียว เพราะมักเป็นผ้าเนื้อบาง และไม่ค่อยดูดสีย้อม
โฆษณา

สิ่งของที่ใช้

คืนความสดใสด้วยเกลือ

  • เกลือ
  • น้ำยาซักผ้า

ขจัดคราบน้ำยาซักผ้าด้วยน้ำส้มสายชู

  • น้ำส้มสายชูกลั่นขาว
  • น้ำยาซักผ้า
  • เกลือ (ถ้ามี)

ย้อมผ้าใหม่เลย

  • สีย้อมผ้า
  • กะละมัง หรือเครื่องซักผ้า
  • น้ำร้อน
  • ผ้าใบ ผ้ายาง หรือถุงดำ
  • เสื้อผ้าเก่า กับถุงมือหนาๆ
  • ถ้วย หรือชามใบเล็ก
  • เกลือ
  • แท่งไม้หรือช้อนคน
  • ช้อนด้ามยาว หรือที่คีบ

ลองใช้อย่างอื่นที่มีในบ้าน

  • เบคกิ้งโซดา (ถ้ามี)
  • กาแฟ หรือชา (ถ้ามี)
  • พริกไทยดำ (ถ้ามี)
  • ไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ (ถ้ามี)

เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้

มีการเข้าถึงหน้านี้ 57,061 ครั้ง

บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม

โฆษณา