ดาวน์โหลดบทความ ดาวน์โหลดบทความ

วิธีการที่คุณจัดกระเป๋ามีผลอย่างมากต่อผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นของการเดินทาง ถ้าคุณเคยมีประสบการณ์เดินทางถึงจุดหมายแล้วพบว่ากระเป๋าทั้งใบเลอะเทอะไปด้วยเศษยาสีฟันที่ระเบิดออกมา คุณคงรู้ซึ้งในบทเรียนนี้จนขึ้นใจ! ในการจัดกระเป๋านั้น คุณต้องจัดของจำเป็นต้องใช้ตอนเดินทางทุกอย่างให้เป็นระบบระเบียบ แล้วใส่ในกระเป๋าเดินทางได้ครบหมดโดยที่ใช้พื้นที่น้อยที่สุดในขณะที่ยังปกป้องข้าวของไม่ให้รั่วขาดหรือเกิดความเสียหาย มีเคล็ดลับอยู่บางประเด็นสำหรับใครก็ตามที่กำลังวางแผนจะเดินทางด้วยเครื่องบินหรือรถไฟจะต้องจดจำใส่ใจ

วิธีการ 1
วิธีการ 1 ของ 3:

จัดสัมภาระ

ดาวน์โหลดบทความ
  1. ทำรายการของทุกอย่างที่คุณวางแผนจะนำติดตัวไปในการเดินทาง. นั่นรวมถึงเสื้อผ้า รองเท้า อุปกรณ์ดูแลทำความสะอาดร่างกาย และเอกสาร โดยยังอาจมีแผนที่ หนังสือนำเที่ยว หนังสืออ่านเล่น รวมถึงข้อมูลโรงแรมกับรถเช่า รายการข้าวของเหล่านี้ยังช่วยคุณตอนเก็บสัมภาระเวลาเดินทางกลับ เพราะคุณมีรายการของทุกอย่างที่นำมาด้วยแล้ว
    • ของที่มักจะลืมเป็นประจำ ได้แก่ แปรงสีฟัน/ยาสีฟัน ถุงเท้า แว่นตากันแดด ครีมกันแดด หมวก ชุดนอน มีดโกน และยาระงับกลิ่นกาย
    • อย่าประเมินพื้นที่ว่างในกระเป๋าให้ต่ำเกินไป คุณจำเป็นต้องใช้รองเท้าถึงห้าคู่ต่อการเดินทางแค่สามคืนจริงหรือ หรือเสื้อกันหนาวสี่ตัว ลองพิจารณาสภาพอากาศและกิจกรรมที่คุณจะไปทำ คุณอาจอยากตรวจสอบว่าสภาพอากาศของจุดหมายปลายทางเป็นเช่นไรที่ www.weatherchannel.com
  2. 2
    วางแผนเครื่องแต่งกายล่วงหน้าเพื่อหลีกเลี่ยงการหอบของไปมากเกินความจำเป็น. หากคุณพอจะทราบว่าสภาพอากาศที่นั่นเป็นอย่างไร คุณสามารถจัดเตรียมได้พอดี ถ้าไม่ทราบ ให้นำเสื้อผ้าชิ้นที่ใส่ได้สารพัดโอกาส (เช่น คาร์ดิแกนหรือแจ็คเก็ตบางที่ใส่ได้กับเสื้อทุกแบบ เสื้อเชิ้ตแขนยาว กางเกงยีนส์) ที่จะช่วยคุณปรับการแต่งกายตามสถานการณ์ที่เปลี่ยนไปได้ ถ้าเป็นไปได้ควรนำเสื้อผ้าชิ้นที่สามารถใส่ซ้ำได้ การใส่เสื้อซ้อนกันเป็นวิธีหนึ่งที่ไม่เพียงแต่ซ่อนชิ้นที่ใส่ซ้ำแต่ยังช่วยรับมือกับอากาศที่เปลี่ยนแปลงได้
    • ขยายชุดเดินทางให้ดูหลากหลายด้วยการแมทช์สี ถ้าคุณแน่ใจว่าเสื้อผ้าที่เอาไปทุกชิ้นสามารถใส่เข้ากับชิ้นอื่นๆ ได้ คุณสามารถจัดเสื้อผ้ามิกซ์แอนด์แมทช์ได้เป็นสารพัดชุดเลย
    • เอาถุงพลาสติกติดไปด้วยสำหรับใส่ชุดที่สกปรก ถ้าซักผ้าไม่ได้ ให้ใส่มันแยกลงถุงจะทำให้ผ้าสะอาดกับผ้าสกปรกไม่ปนกัน และจะเปลี่ยนชุดก็ทำได้ง่าย
  3. 3
    ซื้ออุปกรณ์ทำความสะอาดร่างกายในขนาดพกพาเพื่อเดินทางไม่ว่าการเดินทางของคุณจะนานแค่ไหน. นั่นรวมถึงแปรงสีฟัน ยาสีฟัน ยาระงับกลิ่นกาย เป็นต้น คุณสามารถแวะหาซื้อสบู่ยาสีฟันเพิ่มตามร้านสะดวกซื้อได้เสมอเว้นแต่จะต้องไปอยู่ที่กันดารนานหลายสัปดาห์ ถ้าคุณต้องเดินทางโดยเครื่องบิน มันจะมีข้อบังคับจำกัดปริมาณของเหลวหรือเจลที่จะเอาขึ้นเครื่องได้ นั่นหมายความว่าคุณต้องเลือกระหว่างแชมพูหรือยาสีฟันเวลาเดินผ่านการตรวจความปลอดภัย ให้ตรวจสอบคำแนะนำจากเว็บไซต์ของสายการบิน
    • ใส่อุปกรณ์ทำความสะอาดร่างกายทั้งหมดไว้ในถุงนิรภัย คุณคงไม่อยากเห็นพวกมันแตกหรือรั่วในกระเป๋าแน่ๆ! อ้อและอย่าลืมว่ามันควรมีขนาดสำหรับพกพาเวลาเดินทางนะ
    • ถ้าคุณพักในโรงแรม หลังจากเดินทางถึง คุณสามารถมองข้ามแชมพูหรือครีมนวดผมไปได้เลยและใช้ของโรงแรมที่เตรียมให้แทน (ส่วนของจำเป็นอื่นๆ อย่างยาสีฟัน ก็หาซื้อเมื่อถึงจุดหมาย)
  4. 4
    ถ้าคุณต้องผ่านศุลกากร ให้ตรวจสอบกระเป๋าสัมภาระก่อนใส่ของ. ให้แน่ใจว่ามันว่างเปล่าจริงๆ (โดยเฉพาะถ้ากระเป๋าไม่ใช่ของคุณ) เพราะทันทีที่ผ่านจุดตรวจความปลอดภัย มีแต่คุณเท่านั้นที่จะต้องรับผิดชอบข้าวของในนั้น ปกติแล้วกระเป๋าเดินทางมักมีซิปซ่อนอยู่ตรงกลางหรือข้างๆ เปิดตรวจดูให้แน่ใจ ปลอดภัยไว้ก่อนดีกว่ามาเสียใจภายหลัง
    • ถ้าคุณต้องข้ามพรมแดน ลองเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่บ่งชี้ร่องรอยการงัดแงะ (tamper-evident) มาปิดกระเป๋าเดินทาง เพื่อที่คุณสามารถตรวจสอบได้ว่ากระเป๋าไปถึงโดยไม่ถูกรือค้นก่อนจะผ่านศุลกากร
  5. 5
    วางของชิ้นที่หนักไว้ทางข้างล่างของกระเป๋า โดยเฉพาะถ้ากระเป๋าเป็นทรงแนวตั้ง. การต้องเผชิญกับกระเป๋าที่ข้าวของกลิ้งโค่โร่ไม่เป็นท่าในทุกคราวที่เหวี่ยงหรือพลิกกระเป๋าเวลาจะไปไหนคงเป็นเรื่องไม่เข้าท่าเป็นแน่
    • ในระหว่างที่จัดสัมภาระ ก็ให้ขีดฆ่าของที่จัดแล้วออกจากรายการไปด้วย รอบคอบหน่อย คุณคงไม่อยากใจเสียรื้อข้าวของใหม่หมดทั้งกระเป๋าเพียงเพราะไม่แน่ใจว่าได้จัดของชิ้นที่จำเป็นลงไปในกระเป๋าแล้วหรือยังหรอกนะ
  6. 6
    จัดเก็บเสื้อผ้าด้วยวิธี "ม้วน". วางเสื้อผ้าสองหรือสามชิ้นซ้อนกัน ใช้มือรีดให้แบนเรียบ แล้วม้วนมันเหมือนเวลาเก็บถุงนอนเพื่อประหยัดเนื้อที่และไม่ทำให้ยับ ถ้าจะเพิ่มความมั่นใจว่าเสื้อผ้าไม่ยับ ให้วางกระดาษทิชชู่หนาหรือกระดาษห่อของไว้ระหว่างเสื้อผ้าแต่ละชิ้นก่อนม้วน อย่ากังวลเรื่องผ้าที่ชอบยับนัก โรงแรมส่วนใหญ่มีแผนกซักรีดหรืออย่างน้อยก็มีเตารีดให้
  7. พับสเว็ตเตอร์ แจ็คเก็ต และชุดชั้นในในถุงรีดลมที่นำกลับมาใช้ใหม่ได้ ซึ่งจะช่วยประหยัดพื้นที่ในกระเป๋าได้มากถึง 75%. พวกมันยังเก็บกลิ่นซึ่งทำให้เหมาะแก่การเก็บผ้าสกปรก ถุงอัดลมใช้งานได้ดีมาก ยี่ห้อ Ziploc ก็มีขาย คุณแค่ใส่ข้าวของลงไป ปิดปากถุงแล้วรีดลมออกมาทางรู ง่ายจะตาย
  8. ใส่ของที่แตกได้ง่าย อย่างเช่นเครื่องประดับหรือแว่นตา โดยห่อมันไว้ในถุงเท้าแล้วนำไปใส่ในรองเท้าที่จะใส่ไว้ในกระเป๋า. นี่จะช่วยให้มั่นใจในความปลอดภัย
  9. 9
    ซื้อห่วงหนีบขนาดใหญ่. มันดูเหมือนห่วงผ้าม่านอาบน้ำที่สามารถอ้าออกมาหนีบอะไรให้ติดกันได้ มีขายตามห้างสรรพสินค้าทั่วไป ใช้ห่วงนี้หนีบของสำคัญเช่นกระเป๋าใส่พาสปอร์ตคล้องกับกระเป๋าถือแล้วคล้องกับกระเป๋าเดินทางอีกที กระเป๋าใบใหญ่พะรุงพะรังที่คุณต้องละสายตาไปเวลามีเรื่องอื่นให้กังวลนั้นล่อสายตาพวกโจรได้ดีนักแล ให้เก็บเอกสารสำคัญ บัตรประจำตัว เงิน และของมีค่าไว้ในกระเป๋าคาดไหล่หรือซ่อนในตัวคุณ (คุณสามารถหาซื้อกระเป๋าทรงแบนเรียวที่ซ่อนใต้เสื้อผ้าไว้สำหรับของแบนๆ ได้) ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับแต่ละสถานที่ กระนั้น อย่าซ่อนทุกอย่างที่คุณอาจต้องใช้มันทันทีเสียล่ะ
  10. พกขนมขบเคี้ยวถุงเล็กสำหรับการเดินทางที่คุณสามารถหาซื้ออาหารได้ และพกอาหารหนักหน่อยสำหรับเวลาเดินทางในรถ/รถไฟ/เครื่องบินนานๆ ยิ่งถ้าคุณเป็นพวกแพ้อาหารอย่างใดอย่างหนึ่ง (เช่น แพ้กลูเตนหรือแพ้ถั่ว) และไม่มีตัวเลือกเวลาเดินทางมากนัก (เครื่องบินมักเสิร์ฟแต่อาหารแนวนี้) ก็ให้พกของทานเล่นเพิ่มมากขึ้นอีก
  11. 11
    ติดความบันเทิงเผื่อรู้สึกเบื่อ. ไดอารี่ (พร้อมปากกา), เกมขนาดพกพา, ไพ่สักสำรับ, หนังสือสักเล่ม และอุปกรณ์มือถือล้วเป็นตัวกำจัดความเบื่อฆ่าเวลาระหว่างการเดินทางได้ดี
  12. 12
    จำไว้ว่าการเดินทางนั้นก็เพื่อความสนุกและได้พักผ่อน ไม่ใช่ต้องเครียด! อย่าพะวงกับการจัดระเบียบวางแผนโน่นนี่จนเกินไป ถ้าเครียดขนาดนั้น ให้บริษัทท่องเที่ยววางแผนให้ดีกว่าไหม เว็บไซต์อย่าง tripadvisor.com หรือ seatguru.com สามารถให้คำแนะนำเรื่องสถานที่ท่องเที่ยว โรงแรม ร้านอาหาร และสายการบินเช่นเดียวกับโปรโมชั่นต่างๆ ได้
    โฆษณา
วิธีการ 2
วิธีการ 2 ของ 3:

จัดกระเป๋าขึ้นเครื่องบิน

ดาวน์โหลดบทความ
  1. 1
    รู้ว่าวัตถุอะไรบ้างที่ถูก ห้าม ไม่ให้เอาขึ้นเครื่อง. ซึ่งขึ้นอยู่กับความปลอดภัย ขนาด น้ำหนัก และกระทั่งอาหาร เพราะมีระเบียบข้อห้ามบังคับอยู่
    • ระเบียบข้อห้ามในด้านความปลอดภัยนั้นแตกต่างกันไปในแต่ละประเทศ แต่จะรวมของที่มีอันตรายชัดเจน (มีดในกระเป๋าถือ, ของเหลวติดไฟในกระเป๋าเดินทางใดๆ), ของที่ดูไม่อันตรายชัดเจนนัก (ที่ตัดเล็บหรือแฟ้มในกระเป๋าถือ), และของที่ดูเหมือนไม่น่าจะมีอะไร (ขวดน้ำที่ยังไม่เปิดฝาขวดบนสายการบินในสหรัฐ เว้นแต่จะซื้อ หลัง ผ่านการตรวจด้านความปลอดภัย)
    • ข้อจำกัดด้านน้ำหนักและขนาดของสัมภาระจะขึ้นอยู่แต่ละสายการบิน ดังนั้นควรเช็คข้อมูลเพิ่มเติมในเว็บไซต์ของสายการบินนั้นๆ ล่วงหน้า ส่วนใหญ่แล้วจะยอมให้หิ้วกระเป๋าเดินทางขนาดกลางกับกระเป๋าถือขึ้นเครื่องได้
    • หลีกเลี่ยงการเอาถั่วขึ้นเครื่องบิน มันอาจก่อให้เกิดปฏิกิริยาภูมิแพ้ในผู้โดยสารคนอื่นได้
    • ถ้าเป็นการบินข้ามประเทศ อย่านำผลิตผลทางการเกษตร (ผลไม้ ผัก เมล็ดพืช), เนื้อสัตว์ หรือผลิตภัณฑ์จากนม ถึงแม้คุณอาจผ่านการตรวจของบางประเทศได้ แต่หลายประเทศก็เข้มงวดกับของเหล่านี้เพื่อลดการแพร่กระจายของโรคและสปีซี่ส์ต่างด้าว
  2. 2
    แยกส่วนของเหลวออกจากข้าวของที่เหลือในกระเป๋าถือ. คุณควรสามารถหยิบของเหลวได้ง่ายเผื่อต้องเอาออกมาตรวจระหว่างผ่านช่องตรวจสอบความปลอดภัย ในสหรัฐนั้นอนุญาตให้นำของเหลวหรือเจลติดตัวได้จำกัดดังต่อไปนี้:
    • คุณได้รับอนุญาตถือขวดของเหลว/เจลที่มีปริมาณสูงสุดต่อขวด 3.4 ออนซ์ (ไม่ใช่นับรวม) เช่น แชมพูขวดขนาด 2 ออนซ์ ยาสีฟันขนาด 2 ออนซ์ และสบู่ล้างหน้าขนาด 3.4 ออนซ์สามารถเอาขึ้นเครื่องได้
    • ขวดของเหลวทั้งหมดจะต้องใส่รวมกันในถุงซิปล็อกขนาด 1 ควอร์ท (มีให้คุณเวลาจะผ่านจุดตรวจความปลอดภัย) ก่อนที่ตัวคุณกับสัมภาระจะผ่านเครื่องสแกนนั้น คุณจะต้องวางถุงใส่ของเหลวนี้ลงบนสายพานเพื่อให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบตามความจำเป็น
    • เพื่อป้องกันความวุ่นวายตอนเก็บของและการแยกของเหลวออกจากกัน ให้นำผลิตทำความสะอาดร่างกายที่เป็นของแข็ง (เช่น แท่งระงับกลิ่นกาย แป้งคอนซีลเลอร์) คุณสามารถเก็บแบบที่เป็นของเหลวไว้ในกระเป๋าถือ
    • ของเหลวที่อนุญาตให้เอาติดตัวขึ้นไปได้มักจะไม่รวมถึงยาที่แพทย์สั่งจ่าย (นอกจากคุณมีเอกสารรับรองมายืนยัน) อาหารเหลวของทารก น้ำนมแม่ หรืออะไรทำนองนั้น ให้แน่ใจว่าได้เก็บมันแยกออกมาจากของเหลวอย่างอื่นและแจ้งกับทางเจ้าหน้าที่ด้วย
  3. 3
    หลีกเลี่ยงการโหลดกระเป๋าเดินทางถ้าเป็นไปได้. สายการบินหลายสายได้เงินจากการเก็บเงินผู้โดยสารจากการโหลดสัมภาระ และต่อให้คุณไม่สนค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้น การรอโหลดกระเป๋าและรับกระเป๋าเมื่อถึงจุดหมายอาจทำให้ต้องเสียเวลาครึ่งชั่วโมงหรือกว่านั้น แถมถ้ากระเป๋าตกเครื่องก็ต้องใช้เวลาส่งถึงคุณล่าช้าไปหลายวัน หากคุณเดินทางพร้อมลูกๆ ให้แน่ใจว่าเด็กแต่ละคนหิ้วกระเป๋าตามน้ำหนักสูงสุดที่สามารถหิ้วขึ้นเครื่องได้ เมื่อรวมกลุ่มแล้วก็จะเอาของขึ้นได้มากขึ้น สวมเสื้อผ้าชุดที่หนักที่สุด (อย่างยีนส์ รองเท้าวิ่ง/รองเท้าเทนนิส สเว็ตเตอร์) ในระหว่างเดินทางเพื่อไม่กินเนื้อที่ หรือไม่ก็ลองเปลี่ยนยีนส์ไปใส่กางเกงเดินทางน้ำหนักเบาที่ประหยัดเนื้อที่แถมยังแห้งเร็ว
  4. 4
    ลองใช้กระเป๋าใส่แล็ปท็อปที่ผ่านการอนุมัติจากหน่วยงานด้านความปลอดภัยในการเดินทางของสหรัฐ (TSA-approved). ถ้าคุณต้องบินเข้าสหรัฐและคอมพิวเตอร์แล็ปท็อปอยู่ในกระเป๋ารวมกับข้าวของอื่นๆ คุณจะถูกบอกให้เอาออกมาก่อนนำกระเป๋าผ่านเครื่องเอ็กซเรย์ ซึ่งจะทำให้การต่อแถวยิ่งล่าช้าและสร้างความวุ่นวายถ้าไม่เตรียมพร้อมล่วงหน้า ถ้าคุณยังมองหากระเป๋าเดินทางอยู่ ไม่ลองเลือกกระเป๋าแบบที่มีส่วนใส่แล็ปท็อปพับแยกต่างหากจากส่วนอื่นๆ เพื่อที่จะได้เอ็กซเรย์โดยไม่ต้องรื้อข้าวของอื่นๆ ล่ะ
  5. เก็บของที่สำคัญที่สุดไว้ในกระเป๋าที่เล็กที่สุด. สายการบินส่วนใหญ่อนุญาตให้หิ้วกระเป๋าถือขนาดกลางหนึ่งใบและขนาดเล็กหนึ่งใบเพื่อที่คนเราจะสามารถเอากระเป๋าสตางค์หรือกระเป๋าใส่ผ้าอ้อมขึ้นเครื่องได้ ในเมื่อคุณคงจะเอากระเป๋าใบที่ใหญ่กว่าเก็บไว้บนช่องเก็บสัมภาระเหนือศีรษะ จึงควรเลี่ยงใส่ของที่คุณอาจต้องใช้ในระหว่างบิน (เช่น เสื้อหนาว หนังสือ หรือของว่าง) ไว้ในนั้น มิฉะนั้นก็ต้องลุกขึ้นมาควานหาในกระเป๋าระหว่างเดินทางอีก
    โฆษณา
วิธีการ 3
วิธีการ 3 ของ 3:

จัดกระเป๋าขึ้นรถไฟ

ดาวน์โหลดบทความ
  1. กระจายของหนักลงในกระเป๋าแต่ละใบให้เฉลี่ยเท่าๆ กัน. รถไฟส่วนใหญ่อนุญาตให้ใช้กระเป๋าใบใหญ่ ทำให้เหมาะกับการเดินทางในบางสถานการณ์ และมักต้องเก็บบนช่องใส่สัมภาระเหนือศีรษะเหมือนเครื่องบิน แต่เนื่องจากคุณใช้กระเป๋าขนาดใหญ่แทนที่จะเป็นกระเป๋าถือเล็กๆ การยกมันขึ้นลงเลยลำบากหน่อย ให้แน่ใจว่าไม่ได้ใส่ของจนกระเป๋าใบหนึ่งหนักเหมือนใส่ก้อนอิฐ มิฉะนั้นอาจยืนขาสั่นบนทางเดินหรือต้องขอผู้โดยสารคนอื่นมาช่วยยกมันขึ้นลง
  2. 2
    เก็บของมีค่าไว้กับตัว. การเก็บกระเป๋าไว้บนชั้นวางสัมภาระเหนือศีรษะอาจทำให้คุณรู้สึกว่ามันปลอดภัยเหมือนเวลาเดินทางโดยเครื่องบิน แต่จำไว้ว่าข้าวของของคุณนั้นไม่ได้มีคนเฝ้าดูแลและรถไฟมีคนขึ้นลงตลอดเวลา เก็บของมีค่าไว้กับตัวดีกว่าโดยเฉพาะถ้าคุณอยากจะยืดเส้นยืดสาย หาของทานเล่นหรือหลับสักงีบ
  3. 3
    ให้แน่ใจว่ารถไฟมีของทานเล่นก่อนจะจัดกระเป๋า. รถไฟส่วนใหญ่มีตู้เสบียง (หรือแวะพักสถานีที่มีอาหารเครื่องดื่มขายซึ่งคุณสามารถรีบลงไปซื้อขึ้นมาได้) แต่ถ้าต้องเดินทางในประเทศที่ไม่คุ้นเคยกับธรรมเนียมการขึ้นรถไฟของที่นั่น ให้แน่ใจว่าไม่ได้ต้องทนหิวไม่มีอาหารตกท้องไป 18 ชั่วโมงนะ
    โฆษณา

เคล็ดลับ

  • อย่ารอจนนาทีสุดท้ายแล้วค่อยจัดกระเป๋า มันจะยิ่งเครียดและมีสิทธิลืมโน่นลืมนี่ได้มากกว่า
  • ควรเหลือเนื้อที่ 10% ถึง 20% ในกระเป๋าสำหรับของที่ระลึกและของฝากเสมอ
  • พยายามพับเสื้อผ้าให้กะทัดรัดที่สุด เช่นม้วนเสื้อเชิ้ตแน่นๆ เอาชุดชั้นในกับถุงเท้าใส่ในถุงซิปล็อก รีดลมออกช้าๆ ถ้าของน้อยอยู่แล้ว (น้อยกว่าขนาดปกติ 2 เท่า) ก็ปิดปากถุงได้เลย ไม่จำเป็นต้องรีดลมออกเป็นสุญญากาศ คุณสามารถใส่ผ้าชิ้นเล็กๆ ไว้ในถุงอย่างชุดทารกหรือชุดเด็ก
  • อย่าลืมนำใบสั่งจ่ายยาของแพทย์ติดตัวระหว่างเดินทาง บางประเทศเข้มงวดเรื่องการซื้อยามาก
  • ให้แน่ใจว่าถุงเท้าสะอาดก่อนเอามาพันรอบเครื่องประดับกับแว่นตา
  • ต้องไปต่างประเทศ? ถ่ายเอกสารพาสปอร์ตและเก็บแยกต่างหากจากเล่มจริง เพื่อที่หากพาสปอร์ตหาย จะได้มีเอกสารมายืนยัน
  • พยายามเก็บเสื้อผ้าที่เข้าชุดกันไว้ในถุงซิปล็อกเดียวกัน เพื่อที่จะเอาออกมาใส่ได้สบายชนิดไม่ต้องรื้อกระเป๋าทั้งใบ อย่าลืมรีดลมออกเพื่อประหยัดเนื้อที่
  • ใช้หลอดดูดเพื่อไม่ให้สายสร้อยพันกันโดยร้อยมันเข้าไปในหลอด
  • ใช้แกนกระดาษทิชชู่เปล่าๆ ในการพันเก็บสายชาร์จและสายไฟต่างๆ
  • เก็บขงจำเป็นอย่างเสื้อผ้า โทรศัพท์มือถือ พาสปอร์ตก่อน แล้วค่อยจัดของอื่นอย่างเครื่องประดับ อาหารหรือเครื่องสำอาง จะได้มีเนื้อที่ในการเก็บของสำคัญได้ครบถ้วน
โฆษณา

คำเตือน

  • ระวังอันตรายของการสลับสับเปลี่ยนกระเป๋า ตรวจกระเป๋าให้เรียบร้อยก่อนผ่านศุลกากรเพื่อความแน่ใจ
  • ให้แน่ใจว่าได้เก็บยาและของสำคัญอย่างอื่นไว้ในกระเป๋าถือ ไม่ใช่ในกระเป๋าที่จะโหลดใต้เครื่อง หากกระเป๋าเกิดส่งผิด จะได้ยังมีของสำคัญติดตัว
  • ในบางประเทศจะไม่อนุญาตให้คุณนำอาหารบางชนิดเข้าไป และอาจถูกปรับหรือจับกุมได้ ให้แน่ใจว่าได้ตรวจซ้ำว่าสามารถเอาอะไรเข้าประเทศได้บ้าง
  • พึงระลึกไว้ว่าตามมาตรฐานด้านความปลอดภัยของการบินจะไม่อนุญาตของติดตัวหลายอย่าง อาทิเช่น ใบมีดโกน กรรไกร และไม้ขีดไฟ”ชนิดจุดได้ทุกที่” สำหรับรายชื่อของที่ถูกห้ามทั้งหมดนั้น ให้ตรวจดูที่รายชื่อของต้องห้ามของ TSA ที่นี่
โฆษณา

เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้

มีการเข้าถึงหน้านี้ 3,498 ครั้ง

บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม

โฆษณา