อาการเมารถเป็นปัญหาทั่วไปที่หลายๆ คนมักจะเจออยู่บ่อยๆ อาการเมารถนั้นเกิดจากการที่ดวงตากับหูชั้นในทำงานไม่ประสานกัน หูชั้นในบอกกับสมองว่าร่างกายกำลังเคลื่อนไหว แต่ดวงตาบอกว่าร่างกายไม่เคลื่อนไหว ความขัดแย้งนี้ส่งผลให้เกิดอาการเมารถขึ้นมา แม้ว่าจะไม่มีวิธีรักษาอาการนี้ แต่ก็มีวิธีที่ทำให้อาการไม่แย่ลงได้
ขั้นตอน
-
หาอากาศสดชื่น. บางคนจะออกไปสูดอากาศเพื่อบรรเทาอาการเมารถ แค่เพียงเดินไปเปิดหน้าต่างหรือหาทางระบายอากาศก็สามารถช่วยบรรเทาอาการเมานี้ได้ [1] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง หากอาการไม่ดีขึ้น ให้จอดรถถ้าเป็นไปได้ แล้วลงรถไปสูดอากาศบริสุทธิ์ อากาศจะช่วยบรรเทาอาการได้ นอกจากนี้ การจอดรถก็ช่วยได้เช่นกัน ในสภาพอากาศที่อุ่นนั้น บางคนจะเปิดเครื่องปรับอากาศ ในขณะที่คนอื่นๆ ต้องปิดเครื่องปรับอากาศและออกไปหาอากาศบริสุทธิ์ข้างนอก
-
จำกัดทัศนียภาพ. บ่อยครั้งที่อาการเมารถนั้นเกิดจากการเคลื่อนไหวที่เกิดขึ้นนอกตัวรถ การจำกัดทัศนียภาพจะช่วยให้อาการดีขึ้นได้หากคุณเมารถด้วยสาเหตุนี้ แว่นบังตาเป็นทางเลือกที่ดีที่จะช่วยจำกัดทัศนียภาพระหว่างขับรถได้
- การปิดตาก็ช่วยได้ และจะดีมากหากคุณสามารถหลับได้
- ลองใช้แว่นกันแดดหรือแผ่นปิดตาเพื่อจำกัดทัศนียภาพให้พอดีเพื่อจัดการกับอาการเมาการเดินทางหรือเมารถได้
- อาการตาแห้งหรือตาล้าก็สามารถเป็นสาเหตุให้เกิดอาการเมารถได้ การใช้ยาหยอดตาหรือล้างหน้าด้วยน้ำจะช่วยบรรเทาอาการเมารถได้ การถอดคอนแทคเลนส์และใช้แว่นแทนก็จะเป็นประโยชน์ต่อการบรรเทาอาการเมารถได้อย่างมาก
-
ใช้ผลิตภัณฑ์ที่ทำมาจากขิง. บางคนใช้ผลิตภัณฑ์ที่ทำจากขิงเพื่อบรรเทาอาการเมารถ คุณอาจจะลองใช้หมากฝรั่งรสขิง เบียร์รสขิง คุกกี้รสขิง และผลิตภัณฑ์จากขิงอีกมากมาย พกผลิตภัณฑ์พวกนี้ไว้ติดตัวเผื่อไว้ใช้เวลาที่คุณรู้สึกว่ากำลังจะเมารถ [2] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
-
ทานอาหารแห้ง. ข้อมูลจากบางแหล่งแสดงให้เห็นว่าการทานอาการแห้ง เช่น ขนมปังกรอบ จะช่วยบรรเทาอาการเมารถได้ เพราะอาหารแห้งจะช่วยดูดซับกรดส่วนเกินในกระเพาะอาหารได้
-
ลองใช้การกดจุด (Acupressure). การกดจุดเฉพาะบนร่างกายจะช่วยบรรเทาอาการเมารถได้ โดยเฉพาะจุดเน่ยกวน พี6 (Nei Guan/P6) ที่อยู่บริเวณใต้ข้อมือ การกดจุดตรงนี้จะช่วยบรรเทาอาการมวนท้องได้ [3] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
- กำหนดจุดโดยการหาบริเวณที่คุณใส่นาฬิกาข้อมือ มองหาบริเวณกลางข้อมือจะสัมผัสถึงช่องเล็กๆ ซึ่งคุณจะสัมผัสถึงเส้นเอ็นได้ กดบริเวณนั้นด้วยปลายนิ้วประมาณ 10 วินาทีจะรู้สึกดีขึ้น
- ถ้าคุณมีนาฬิกาข้อมือหรือสายรัดข้อมือ คุณอาจจะทำสายกดข้อมือเพื่อบรรเทาอาการเมารถได้ สร้างก้อนเล็กๆ โดยใช้กระดาษ หรือของที่เหมือนกระดาษ (เช่น กระดาษห่อหมากฝรั่ง) ขนาดประมาณเมล็ดถั่ว ติดก้อนนี้บนสายรัดข้อมือให้พอดีกับจุดที่กล่าวถึงไปข้างต้น
โฆษณา
-
ป้องกันอาการเมาการเดินทางหรืออาการคลื่นไส้. อย่าออกเดินทางในตอนที่ท้องว่างหรืออิ่มเต็มที่ อาการเมาการเดินทางมักจะเกิดขึ้นตอนท้องอิ่ม ดังนั้น หลีกเลี่ยงอาหารมื้อหนักก่อนออกเดินทาง และควรหลีกเลี่ยงอาหารที่คุณไม่ถูกหรือแสลงปาก นอกจากนี้ก็ควรหลีกเลี่ยงอาหารที่ทำให้คุณอิ่มเกินไป อาหารเผ็ดหรืออาหารที่มีไขมันสูง [4] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
- บางคนอาจจะมีปัญหาเวลาออกเดินทางตอนท้องว่าง
- หลีกเลี่ยงการทานอาหารที่มีกลิ่นแรงบนรถจะช่วยป้องกันอาการคลื่นไส้ได้
-
นั่งในที่ที่คุณรู้สึกเคลื่อนไหวน้อยที่สุด. เนื่องจากอาการเมารถนั้นเป็นผลมาจากการทำงานไม่ประสานกันระหว่างการเคลื่อนไหวที่คุณรับรู้กับการเคลื่อนไหวที่คุณมองเห็น การเลือกนั่งในที่ที่คุณไม่รู้สึกเคลื่อนไหวมากนัก (หรือไม่รู้สึกเลย) สามารถช่วยบรรเทาอาการเมารถได้ ที่นั่งด้านหน้ามักจะเป็นที่ที่ดีที่สุด [5] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
- อย่านั่งสวนทางกับทิศทางที่เดินทาง การนั่งแบบนี้จะทำให้เกิดอาการเมารถอย่างรุนแรง
-
หลีกเลี่ยงตัวกระตุ้นทางสายตาเพื่อบรรเทาอาการเมารถ. สิ่งที่ทำให้คุณเกิดอาการเมารถก็คือทัศนียภาพทางธรรมชาติ ยกตัวอย่างเช่น คุณไม่ควรอ่านหนังสือในตอนที่อยู่บนรถ การเคลื่อนไหวจะทำให้จดจ่ออยู่กับตัวอักษรได้ยาก การอ่านหนังสือขณะอยู่บนรถนั้นเป็นอันตรายสำหรับคนที่เมารถหรือเมาการเดินทาง [6] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
- การจดจ่ออยู่กับจุดๆ เดียวขณะเดินทางจะช่วยลดผลกระทบจากอาการเมารถได้
- ถ้าคุณกำลังขับรถไปกับคนอื่นที่มีอาการเมารถ หรือพบว่าพวกเขานั้นเมารถ หรือพูดถึงอาการเมารถสิ่งเหล่านี้สามารถกระตุ้นร่างกายให้เกิดอาการเมารถได้
-
ใช้ยา. ตัวยาบางชนิดที่สามารถซื้อโดยไม่ต้องมีใบสั่งยา โดยจะมีกลุ่มยาโรคหอบหืด (Anticholinergics) เช่นยาสโคโปลามีน (Scopolamine) กลุ่มยาคลายกล้ามเนื้อ (Antispasmodics) เช่น ยาโปรเมทาซีน (Promethazine) และกลุ่มยาที่ออกฤทธิ์ต่อระบบประสาทส่วนกลาง (Sympathomimetic) เช่น ยาเอฟีดรีน (Ephedrine) ยากลุ่มเหล่านี้สามารถช่วยป้องกันอาการเมาการเดินทางได้ เพราะส่วนใหญ่จะมีส่วนผมของตัวยาที่เรียกว่ามีไคลซีน (Meclizine) ซึ่งสามารถต่อต้านอาการคลื่นไส้ได้ดีเหมือนกับยาแก้แพ้ (Antihistamines) และยาแก้ปวดท้อง (Antispasmodic) ตัวยาพวกนี้จะไประบุจุดเฉพาะบนสมองที่เกี่ยวข้องกับการเคลื่อนไหวเพื่อช่วยป้องกันอาการเมาการเดินทางเวลาอยู่บนรถ (หรือยานพาหนะอื่นๆ ) [7] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
- ถ้าอาการเมาการเดินทางนั้นแย่มาก แพทย์อาจจะสั่งยาสโคโปลามีน (Scopolamine) ซึ่งสามารถใช้รับประทาน ฉีดเข้าเส้นเลือด หรือทาบนผิวหนังได้
- ปรึกษาปฏิกิริยาและผลข้างเคียงจากยากับแพทย์หรือเภสัชกรก่อนจะใช้ยาที่แพทย์สั่ง
-
ทานขิง. ขิงสามารถใช้เป็นทางเลือกในการรักษาได้ โดยขิงจะมีสรรพคุณที่ช่วยบรรเทาอาการเมารถสำหรับบางคน ในการใช้เพื่อป้องกันอาการเมารถนั้น คุณอาจจะผสมผงขิงครึ่งช้อนชากับน้ำหนึ่งแก้วแล้วดื่ม หรือทานขิง 2 แคปซูลประมาณ 20 นาทีก่อนออกเดินทาง [8] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
- พกผลิตภัณฑ์ที่ทำจากขิงติดตัวเพื่อรักษาและป้องกันอาการเมารถ พกลูกอมรสขิงหรือคุกกี้รถขิงไว้ในกระเป๋าเงินหรือกระเป๋าไว้เผื่อได้ใช้ประโยชน์
-
หลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่. การสูบบุหรี่อาจจะก่อให้เกิดอาการเมารถได้ ดังนั้น หลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่จึงเป็นวิธีที่ดีที่สุด [9] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง มีงานวิจัยบางงานบอกว่าการขาดนิโคตินในชั่วข้ามคืนจะช่วยหลีกเลี่ยงความไว้ต่ออาการเมาการเดินทางได้ [10] X แหล่งข้อมูลที่เชื่อใจได้ PubMed Central ไปที่แหล่งข้อมูล ถ้าคุณเป็นสุบบุหรี่จัด ก็มีหลายวิธีที่คุณจะสามารถเลิกสุบบุหรี่ได้ หาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ http://th.wikihow.com/เลิกบุหรี่โฆษณา
เคล็ดลับ
- การมองสิ่งที่ผ่านไปอย่างรวดเร็วก็สามารถทำให้คุณเมาการเดินทางได้ในบางครั้ง
- บอกให้คนขับรถรู้เสมอเมื่อคุณรู้สึกเมาการเดินทาง
- หายใจเข้าลึกๆ เพื่อสงบตัวเอง ทำให้กล้ามเนื้อเคลื่อนไหวในเวลาอันรวดเร็วเพื่อบรรเทาอาการเมาการเดินทาง
- อย่าปิดปากเมื่อคุณจะอาเจียน เพราะอาจจะออกทางจมูกแทนได้
- นอนหลับ หากคุณไม่สามารถนอนได้ ให้ทานยาที่ช่วยในการนอนหลับ เช่น เมลาโทนิน
- ถ้าคุณเคยมีประวัติเมารถ ให้นำถุงพลาสติกติดตัวไปด้วยเช่น ถุงซิปล็อค
- ถ้าเส้นทางที่คุณเดินทางนั้นมีทางที่เป็นช่วงลงเนินหรือเป็นทางลาดลง ให้วางแผนเพื่อหาเวลาพักไว้ด้วย
- บางคนพบว่าการกุมข้อมือเอาไว้บางครั้งก็ช่วยได้ สายรัดข้อมือที่มีลูกบอลอยู่ตรงกลางเพื่อกดจุดนั้นจะช่วยควบคุมอาการเมารถได้
- พยายามหลีกเลี่ยงรถติดถ้าเป็นไปได้ การเร่งเครื่องและหยุดรถทันทีนั้นไม่ได้ช่วยให้ดีขึ้น
โฆษณา
คำเตือน
- โดยทั่วไปนั้น ผู้หญิงจะไวต่ออาการเมารถมากกว่าผู้ชาย โดยเฉพาะกลุ่มผู้หญิงที่ตั้งครรภ์ เด็กอายุ 2 ถึง 12 ขวบ และคนที่มีปัญหากับระบบการทรงตัวหรือปวดหัวไมเกรนจะมีความไวต่อการเกิดอาการเมารถได้มากกว่าคนอื่น [11] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
โฆษณา
ข้อมูลอ้างอิง
- ↑ http://www.onemedical.com/blog/live-well/motion-sickness-cures/
- ↑ http://www.drweil.com/drw/u/ART00390/Motion-Sickness.html
- ↑ http://exploreim.ucla.edu/chinese-medicine/acupressure-point-p6/
- ↑ http://www.medicinenet.com/tips_to_prevent_motion_sickness/views.htm
- ↑ http://www.medicinenet.com/tips_to_prevent_motion_sickness/views.htm
- ↑ http://www.medicinenet.com/tips_to_prevent_motion_sickness/views.htm
- ↑ http://www.medicinenet.com/tips_to_prevent_motion_sickness/views.htm
- ↑ http://www.drweil.com/drw/u/ART00390/Motion-Sickness.html
- ↑ http://umm.edu/health/medical/altmed/condition/motion-sickness
เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้
มีการเข้าถึงหน้านี้ 2,487 ครั้ง
โฆษณา