ดาวน์โหลดบทความ ดาวน์โหลดบทความ

พุดเดิ้ลทอยนั้นทั้งสดใส ฉลาด ชอบจะเรียกร้องความสนใจและรักที่จะอยู่ข้างเจ้าของของมันอยู่ตลอด มันเป็นสุนัขตัวเล็กที่อดทนและสามารถใช้ชีวิตได้ดีในช่วงวัยรุ่น แต่ในช่วงที่มันเป็นผู้ใหญ่ มันก็อาจจะต้องได้รับการดูแลจากสัตวแพทย์เพื่อให้แน่ใจว่ามันจะใช้ชีวิตในช่วงชราได้มีความสุข [1] การดูแลสุนัขพุดเดิ้ลทอยนั้นหมายถึงการให้ความสนใจและมีความสามารถทางการเงินที่จะมอบสิ่งที่จำเป็นกับมัน เช่น การตัดขนเป็นประจำ การดูแลสุขภาพเมื่อมันอายุมาก และดูแลเพื่อป้องกันโรคต่างๆ เช่น การถ่ายพยาธิ

วิธีการ 1
วิธีการ 1 ของ 6:

ให้อาหารพุดเดิ้ลทอย

ดาวน์โหลดบทความ
  1. ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับอายุของมัน สุนัขนั้นก็ต้องการระดับของโปรตีน แคลอรี่ และสารอาหารอื่นๆ แตกต่างกัน มีอาหารสุนัขหลายประเภทที่เป็นสูตรสำหรับลูกสุนัข สุนัขโต และสุนัขสูงวัย
    • ลูกสุนัข : ลูกสุนัขนั้นต้องการโปรตีนสูงสำหรับกล้ามเนื้อ ต้องการแคลอรี่เพื่อการเติบโต และแคลเซียมเพื่อกระดูกที่มีสุขภาพดี หากเจ้าพุดเดิ้ลทอยของคุณเป็นลูกสุนัขที่มีอายุน้อยกว่า 12 เดือน ก็ควรให้อาหารที่ผลิตมาสำหรับลูกสุนัขโดยเฉพาะ ปกติแล้วมันจะระบุที่ฉลากว่า "อาหารสำหรับลูกสุนัข" หรือ "สูตรเติบโต" [2] ให้เลือกอาหารสุนัขสำหรับพุดเดิ้ลทอยโดยเฉพาะ นี่เป็นเพราะว่าขนาดของอาหารเม็ดนั้นจะเล็กกว่าและสำหรับฟันเล็กๆ ของลูกสุนัขแล้วก็จะทำให้เคี้ยวง่ายกว่า
    • สุนัขโต : เมื่อสุนัขของคุณมีอายุประมาณ 12 เดือน ให้อาหารเป็นสูตรสำหรับสุนัขโตเต็มวัย ให้อาหารแบบนี้จนมันอายุประมาณ 7 ปี อาหารสุนัขชนิดนี้จะมีคุณค่าทางอาหารที่สมดุลเพื่อมอบสารอาหารที่จะเป็นของสุนัขโตเต็มวัย
    • สุนัขสูงวัย : เมื่อพุดเดิ้ลทอยของคุณมีอายุ 7 ปี ให้เปลี่ยนไปเป็นอาหารสูตรสำหรับสุนัขสูงวัย มันจะมีแร่ธาตุอย่างฟอสเฟสที่น้อยลงเพราะไตของสุนัขจะย่อยยาก เมื่อเปลี่ยนไปใช้อาหารสูตรนี้แล้ว มันจะช่วยปกป้องการทำงานของไตของพุดเดิ้ลทอยด้วย [3]
  2. อาหารที่ควรจะให้สุนัขทานนั้นควรเป็นอาหารเม็ดแห้งๆ หรือแบบเปียกที่อยู่ในกระป๋องที่มีบิสกิตผสมเพิ่มด้วย อาหารแบบแห้งนั้นดีต่อสุขภาพฟันของสุนัขมากกว่า เพราะว่าการเคี้ยวบิสกิตนั้นจะช่วยทำให้ฟันสะอาด อาหารเปียกนั้นอาจจะดึงดูดพุดเดิ้ลทอยได้มากกว่า แต่อาหารที่ถุงหรืออาหารกระป๋องเนื้อเหนียวๆ จะติดที่ฟันและทำให้เกิดคราบได้
    • หากเป็นไปได้ ให้ฝึกลูกสุนัขให้ทานอาหารแบบแห้งเพื่อช่วยรักษาสุขภาพฟัน
    • มองหาอาหารสุนัขที่ผลิตเพื่อสุนัขพันธุ์พุดเดิ้ลทอยโดยเฉพาะ ซึ่งก็จะทำให้การเคี้ยวอาหารเม็ดเป็นปัญหาน้อยลง
  3. เมื่อสุนัขของคุณเป็นแค่ลูกสุนัข กระเพาะของมันก็จะยังเล็กและก็จะต้องกินอาหารบ่อยกว่าสุนัขโตเต็มวัย
    • ลูกสุนัข : ให้อาหารลูกสุนัขเป็นมื้อเล็กๆ แต่สำหรับกฎปกติจะเป็น 4 มื้อต่อวันจนกว่าลูกสุนัขจะอายุ 3 เดือน อาหาร 3 มื้อต่อวันจนกว่าจะอายุ 6 เดือน อาหาร 2 มื้อต่อวันเมื่อลูกสุนัขอายุ 6 เดือนและตลอดช่วงที่มันโตเต็มวัย
    • สุนัขโตเต็มวัยและสุนัขสูงวัย : ให้อาหารสุนัขโตเต็มวัยหรือสุนัขชรา 2 มื้อต่อวัน การให้อาหาร 2 มื้อนั้นเป็นสิ่งที่แนะนำเพราะว่าพุดเดิ้ลทอยนั้นมีเนื้อที่กระเพาะเล็กซึ่งหมายความว่ามันชอบกินอาหารมื้อเล็กๆ แต่บ่อยๆ มากกว่า [4]
  4. ให้มีถ้วยน้ำสำหรับสุนัขตั้งไว้เสมอ เปลี่ยนน้ำทุกวันและทำความสะอาดชามน้ำทุกๆ 2-3 วัน
    โฆษณา
วิธีการ 2
วิธีการ 2 ของ 6:

ดูแลและตัดแต่งขนของพุดเดิ้ลทอย

ดาวน์โหลดบทความ
  1. พุดเดิ้ลนั้นมีขนหยิกเป็นเกลียวและก็จะยาวขึ้นเรื่อยๆ พุดเดิ้ลจะไม่ผลัดขนเหมือนกับสุนัขสายพันธุ์อื่นๆ ขนของมันจะร่วงก็จริง แต่ก็จะไปพันกับขนส่วนอื่นๆ ซึ่งนี่หมายความว่าขนของพุดเดิ้ลจะพันกันและเป็นปมได้ง่าย [5]
    • ลูกสุนัขนั้นมีขนนุ่ม และก็จะเริ่มเปลี่ยนเป็นขนชุดใหม่ของสุนัขโตเต็มวัยเมื่ออายุประมาณ 6-9 เดือน การเปลี่ยนเป็นขนแบบสุนัขโตเต็มวัยแบบสมบูรณ์นั้นจะเกิดขึ้นจนกว่าสุนัขจะอายุ 18 เดือน
  2. ใช้เวลา 2-3 นาทีในการดูแลขนของสุนัขทุกวัน ที่ทำเช่นนี้เพราะมีจุดประสงค์ 2 อย่าง นั่นก็คือคุณสามารถทำให้ขนของมันหายพันกันและก็จะเป็นการให้ความสนใจกับมันมากๆ ด้วย
  3. ในการแปรงสิ่งที่ติดอยู่ที่ขน ให้ใช้หวีหรือแปรงที่หาซื้อได้ตามร้านค้าของสัตว์เลี้ยง คุณอาจจะต้องใช้ทั้งสองแบบ โดยใช้หวีตรงบางส่วนของร่างกายของสุนัขและใช้แปรงตรงส่วนอื่นๆ
  4. ก่อนที่จะเริ่มหวี ให้ฉีดพรมน้ำไปที่ขนของเจ้าพุดเดิ้ลทอย มันจะเป็นการหลีกเลี่ยงไม่ให้ขนเกาะกัน มันยังช่วยป้องกันเรื่องขนแห้งจากการพันกันแน่นด้วย
  5. แยกขนออกเป็นส่วนๆและใช้นิ้วมือจับไว้ หวีที่ขนโดยใช้แปรงจากโคนถึงปลาย
    • แปรงขนทั้งหมดและขอให้แน่ใจว่าได้หวีที่หลังหูและใต้ท้อง
  6. ขนของพุดเดิ้ลทอยนั้นยาวขึ้นตลอดเวลา ดังนั้นจึงต้องดูแลให้มันเรียบร้อยโดยการเล็ม ทั้งนี้ขึ้นอยู่ว่าคุณอยากจะให้ขนของพุดเดิ้ลทอยมีความสั้นยาวแค่ไหน แต่เน้นที่การเล็มขนของมันทุกๆ 3-8 อาทิตย์
    • ปกติแล้วจะให้ช่างตัดแต่งขนสุนัขเป็นผู้เล็มให้ แต่หากมีกรรไกรตัดขนสุนัขดีๆ การฝึกฝนอยู่ตลอด และใช้เวลาว่างๆ คุณก็สามารถเล็มขนสุนัขด้วยตนเองได้
    โฆษณา
วิธีการ 3
วิธีการ 3 ของ 6:

ดูแลหูของพุดเดิ้ลทอย

ดาวน์โหลดบทความ
  1. พุดเดิ้ลทอยนั้นมีแนวโน้มที่จะมีขนเยอะมากๆ ที่รูหู ขนที่ร่างของมันจะยาวมาถึงรูหูและจะทิ่มที่หู ซึ่งก็จะเหมือนการสวมหูฟังที่มีขนตลอดเวลา ให้ตรวจกับสัตวแพทย์เพื่อหาตารางเวลาที่เหมาะสมในการถอนขนที่หู
    • ความเห็นของผู้เชี่ยวชาญก็แตกต่างกันไปว่าควรถอนขนหรือไม่ ผู้ที่สนับสนุนให้ถอนขนนั้นบอกว่าเพื่อให้อากาศหมุนเวียนดีขึ้นและก็ช่วยลดโอกาสที่จะติดเชื้อที่หู และขจัดขนที่จะกักขี้หูออกไปด้วย แต่บางคนก็แย้งว่า การถอนขนที่หูจะทำให้สุนัขเจ็บหูและหูอักเสบ [6]
  2. เฝ้าระวังเรื่องหูของสุนัขโดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าคุณไม่ถอนขนที่หู ให้ระวังเรื่องการติดเชื้อที่หู (จะมีอาการคือมีกลิ่นเหม็น ขี้หูดำและหนา และมีของเหลวไหลออกมาทางหู) หรือมีวัตถุแปลกปลอมในหู (เกาหูตลอดเวลาหรือเอียงหูไปด้านใดด้านหนึ่ง)
  3. หากคุณสังเกตสัญญาณว่าสุนัขของคุณมีปัญหาที่หู ให้ถามสัตวแพทย์เพื่อตรวจสอบปัญหาสุขภาพ สัตวแพทย์จะแนะนำว่าคุณควรถอนขนที่หูบ่อยขึ้นหรือน้อยลง
    โฆษณา
วิธีการ 4
วิธีการ 4 ของ 6:

ดูแลฟันของพุดเดิ้ลทอย

ดาวน์โหลดบทความ
  1. เป็นที่รู้กันว่าพุดเดิ้ลทอยนั้นจะชอบมีคราบฟันก่อตัวขึ้น คราบฟันที่ก่อตัวนั้นจะทำให้พุดเดิ้ลทอยมีลมหายใจเหม็นและทำให้เหงือกเสื่อมและฟันหลอ ในการแปรงฟันของมัน ให้ใช้แปรงสีฟันเด็กที่มีขนแปรงอ่อนนุ่ม
    • คุณอาจจะใช้แปรงแบบ finger brush ซึ่งสามารถหาได้จากสัตวแพทย์หรือร้านขายสินค้าสำหรับสัตว์เลี้ยงขนาดใหญ่
    • คุณสามารถลดการก่อคราบฟันได้โดยการให้มันกินอาหารแบบแห้ง การกินอาหารแบบเปียกที่จะทำให้เกิดปัญหาที่ฟันยิ่งขึ้น หากสุนัขของคุณกินอาหารเปียก ก็ต้องแปรงฟันให้สุนัขทุกวันเป็นประจำ [7]
  2. ยาสีฟันที่ผลิตขึ้นเพื่อสุนัขโดยเฉพาะสามารถหาซื้อได้ที่ร้านค้าสำหรับสัตว์เลี้ยง อย่าใช้ยาสีฟันของคนกับสุนัข หากสุนัขกลืนยาสีฟันที่มีส่วนผสมอย่างฟลูออไรด์ มันก็จะปวดท้องได้
  3. ใช้ยาสีฟันแค่นิดเดียวบนแปรงสีฟัน จัดตำแหน่งของหัวสุนัขเพื่อที่คุณจะได้แปรงฟันให้มันได้ถนัด
  4. หากสุนัขไม่ยอมให้คุณแปรงฟัน ให้มันใช้ขนมขัดฟันทุกวัน มันจะช่วยทำความสะอาดฟันที่ใช้เคี้ยว (ฟันกราม) ที่ด้านในช่องปาก
    • มันเป็นเรื่องคุ้มค่าที่จะเสียแรงและเวลาในการดูแลฟันของสุนัขให้สะอาดเพื่อลดจำนวนครั้งของการทำความสะอาดฟันที่สุนัขต้องการ
    โฆษณา
วิธีการ 5
วิธีการ 5 ของ 6:

ดูแลสุขภาพของพุดเดิ้ลทอย

ดาวน์โหลดบทความ
  1. การดูแลสุขภาพของสุนัขของคุณนั้นก็ต้องพึ่งในส่วนของการไปพบกับสัตวแพทย์อย่างเป็นประจำ สำหรับสุนัขที่มีอายุน้อยกว่า 7 ปี สัตวแพทย์จะตรวจหาสัญญาณของอาการเจ็บป่วย ฉีดวัคซีนใหม่ และรักษาเรื่องเชื้อปรสิตและพยาธิ
  2. พาสุนัขที่มีอายุมากไปหาสัตวแพทย์ทุกๆ 6 เดือน. สุนัขที่มีอายุมากกว่า 7 ปีควรไปหาสัตวแพทย์ทุกๆ 6 เดือน สัตวแพทย์จะตรวจหาสัญญาณของอาการเจ็บป่วย ฉีดวัคซีนใหม่ และรักษาเรื่องปรสิตและพยาธิ
  3. เจ้าของสุนัขที่มีความรับผิดชอบจะต้องพาสุนัขไปฉีดวัคซีนอย่างเป็นประจำ ถ่ายพยาธิ และรักษาปรสิต อย่าง เห็บ
    • การฉีดวัคซีนนั้นเป็นสิ่งสำคัญแม้ว่าคุณจะพาเจ้าพุดเดิ้ลทอยไปทุกๆ ที่หรือมันไม่ค่อยจะออกจากบ้านเท่าไหร่ นี่เป็นเพราะว่าการติดเชื้ออย่างพาร์โวไวรัสที่เกิดจากเชื้อไวรัสที่ดื้อสุดๆ สามารถติดมาจากรองเท้าของคุณได้ ดังนั้น มันก็ยังเสี่ยงแม้ว่ามันจะเจ้าพุดเดิ้ลที่ได้รับการดูแลดีที่สุด
    • พูดคุยกับแพทย์เกี่ยวกับการติดตั้งไมโครชิพให้กับสุนัข ไมโครชิพจะช่วยให้คุณตามรอยสุนัขของคุณได้เมื่อมันหลงไป
  4. ปัญหาสุขภาพหนึ่งที่พุดเดิ้ลทอยมักจะเป็นเมื่อมีอายุมากขึ้นก็คือโรคเบาหวาน (diabetes mellitus) ฮอร์โมนที่เกี่ยวข้องกับความต้องการทางเพศในพุดเดิ้ลทอยตัวเมียที่จะกระตุ้นให้เกิดเบาหวานได้ ดังนั้น จะดีกว่าถ้าคุณพาพุดเดิ้ลทอยไปทำหมัน
    • หากทำหมันก่อนการติดสัดครั้งที่สองของพุดเดิ้ลทอยตัวเมีย นี่จะมีผลดีในการลดความเสี่ยงที่จะเป็นโรคมะเร็งเต้านมอย่างมากเมื่อมันอายุมากขึ้น พุดเดิ้ลทอยมักจะใช้ชีวิตไปสู่ช่วงวัยรุ่นของมัน เมื่อตัวเมียนั้นติดสัด มันจะทำให้เมือกที่มดลูกอ่อนแอและทำให้มันมีแนวโน้มที่จะมดลูกอักเสบ ซึ่งเป็นการติดเชื้อที่มดลูกที่มีอันตรายถึงชีวิตได้ ดังนั้น การทำหมันแม้ว่ามันจะยังแข็งแรงและสุขภาพดีเพื่อลดความเป็นไปได้ที่จะต้องผ่าตัดฉุกเฉินในเวลาต่อมาเมื่อมีการใช้ยาสลบ ซึ่งก็จะมีความเสี่ยงมากขึ้น [8]
    • การทำหมันพุดเดิ้ลทอยเพศผู้นั้นไม่ได้ให้ผลดีด้านสุขภาพดีเท่าตัวเมีย การทำหมันตัวผู้นั้นหลักๆ ก็เพราะว่าป้องกันการผสมพันธุ์ที่ไม่ต้องการและเพื่อควบคุมปัญหาด้านพฤติกรรม เช่น นิสัยเกรี้ยวกราด หรือนิสัยชอบใช้อำนาจ
    • พูดคุยกับสัตวแพทย์เพื่อเรียนรู้เพิ่ม. ลองถกกับสัตวแพทย์เกี่ยวกับสุขภาพของสุนัขก็จะทำให้คุณมีไอเดียดีๆ เกี่ยวกับวิธีที่คุณใช้
  5. ถึงตัวเล็กแต่ก็หายป่วยเร็ว พุดเดิ้ลทอยนั้นมักจะใช้ชีวิตได้ดีในช่วงวัยเด็กและช่วงวัยรุ่น อย่างไรก็ตาม มันมักจะมีปัญหาสุขภาพเมื่อมันมีอายุมากขึ้น เบาหวาน สุขภาพฟันที่แย่ลง และโรคหัวใจ นั้นเป็นสิ่งที่พบได้มากที่สุด ปัญหาสุขภาพเหล่านี้เมื่อระบุได้แล้วก็มักจะสามารถควบคุมได้เพื่อช่วยให้เจ้าสัตว์เลี้ยงของคุณมีอายุยืนนานและใช้ชีวิตอย่างคึกคักอยู่ [9]
    • มองหาสัญญาณที่บ่งบอกถึงอาการป่วย เช่น กระหายน้ำกว่าเดิม กลั้นปัสสาวะไม่ได้ ไอ ไม่มีแรง กลิ่นปากเหม็น เคี้ยวลำบาก หรือน้ำหนักลด หากคุณพบอาการเหล่านี้ใดๆ ก็ตาม ให้ไปปรึกษาสัตวแพทย์ [10]
    โฆษณา
วิธีการ 6
วิธีการ 6 ของ 6:

ฝึกพุดเดิ้ลทอย

ดาวน์โหลดบทความ
  1. พุดเดิ้ลทอยนั้นฉลาดมากและชอบที่จะถูกกระตุ้นในการฝึก ทุกครั้งที่คุณให้อาหารมัน ลองสั่งให้มันนั่งหรืออยู่นิ่งๆ ก่อนที่จะวางอาหารในจานของมัน เมื่อมันนั่งหรือยู่นิ่ง ก็วางจานลง การออกคำสั่งทุกครั้งก็จะเป็นการฝึกพุดเดิ้ลทอยให้นั่งและอยู่นิ่งเองโดยที่ไม่ต้องใช้อาหารอื่นเป็นรางวัลเลย
  2. เมื่อคุณกลับมาถึงบ้าน ใช้เวลาอย่างน้อย 2-3 นาทีทุกชั่วโมงฝึกสอนให้ลูกสุนัขรู้ชื่อของมัน ให้ทำเช่นนี้โดยการเรียกชื่อของมัน เมื่อมันตอบสนองและวิ่งมาหาคุณ ให้เรียกชื่อมันซ้ำและให้มันกินขนมเป็นรางวัล [11]
  3. การฝึกทั้งหมดนั้นควรเน้นที่การให้รางวัลซึ่งหมายความว่าให้เพิกเฉยต่อพฤติกรรมที่ไม่ดีและให้รางวัลเมื่อทำดีแทน อย่าพยายามไปดุลูกสุนัขเพราะสิ่งที่คุณสนใจนั้นอยู่ที่รางวัล ไม่ต้องสนใจพฤติกรรมที่ไม่ดีและกระตุ้นให้มันมีพฤติกรรมที่ดี
    • ตัวอย่างเช่น ให้เรียกมันมาหาคุณและเมื่อมันมาหา ก็ให้ขนมมัน [12]
  4. พุดเดิ้ลทอยนั้นจะผูกพันกับเจ้าของของมันมากและจะรู้สึกทุกข์ทมและกังวลที่ต้องแยกจากกันเมื่อตอนที่มันต้องอยู่ตัวเดียว ในการป้องกันเรื่องนี้ ให้ฝึกลูกสุนัขของคุณให้ใช้เวลากับตัวเองเป็นตั้งแต่อายุน้อย มันอาจจะเป็นเรื่องง่ายๆ อย่างเช่นทิ้งมันไว้ในลังเป็นเวลา 10 นาทีขณะที่คุณอยู่อีกห้องหนึ่ง หรือให้มันคุ้นเคยกับการอยู่บ้านตัวเดียวเมื่อคุณออกจากบ้านเพื่อไปทำธุระ [13]
  5. พุดเดิ้ลนั้นชอบที่จะถูกกระตุ้นทางด้านจิตใจ ดังนั้นให้ใช้เวลาอย่างน้อย 20 นาที 2 ครั้งต่อวันเพื่อเล่นกับมัน
    • ให้สุนัขของคุณเล่นจิ๊กซอว์สำหรับสุนัขเพื่อให้มันมีส่วนร่วม มันมีขายในร้านขายสินค้าสำหรับสัตว์หรือทางออนไลน์ [14]
    • พุดเดิ้ลทอยหลายตัวนั้นชอบที่จะเล่นวิ่งไล่ เช่น การฝึกความคล่องตัวโดยวิ่งไปตามกรวยซึ่งเป็นการฝึกที่ดัดแปลงให้เหมาะกับสุนัขพันธุ์เล็ก [15]
    โฆษณา

ข้อมูลอ้างอิง

  1. Breed Predispositions to Disease in the Canine and Feline. Gough. Publisher: Wiley-Blackwell. 2nd edition
  2. Canine Nutrition. Case, Daristotle et al. Mosby. 3rd edition.
  3. Canine Nutrition. Case, Daristotle et al. Mosby. 3rd edition.
  4. Canine Nutrition. Case, Daristotle et al. Mosby. 3rd edition.
  5. The Dog Groomer's Manual. Gould. Publisher: Crowood.
  6. Canine Internal Medicine Secrets. Ruben. Publisher: Hanley and Belfus.
  7. Veterinary Dentistry: A Team Approach. Holmstrom. Publisher Saunders. 2nd edition.
  8. Breed Predispositions to Disease in the Canine and Feline. Gough. Publisher: Wiley-Blackwell. 2nd edition
  9. Breed Predispositions to Disease in the Canine and Feline. Gough. Publisher: Wiley-Blackwell. 2nd edition
  1. Breed Predispositions to Disease in the Canine and Feline. Gough. Publisher: Wiley-Blackwell. 2nd edition
  2. The Happy Puppy Handbook : Your Definitive Guide to Puppy Training and Early Care. Pippa Mattinson. Ebury Digital Publishing
  3. The Happy Puppy Handbook : Your Definitive Guide to Puppy Training and Early Care. Pippa Mattinson. Ebury Digital Publishing
  4. BSAVA Manual of Canine and Feline Behaviour. Horwitz & Mills. BSAVA Publications.
  5. The Happy Puppy Handbook : Your Definitive Guide to Puppy Training and Early Care. Pippa Mattinson. Ebury Digital Publishing
  6. BSAVA Manual of Canine and Feline Behaviour. Horwitz & Mills. BSAVA Publications.

เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้

มีการเข้าถึงหน้านี้ 23,928 ครั้ง

บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม

โฆษณา