ดาวน์โหลดบทความ ดาวน์โหลดบทความ

การดูแลลูกแมวเกิดใหม่ที่กำพร้าอาจจะทำให้คุณรู้สึกสุขใจอยู่บ้าง แต่ก็เป็นสิ่งที่ท้าทายในขณะเดียวกัน มนุษย์นั้นไม่ใช่ผู้ที่จะมาแทนที่แม่แมวได้ดีเลย และการดูแลป้อนนมลูกแมวนั้นเป็นงานที่ต้องทำตลอดเวลา แม้แม่แมวจะสุขภาพไม่ดีและไม่สามารถที่จะดูแลลูกแมวได้ หรือมันได้ทอดทิ้งลูกแมวไป ไม่ว่ากรณีใดๆ ก็ตาม ลูกแมวต้องได้รับการดูแลจนกระทั่งมันเติบโต ให้ลองติดต่อไปที่ศูนย์ดูแลสัตว์ท้องถิ่นหรือสัตว์แพทย์เพื่อหาแมวตัวอื่นที่จะมาเป็นแม่แมวแทนได้ แมวบางตัวจะยอมรับลูกแมวกำพร้า และจะให้นมและเลียขนทำความสะอาดพวกมันด้วย นี่เป็นสิ่งที่ดีที่สุดที่คุณสามารถทำได้เพื่อให้แน่ใจว่าลูกแมวจะมีชีวิตรอด แต่ถ้าไม่สามารถทำได้ คุณจะต้องสร้างบรรยากาศที่เหมาะกับการดูแลลูกแมวและเรียนรู้ที่จะดูแลป้อนนมให้ลูกแมวที่มีอายุน้อยกว่า 3 สัปดาห์อย่างถูกต้อง

ส่วน 1
ส่วน 1 ของ 3:

สร้างบรรยากาศที่เหมาะกับการดูแลลูกแมว

ดาวน์โหลดบทความ
  1. หมั่นล้างมือเสมอก่อนและหลังจับลูกแมว เพราะว่าลูกแมวอาจจะมีพาหะนำโรคบางอย่าง และพวกมันอาจจะอ่อนแอกับแบคทีเรียหรือเชื้อโรคที่อยู่บนมือของคุณ เมื่อคุณอุ้มลูกแมว ให้อุ้มมันด้วยความระมัดระวัง ตรวจดูเสมอว่าพวกมันรู้สึกอุ่นโดยดูที่อุ้งเท้าของมันว่าเย็นหรือไม่ ถ้าลูกแมวเป็นหวัด พวกมันอาจจะร้องงอแง [1]
    • ถ้าคุณมีสัตว์เลี้ยงตัวอื่นๆ ขอให้แน่ใจว่าได้แยกมันออกจากลูกแมวกำพร้าอย่างน้อย 2 สัปดาห์ อย่าให้พวกมันใช้กระบะขับถ่าย ถ้วยอาหารหรือน้ำ ร่วมกัน เพราะมันสามารถแพร่อาการเจ็บป่วยได้ [2]
  2. ลูกแมวแรกเกิด (อายุน้อยกว่า 2 สัปดาห์) ไม่สามารถควบคุมอุณหภูมิร่างกายของมันได้และโดยปกติแล้วจะต้องนอนอิงแอบซุกแม่แมวเพื่อทำให้ตัวเองอุ่น เพราะว่าลูกแมวกำพร้าไม่สามารถทำเช่นนั้นได้ ให้หาแผ่นให้ความร้อนที่ออกแบบมาสำหรับลูกสุนัขและลูกแมว ให้ลูกแมวนอนบนแผ่นให้ความร้อน ต้องแน่ใจว่าอย่าให้ลูกแมวนอนที่แผ่นนั้นโดยตรง จะต้องมีผ้าขนสัตว์ปูคลุมไว้ก่อน ถ้าเกิดว่าไม่มีผ้าขนสัตว์ ให้ใช้ผ้าเช็ดตัวพันรอบแผ่นให้ความร้อนแทน [3]
    • ลูกแมวไม่ควรนอนที่แผ่นให้ความร้อนโดยตรง เพราะว่ามันอาจจะโดนความร้อนเผาหรือมันอาจจะรู้สึกร้อนเกินไป
    • คุณสามารถใช้ผ้าเช็ดตัวพันรอบกระติกน้ำร้อนแทนก็ได้ แต่ให้ตรวจดูบ่อยๆ ว่ามันยังอุ่นอยู่ (ประมาณ 37 องศาเซลเซียส) [4]
  3. วางกล่องหรือกรงแมวไว้ตรงที่ที่เงียบและห่างไกลผู้คนในบ้านของคุณ ห้องที่คุณจะวางกล่องลูกแมวจะต้องอุ่นและไม่มีกระแสลม และจะต้องอยู่ห่างจากสัตว์เลี้ยงตัวอื่น ปูผ้าเช็ดตัวภายในกล่องเพื่อให้ลูกแมวพักผ่อนอย่างอุ่นสบาย คุณควรที่จะใช้ผ้าเช็ดตัวปิดกล่องหรือกรงแมวด้วยเพื่อให้อุ่นมากขึ้น [5]
    • ขอให้แน่ใจว่าไม่ได้ใช้ผ้าขนหนูปิดรูระบายอากาศบนกล่องหรือที่กรง เพื่อไม่ให้ลูกแมวขาดอากาศหายใจ [6]
  4. คุณไม่จำเป็นต้องจับลูกแมวให้นอนแยกกล่องหรือแยกกรง ให้ลูกแมวนอนที่เดียวกัน นี่จะช่วยให้ลูกแมวนอนได้อุ่นและสบาย แน่ใจว่ามีพื้นที่เพียงพอที่ลูกแมวสามารถเดินเคลื่อนที่ไปรอบๆ ได้
    • ตัวอย่างเช่น ลูกแมวสามารถเดินไปนอนที่ริมแผ่นให้ความร้อนได้ถ้ามันรู้สึกร้อนไป [7]
    โฆษณา
ส่วน 2
ส่วน 2 ของ 3:

ป้อนนมลูกแมว

ดาวน์โหลดบทความ
  1. ซื้อนมผงสำหรับลูกแมวที่ผลิตมาเพื่อใช้แทนนมแมวจริงๆ เช่น ยี่ห้อ KMR ซึ่งหาซื้อได้จากคลินิกรักษาสัตว์ ร้านค้าขายของสำหรับสัตว์เลี้ยงขนาดใหญ่ หรือสั่งจากอินเตอร์เน็ต นี่ก็จะคล้ายๆ กับมนุษย์ที่มีนมสูตรสำหรับทารก โดยนมผงนี้จะมีองค์ประกอบที่เหมือนกับน้ำนมแมว อย่าป้อนนมวัว เพราะในนมวัวมีน้ำตาลและแลคโทส ซึ่งอาจจะทำให้ลูกแมวปวดท้อง [8]
    • ถ้าคุณไม่มีนมที่ใช้แทนนมแมวและลูกแมวก็กำลังหิว ให้ป้อนมันด้วยน้ำต้มที่เย็นแล้วโดยใช้ดรอปเปอร์หรือไซริงค์จนกว่าคุณจะสามารถไปที่คลินิกสัตว์หรือร้านค้าขายของสำหรับสัตว์เลี้ยงได้ น้ำจะทำให้ลูกแมวอิ่มน้ำและจะไม่ปวดท้อง [9]
  2. ล้างขวดนมและจุกนมด้วยน้ำที่ต้มแล้วเพื่อฆ่าเชื้อโรค วางบนผ้าขนหนูที่สะอาดและทิ้งให้เย็นสนิท ผสมนมสำหรับลูกแมวโดยตีนมเล็กน้อยเพื่อให้นมไม่จับตัวเป็นก้อน คุณควรที่จะนำนมไปอุ่นให้มีอุณหภูมิประมาณ 35-37 องศา ก่อนที่จะป้อนลูกแมว ในการตรวจสอบว่านมสามารถใช้ได้ก่อนนำไปป้อน ให้หยดนมลงไปที่ใต้ข้อมือของคุณเพื่อให้แน่ใจว่ามันจะไม่ร้อนเกินไป [10]
    • แต่แน่ใจเสมอว่าลูกแมวนั้นมีร่างกายที่อบอุ่นก่อนที่จะป้อนนมมัน อย่าป้อนนมให้ลูกแมวที่มีอุณหภูมิน้อยกว่า 35 องศา ที่จะทำให้เกิดอาการปอดอักเสบจากการสำลัก ซึ่งจะทำให้ลูกแมวหายใจลำบากและอาจมีอันตรายถึงชีวิตได้ [11]
  3. อย่าอุ้มลูกแมวและป้อนนมมันเหมือนเด็กทารก ให้ขาของลูกแมวลดต่ำลงและให้หัวของลูกแมวอยู่ตรงๆ แทน ราวกับว่าพวกมันกำลังกินนมแม่แมว จับลูกแมวที่หลังคอและป้อนนมโดยให้จุกนมไปอยู่ที่ด้านข้างก่อน จากนั้นขยับให้อยู่ตรงกลางปากของลูกแมว ลูกแมวจะขยับจนกว่ามันจะกินนมได้อย่างสบายๆ ให้ลูกแมวควบคุมการดูดนมเอง อย่าพ่นนมออกมาหรือบังคับให้นมเข้าไปในปากของลูกแมว [12]
    • อย่าลืมทำให้ลูกแมวเรอหลังจากที่มันกินนมเสร็จแล้ว ทำให้ลูกแมวเรอเหมือนที่ทำกับเด็กทารก อุ้มลูกแมวให้อยู่ที่หน้าอก ตัก หรือหัวไหล่ ลูบลูกแมวเบาๆ และใช้นิ้ว 2 นิ้วตบหลังลูกแมวเบาๆ จนลูกแมวเรอออกมา
    • ถ้าลูกแมวมีปัญหาในการงับจุกนมขวดเข้าไป ให้จับใบหน้าของลูกแมวและอย่าให้มันขยับหัว ลองป้อนนมมันอีกครั้งและลองบีบให้นมออกมา 2-3 หยด ลูกแมวก็จะงับจุกนมและกินนมได้ [13]
  4. คุณจะสามารถบอกได้ว่าลูกแมวกำลังหิวถ้าลูกแมวร้องงอแงและเดินแกว่งไปมาราวกับว่ากำลังหาจุกนมอยู่ ลูกแมวจะกินนมทุก 2-3 ชั่วโมงในช่วงตลอด 2 สัปดาห์แรก จะดีที่สุดถ้าป้อนนมลูกแมวโดยใช้ขวดนมที่ออกแบบพิเศษให้มีจุกนมสำหรับลูกแมว (ออกแบบโดยบริษัท Catac) [14] ให้ทำตามคำแนะนำที่อยู่บนผลิตภัณฑ์ของนมสำหรับลูกแมวเพื่อกำหนดว่าควรจะป้อนนมลูกแมวปริมาณเท่าไหร่ต่อมื้อ ลูกแมวที่อิ่มแล้วจะผล็อยหลับไปขณะที่กำลังดูดนมอยู่และท้องจะป่อง [15]
    • ในสถานการณ์ฉุกเฉิน ให้ใช้หลอดหยอดตาหรือไซริงค์เล็กๆ หยดนมใส่ปากลูกแมว
    • หลังจาก 2 สัปดาห์ไปแล้ว การป้อนนมลูกแมวสามารถยืดออกไปได้เป็นทุกๆ 3-4 ชั่วโมง และเว้นช่วง 6 ชั่วโมงในตอนกลางคืน
    โฆษณา
ส่วน 3
ส่วน 3 ของ 3:

ดูแลลูกแมว

ดาวน์โหลดบทความ
  1. โดยปกติแล้ว แม่แมวจะเลียที่อวัยวะเพศของลูกแมวหลังจากการป้อนนมในแต่ละครั้ง ซึ่งจะทำให้พวกมันขับถ่ายออกมา คุณจะต้องเช็ดที่ก้นของลูกแมวด้วยแผ่นสำลีที่ชุ่มน้ำอุ่นก่อนและหลังการป้อนนม นี่จะเป็นการกระตุ้นให้ให้ลูกแมวเกิดความอยากขับถ่าย ซึ่งมันจะไม่สามารถทำได้ถ้าไม่มีการกระตุ้นจนเมื่อมันมีอายุ 2-3 สัปดาห์ขึ้นไปแล้ว [16] วางลูกแมวบนผ้าห่มสะอาดๆ แล้วพลิกลูกแมวให้นอนขึ้น ใช้แผ่นสำลีที่เปียกชุ่มค่อยๆ เช็ดที่อวัยวะเพศของลูกแมว โดยเช็ดไปในทางเดียวกัน ไม่ใช่เช็ดไปมา ซึ่งอาจจะทำให้เกิดการเสียดสีได้ คุณจะสังเกตได้ว่าลูกแมวจะเริ่มปัสสาวะหรือขับถ่ายของเสียออกมา เช็ดไปเรื่อยๆ จนลูกแมวหยุดขับถ่ายแล้ว มิเช่นนั้น ลูกแมวจะขับของเสียออกมาไม่หมด
    • ปัสสาวะของลูกแมวจะไม่มีกลิ่นและควรจะมีสีเหลืองซีดๆ อุจจาระของลูกแมวจะมีสีน้ำตาลอมเหลือง ถ้าคุณสังเกตว่าอุจจาระของลูกแมวเป็นสีเขียวหรือสีขาว หรือปัสสาวะมีสีเข้มและส่งกลิ่นรุนแรง ลูกแมวอาจจะขาดน้ำหรืออาจจะต้องตรวจเช็คสุขภาพ [17]
  2. เมื่อคุณป้อนนมแล้วช่วยลูกแมวขับของเสียแล้ว คุณจะต้องทำความสะอาดมันด้วย ใช้ผ้าที่อุ่นชื้นเช็ดลูบขนของลูกแมว โดยลูบแค่สั้นๆ ขอให้แน่ใจว่าได้ใช้ผ้าขนหนูเช็ดลูกแมวให้แห้งสนิทก่อนที่จะจับมันนอนในที่นอน [18]
    • ถ้าคุณสังเกตว่ามีอุจจาระแห้งๆ ติดอยู่ที่ขนของลูกแมว ให้จุ่มก้นของลูกแมวลงไปยังอ่างน้ำอุ่นเบาๆ จากนั้นให้เช็ดอุจจาระออกอย่างระมัดระวังด้วยเศษผ้า [19]
  3. ลูกแมวควรที่จะมีน้ำหนักเพิ่มขึ้นในอัตราที่ต่อเนื่องในช่วง 2-3 สัปดาห์แรก ขอให้แน่ใจว่าได้ชั่งน้ำหนักลูกแมวแต่ละตัวในเวลาเดียวกันทุกๆ วัน และบันทึกน้ำหนักของพวกมันไว้ ลูกแมวจะมีน้ำหนักเพิ่มขึ้นสองเท่าใน 1 สัปดาห์หลังจากเกิดมา พวกมันควรที่จะมีน้ำหนักเพิ่มขึ้นครึ่งออนซ์ (14.2 กรัม) ในแต่ละวันหลังจากสัปดาห์แรก [20] ถ้าน้ำหนักลูกแมวไม่เพิ่ม หรือน้ำหนักลดลง มันอาจจะมีความปกติและต้องพาลูกแมวไปพบสัตว์แพทย์
    • ตัวอย่างเช่น ปกติแล้วลูกแมวจะมีน้ำหนักแรกเกิดประมาณ 3.0-3.7 ออนซ์ (90-110 กรัม) ในช่วงที่ลูกแมวมีอายุ 2 สัปดาห์ ลูกแมวจะต้องมีน้ำหนักประมาณ 7 ออนซ์ (198.8 กรัม) เมื่ออายุ 3 สัปดาห์ ลูกแมวควรจะมีน้ำหนัก 10 ออนซ์ (280.4 กรัม) [21]
  4. รู้ว่าเมื่อไหร่ที่ควรพาลูกแมวไปหาสัตว์แพทย์. เป็นเรื่องดีในการพาลูกแมวไปหาสัตว์แพทย์อย่างรวดเร็วเพื่อให้สัตว์แพทย์ตรวจเรื่องอาการขาดน้ำ หนอนแมลงวันหรือปรสิตที่อาจจะฝังตัวอยู่ในลูกแมว และเพื่อให้สัตว์แพทย์ตรวจสุขภาพทั่วไปให้ [22] เจ้าหน้าที่สัตว์แพทย์บางคนอาจจะตรวจลูกแมวให้โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายถ้าคุณบอกเขาว่าคุณกำลังดูแลลูกแมวกำพร้าที่ชีวิตไว้ คุณควรที่จะรู้ว่าเมื่อไหร่ที่คุณควรพาลูกแมวไปรักษากับสัตว์แพทย์ ให้พาลูกแมวไปหาสัตว์แพทย์ถ้าคุณสังเกตว่าลูกแมวมีอาการต่อไปนี้ [23]
    • อุณหภูมิที่สูงหรือต่ำเกินไป (มากกว่า 39.4 องศาหรือน้อยกว่า 37.2 องศา)
    • ไม่อยากอาหาร (ถ้าลูกแมวไม่กินอะไรเลยตลอดทั้งวัน ให้พาลูกแมวเข้ารับการตรวจฉุกเฉิน)
    • อาเจียน (ถ้าเกิดขึ้นตลอดเวลา ให้พาลูกแมวเข้ารับการตรวจฉุกเฉิน)
    • น้ำหนักลดลง
    • ไอ จาม และมีน้ำออกมาจากตาหรือจมูก
    • ท้องเสีย (ถ้าเกิดขึ้นตลอดเวลา ให้พาลูกแมวเข้ารับการตรวจฉุกเฉิน)
    • หมดแรง
    • เลือดออกไม่ว่าจะตรงไหนก็ตาม (ให้พาลูกแมวเข้ารับการตรวจฉุกเฉิน)
    • หายใจลำบาก (ให้พาลูกแมวเข้ารับการตรวจฉุกเฉิน)
    • บาดเจ็บ เช่น ถูกลดชน ร่วงตกลงมา เดินกระโผลกกะเผลก ถูกเหยียบ หรือหมดสติ (ให้พาลูกแมวเข้ารับการตรวจฉุกเฉิน)
    โฆษณา

เคล็ดลับ

  • ในหลายเมืองมีโครงการในการทำหมันแมวและแมวจรจัด
  • ศูนย์ดูแลสัตว์เป็นสถานที่ที่ดีในการขอคำแนะนำและการบริการจากสัตว์แพทย์ในราคาไม่แพง และอาจจะช่วยให้คุณหาบ้านให้ลูกแมวเมื่อมันโตพอแล้ว บางคนก็ได้ช่วยเหลือเลี้ยงดูลูกแมวจนกระทั่งมันถูกรับเลี้ยงไป
  • ที่ที่ดีที่สุดสำหรับลูกแมวแรกเกิดคือการได้อยู่กับแม่ของมัน ถ้าเป็นไปได้ ลูกแมวดุร้ายควรจะออกห่างจากแม่ของมันเมื่ออายุ 4 สัปดาห์ ให้สังเกตบริเวณที่แม่แมวคลอดลูกว่าลูกแมวนั้นกำพร้าหรือถูกทิ้งจริงๆ ก่อนที่จะเก็บมันมาดูแล บางครั้งแม่แมวอาจจะซุ่มอยู่ไม่ไกล ลูกแมวที่ถูกทอดทิ้งจะสกปรกและจะร้องงอแงเพราะอากาศหนาวเย็นและความหิว
  • ถ้าคุณพบลูกแมวแรกเกิดกำพร้าและไม่สามารถช่วยเหลือดูแลได้ หรือไม่รู้จักใครที่จะช่วยเหลือได้ ให้พามันไปที่องค์กรช่วยเหลือสัตว์หรือศูนย์ดูแลสัตว์ให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ องค์กรเหล่านี้จะรู้วิธีดูแลลูกแมวดีที่สุดถ้าคุณไม่มีข้อมูลอะไร
  • ถ้ามีแค่ลูกแมวตัวเดียว ให้หาตุ๊กตาตัวเล็กๆ ให้ลูกแมวกอดซุกไซ้ก็จะช่วยให้ลูกแมวอุ่นและทำให้มันนึกถึงแม่ของมันและพี่น้องตัวอื่นๆ
  • ใช้แปรงสีฟันเลียนแบบความสากของลิ้นแม่แมวที่เลียลูกแมวขณะที่ลูกแมวกินนมเสร็จ ใส่นาฬิกาเข็มแบบ 'ติ๊กต๊อก' ไปใน 'รังพัก' ของลูกแมว เพื่อจะได้กล่อมปลอบลูกแมว
  • ปล่อยให้ลูกแมวหลบซ่อนตัวและไม่ต้องบังคับให้มันทำอะไร มันจะเปิดใจให้กับคุณในที่สุด หากล่องใหญ่ๆ และใส่ที่นอนของลูกแมวลงไป เพื่อที่ลูกแมวจะได้มีพื้นที่ส่วนตัวและรู้สึกปลอดภัย
โฆษณา

คำเตือน

  • แม้ว่าจะได้ดูแลลูกแมวอย่างดีที่สุดแล้ว ลูกแมวอาจจะตายได้ถ้าไม่ได้รับการดูแลจากแม่ของมัน


โฆษณา

เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้

มีการเข้าถึงหน้านี้ 353,433 ครั้ง

บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม

โฆษณา