ดาวน์โหลดบทความ
ดาวน์โหลดบทความ
ระบบเกียร์อัตโนมัติของรถยนต์เป็นหนึ่งในระบบไฮดรอลิกในรถยนต์ของคุณ ในการบำรุงรักษาระบบ คุณจะต้องตรวจเช็คน้ำมันเกียร์ตามระยะเพื่อให้แน่ใจว่ามีน้ำมันที่มีคุณภาพดีพออยู่ในระบบเกียร์ของคุณเพียงพอที่จะทำงานได้อย่างถูกต้อง อ่านบทความนี้สำหรับคำแนะนำอย่างละเอียดเกี่ยวกับวิธีการตรวจเช็คและเติมน้ำมันในระบบเกียร์อัตโนมัติของคุณ
ขั้นตอน
ดาวน์โหลดบทความ
-
จอดรถของคุณบนพื้นราบโดยที่เครื่องยนต์ยังทำงานอยู่. คุณอาจต้องเลื่อนเกียร์ผ่านตำแหน่งเกียร์แต่ละตำแหน่งที่มีอยู่ก่อนที่จะนำมาไว้ที่ตำแหน่งจอด (Park) -
ยกฝากระโปรงขึ้น. ปกติแล้วจะมีคันโยกอยู่ในห้องผู้โดยสารรถยนต์ที่สามารถเปิดฝากระโปรงได้ ซึ่งมักจะอยู่ใกล้ๆ ด้านซ้ายมือของฝั่งคนขับ อ่านคู่มือการใช้งานของคุณหากหาคันโยกนี้ไม่เจอ
-
มองหาท่อน้ำมันเกียร์อัตโนมัติ. ในรถยนต์รุ่นใหม่ๆ ท่อน้ำมันเกียร์จะมีป้ายติดไว้ ถ้าไม่มีป้ายบอก ให้อ่านคู่มือการใช้งานของคุณเพื่อหาตำแหน่งท่อน้ำมันเกียร์
- ในรถยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยล้อหลัง ก้านวัดระดับน้ำมันมักจะอยู่บริเวณด้านหลังของเครื่องยนต์ เหนือกระปุกน้ำมันเกียร์
- ในรถยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยล้อหน้า ก้านวัดระดับน้ำมันมักจะอยู่บริเวณด้านหน้าของเครื่องยนต์ และจะติดอยู่กับชุดเพลาส่งกำลัง [1] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง และสำหรับรถยนต์ส่วนใหญ่ ก้านนี้จะอยู่ด้านขวาของกระปุกน้ำมันเกียร์
-
ดึงก้านวัดระดับน้ำมันเกียร์ออกมา. เช็ดก้านวัดระดับน้ำมันบนเศษผ้าสะอาดหรือกระดาษทิชชู่ ใส่ก้านลงไปใหม่ แล้วดึงออกมาอีกครั้งเพื่อตรวจเช็คระดับน้ำมันเกียร์ โดยระดับน้ำมันควรอยู่ระหว่างเครื่องหมายทั้งสองแห่งที่ระบุว่า “Full” (เต็ม) และ “Add” (เติม) หรือ “Hot” (ร้อน) และ “Cold” (เย็น)"
- ปกติแล้วคุณไม่ควรจะต้องเติมน้ำมันเกียร์ ถ้าระดับน้ำมันต่ำกว่าเส้น “Add” หรือ “Cold” มากอย่างเห็นได้ชัด คุณอาจมีการรั่วซึมในระบบและควรนำรถไปหาช่างยนต์
-
ตรวจเช็คสภาพน้ำมันเกียร์. น้ำมันเกียร์อัตโนมัติที่ดีควรเป็นสีแดง (บางครั้งอาจเป็นสีชมพูหรือน้ำตาลอ่อน) โดยที่ไม่มีฟองหรือกลิ่น ถ้าน้ำมันเกียร์ของคุณมีสภาพดังต่อไปนี้ ควรนำรถเข้าศูนย์บริการ
- ถ้าน้ำมันเกียร์เป็นสีน้ำตาลด่างๆ หรือมีกลิ่นคล้ายขนมปังไหม้ แสดงว่าน้ำมันเกียร์เดือดจนใช้งานไม่ได้และไม่สามารถกระจายความร้อนที่ระบบเกียร์สร้างขึ้นได้อีกต่อไป น้ำมันเกียร์สามารถนำไปทดสอบเพิ่มเติมได้โดยการป้ายน้ำมันลงบนกระดาษทิชชู่ที่สะอาดและรออีก 30 วินาที เพื่อดูว่าน้ำมันกระจายตัวหรือไม่ ถ้าไม่กระจายตัว ต้องเปลี่ยนน้ำมันเกียร์ทันที มิเช่นนั้น จะเกิดความเสียหายร้ายแรงกับระบบเกียร์
- ถ้าน้ำมันเกียร์เป็นสีน้ำตาลขุ่น แสดงว่ามีการปนเปื้อนกับน้ำหล่อเย็นจากหม้อน้ำผ่านรอยรั่วในชุดระบายความร้อนน้ำมันเกียร์อัตโนมัติ ควรนำรถไปพบช่างทันที
- ถ้าน้ำมันเกียร์เป็นโฟมหรือเป็นฟอง แสดงว่ามีน้ำมันในกระบอกสูบมากเกินไป ใช้น้ำมันเกียร์ผิดประเภท หรือรูระบายของระบบเกียร์ในเครื่องยนต์อุดตัน
-
เติมน้ำมันเกียร์หากจำเป็น. เติมน้ำมันครั้งละน้อยๆ และตรวจเช็กระดับน้ำมันเรื่อยๆ จนกว่าจะอยู่ในระดับที่ถูกต้อง
- สำหรับการเติมครั้งแรก คุณอาจต้องเติมน้ำมันเกียร์ประมาณ 2.8 ถึง 3.7 ลิตร ถ้าคุณระบายน้ำมันเกียร์ออกจากรถทั้งหมดและเริ่มใหม่ตั้งแต่ไม่มีอะไรเลย [2] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง มิเช่นนั้น ให้ตรวจเช็คก้านวัดระดับน้ำมันอยู่เรื่อยๆ เพื่อหลีกเลี่ยงการเติมจนล้นกระปุกน้ำมันเกียร์
-
ขับรถและแล่นด้วยเกียร์แต่ละตำแหน่งหากทำได้. ขั้นตอนนี้จะทำให้น้ำมันเกียร์ที่เพิ่งเติมลงไปสามารถหมุนเวียนและเคลือบเกียร์แต่ละตำแหน่งได้อย่างเหมาะสม ซึ่งทำให้เกิดการหล่อลื่น โดยเริ่มขณะที่เครื่องยนต์กำลังทำงานและรถอยู่ในตำแหน่งจอด หากทำได้ให้เริ่มในขณะที่ล้ออยู่เหนือพื้นด้วย จากนั้นเปลี่ยนจากเกียร์ 1 ไปถึงเกียร์ 3 รวมทั้งเกียร์ D (Drive), O/D (Overdrive) และเกียร์ถอยหลัง (Return) ในขณะที่ใช้เวลาประมาณ 1 นาที ในเกียร์แต่ละตำแหน่งเพื่อให้แน่ใจว่ามีการเคลือบน้ำมันอย่างเหมาะสม เมื่อทำเสร็จแล้ว ปล่อยให้เครื่องยนต์ทำงานต่อสักสองถึงสามนาที ก่อนที่จะเลื่อนเกียร์ไปที่ตำแหน่งจอด (Park)
-
ตรวจเช็คก้านวัดระดับน้ำมันอีกครั้งเพื่อพิจารณาว่าอาจต้องเติมน้ำมันเกียร์เพิ่มในปริมาณเท่าใด หากจำเป็น. ตรวจสอบก้านวัดระดับน้ำมันเกียร์ เนื่องจากน้ำมันเกียร์อาจไหลจากกระปุกไปที่เกียร์ต่างๆ ซึ่งทำให้จำเป็นต้องเติมน้ำมันเกียร์อีกครั้ง
-
เติมน้ำมันตามปริมาณที่จำเป็นเพื่อให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม. คุณอาจต้องเติมน้ำมันเพิ่มในขั้นตอนนี้ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับว่าคุณแค่กำลังเติมน้ำมันเกียร์ หรือว่ากำลังเปลี่ยนน้ำมันเกียร์ใหม่ทั้งกระปุก
- ถ้าคุณเพียงเติมน้ำมันเท่านั้น คุณอาจต้องเติมเพียง 1 ลิตร หรือต่ำกว่านั้น
- ถ้าคุณระบายน้ำมันทั้งหมดออกจากกระปุกและเริ่มจากไม่มีน้ำมันสักหยด คุณอาจต้องเติมน้ำมันจากตั้งแต่ 3.7 ลิตร ถึง 11 ลิตร ขึ้นอยู่กับผู้ผลิตและรุ่น
-
เสร็จ. คราวนี้ น้ำมันเกียร์ของรถคุณก็อยู่ในระดับที่เหมาะสมแล้ว และรถยนต์ของคุณก็สามารถแล่นได้ตามปกติโฆษณา
เคล็ดลับ
- ตรวจสอบคู่มือการใช้งานของคุณเมื่อจำเป็นต้องเปลี่ยนน้ำมันเกียร์อัตโนมัติ ถ้าคุณขับรถผ่านภูเขาหรือลากพ่วงรถหนักๆ เป็นประจำ คุณจำเป็นต้องเปลี่ยนน้ำมันเกียร์บ่อยขึ้น เมื่อใดที่มีการเปลี่ยนน้ำมันเกียร์ จะต้องเปลี่ยนกรองน้ำมันเกียร์อัตโนมัติด้วยเช่นกัน
- ใช้น้ำมันเกียร์ที่ผู้ผลิตรถยนต์ระบุไว้สำหรับรุ่นและยี่ห้อรถของคุณทุกครั้ง
โฆษณา
คำเตือน
- ถ้าคุณเห็นน้ำมันสีแดงบนถนน แสดงว่าน้ำมันเกียร์ของคุณกำลังรั่วซึมออกมา ถ้าคุณสงสัยว่ามีการรั่วซึมแต่หารอยรั่วไม่พบ ให้ปูกระดาษสีขาวที่ใช้สำหรับห่อของใต้รถของคุณเพื่อให้หารอยรั่วได้ง่ายขึ้น
โฆษณา
สิ่งของที่ใช้
- น้ำมันเกียร์อัตโนมัติ
- กรวยที่ออกแบบมาพอดีกับท่อน้ำมันเกียร์
- เศษผ้าหรือกระดาษทิชชู่
ข้อมูลอ้างอิง
โฆษณา
