ดาวน์โหลดบทความ ดาวน์โหลดบทความ

การทำความสะอาดบ้านเป็นงานที่ดูเหมือนจะค่อนข้างชัดเจนในตัวมันอยู่แล้ว แต่พอนั่งลงนึกดูดีๆ เราจะเริ่มจากตรงไหนดีล่ะ แล้วล้างชักโกรกน่ะล้างยังไง เราจะมาย่อยการทำความสะอาดให้เหลือเป็นกระบวนการเป็นขั้นเป็นตอนที่ทำตามได้ง่ายและได้ผลลัพธ์ที่น่าปลื้มใจ พอคุณเริ่มทำความสะอาดแล้ว คุณจะไม่อยากหยุดจนกว่าบ้านทั้งหลังจะสะอาดเนี้ยบไร้ที่ติเลยล่ะ

วิธีการ 1
วิธีการ 1 ของ 6:

วางแผน

ดาวน์โหลดบทความ
  1. ตัดสินใจว่าคุณอยากให้บ้านสะอาดแค่ไหนและคุณมีเวลาเท่าไหร่. วิธีนี้จะช่วยให้คุณตัดสินใจได้ว่าจะกำหนดตารางการทำความสะอาดอย่างไร ซื่อสัตย์กับตัวเองว่ามีอะไรที่คุณทำได้บ้าง คุณมีเวลาเท่าไหร่ และคุณมีแรงจูงใจมากแค่ไหน
    • ถ้าเป็นไปได้ให้เริ่มจากบนลงล่าง คุณคงไม่อยาดูดฝุ่นเสร็จแล้วก็มีเศษฝุ่นร่วงลงมาเต็มพื้น หรือทำความสะอาดด้านล่างแล้วและก็ยังเคาะฝุ่นลงมาข้างล่างเพิ่มอีกตอนที่คุณทำความสะอาดส่วนบนที่ยังไม่ได้ทำความสะอาดก่อนหน้านี้ ถ้าคุณมีเวลาไม่มาก อาจจะเริ่มจัดการของที่สุมๆ กันก่อน จากนั้นค่อยทำความสะอาดของใหญ่ๆ ต่อ
    • สำหรับคนที่ยุ่ง "ปานกลาง" นั้น การทำความสะอาดวันละเล็กละน้อยทุกวันนั้นดีกว่า เพราะงานจะได้ไม่สุมเป็นดินพอกหางหมู และก็กำหนดวันทำความสะอาดใหญ่ไว้เดือนละ 2 – 3 วัน คุณชอบสไตล์ไหนก็สุดแท้แต่คุณ (แน่นอนว่ายกเว้นว่าคุณมีรูมเมต)
    • ทำตารางการตรวจบริเวณห้องครัวที่อาจมีการสะสมของคราบไขมันที่ต้องทำความสะอาดเป็นครั้งคราวแต่ไม่บ่อยเป็นประจำ เช่นด้านบนของชั้นวางหรือพัดลมดูดอากาศ เรามักมองข้ามบริเวณเหล่านี้แต่คราบไขมันอาจสะสมตรงนี้และล่อทั้งฝุ่นกับแมลงได้
  2. มีรายการทำความสะอาดและแผนจัดการความสกปรกอยู่เสมอ. รู้ว่าห้องไหนที่คุณวางแผนจะเริ่มทำความสะอาดก่อนและห้องไหนจะทำเป็นห้องสุดท้าย (ตามปกติถ้าเริ่มจากหลังบ้านมาหน้าบ้านจะดีที่สุด) วิธีนี้ช่วยเร่งกระบวนการทำความสะอาดและทำให้คุณไม่ทำงานซ้ำซ้อน โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้ามีคนทำความสะอาดมากกว่า 1 คน
    • วางแผนเพื่อที่คุณจะได้ดูดฝุ่น กวาด และถูทุกห้องทีเดียว (เพื่อที่จะได้ไม่ต้องตักน้ำไปมาหลายรอบ) และคุณก็ไม่จำเป็นต้องทำให้เสร็จทีละงานด้วย
    • รายการทำความสะอาดด้านล่างเป็นรายการไว้สำหรับเช็กการทำความสะอาดโดยทั่วไป โดยไม่จำเป็นต้องทำให้เสร็จตามนี้
  3. ถ้าคุณอยู่กับคนอื่น การทำความสะอาดบ้านก็ไม่ควรเป็นงานของคุณคนเดียว! คุณอาจจะต้องเป็นตัวตั้งตัวตีในการตั้งเวรหมุนเวียนทำความสะอาด แต่ก็ดีกว่าต้องมานั่งหลังขดหลังแข็งทำอยู่คนเดียว
    • คุณต้องแบ่งงานตามความเหมาะสมของอายุ เช่น เด็กประถมอาจให้ทำความสะอาดพื้นห้องนอนของตัวเอง เด็กวัยรุ่นอาจให้ทำความสะอาดโรงรถหรือห้องน้ำ เป็นต้น และงานที่แบ่งก็ควรจะเท่ากันด้วย เช่น การทำความสะอาดโถส้วมกับการจัดโต๊ะกาแฟย่อมหนักไม่เท่ากันอยู่แล้ว
    โฆษณา
วิธีการ 2
วิธีการ 2 ของ 6:

ทำความสะอาดห้องน้ำ

ดาวน์โหลดบทความ
  1. ทำความสะอาดโถส้วม. แหวะ การทำความสะอาดโถส้วมเป็นหนึ่งในงานที่แย่ที่สุด เพราะฉะนั้นทำให้เสร็จๆ ไปเร็วๆ ที่สุดจะดีกว่า สวมถุงมือยาง (อย่าใช้อันเดียวกับที่ไว้ใช้ล้างจานนะ) เพื่อให้มือของคุณไม่โดนรอยเปื้อนและแบคทีเรีย ใช้ฟองน้ำขัดโถส้วมเบาๆ และใช้น้ำร้อนราดเพื่อให้รอยเปื้อนต่างๆ จางลง ปล่อยให้ชุ่มน้ำร้อนขณะที่คุณย้ายไปทำความสะอาดตัวโถ
    • จากนั้นราดน้ำยาทำความสะอาดโถส้วมลงไปด้านในโถและรอบๆ ขอบ ปล่อยทิ้งไว้สัก 1 นาทีแล้วใช้แปรงขัดส้วมขัด เสร็จแล้วกดชักโครก
    • พอทำความสะอาดโถส้วมเสร็จแล้ว ก็ให้กลับมาที่พื้นผิวด้านนอก ฉีดสเปรย์ฆ่าเชื้อแล้วใช้ผ้าหรือกระดาษทิชชู่ทำความสะอาดเช็ดให้แห้ง
  2. เป็นที่โจษจันกันดีว่าฝักบัวนั้นสกปรกเร็วมาก น้ำยาทำความสะอาดฝักบัวและแปรงขัด (และผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดแบบเข้มข้น) สามารถทำความสะอาดฝักบัวได้เป็นอย่างดี ถ้าคุณไม่มีน้ำยาทำความสะอาดฝักบัวติดบ้าน น้ำยาล้างจานก็สามารถนำมาใช้เพื่อกำจัดคราบตรงพื้นอ่างอาบน้ำได้ดีเช่นเดียวกัน เช่นเดียวกับที่น้ำยาล้างจานสามารถกำจัดคราบมันออกจากจานได้ จากนั้นใช้เดตตอลหรือน้ำยาทำความสะอาดต้านแบคทีเรียอื่นๆ ทำความสะอาดตามปกติ
    • ใช้แวกซ์เคลือบรถเคลือบฝักบัวเพื่อให้ฝักบัวสะอาดได้นานขึ้น (แต่อย่าทาลงบนพื้น คุณจะลื่นล้มเอาได้) [1] สำหรับการทำความสะอาดบริเวณที่เป็นกระจก ให้ใส่แอมโมเนียครึ่งถ้วยและหยดน้ำยาล้างจานลงไป 8 หยดลงในน้ำ 1 แกลลอนเพื่อใช้ทำความสะอาด
  3. อ่างล้างหน้าส่วนใหญ่จะเป็นงานที่ค่อนข้างหนัก แต่ก่อนที่คุณจะใช้น้ำยาทำความสะอาด คุณต้องแน่ใจก่อนว่ามันเหมาะกับพื้นผิว ถ้าคุณมั่นใจแล้วก็ให้ฉีดน้ำยาความสะอาดลงไป ทิ้งไว้สัก 1 นาทีเพื่อให้น้ำยากัดกร่อนแบคทีเรียและเชื้อราออกไปก่อน จากนั้นเอาฟองน้ำแข็งๆ ถูแรงๆ พอมันสะอาดวิบวับแล้ว ก็ให้ล้างด้วยน้ำอุ่นและ และใช้ผ้าหรือกระดาษทิชชู่ทำความสะอาดเช็ดให้แห้ง
    • ถ้าคุณมีคราบฝั่งแน่น คุณอาจจะต้องใช้แปรงถูลงไปแรงๆ เพื่อให้มันออก แปรงขัด (แบบเดียวกับที่คุณใช้ทำความสะอาดฝักบัว) ถือว่าดี
  4. คนส่วนใหญ่เข้าใจว่าน้ำยาทำความสะอาดกระจกคือตัวที่ทำให้กระจกสะอาด แต่จริงๆ แล้วมันแค่ทำให้กระจกเงาเฉยๆ แต่ไม่ได้ทำให้สะอาด จริงๆ แล้วน้ำยาทำความสะอาดนั้นใช้แทนน้ำผสมสบู่ไม่ได้เลย โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้ากระจกค่อนข้างสกปรก วิธีทำความสะอาดหน้าต่างและกระจกก็คือ:
    • อันดับแรกล้างกระจกด้วยสารละลายในน้ำอุ่นหรือน้ำร้อน น้ำยาล้างจานกับผ้าขี้ริ้ว ฟองน้ำหรือลูกกลิ้งทำความสะอาด ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดชนิดผงที่ไม่ทำลายผิวเคลือบนั้นเหมาะแก่การทำความสะอาดกระจก แก้ว เซรามิกส์ และโลหะเป็นอย่างยิ่ง เพราะมันทำความสะอาดคราบน้ำฝังแน่นได้โดยไม่ครูดพื้นผิว จากนั้นใช้ผ้าที่ไม่เป็นขุยแห้งๆ หรือทิชชู่ที่ไม่เป็นขุยเช็ดตรงพื้นผิว
    • ถ้าคุณอยากทำความสะอาดกระจกแบบรักษ์โลก ก็ให้ทำความสะอาดกระจกด้วยน้ำส้มสายชูผสมน้ำ ใช้ผ้าไม่มีขุยเช็ดให้แห้ง แล้วใช้หนังสือพิมพ์ขัดกระจก รับรองไม่เป็นรอยแน่นอน! แต่คุณต้องขัดแรงๆ นะ เพราะการทำความสะอาดกระจกต้องใช้แรงเยอะพอสมควร
    • หรือจะฉีดน้ำยาทำความสะอาดกระจกลงบนทิชชู่ทำความสะอาดแล้วทำความสะอาดพื้นผิวกระจกก็ได้ น้ำยาทำความสะอาดกระจกทำหน้าที่เป็นเหมือนเกราะที่ช่วยให้จุดและฝุ่นบนกระจกกำจัดออกได้ง่ายขึ้น และเมื่อใช้ไม่ถูกวิธี "น้ำยาทำความสะอาด" กระจกก็จะทำให้เกิดรอย นอกจากนี้คุณยังสามารถนำกระดาษหนังสือพิมพ์เก่าๆ มาเช็ดที่กระจกหลังล้างด้วยก็ได้ กระจกจะไม่เป็นรอยและวิธีนี้ยังเป็นการนำหนังสือพิมพ์เก่ามาใช้ใหม่ได้อย่างมีประสิทธิภาพอีกด้วย
    โฆษณา
วิธีการ 3
วิธีการ 3 ของ 6:

ทำความสะอาดครัว

ดาวน์โหลดบทความ
  1. วิธีนี้ถ้าทำอย่างถูกต้องจะช่วยประหยัดเวลาได้มาก คุณควรล้างจานหลังจากใช้งานทันที จานจะได้ไม่กองสุมมากเกินไป
    • ถ้าคุณมีเครื่องล้างจาน ของใหญ่ๆ อย่างหม้อและกระทะปกติแล้วควรใช้มือล้าง เพราะใส่ในเครื่องล้างจานไม่ค่อยได้
    • ถ้าใช้เครื่องล้างจานจานชามจะเสียเร็วกว่าการล้างด้วยมือ เพราะน้ำยาล้างจานสำหรับเครื่องล้างจานนั้นมีฤทธิ์กัดกร่อน เครื่องลายครามที่มีค่า แก้วไวน์ที่แตกง่าย และของที่แตกง่ายอื่นๆ ควรใช้มือล้างอย่างระมัดระวังแทนการใช้เครื่องล้างจาน
  2. ถ้าคุณล้างจานทันทีหลังใช้ การล้างจานด้วยมือจะเป็นเรื่องง่ายมาก คุณจะแทบไม่ต้องแช่หรือถูอะไรมากมายเพราะว่าคราบอาหารจะยังไม่มีโอกาสแห้งและเกรอะกรัง แค่ทำให้ฟองน้ำหรือแปรงล้างจานเปียก เทน้ำยาล้างจานลงไป ถูจานแต่ละใบ (ทั้งสองด้านนะ!) แล้วล้างน้ำเปล่า
    • ถ้าคุณชอบแช่จานทิ้งไว้ ลองนึกภาพตาม อ่างล้างจานที่มีน้ำสีน้ำตาลที่เต็มไปด้วยสิ่งสกปรก น้ำมัน เศษอาหาร เชื้อโรคนับล้าน และสิ่งอื่นๆ อีกมากมายที่มาจากสิ่งสกปรก ตอนนี้คุณรู้แล้วว่าน้ำที่ใช้แช่จานนั้นน่าขยะแขยง (และไม่ถูกสุขอนามัย) แค่ไหน ถ้าคุณต้องแช่หม้อพะโล้ที่มีคราบเหนียวติดอยู่สัก 10 หรือ 15 นาทีก็ไม่เป็นไร แต่ปกติแล้วถ้าเป็นไปได้ ล้างจานทันทีและไม่แช่ทิ้งไว้จะดีกว่า
  3. ถ้าคุณไม่เช็ดจาน แก้วก็อาจจะมีคราบหรือไม่แบคทีเรียก็จะเติบโตในน้ำ [2] ให้คุณล้างจาน (ถ้าคุณล้างจานด้วยมือ) นำจานที่ล้างน้ำเปล่าแล้วผึ่งไว้บนตะแกรงวางชามแห้งๆ แล้วปล่อยให้ลมเป่าจนแห้ง
    • คุณต้องตากแปรง ฟองน้ำ และผ้าเช็ดจานให้แห้งระหว่างการใช้แต่ละครั้งด้วย เพื่อไม่ให้สะสมเชื้อโรค
  4. อีกหนึ่งงานที่ไม่ค่อยสนุกเท่าไหร่ก็คือ การทำความสะอาดไมโครเวฟและเตาอบ โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าเราไม่ค่อยได้ทำความสะอาดมันบ่อยนัก (เรามักจะลืมไปได้ง่ายๆ) แต่ก็เป็นหนึ่งในงานที่คุณจะสังเกตความแตกต่างได้มากที่สุดเช่นกัน ครัวของคุณอาจจะมีกลิ่นหอมมากขึ้นหลังจากคุณทำอาหาร เพราะไม่มีเศษอาหารตกค้างจากครั้งก่อนอีก รายละเอียดการทำความสะอาดคือ :
    • สำหรับเตาอบ ลองดูว่ามีโหมดทำความสะอาดอัตโนมัติหรือเปล่า ถ้ามีก็จะช่วยผ่อนแรงของคุณไปได้มากโขเลยทีเดียว ถ้ามีให้เอาสายปลั๊กไฟต่างๆ ออกแล้วแช่น้ำสบู่ เปิดโหมดทำความสะอาดอัตโนมัติจนเสร็จ เช็ดเศษขี้เตาที่อยู่ด้านล่างแล้วใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดกับผ้าขี้ริ้วเปียกเช็ดออก แต่ถ้าไม่มีโหมดทำความสะอาดอัตโนมัติ ให้เอาสายปลั๊กไฟต่างๆ ออกแล้วแช่ในน้ำสบู่ ใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดฉีดเข้าไปด้านในของเตาอบ ปล่อยทิ้งไว้สักพัก แล้วใช้ฟองน้ำกับเกรียงขูดเศษต่างๆ ออก
    • สำหรับไมโครเวฟ ให้คุณใส่น้ำส้มสายชู น้ำมะนาวผสมน้ำเปล่า น้ำยาล้างจาน หรือผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดหน้าต่างลงในชาม ใส่เข้าไปในไมโครเวฟ เปิดไมโครเวฟสัก 2 – 3 นาทีแล้วใช้ผ้าขี้ริ้วเช็ดออก แล้วคราบเหนียวที่ติดอยู่ก็จะเช็ดออกได้อย่างง่ายดาย ทำให้ไมโครเวฟของคุณดูใหม่
    • สำหรับการทำความสะอาดอ่างล้างจาน อย่าลืมอ่านหัวข้อการทำความสะอาดอ่างล้างหน้าที่อยู่ในหัวข้อการทำความสะอาดห้องน้ำ เพราะจะอ่างล้างจานหรืออ่างล้างหน้าก็เหมือนกัน
  5. ตอนนี้คุณก็ทำงานใหญ่ๆ เสร็จหมดแล้ว ก็ได้เวลามาจัดตู้ ส่วนนี้จริงๆ แล้วขึ้นอยู่กับคุณว่า คุณ คิดว่าต้องจัดอย่างไรถึงจะเหมาะ แค่ต้องผสมผสานระหว่างสัญชาตญาตและความเป็นเหตุเป็นผลไว้ในระบบการจัดเท่านั้นเอง
    • บางครั้งการเอาของออกมาให้หมดก่อนแล้วค่อยใส่กลับเข้าไปใหม่ก็ง่ายกว่าจะพยายามจัดทุกอย่างแล้วดูว่าจะจัดอย่างไรได้บ้าง
    • พอเอาทุกอย่างออกมาข้างนอก ทำความสะอาดภายใน ด้วยผ้าเปียกแล้วตามด้วยผ้าแห้ง หรือผ้าแห้งแล้วใช้ผ้าเปียกแล้วตามด้วยผ้าแห้ง เพื่อกำจัดฝุ่น
    • เอาทุกอย่างกลับไว้ข้างใน วางชามไว้กับชาม แก้วสวยๆ ไว้กับแก้วสวยๆ อุปกรณ์สำหรับอบขนมก็ไว้ในที่เดียวกัน พอนึกภาพออกใช่ไหม และอย่าลืมเอาของที่คุณใช้บ่อยที่สุดไว้ในที่ๆ หยิบง่ายที่สุดด้วย
    • ถ้ามีข้าวของไม่จำเป็น ลองคิดว่าจะวางไว้ตรงไหน ส่วนที่ไม่จำเป็นแล้วก็ทิ้งไปบ้างเพื่อทำทุกอย่างง่ายขึ้น อย่าเก็บพวกขยะและในขณะเดียวกันก็อย่าทิ้งของที่จำเป็น
    โฆษณา
วิธีการ 4
วิธีการ 4 ของ 6:

ทำความสะอาดห้องนอน

ดาวน์โหลดบทความ
  1. เหมือนเดิม คุณต้องเริ่มจากของที่อยู่บนๆ ก่อน ขั้นตอนแรกของการจัดห้องอะไรก็แล้วแต่ก็คือ ต้องกำจัดหรือจัดของเล็กๆ น้อยๆ ก่อน เพราะฉะนั้นกำจัดกองกระดาษที่คุณแหมะไว้ตรงนั้นตรงนี้ เสื้อผ้าที่กองอยู่บนพื้น ห่อขนมที่อยู่ข้างเตียงก่อน แล้ว ค่อยเริ่มจัดห้องได้ [3]
    • ขณะที่คุณทำความสะอาด ให้คุณถือถุงขยะกับตะกร้าผ้าเดินไปเดินมารอบบ้านด้วย วิธีนี้จะช่วยให้คุณเก็บของลงถุง/ตะกร้าได้ขณะที่เดินอยู่ในบ้านและไม่ต้องเดินกลับไปกลับมา
  2. แน่ล่ะว่าการเก็บที่นอนดูเหมือนจะทำไปก็ไม่ได้อะไร เพราะสุดท้ายแล้วคุณก็ต้องกลับมาทำรกตอนกลางคืนอยู่ดี แต่พอคุณได้ลองเก็บที่นอนแล้ว คุณจะเห็นว่ามันทำให้ห้องดูและ รู้สึก ดีขึ้นขนาดไหน มันทำให้การทำความสะอาดส่วนที่เหลือในห้องมีความหมาย เพราะพอคุณทำเสร็จ มันก็จะดูดีขึ้นมาเลย
    • แน่นอนว่าคุณอาจจะอยากซักผ้าปูที่นอนก่อน แล้ว ค่อยเก็บที่นอน ซึ่งรวมถึงการซักปลอกหมอนและผ้านวมด้วย การกระโดดขึ้นเตียงที่เก็บเรียบร้อยตอนกลางคืนเป็นอะไรที่ดีสุดๆ แต่การได้กระโดดขึ้นเตียงที่เก็บและ สะอาด ด้วยนั้นรู้สึกดียิ่งกว่า
  3. จริงๆ แล้วสิ่งนี้เป็นสิ่งที่ควรทำทุกวัน แต่แน่ล่ะว่าการปล่อยให้มันรกๆ สักหน่อยย่อมง่ายกว่าแน่นอน นึกภาพแผนผังตู้เสื้อผ้าไว้ในหัว ว่ากางเกง เสื้อ เครื่องประดับ และชุดชั้นใน อะไรอยู่ตรงไหนบ้าง จากนั้นค่อยจัด เอาของที่เหมือนกันไว้ด้วยกันและเอาสิ่งที่คุณใส่บ่อยที่สุดไว้ด้านบน
    • ไม่ใช่เรื่องเสียหายอะไรที่คุณจะค้นตู้เสื้อผ้าให้ทั่วแล้วดูว่า มีของอะไรที่คุณอยากจะทิ้งไปบ้าง (รวมทั้งของอื่นๆ ที่ไม่ใช่เสื้อผ้าด้วย) เพราะเป็นไปได้ว่าจะต้องมีเสื้อผ้าหรือของอย่างน้อย 2 – 3 ชิ้นที่คุณไม่อยากเก็บไว้แล้ว และเก็บไว้ก็มีแต่เปลืองพื้นที่ แต่อย่าเพิ่งทิ้งนะ เพราะมันอาจจะเอาไปบริจาคได้
  4. ปัดฝุ่น ดูดฝุ่นหรือถู และฉีดกลิ่นหอมทั่วห้อง. พวกชั้นวางของและซอกเล็กซอกน้อย (ยังไม่รวมใต้เตียงและหลังเตียง) เป็นศูนย์รวมของฝุ่นและขี้รังแคมากมาย การจัดการกับฝุ่นและขี้รังแคพวกนี้ต้องใช้ถุงมือดันฝุ่นหรือผ้าดันฝุ่นถึงจะดี แต่คุณก็อาจจะใช้สเปรย์กำจัดไรฝุ่นหรือแผ่นทำความสะอาดฆ่าเชื้อเพื่อกำจัดฝุ่นก็ได้ พอคุณปัดฝุ่นหมดแล้วรวมทั้งตามมุมพื้นด้วย คุณก็สามารถดูดฝุ่นหรือถูได้เลย
    • ของบางชิ้นเช่นโคมไฟและผ้าม่านอาจจะต้องเบามือหน่อย สำหรับของพวกนี้คุณอาจจะใช้ที่เป่าผมค่อยๆ ปัดฝุ่นออกไป
    • เสร็จแล้ว ทำให้การทำความสะอาดห้องนอนเสร็จสมบูรณ์ด้วยการฉีดกลิ่นหอมสดชื่นอย่างกลิ่นเลมอนหรือกลิ่นลาเวนเดอร์ให้ทั่วห้องนอน
    โฆษณา
วิธีการ 5
วิธีการ 5 ของ 6:

ทำความสะอาดส่วนนั่งเล่นทั่วไป

ดาวน์โหลดบทความ
  1. ขึ้นอยู่กับว่าพื้นของคุณเป็นพื้นแบบไหน พื้นไม้ เซรามิก พรมน้ำมัน หรือพรม (นี่แค่พูดถึงทั่วๆ ไปนะ) พื้นแต่ละแบบต้องการการทำความสะอาดที่ไม่เหมือนกัน วิธีการทำความสะอาดแบบไหนล่ะที่เหมาะกับพื้นของคุณ
    • การดูดฝุ่นเป็นวิธีกำจัดฝุ่นและเศษเล็กเศษน้อยต่างๆ ที่สะสมอยู่บนพื้นที่มีพรมได้อย่างมีประสิทธิภาพที่สุด (และจริงๆ แล้วถ้าคุณมีสัตว์เลี้ยงที่ผลัดขน คุณก็ควรดูดฝุ่นทุกวัน)
    • หรือลองใช้ม็อบดันฝุ่นแห้ง (ชนิดที่เป็นไมโครไฟเบอร์จะใช้ดี) ถ้าเป็นพื้นกระเบื้อง/ไม้ คุณอาจจะใช้เครื่องกวาดฝุ่นพรม (เครื่องกวาดที่ไม่ใช้ไฟฟ้าที่คุณใช้ไถไปกับพรมที่มีแปรงอยู่ข้างใต้) ถ้าเป็นพื้นพรม ทั้งสองวิธียุ่งยากน้อยกว่าการเอาเครื่องดูดฝุ่นออกมา และทำให้คุณมีเวลาระหว่างการดูดฝุ่นแต่ละช่วงนานขึ้นด้วย
  2. เครื่องมือใหม่ๆ ล้ำๆ ที่มาแทนการถูพื้นอาจมีประโยชน์ แต่ก็ยังไม่มีอะไรกำจัดคราบสกปรกที่ติดหนึบอยู่ที่พื้นได้ดีไปกว่าไม้ถูพื้นทั่วไป พื้นที่อยู่ในครัวและบริเวณอื่นๆ จะต้องสะอาดวิบวับ ถ้าเป็นพื้นกระเบื้องหรือพื้นที่มีร่อง ไม่มีอะไรที่จะกำจัดสิ่งสกปรกที่อยู่ตามรอยแยกและรอยบุ๋มต่างๆ ได้นอกจากไม้ถูพื้น
    • ผ้าม็อบมีหลายแบบด้วยกัน ผ้าม็อบดันฝุ่นที่เป็นผ้าจริงๆ นั้นดีกว่าและทนทานกว่าผ้าม็อบที่เป็นฟองน้ำ [4] ผ้าม็อบดีๆ ช่วยรับประกันได้ว่า ถ้าคุณออกแรงถูน้อย พื้นก็จะดูสวยงาม ใช้น้ำผสมผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดที่เหมาะกับพื้นของคุณ (อย่าลืมอ่านฉลากด้วย)
  3. ถ้าคุณมีสัตว์เลี้ยง พยายามอย่าให้มีเห็บหมัด. วิธีที่จะป้องกันไม่ให้มีเห็บหมัดที่ดีที่สุดก็คือการใช้เครื่องดูดฝุ่น หรือไม่อย่างนั้นก็ไม่ต้องปูพรม เพราะพรมเป็นแหล่งแพร่พันธุ์เห็บหมัด (ยังไม่นับรวมสิ่งอื่นๆ ที่เหมาะสำหรับให้เห็บหมัดเกาะด้วย) ถ้าคุณมีสัตว์เลี้ยง ให้ดูดฝุ่นทุกวัน วิธีนี้จะทำให้เห็บหมัดไม่สามารถแพร่พันธุ์ได้ (เพราะเห็บหมัดแพร่พันธุ์จากสัตว์เลี้ยงและเศษผิวหนังของคน)
    • ในการ กำจัดเห็บหมัด โดยไม่ใช้สารเคมีที่เป็นพิษ หลังจากดูดฝุ่นเสร็จแล้ว ให้โรยบอแรกซ์บนพรมและปล่อยให้ซึมไปจนถึงพรมด้านล่าง วิธีนี้จะทำให้คุณไม่มีเห็บหมัดในบ้านอีกเลย คุณสามารถหาซื้อบอแรกซ์ได้ตามร้านเคมีภัณฑ์ทั่วไป
  4. ไรฝุ่นที่มีขนาดเล็กมากไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่านี้มีอยู่ทุกที่ และถ้าเราเห็นมันได้ล่ะก็ รับรองว่าเราต้องได้ปัดฝุ่นกันทั้งวันทั้งคืนแน่ ไรฝุ่นมีอยู่ทุกที่ในบ้านและอาจทำให้จาม ไอ และเป็นหืดได้ [5] นอกจากปัดฝุ่นแล้ว การดูดฝุ่นและการถูก็ช่วยได้เช่นกัน
    • ในการกำจัดฝุ่นจากเฟอร์นิเจอร์นั้น ให้คุณเอาผ้าหมาดหรือถุงมือดันฝุ่นถูพื้นผิวของเฟอร์นิเจอร์ ถูต่อเนื่องทุกพื้นผิวเพื่อไม่ให้คุณพลาดจุดใดจุดหนึ่งไป และถูเป็นแนวเดียวกันทั่วทั้งห้อง คุณอาจจะใช้สเปรย์ทำความสะอาดเฟอร์นิเจอร์ที่มีกลิ่นหอมอย่างยี่ห้อ Pledge ด้วยก็ได้
  5. เช่นเดียวกับผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดกระจก ผลิตภัณฑ์เคลือบเฟอร์นิเจอร์ไม่ใช่ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาด แต่สามารถนำมาใช้เพื่อทำความสะอาด ได้ ถ้าคุณอยากใช้ผลิตภัณฑ์เคลือบเฟอร์นิเจอร์ คุณต้องอ่านฉลาก อย่างละเอียด และหาผลิตภัณฑ์ที่เหมาะกับความต้องการของคุณโดยเฉพาะ
    • เฟอร์นิเจอร์บางอย่างสามารถใช้น้ำทำความสะอาดได้ และควรใช้น้ำผสมสบู่ตามสูตรที่กล่าวไว้ในขั้นตอนที่ 2 และต้องรีบเช็ดจากพื้นผิวให้แห้ง
    • ต่อไปให้ทาน้ำยาเคลือบเฟอร์นิเจอร์ตามปริมาณที่กำหนด และเช็ดออกตามวิธีใช้ วิธีนี้จะทำให้ฝุ่นไม่เป็นคราบฝังแน่นในเฟอร์นิเจอร์
  6. ใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดอเนกประสงค์อย่างระมัดระวัง. ตามกฎทั่วไปแล้ว ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดอเนกประสงค์ไม่ได้เหมาะกับการทำความสะอาดทุกอย่างเหมือนที่คุณคิดเสมอไป คุณต้องอ่านฉลากอย่างละเอียดก่อนซื้อเพื่อให้แน่ใจว่ามันเหมาะกับความต้องการของคุณ และอ่านฉลากเพื่อให้แน่ใจว่าเหมาะกับการทำความสะอาดที่คุณคิดว่าจะทำในตอนนั้น เพราะคุณคงไม่อยากทำให้เฟอร์นิเจอร์ดีๆ ต้องเสียหาย
    • อีกกฎทั่วไปก็คือ อย่าเอาผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดมาผสมกัน เพราะมันอันตรายมาก ใช้ทีละอย่างและทำตามวิธีใช้ที่อยู่บนฉลาก
  7. ตอนนี้คุณก็ทำความสะอาดพื้นผิวทุกอย่างแล้วรวมทั้งพื้นด้วย ก็ได้เวลาจัดข้าวของเล็กๆ น้อยๆ เพราะว่าคุณทำความสะอาดเกือบเสร็จหมดแล้ว ตบฝุ่นหมอน กางผ้าคลุมเฟอร์นิเจอร์ให้เรียบร้อย และจัดทุกอย่างที่อยู่ในห้องให้เหมือนว่าคุณกำลังจะขายบ้าน ถ้ามีของในสายตามากเกินไป ให้เอาบางอย่างไปเก็บไว้ในกล่องเก็บของและแปะชื่อไว้ เพราะสุดท้ายคุณอาจจะลืมได้ว่าเอาไปไว้ที่ไหน
    • พอทำทุกอย่างเสร็จแล้ว ให้ใช้สเปรย์ฉีดห้องฉีดให้ทั่วและนั่งลงชื่นชมผลงานของตัวเอง ยังมีอะไรที่ไม่ได้ทำอีกไหม ใส่น้ำมันบานพับประตูหรือยัง ทำความสะอาดกำแพงหรือยัง ต้องเปลี่ยนหลอดไฟไหม
    โฆษณา
วิธีการ 6
วิธีการ 6 ของ 6:

ปิดฉากการทำความสะอาด

ดาวน์โหลดบทความ
  1. การดูแลนอกบ้านช่วยสร้างบรรยากาศที่อยู่อาศัยให้ดีกว่าเดิม แม้ว่าเรามักจะละเลยมันได้ง่ายๆ ก็ตาม การกวาดใบไม้ป้องกันไม่ให้เชื้อราเจริญเติบโต ที่มักจะเกิดขึ้นในที่อากาศชื้นหลังจากฝนตก นอกจากนี้การกวาดใบไม้เป็นประจำยังช่วยลดจำนวนแมลงในสวนหลังบ้านและทำให้สวนหลังบ้านดูเป็นระเบียบ เหมือนได้รับการดูแลเป็นอย่างดีด้วย นี่พูดไปหรือยังนะว่ามันช่วยให้แสงแดดส่องไปถึงหญ้า ทำให้หญ้าโตเร็วขึ้นและแข็งแรงขึ้นด้วย
    • ไม่มีคราดหรือรู้สึกไม่อยากทำงานหลังแทบหักใช่ไหม ใช้เครื่องเป่าหญ้าเพื่อประหยัดเวลาก็ได้
    • การเล็ม/ขลิบต้นไม้ด้านหลัง (แนวพุ่มไม้ พุ่มกุหลาบ เป็นต้น) ช่วยป้องกันทางไหลน้ำและสิ่งสกปรกเข้าถึงตัวกำแพงบ้าน
  2. เสื้อผ้าใส่แล้วที่กองอยู่บนพื้นห้องนอนจะต้องไปอยู่ที่ไหนสักที่ ด้านล่างนี้เป็นวิธีการใช้เครื่องซักผ้าทั่วไป :
    • ขั้นแรกเปิดน้ำตามอุณหภูมิและระดับน้ำที่ต้องการ
    • ต่อไปเทน้ำยาซักผ้าปริมาณตามต้องการลงไปในช่องที่น้ำไหลผ่าน
    • ถ้าคุณใช้น้ำยาปรับผ้านุ่ม ของที่ควรมี (แต่หาซื้อยากสักหน่อย) ก็คือลูกบอลใส่น้ำยาปรับผ้านุ่มที่ให้คุณใส่น้ำยาปรับผ้านุ่มลงไปแล้วโยนลูกบอลลงไปในเครื่องซักผ้าตั้งแต่แรก (วิธีนี้ช่วยประหยัดเวลาไม่ให้คุณต้องรอถึงตอนล้างน้ำเปล่า) ถ้าคุณใช้ลูกบอลใส่น้ำยาปรับผ้านุ่ม ก็ให้ใส่พร้อมน้ำยาซักผ้าได้เลย ถ้าคุณใส่ผ้าลงไปก่อน น้ำยาซักผ้าและน้ำยาปรับผ้านุ่มอาจทำให้เสื้อผ้าของคุณเป็นคราบสีตกได้
  3. วิธีที่คุณย้ายเสื้อผ้าไปไว้ในถังปั่นแห้งอาจมีผลต่อรอยยับของเสื้อผ้า พอคุณซักเสร็จเรียบร้อยแล้ว ให้สะบัดผ้าที่พันกันเป็นม้วนๆ และมีรอยยับมากๆ ออกจากเสื้อผ้า แล้ว ค่อยโยนลงถังปั่นแห้ง กระบวนการนี้ช่วยให้ผ้าไม่ยับและช่วยให้ผ้าแห้งเร็วขึ้น
    • นอกจากนี้การตากผ้าท่ามกลางแดดจัดๆ และเก็บผ้าตอนที่ยังมีแดดอยู่ยังช่วยให้ผ้าหอมสดชื่นและเป็นการฆ่าเชื้อไปในตัวด้วย
  4. เดินให้ทั่วบ้านและทำความสะอาดส่วนที่เหลือที่จำเป็นต้องทำความสะอาดในแต่ละห้อง. ถึงจะเป็นรายการที่ค่อนข้างยาว แต่ก็ไม่ใช่งานที่เหนื่อยเลย งานอื่นๆ ได้แก่ :
    • เอาถุงขยะออกจากถังแล้วเอาถุงไปไว้นอกบ้าน
    • ทำความสะอาดโต๊ะในครัว
    • เปลี่ยนผ้าปูที่นอน ปลอกหมอน และผ้าคลุมเตียง
    • ทำความสะอาดกำแพง
    • ล้างตู้เย็น
    โฆษณา

เคล็ดลับ

  • ใช้เบกกิ้งโซดาล้างด้านในของตู้เย็นเพื่อกำจัดกลิ่น
  • หลายคนใช้หนังสือพิมพ์ปั้นเป็นก้อนกลมๆ กับผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดหน้าต่าง (แทนการใช้ทิชชู่ทำความสะอาด)
  • อย่าเอาฟองน้ำไว้รวมกับจานขณะตากให้แห้ง เพราะฟองน้ำมีแต่แบคทีเรียและเชื้อโรค ถ้าคุณมีเครื่องล้างจาน คุณสามารถทำความสะอาดฟองน้ำได้ด้วยการล้างไปพร้อมกับจาน คุณต้องเปลี่ยนฟองน้ำบ่อยๆ อย่าลืม ล้างฟองน้ำด้วยน้ำร้อน และบิดน้ำออกให้หมด ฆ่าเชื้อฟองน้ำด้วยการนำไปไว้ในไมโครเวฟ 1 นาที อย่าลืมทำให้ฟองน้ำเปียกก่อนใส่ไมโครเวฟ! ถ้าฟองน้ำไม่เปียกอาจทำให้ไฟไหม้ได้ ไม่จำเป็นต้องเปียกโชก แค่หมาดๆ ก็พอ
  • ถ้าเพื่อนเต็มใจจะช่วย การทำความสะอาดกับเพื่อนช่วยฆ่าเวลา และทำให้คุณมีคนคุยด้วยระหว่างทำความสะอาดบ้าน
  • การใช้ถุงเท้าที่หายไปข้างหนึ่งเป็นผ้าขี้ริ้วก็ดีและช่วยประหยัดเงิน เสื้อยืดเก่าๆ ก็เอามาตัดเป็นผ้าขี้ริ้วได้เหมือนกัน
  • ถ้าคุณทำความสะอาด คุณอาจจะอยากทำความสะอาดห้องนั่งเล่นก่อน เพราะห้องนั่งเล่นเป็นห้องที่คนมักจะเห็นก่อนส่วนที่เหลือในบ้าน
  • ผงซักฟอกทำอะไรได้มากกว่าแค่ซักเสื้อผ้า ใช้ผงซักฟอกทำความสะอาดเตาอบเพื่อกำจัดคราบมัน ใช้ทำความสะอาดห้องน้ำเพราะมีฤทธิ์กัดกร่อนน้อยกว่า และผสมผงซักฟอก 1 กำมือกับน้ำยาดูดฝุ่นเพื่อให้มีกลิ่นสะอาดสดชื่น
  • ขณะทำความสะอาด ให้ถือกล่องใส่ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดไปด้วย วิธีนี้จะทำให้คุณหยิบของที่ต้องใช้ได้ง่ายขึ้น และอาจจะทำให้คุณไม่ต้องปวดหลังมากนัก
  • อย่าเครียดกับของที่กองระเกะระกะ! ค่อยๆ ทำความสะอาดไปเรื่อยๆ ต้องทำบ้านให้สงบและร่มเย็น!
  • โรยเบกกิ้งโซดาลงไปบนพรม ทิ้งไว้ 15 นาทีหรือนานกว่านั้น วิธีนี้จะทำให้พรมมีกลิ่นหอม อย่าลืมดูดฝุ่นหลังจากนั้นด้วย
  • เอาของที่เน่าหรือขึ้นราออกจากตู้เย็นให้หมด
  • ทำความสะอาดของหลักๆ ก่อนถ้าคุณมีเวลาไม่มาก การล้างจานที่กองอยู่ในอ่างล้างจานให้หมดนั้นให้ผลลัพธ์ที่เห็นได้ชัดเจนกว่าการจัดลิ้นชัก
โฆษณา

คำเตือน

  • ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดบางอย่างไม่ปลอดภัยต่อผิวของคุณ พื้นพรมน้ำมัน พื้นไม้ พื้นผิวต่างๆ และอีกมากมาย เพราะฉะนั้นต้อง อ่านฉลาก ก่อนเสมอ ใช้เวลาแค่ไม่กี่วินาทีแต่สามารถประหยัดเงินคุณได้เป็นหมื่นๆ หากมีอะไรผิดพลาดขึ้นมา ถ้าคุณอ่านฉลากแล้วยังไม่แน่ใจ ให้ทดสอบกับบริเวณที่มองไม่ค่อยเห็นก่อน
  • คุณต้องให้ฟองน้ำหมาดก่อนแล้วค่อยใส่ในไนโครเวฟ และจับฟองน้ำหลังเข้าไมโครเวฟอย่างระวัง เพราะมันร้อน!
  • อย่าผสมผลิตภัณฑ์ทำความสะอาด การทำแบบนี้อาจทำให้เกิดสารเคมีที่เป็นอันตรายมากๆ ได้ ใช้ทีละอย่างและทำตามคำเตือนด้านความปลอดภัยบนฉลาก
โฆษณา

สิ่งของที่ใช้

  • ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดกระจก
  • น้ำยาเคลือบเฟอร์นิเจอร์
  • น้ำยาทำความสะอาดห้องน้ำ
  • น้ำยาล้างจาน
  • ทิชชู่ทำความสะอาด ผ้าขี้ริ้ว หนังสือพิมพ์ หรือฟองน้ำ
  • ถุงมือยาง
  • แปรง ที่ขัด และอื่นๆ


บทความวิกิฮาวอื่น ๆ ที่่เกี่ยวข้อง

เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้

มีการเข้าถึงหน้านี้ 8,616 ครั้ง

บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม

โฆษณา