ดาวน์โหลดบทความ ดาวน์โหลดบทความ

การมีเอวคอดเข้ากับรูปร่างของคุณนับว่าเป็นความงามอย่างหนึ่งที่สาวๆ อยากได้ เห็นได้จากรูปร่างทรงนาฬิกาทรายซึ่งเป็นที่นิยมในหมู่ดาราหนังยุคก่อนๆ ถึงแม้ว่าขนาดรอบเอวตามธรรมชาติของผู้หญิงจะเป็นไปตามกรรมพันธุ์ แต่ก็สามารถทำให้เล็กลงได้ด้วยการลดน้ำหนัก การออกกำลังกาย และการเลือกใส่เสื้อผ้า

ส่วน 1
ส่วน 1 ของ 3:

เปลี่ยนอาหารที่ทาน

ดาวน์โหลดบทความ
  1. เอวที่เล็กลงจะต้องอาศัยการลดน้ำหนัก ซึ่งไม่สามารถทำได้โดยการออกกำลังกายเพียงอย่างเดียว คุณจะต้องหันมาทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพ ลดปริมาณแคลอรีในแต่ละวันเพื่อที่จะให้เห็นผลจริงๆ การทำเช่นนี้จะต้องอาศัยวินัยและความมุ่งมั่น นอกจากการลดปริมาณแคลอรีแล้ว คุณสามารถเลือกทานอาหารดีๆ บางอย่างที่จะทำให้คุณลดรอบเอวได้
    • ยกตัวอย่างเช่น ในงานวิจัยทางวิทยาศาสตร์ กลุ่มคนที่ทานแต่ธัญพืชชนิดไม่ผ่านการขัดสีหรือโฮลเกรน (เพิ่มเติมจากการทานผักผลไม้ 5 ส่วน นมไขมันต่ำ 3 ส่วน และเนื้อสัตว์ เช่น เนื้อวัว เนื้อปลา เนื้อไก่ที่ไม่ติดมัน 2 ส่วน) สามารถลดไขมันบริเวณหน้าท้องได้มากกว่ากลุ่มคนที่ทานอาหารอย่างเดียวกันคู่กับธัญพืชที่ผ่านการขัดสี อย่าลืมว่าหากทานผลไม้ที่มีน้ำตาลสูงเป็นปริมาณมากจะทำให้ลดน้ำหนักได้ช้าลง [1]
    • ในการลดน้ำหนักสัก 2 กิโลกรัม คุณจะต้องลดแคลอรี่จากอาหารของคุณไป 3500 แคลอรี ผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพแนะนำว่าการลดน้ำหนักที่ยังทำให้มีสุขภาพดีนั้นควรจะอยู่ในระดับ 2-4 กิโลกรัมต่อสัปดาห์ เราจึงไม่แนะนำให้คุณอดอาหารหรือทำตามแผนลดน้ำหนักเป็นช่วงๆ เพื่อที่จะลดน้ำหนักได้เร็วขึ้น
  2. การเริ่มวันใหม่ของคุณด้วยการทานอาหารเช้าที่ดีต่อสุขภาพเป็นสิ่งดีที่สุดที่จะทำได้ในเวลาที่คุณกำลังลดน้ำหนัก อาหารเช้าดีๆ จะช่วยกระตุ้นระบบเผาผลาญ ทำให้คุณเผาผลาญแคลอรีได้มากขึ้นในวันนั้น และยังทำให้คุณอิ่มนานขึ้น ลดแนวโน้มที่จะทานของว่างในช่วงเช้าและช่วงบ่าย ซึ่งจะทำให้คุณได้รับแคลอรีที่สูงขึ้น
    • ลองทานทั้งซีเรียลธัญพืช ขนมปัง ไข่ที่มีโปรตีนสูง และผลไม้ที่มีวิตามินสูงในยามเช้า เพื่อให้มีสมดุลทางโภชนาการในมื้อเช้า หากคุณต้องรีบ ทานผลไม้ปั่นและซีเรียลแบบแท่ง เพื่อความสะดวกแต่ก็ให้ประโยชน์
    • คุณควรดื่มน้ำหนึ่งแก้วก่อนอาหารเช้า (และก่อนอาหารทุกมื้อในแต่ละวัน) เพราะการดื่มน้ำก่อนอาหารสามารถป้องกันร่างกายของคุณไม่ให้สับสนระหว่างความหิวและความกระหายน้ำ ซึ่งอาจจะทำให้คุณทานมากเกินกว่าที่ต้องการ นอกจากนี้ยังทำให้ร่างกายของคุณไม่ขาดน้ำซึ่งเป็นเรื่องสำคัญมาก
  3. เป็นเรื่องปกติของคนที่ลดน้ำหนักในการจะต้องทนหิวระหว่างมื้อ และสุดท้ายพวกเขาก็จะทานมากกว่าที่จำเป็นเมื่อถึงเวลาทาน เคล็ดลับในการลดน้ำหนักข้อหนึ่งก็คือ การทานบ่อยขึ้นในหนึ่งวันแต่ทานน้อยลงในแต่ละมื้อ
    • การทานน้อยลงแต่บ่อยขึ้นสามารถป้องกันไม่ให้ร่างกายหิวจนเกินไป ซึ่งวิธีนี้จะทำให้ทานน้อยลง กระตุ้นระบบเผาผลาญ ซึ่งจะเผาผลาญแคลอรีได้มากขึ้นในหนึ่งวัน
    • ลองทาน 6 มื้อเล็กๆ ต่อวัน แทนที่จะทาน 3 มื้อใหญ่ คุณจะพบว่าการทำตามแผนลดน้ำหนักนั้นง่ายขึ้นในระยะยาว เมื่อคุณไม่ต้องหิวอยู่ตลอดเวลา
  4. คนที่ลดน้ำหนักหลายคนเชื่อว่าพวกเขาควรหลีกเลี่ยงไขมันอย่างเด็ดขาดเมื่อพยายามลดน้ำหนัก แต่จริงๆ แล้ว การทานไขมันที่ดีปริมาณหนึ่งก็จำเป็นต่อการทานอาหารให้สมดุลและสามารถช่วยลดน้ำหนักได้ ที่จริงแล้วมีงานวิจัยแนะนำการลดน้ำหนักแบบที่มีอัตราส่วนไขมันไม่อิ่มตัวสูงขึ้น (อโวคาโด ถั่ว เมล็ดพืช ถั่วเหลือง และช็อคโกแลต) ซึ่งสามารถป้องกันการสะสมของไขมันบริเวณหน้าท้อง ดังนั้นในแต่ละวัน คุณควรทานไขมันที่ดี 25-30% จากแคลอรีที่ได้รับทั้งหมด [2]
    • ไขมันไม่อิ่มตัวที่มีพันธะคู่ เช่น โอเมก้า 3 ซึ่งเป็นกรดไขมันที่พบได้ในปลาแมคเคอเรล ปลาแซลมอน ปลาเฮอร์ริง ถั่ววอลนัท น้ำมันคาโนล่า และเต้าหู้ เป็นไขมันดีอีกประเภทหนึ่งที่คุณควรทาน ไขมันนี้จะช่วยลดคอเลสเตอรอลส่วนที่ไม่ดี และช่วยบำรุงสมอง [2]
    • ในทางกลับกัน ไขมันทรานส์ (trans fat) ที่พบได้ในเนยเทียม ขนมปังกรอบ คุ้กกี้ หรืออะไรก็ตามที่ทำมาจากน้ำมันพืชผ่านกรรมวิธี จะส่งผลให้มีไขมันสะสมบริเวณหน้าท้องมากขึ้น ดังนั้นคุณควรจะหลีกเลี่ยงมันให้มากที่สุด
  5. อาหารที่มีใยอาหารสูงเป็นส่วนสำคัญของอาหารที่ดีต่อสุขภาพด้วยหลายปัจจัย ลำดับแรกคือ อาหารที่มีใยอาหารสูงช่วยให้ลำไส้ทำงานปกติ ซึ่งลดอาการบวมป่องและอุดตันของลำไส้ลง ลำดับที่สองคือ อาหารที่มีใยอาหารสูงช่วยให้อิ่มนานขึ้น และทำให้เคี้ยวนานขึ้นเพื่อช่วยไม่ให้ทานมากเกินไป นอกจากนี้ยังมีแคลอรีต่ำกว่าอาหารประเภทอื่นๆ อีกด้วย
    • ลองทานอาหารที่มีใยอาหารสูงหลายๆ ชนิด เพื่อที่จะได้รับประโยชน์จากใยอาหารที่ละลายน้ำและไม่ละลายน้ำ ตัวอย่างของเส้นใยที่ละลายน้ำ ได้แก่ ข้าวโอ๊ต ข้าวบาร์เล่ย์ ถั่ว แอปเปิล แครอท และผลไม้จำพวกส้ม สำหรับเส้นใยที่ไม่ละลายน้ำ ประกอบไปด้วยอาหารที่ได้จากรำข้าวและเมล็ดธัญพืช อาหารที่มีส่วนประกอบของธัญพืชไม่ขัดสี ถั่วบางชนิด และผักใบเขียว [3]
    • เส้นใยอาหารที่ละลายน้ำได้ สามารถลดระดับอินซูลินได้ ซึ่งช่วยเร่งการเผาผลาญไขมันบริเวณหน้าท้อง
    • น้ำเปล่าเป็นสิ่งที่ดีที่สุด เพราะน้ำเปล่าสามารถลดอาการท้องป่องและทำให้ร่างกายไม่ขาดน้ำ อย่างไรก็ตาม หากคุณเบื่อความไม่มีรสชาติของน้ำเปล่า ลองดื่มน้ำเปล่าโดยใส่ใบสะระแหน่ เลม่อน มะนาว ราสป์เบอร์รี่แช่แข็ง หรือลองผสมกันดู ใช้ความคิดสร้างสรรค์ของคุณได้เลย น้ำวิตามินหรือชาที่หวานโดยธรรมชาติก็เป็นทางเลือกที่ดีแทนน้ำอัดลมเช่นเดียวกัน
    • อย่าใช้หลอด คุณควรจะเลิกใช้หลอดในการจิบน้ำ เพราะการใช้หลอดทำให้คุณมีอากาศในช่องท้องมากขึ้น ทำให้เกิดอาการบวมและมีหน้าท้องใหญ่ขึ้น ดื่มจากแก้วไปเลยจะดีกว่า [4]
  6. ถึงแม้ว่าคุณจะควบคุมปริมาณอาหารอย่างเคร่งครัดและออกกำลังกายสม่ำเสมอ แต่คุณจะไม่สามารถลดน้ำหนักได้หากคุณยังทานอาหารสำเร็จรูปอยู่เรื่อยๆ เพราะอาหารสำเร็จรูปมักจะมีปริมาณแป้งและน้ำตาลสูง ซึ่งทำให้ลดน้ำหนักได้ยากและเพิ่มสารอันตรายอีกด้วย
    • ระมัดระวังในการเลือกผลิตภัณฑ์ที่มีฉลาก "ไร้ไขมัน" (non-fat) เช่น ชีส ขนมปัง โยเกิร์ต เป็นต้น ผลิตภัณฑ์เหล่านี้มักจะมีไขมันต่ำ แต่กลับมีน้ำตาลสูง มีคาร์โบไฮเดรตชนิดไม่จำเป็น และให้สารอาหารน้อยมาก อาหารชีวจิตแช่แข็งบางชนิดก็ไม่ได้แย่นักหากคุณอ่านฉลากให้ละเอียด ตรวจดูส่วนผสมและปริมาณ
    • คุณควรหลีกเลี่ยงอาหารสำเร็จรูปที่มีเกลือในปริมาณมาก เช่น อาหารปรุงสำเร็จ หรืออาหารแช่แข็ง เพราะเกลือจะทำให้เกิดการกักเก็บน้ำและเกิดอาการบวม ถ้าเป็นไปได้ คุณควรทานอาหารที่ทำใหม่ๆ จะดีกว่าการทานอาหารแช่แข็งทุกครั้งที่ทำได้
    โฆษณา
ส่วน 2
ส่วน 2 ของ 3:

วางแผนการออกกำลังกาย

ดาวน์โหลดบทความ
  1. หากคุณอยากได้เอวที่เพรียวบางจริงๆ คุณจะต้องทุ่มเทให้กับการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอและเคร่งครัด ผลลัพธ์ดีๆ จะมาจากการลงแรงและความทุ่มเทเท่านั้น ดังนั้นคุณควรจะมีความตั้งใจจริงก่อนจะเริ่ม อย่างไรก็ตาม การเริ่มออกกำลังกายอย่างหนักทันทีอาจทำให้คุณท้อแท้และล้มเลิกความตั้งใจได้ง่ายๆ
    • ในการออกกำลังกายให้สำเร็จ ลองออกกำลังในระดับที่เหมาะสมก่อน แล้วค่อยๆ พัฒนาตัวเองให้ออกกำลังกายหนักขึ้นและนานขึ้น บันทึกการออกกำลังกายทุกครั้งในสมุดบันทึก หรือไดอารี่ เพื่อดูพัฒนาการของตัวเอง
    • ในที่สุดคุณจะพบว่าคุณสามารถออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอโดยไม่รู้สึกเหนื่อยมากหรือท้อแท้ คุณจะได้รับประโยชน์ทั้งในเรื่องรอบเอวที่เล็กลง รวมไปถึงสุขภาพร่างกายที่ดีขึ้น
  2. อย่างที่ได้กล่าวไปแล้ว การลดน้ำหนักนั้นสำคัญหากคุณต้องการลดรอบเอว แย่หน่อยที่ไม่มีวิธีลดน้ำหนักเฉพาะส่วน การลดน้ำหนักทั้งร่างกายจึงเป็นทางเลือกเดียว การออกกำลังกายแบบคาร์ดิโอเป็นการเผาผลาญแคลอรีที่ดีที่สุด จึงมีความสำคัญต่อการลดน้ำหนักทุกรูปแบบ
    • การวิ่ง กระโดด และปั่นจักรยานเป็นทางเลือกในการออกกำลังกายแบบคาร์ดิโอที่ดี ซึ่งส่วนมากแล้ว คุณไม่จำเป็นต้องเป็นสมาชิกของยิม เป็นการออกกำลังกายที่เสียค่าใช้จ่ายน้อยแต่ได้ผลดี ดังนั้นคุณจึงควรเพิ่มการออกกำลังกายแบบคาร์ดิโอเข้าไปในการฟิตร่างกายของคุณด้วย
    • คุณควรตั้งเป้าในการออกกำลังกายแบบคาร์ดิโอ 30 นาที 4-5 วันต่อสัปดาห์ เพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุด
  3. การออกกำลังกายเพื่อสร้างความแข็งแรงให้แกนกลางลำตัวจะเน้นไปที่กล้ามเนื้อด้านข้างของท้อง (Oblique) ถึงแม้ว่าการออกกำลังเน้นส่วนนี้จะทำให้คุณมีหน้าท้องแบนเรียบ แต่ก็จะเป็นการสร้างกล้ามเนื้อทำให้เอวดูกว้างขึ้น นี่คงไม่ใช่สิ่งที่คุณต้องการแน่นอนหากคุณหวังจะมีเอวเล็กคอด ดังนั้นการออกกำลังกายแกนกลางลำตัว ควรจะเน้นไปที่กล้ามเนื้อที่พาดตามแนวขวางของท้อง และกล้ามเนื้อส่วนช่องท้องหรือซิกซ์แพคนั่นเอง
    • กล้ามเนื้อ transverse abdominals หรือกล้ามเนื้อที่พาดตามแนวขวางทำหน้าที่เป็นเหมือนเสื้อรัดรูปตามธรรมชาติ ซึ่งหากมีการออกกำลังบริเวณนี้อย่างเพียงพอจะทำให้คุณมีเอวเล็กลงได้ การเล่นพีลาทีสสามารถเน้นการออกกำลังบริเวณนี้ได้และเป็นวิธีการออกกำลังกายที่มีประสิทธิภาพ
    • อย่าลืมหายใจระหว่างออกกำลังกล้ามเนื้อส่วนแกนกลางลำตัว ถึงแม้การหายใจจะเป็นเรื่องที่น่าจะทำเป็นปกติอยู่แล้ว จริงๆ แล้วหลายคนมัวแต่จดจ่อกับการใช้กล้ามเนื้อให้ถูกต้องและลืมหายใจ ทำให้ร่างกายเกร็งและอ่อนแรง คุณควรหายใจเข้าและหายใจออกขณะออกกำลังกาย หากคุณไม่สามารถหายใจเป็นจังหวะได้ การเข้าคลาสโยคะหรือพีลาทีสช่วยได้
  4. ถึงแม้ว่าคุณจะไม่สามารถควบคุมการลดน้ำหนักเฉพาะบริเวณได้ แต่คุณสามารถออกกำลังกายเพื่อฟิตกล้ามเนื้อบริเวณกลางลำตัวได้
    • ออกกำลังกายท่า "100” ด้วยการนอนบนพื้น ยกขาขึ้นให้ทำมุม90องศา ไหล่แตะพื้น เหยียดแขนตรงไปด้านหน้า เหวี่ยงแขนลง 100 ครั้ง หายใจเข้าทางจมูกทุกๆ การเหวี่ยงแขน 5 ครั้งและหายใจออกทางปากทุก ๆ การเหวี่ยงแขนอีก 5 ครั้ง
    • แขม่วหน้าท้อง พยายามแขม่วหน้าท้องตลอดทั้งวันไม่ว่าจะตอนนั่งอยู่ที่โต๊ะ อยู่ในรถ หรือที่ร้านขายของ กล้ามเนื้อหน้าท้องจะทำงานและยังทำให้คุณดูผอมอีกด้วย เมื่อทำไปนานๆ คุณจะไม่รู้สึกตัวด้วยซ้ำว่ากำลังแขม่วหน้าท้องอยู่
    • ซิตอัพ ซิตอัพบนที่ที่มั่นคง เช่น ลูกบอลโยคะขนาดกลาง หรือที่พักแขนของโซฟา ไขว้แขนไว้บริเวณหน้าอกจะดีที่สุด เพราะการวางมือไว้ด้านหน้าจะทำให้คุณเกร็งคอน้อยลงและทำท่าซิตอัพได้ง่ายขึ้น (ส่งผลให้เกิดการบริหารหน้าท้องน้อยลง) ซิตอัพวันละ 5 เซ็ต เซ็ตละ 30 ครั้ง
    • ซิตอัพแบบบิดตัว นอนราบกับพื้นและงอเข่าขึ้นมา วางเท้าไว้บนพื้น ยกมือไว้ข้างศีรษะให้ปลายนิ้วแตะใบหู ค่อยๆ เกร็งกล้ามเนื้อท้อง ยกลำตัวขึ้นจากพื้น เมื่อถึงจุดที่ยกตัวต่อไปไม่ได้แล้ว เกร็งกล้ามเนื้อด้านข้างแล้วหันไปทางซ้าย กลับมานอนราบแล้วทำด้านขวา ทำเซ็ตละ 10 ครั้ง [5]
    • ทำท่าบริดจ์ (Bridge) อยู่ในท่าเตรียมวิดพื้น วางข้อศอกลง ตามองพื้นตลอดเวลา เกร็งหน้าท้องเข้าไปเหมือนจะให้หน้าท้องแตะกระดูกหลัง ขณะทำท่านี้บั้นท้ายของคุณควรจะกดลง หลังตรง พยายามค้างท่าไว้ให้ได้1นาที [6]
    • ทำท่าแพลงก์ด้านข้าง นอนตะแคงขวาลงบนเสื่อโยคะ นอนทับแขนขวา เหยียดขาตรง วางเท้าขวาทับเท้าซ้าย เมื่ออยู่ในท่านี้ ค่อยๆ ยกกระดูกเชิงกรานขึ้นจากพื้น ลงน้ำหนักเท่าๆ กันระหว่างแขนขวาและเท้า พยายามยกตัวค้างไว้ประมาณ 10-15 วินาที ทำด้านละ 5 ครั้ง [7]
  5. การเน้นกล้ามเนื้อช่วงบนจะทำให้เอวดูเล็กลง คุณจึงควรออกกำลังกายส่วนไหล่และหน้าอกด้วยเพื่อสร้างภาพลวงตาว่าเอวเล็ก การออกกำลังกายส่วนนี้มีหลายท่า คือ:
    • ทำท่า Bench dips เพื่อออกกำลังแขนและไหล่ สามารถใช้แท่นสำหรับออกกำลังกายหรือเก้าอี้ก็ได้ นั่งหลังตรงริมขอบเก้าอี้ ยืดขาออกมาด้านหน้า จับขอบเก้าอี้ไว้ให้มั่น ค่อยๆ ไถตัวออกจากขอบเก้าอี้ หย่อนตัวลงไปหาพื้น พยายามให้หลังตรง หย่อนตัวลงจนกว่าแขนจะทำมุม 90 องศา ดึงตัวกลับมาที่ท่าเริ่มแล้วทำซ้ำ
    • วิดพื้น การวิดพื้นเป็นการออกกำลังกายพื้นฐานสำหรับกล้ามเนื้อหน้าอก สามารถทำได้โดยการใช้นิ้วเท้ารับน้ำหนัก (สำหรับการออกกำลังในระดับยาก)หรือใช้หัวเข่าทั้งสองข้าง (สำหรับแบบง่าย) วางฝ่ามือลงบนพื้น ให้ห่างกันมีระยะกว้างพอๆ กับไหล่ ดันตัวขึ้นโดยใช้กล้ามเนื้อแขนเท่านั้นจนกว่าแขนจะตึง ลดตัวลงจนข้อศอกทำมุม 90 องศา ดันตัวกลับไปท่าเริ่มและทำซ้ำ
  6. การออกกำลังกายแบบเดิมอาจจะซ้ำซากและน่าเบื่อ ทำให้คุณไม่อยากทำต่อ การทดลองสิ่งใหม่ๆ จึงเป็นเรื่องสำคัญ อาจจะเป็นการออกกำลังกายแบบใหม่ หรือใช้อุปกรณ์ใหม่ นี่คือคำแนะนำในการปรับเปลี่ยนแผนออกกำลังกายที่จะช่วยให้คุณมีเอวเล็กลงได้:
    • เล่นฮูลาฮูป ทั้งเอวและสะโพกจะได้ประโยชน์จากการเล่นฮูลาฮูปเพียง10นาทีต่อวัน และคุณยังได้ทำตัวเล่นสนุกแบบเด็กๆ ทุกวันอีกด้วย
    • ทางหนึ่งที่จะช่วยให้เอว (และทุกๆ ส่วนของร่างกาย) ดูดีก็คือการเต้น คุณไม่จำเป็นต้องไปเข้าชั้นเรียน เพียงแค่เปิดวิทยุหรือฟัง iPod แล้วเต้นไปมาสัก 20-30 นาทีทุกวันโดยใช้ทุกส่วนของร่างกาย การเต้นสามารถเผาผลาญแคลอรีและยังทำให้รู้สึกสนุก คุณจะทั้งดูดีและรู้สึกดีไปพร้อมๆ กัน
    • ใช้ดัมเบล สร้างกล้ามเนื้อไหล่และคอโดยการยกดัมเบลด้านข้าง ทำวันละ 4 เซ็ต เซ็ตละ 10 ครั้ง ยิ่งคุณมีไหล่และสะโพกผายเท่าไหร่ เอวก็จะยิ่งดูคอด
    • ลองเล่นโยคะหรือพีลาทีส ซึ่งเป็นการออกกำลังกายแกนกลางลำตัวที่ดี คุณยังได้เป็นส่วนหนึ่งของการออกกำลังกายเป็นกลุ่มซึ่งจะเป็นแรงกระตุ้นที่ดีให้กับคุณอีกด้วย
    • ทำให้การออกกำลังกายสบาย ใช้เสื่อปูพื้น สวมใส่เสื้อผ้าที่สบาย เตรียมขวดน้ำเอาไว้ และเตรียมสิ่งอื่นๆ ที่ทำให้การออกกำลังกายของคุณสนุกขึ้น การเปิดเพลงไปด้วยก็เป็นแรงกระตุ้นที่ดีเช่นกัน
    โฆษณา
ส่วน 3
ส่วน 3 ของ 3:

แต่งตัวให้ดี

ดาวน์โหลดบทความ
  1. ดึงความสนใจมาที่เอวด้วยการคาดเข็มขัดที่ช่วยเน้นช่วงกลางลำตัว เข็มขัดนี้อาจจะเป็นแบบใหญ่ เล็ก ติดเพชร หรือเป็นเชือกถักก็ได้ทั้งนั้น คาดทับเดรส เสื้อตัวยาว หรือแม้กระทั่งเสื้อโค้ต เพื่อให้ได้หุ่นทรงนาฬิกาทรายที่ทำให้ดูเอวเล็ก
  2. เดรสทรงเอคือเดรสที่พอดีกับช่วงสะโพกแล้วบานออก ซึ่งช่วยสร้างภาพลวงตาว่าเอวคอด เดรสทรงนี้สามารถสวมใส่ให้ดูดีได้กับแทบจะทุกรูปร่าง เพราะช่วยเน้นช่วงเอวและยังช่วยพรางสะโพกกับต้นขาอีกด้วย
  3. กางเกงยีนส์เอวต่ำนั้นจะดูไม่ดีเลยหากคุณมีช่วงกลางลำตัวที่ค่อนข้างหนา เพราะจะทำให้พุงยื่นออกมา กางเกงยีนส์เอวสูงจะช่วยพรางไขมันส่วนเกินช่วงสะโพกได้ดีกว่า และดึงความสนใจไปที่เอว ใส่เสื้อเข้าในกางเกงจะทำให้ดูดีมาก
  4. คอร์เซ็ตหรือเสื้อกระชับรูปร่างที่สวมใต้ชุดกระโปรงยาวมานับศตวรรษ กลับมาเป็นที่นิยมอีกครั้งเพราะทำให้มีรูปร่างเซ็กซี่ได้ง่ายๆ ไม่ว่าจะใส่ไว้ด้านในหรือใส่เดี่ยวๆ ไปเลย เสื้อเหล็กรัดตัว (เราสัญญาว่ามันไม่ได้น่ากลัวเหมือนกับชื่อเรียก) สามารถรัดเอวได้ดีที่สุด และสามารถลดขนาดเอวได้จริงๆ เมื่อสวมใส่ในระยะยาว
    โฆษณา

เคล็ดลับ:

  • หากคุณมีอาการบวม ลองปรึกษาแพทย์ เพราะอาการบวมเป็นสัญญาณของการแพ้อาหาร หรืออาการแพ้อื่นๆ (ธัญพืช นม น้ำตาลฟรักโทส ฯลฯ) การบวมน้ำ ความไม่สมดุลของสารเคมีในสมอง หรือการเป็นโรคบางชนิด หากคุณมีอาการบวมเป็นประจำ คุณควรไปตรวจหาสาเหตุ ลองสังเกตว่าคุณมีอาการบวมหลังทานอาหารหรือไม่ เพื่อช่วยให้แพทย์วินิจฉัยหาสาเหตุได้ง่ายขึ้น
  • ทานโปรตีนให้มาก ทานวิตามินและแร่ธาตุที่จำเป็น พยายามทานอาหารที่มีประโยชน์มากกว่าการทานอาหารเสริมแบบเม็ด
  • อย่าฝังใจกับความเชื่อที่ว่าการยกน้ำหนักทำให้มีกล้ามบึกบึน คุณไม่มีทางล่ำบึ้กได้แน่นอน นอกจากคุณจะพยายามทำเอง
โฆษณา

คำเตือน

  • อย่าใช้ตุ๊กตาบาร์บี้เป็นเกณฑ์รูปร่าง เพราะเอวของบาร์บี้นั้นไม่ถูกต้องตามหลักกายวิภาค หากบาร์บี้สูงประมาณ 165เซนติเมตร เธอจะมีรอบเอวเพียง 20 นิ้วหรือ 50.8 เซนติเมตรเท่านั้น! ยึดหลักความเป็นจริงและหาขนาดรอบเอวที่เข้ากับรูปร่างของคุณ หากคุณไม่ได้เกิดมามีหุ่นแบบนาฬิกาทราย อย่ากลุ้มใจไปและพยายามทำให้รูปร่างเป็นอย่างที่คุณพอใจ
  • ปรึกษาแพทย์ก่อนจะลองออกกำลังกายใหม่หรือปรับเปลี่ยนแผนการออกกำลังกายเสมอ


โฆษณา

ข้อมูลอ้างอิง

  1. http://www.webmd.com/diet/features/the-truth-about-belly-fat
  2. 2.0 2.1 http://www.fitnessmagazine.com/recipes/healthy-eating/tips/why-non-fat-isnt-the-answer/
  3. http://www.mayoclinic.com/health/fiber/NU00033
  4. http://www.fitbie.com/lose-weight/tips/20-tips-smaller-waistline/tip/2
  5. Linda Bird and Eve Cameron, The Best Value Beauty Book Ever', p. 157, (2007), ISBN 1-904902-85-5
  6. Linda Bird and Eve Cameron, The Best Value Beauty Book Ever', p. 157, (2007), ISBN 1-904902-85-5
  7. Linda Bird and Eve Cameron, The Best Value Beauty Book Ever', p. 157, (2007), ISBN 1-904902-85-5

เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้

มีการเข้าถึงหน้านี้ 110,157 ครั้ง

บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม

โฆษณา