ดาวน์โหลดบทความ ดาวน์โหลดบทความ

ทุกคนย่อมเคยดื่มกาแฟร้อนจัดๆ หรือกัดพิซซ่าที่เพิ่งออกมาจากเตาทันที ผลก็คือทำให้ลิ้นของคุณพอง โชคยังดีที่ยังมีหลายอย่างที่คุณสามารถนำมาลองใช้เพื่อบรรเทาความเจ็บปวดและลดอาการบวมได้ แค่ดูขั้นตอนที่ 1 ด้านล่างเพื่อเริ่มกันเลย

วิธีการ 1
วิธีการ 1 ของ 3:

ใช้การรักษาตามธรรมชาติ

ดาวน์โหลดบทความ
  1. วิธีที่เห็นได้ชัดที่สุดในการบรรเทาความเจ็บปวดของอาการลิ้นพองก็คือการแก้ร้อนด้วยอะไรเย็นๆ ลองอมก้อนน้ำแข็งหรือเลียไอศกรีมแท่ง หรือแม้แต่การดื่มเครื่องดื่มเย็นๆ ก็จะช่วยได้
  2. โยเกิร์ตเป็นหนึ่งในการรักษาลิ้นพองที่ดีที่สุดเพราะว่าเย็นและนุ่มนวลมาก
    • ให้กินหนึ่งช้อนทันทีหลังกินอะไรลวกลิ้นและอมไว้ในปากสักสองสามวินาทีก่อนกลืน
    • แนะนำให้กินโยเกิร์ตกรีกรสธรรมชาติ แต่จริงๆ แล้วโยเกิร์ตชนิดไหนก็ได้ คุณอาจจะลองดื่มนมเย็นๆ สักแก้วหนึ่งได้ด้วยเช่นกัน [1]
  3. การรักษาอาการลิ้นพองเองที่บ้านที่ไม่ซ้ำใครวิธีหนึ่งก็คือโรยน้ำตาลทรายหนึ่งหยิบมือลงบนบริเวณที่ปวดแสบปวดร้อนและปล่อยให้ละลาย อมไว้ในปากอย่างน้อยหนึ่งนาทีเพื่อให้ความเจ็บปวดหายไป ความเจ็บปวดน่าจะทุเลาลงอย่างรวดเร็ว
  4. น้ำผึ้งเป็นสารที่นุ่มนวลตามธรรมชาติซึ่งสามารถบรรเทาความเจ็บปวดของอาการลิ้นพองได้ และคุณไม่จำเป็นต้องกินมากกว่าหนึ่งช้อน
    • กินน้ำผึ้งหนึ่งช้อนและอมน้ำผึ้งไว้บนลิ้นสักครู่หนึ่งก่อนกลืน
    • ระวังไว้ว่าคุณไม่ควรจะให้น้ำผึ้งกับเด็กอายุต่ำกว่า 12 เดือน เพราะว่ามันอาจจะซ่อนสปอร์พิษไว้ทำให้ทารกเกิดอาการอาหารเป็นพิษซึ่งสามารถทำให้เด็กเสียชีวิตได้ [2]
  5. 5
    กลั้วด้วยน้ำเกลือ. น้ำเกลือสามารถบรรเทาความแสบร้อนโดยป้องกันการอักเสบไปด้วย ผสมเกลือหนึ่งช้อนชากับน้ำหนึ่งถ้วย จิบคำโตๆ แล้วกลั้วทั่วปาก คาไว้ในปากหนึ่งถึงสองนาทีก่อนบ้วนทิ้ง [3]
  6. น้ำมันวิตามินอีจะช่วยบรรเทาอาการลิ้นพองและยังเร่งกระบวนการสมานแผลให้เร็วขึ้นโดยช่วยให้ลิ้นสร้างเนื้อเยื่อใหม่ ให้เปิดแคปซูลวิตามินอีขนาด 1,000 ไอยูและทาน้ำมันบนส่วนของลิ้นที่พองให้ทั่ว [4]
  7. อาจจะฟังดูค่อนข้างพื้นๆ แต่การหายใจทางปาก (แทนทางจมูก) สามารถช่วยบรรเทาอาการลิ้นพองได้ด้วยอากาศเย็นๆ ที่ผ่านลิ้นของคุณตอนที่คุณหายใจเข้า 
  8. อยู่ให้ห่างจากอาหารที่มีกรด อย่างเช่น มะเขือเทศ ผลไม้และน้ำผลไม้ที่มีรสเปรี้ยว และน้ำส้มสายชูจนกว่าแผลจะหาย ถ้าคุณอยากกินจริงๆ ให้เติมน้ำลงไปเพื่อให้น้ำส้มเจือจาง ดังนั้นน้ำส้มจะจืดมากแต่เย็นและนั่นจะบรรเทาอาการในขณะที่คุณดื่ม คุณควรจะหลีกเลี่ยงอาหารเค็มๆ อย่างเช่น มันฝรั่งทอด เพราะว่าสิ่งนี้จะทำให้เกิดการระคายเคือง
  9. ว่านหางจระเข้เป็นยาตามธรรมชาติที่เป็นที่นิยมสำหรับการรักษาอาการพุพอง ทาวุ้นว่านหางจระเข้ (ที่มาจากต้นโดยตรง ไม่ใช่จากครีมหรือเจลที่ซื้อได้ตามร้าน) จำนวนเล็กน้อยลงบนบริเวณลิ้นที่พองโดยตรง ขอเตือนล่วงหน้าว่ารสชาติอาจจะไม่ดีเท่าไรหรอกนะ หรือจะแช่วุ้นจากต้นว่านหางจระเข้ให้เป็นน้ำแข็งและนำมาอม ซึ่งวุ้นจะเย็นและจะช่วยบรรเทาอาการปวดได้
    โฆษณา
วิธีการ 2
วิธีการ 2 ของ 3:

ใช้สิ่งที่บรรเทาอาการปวด

ดาวน์โหลดบทความ
  1. มองหายาอมที่มีเบนโซเคน เมนทอล หรือฟีนอล ส่วนประกอบทั้งหมดนี้จะเป็นเหมือนยาชาที่ทำให้ลิ้นของคุณชาและช่วยบรรเทาอาการปวด น้ำยาบ้วนปากที่มีส่วนประกอบเหล่านี้อาจจะช่วยได้เหมือนกัน
  2. การเคี้ยวหมากฝรั่งที่มีเมนทอลสามารถช่วยกระตุ้นตัวรับสัมผัสความเย็นบนลิ้นของคุณ ทำให้ลิ้นของคุณรู้สึกดีและเย็น ทั้งหมากฝรั่งรสเปปเปอร์มินต์และสเปียร์มินต์มีส่วนผสมของเมนทอลอยู่ [5]
  3. ถ้าอาการปวดที่ลิ้นของคุณแย่มาก ให้ลองกินยาแก้ปวดที่ไม่ต้องมีใบสั่งยาจากแพทย์ เช่น อะเซตามิโนเฟน (พาราเซตามอล) หรือไอบูโปรเฟน จะช่วยบรรเทาอาการปวดและช่วยลดอาการบวม
  4. หลีกเลี่ยงการใช้ครีมรักษาแผลไหม้หรือครีมขี้ผึ้ง. ครีมรักษาแผลไหม้และครีมขี้ผึ้งออกแบบมาเพื่อใช้เฉพาะที่เท่านั้น
    • ไม่ควรทายาพวกนี้บนลิ้นเพราะว่าอาจจะมีส่วนประกอบที่เป็นพิษหากกลืนกินเข้าไป
    • ยกเว้นครีมรักษาแผลไหม้และครีมขี้ผึ้งที่ออกแบบมา “โดยเฉพาะ” เพื่อใช้ในช่องปาก
  5. ถ้าลิ้นที่พองของคุณยังคงเจ็บหรือบวมเกิน 7 วัน แนะนำให้คุณไปพบแพทย์ แพทย์อาจจะสั่งยาบรรเทาปวดที่แรงกว่าเดิมหรือยาเพื่อเร่งให้หายเร็วขึ้น
    • ถ้าความรู้สึกปวดแสบปวดร้อนบนลิ้นของคุณเกิดขึ้นเองโดยที่ไม่ได้เกิดจากอาหารหรือเครื่องดื่มร้อนๆ ลวกแล้วล่ะก็ คุณอาจจะมีภาวะที่รู้จักกันในกลุ่มอาการแสบร้อนในช่องปาก ซึ่งอาจจะเจ็บปวดมากและอาจจะมีผลต่อบริเวณอื่นๆ ในปากด้วย
    • ถ้าคุณสงสัยว่าคุณอาจมีกลุ่มอาการแสบร้อนในช่องปาก ขอแนะนำให้ไปพบแพทย์ทันทีเพราะว่าอาจจะเป็นอาการของปัญหาที่ร้ายแรงกว่านั้น เช่น โรคเบาหวาน ภาวะต่อมไทรอยด์ทำงานเกิน โรคซึมเศร้า หรือการแพ้อาหาร [6]
    โฆษณา
วิธีการ 3
วิธีการ 3 ของ 3:

บรรเทาอาการลิ้นพองจากการทานอาหารรสเผ็ด

ดาวน์โหลดบทความ
  1. 1
    ดื่มนม. ลิ้นแสบไปหมดเพราะทานพริกหรืออาหารรสเผ็ดใช่ไหม ดื่มนมสักแก้ว โปรตีนในน้ำนมช่วยไล่แคปไซซิน (capsaicin) อนุภาคที่มีส่วนทำให้เกิดเผ็ดร้อนในตุ่มรับรสบนลิ้น หากไม่มีนม ลองผลิตภัณฑ์จากนมอื่นๆ อย่างโยเกิร์ตหรือครีมเปรี้ยว [7]
  2. 2
    ทานช็อกโกแล็ต. ช็อกโกแล็ตมีไขมันอยู่มาก ซึ่งจะช่วยขจัดแคปไซซินไปจากปาก เลือกช็อกโกแล็ตนมเพราะนอกจากมีไขมันเยอะกว่า ยังมีคุณสมบัติการต่อสู้ความแสบร้อนจากนมอีกด้วย [8]
  3. 3
    เคี้ยวขนมปัง. ขนมปังทำหน้าที่เหมือนฟองน้ำซับความเผ็ด ดูดแคปไซซินและทำให้ปากหายแสบร้อนลง [9]
  4. 4
    ทานน้ำตาลหนึ่งช้อนชา. น้ำตาลช่วยดูดซึมน้ำมันรสเผ็ดที่ทำให้เกิดรู้สึกแสบร้อนหลังทานอาหารรสเผ็ด อีกทางเลือกคือใช้น้ำผึ้ง [10]
  5. 5
    ลองแอลกอฮอล์ที่ดีกรีแรงๆ. แอลกอฮอล์ละลายแคปไซซิน ดังนั้นหากคุณอายุถึงเกณฑ์ ลองแอลกอฮอล์ดีกรีแรงๆ อย่างเตกีล่าหรือว็อดกา เพื่อช่วยบรรเทาลิ้น หลีกเลี่ยงแอลกอฮอล์ที่เหมือนน้ำอย่างเบียร์ มันจะทำให้แย่ลงกว่าเดิม [11]
    • จำไว้ว่าต้องดื่มอย่างมีความรับผิดชอบ
    โฆษณา

เคล็ดลับ

  • อย่าทำให้ลิ้นชาก่อนกินเพราะว่าคุณอาจจะกัดลิ้นโดยบังเอิญซึ่งอาจจะทำให้ลิ้นที่พองเกิดการระคายเคืองยิ่งกว่าเดิม
  • โรยน้ำตาลทรายแดงบนก้อนน้ำแข็งและวางด้านที่มีน้ำตาลบนบริเวณที่มีอาการ
  • ถ้าคุณไม่มีออราเจล ให้อมกานพลูดูหน่อยจะทำให้ปากของคุณชาได้อย่างออราเจล [12]
  • อมน้ำแข็งและหมากฝรั่งรสมินต์พร้อมกัน
  • กินและ/หรือดื่มของเย็นๆ เพื่อบรรเทาอาการปวด ยกตัวอย่างเช่น กินไอศกรีมและ/หรือดื่มน้ำเย็น
โฆษณา

คำเตือน

  • ถ้าคุณใช้น้ำแข็งก้อนให้ทำให้น้ำแข็งเปียกก่อนวางบนลิ้นของคุณเสมอ อย่าวางก้อนน้ำแข็งลงบนลิ้นที่พองโดยตรงเพราะน้ำแข็งอาจจะติดลิ้นและทำให้อาการเจ็บปวดแย่กว่าเดิม
  • การรักษาเองที่ใช้กันบ่อยๆ คือการใช้น้ำผึ้ง อย่างไรก็ตาม อย่าใช้น้ำผึ้งบรรเทาอาการลิ้นพองของเด็กอายุ 12 เดือนหรือน้อยกว่านั้น
  • อย่าทาครีมรักษาแผลไหม้บนแผลในช่องปาก ครีมส่วนมากมีไว้ใช้บนผิวหนังไม่ใช่ในปาก มันอาจจะทำให้คุณป่วยหรือเสียชีวิตได้
  • อย่าพยายามจัดการกับอาการบาดเจ็บรุนแรงใดๆ ด้วยตัวเอง หากไม่แน่ใจให้ปรึกษาแพทย์
  • อย่าใช้ครีมขี้ผึ้งมากเกินไปเพราะว่ามันสามารถทำให้ลำคอของคุณไร้ความรู้สึก เมื่อคุณสำรอกอาหารผ่านลำคอขึ้นมาแต่คุณไม่รู้สึกคุณอาจจะหายใจเข้าพาเอาอาเจียนหรือเศษอาหารเหล่านั้นกลับเข้าไปได้ [13]
โฆษณา

เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้

มีการเข้าถึงหน้านี้ 164,222 ครั้ง

บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม

โฆษณา