ดาวน์โหลดบทความ ดาวน์โหลดบทความ

บทความวิกิฮาวนี้จะแนะนำวิธีการบล็อกไม่ให้เปิดบางเว็บขึ้นมาได้ในเบราว์เซอร์ ทั้งของ Windows และ Mac โดยแก้ไขไฟล์ "hosts" นั่นเอง นอกจากนี้คุณยังสามารถบล็อกเว็บทั้งใน iPhone และ iPad โดยใช้เมนู Restrictions ของ Settings ส่วนใครใช้ Android ก็มีแอพฟรีอย่าง BlockSite ใช้บล็อกเว็บและแอพได้เลย

วิธีการ 1
วิธีการ 1 ของ 4:

Windows

ดาวน์โหลดบทความ
  1. คลิกโลโก้ Windows ที่มุมซ้ายล่างของหน้าจอ หรือกดปุ่ม Win
    • ถ้าใช้ Windows 8 ต้องเลื่อนเคอร์เซอร์ไปที่มุมขวาบนของหน้าจอก่อน แล้วคลิกไอคอนรูปแว่นขยาย
  2. เพื่อให้โปรแกรม Notepad โผล่มาที่ด้านบนของหน้าต่างเมนู Start
  3. เป็นตัวเลือกสำหรับเปิด Notepad ด้วยสิทธิ์แอดมิน (administrator privileges) ถ้าไม่เปิด Notepad ในโหมดแอดมิน ก็จะแก้ไขไฟล์ "hosts" ไม่ได้
    • ถ้าใช้แล็ปท็อปที่มี trackpad แทนเมาส์แบบปกติ ให้ใช้ 2 นิ้วแตะ trackpad พร้อมกัน เท่ากับเปิดเมนูคลิกขวา
  4. เพื่อยืนยันตัวเลือก แล้วเปิด Notepad ขึ้นมา
  5. จะเห็น Open ในเมนู File ที่ขยายลงมา
  6. ให้ทำขั้นตอนต่อไปนี้ ในหน้าต่างที่โผล่มาหลังคลิก Open...
    • คลิก tab This PC ทางซ้ายของหน้าต่าง
    • ดับเบิลคลิกฮาร์ดไดรฟ์ของคอม (เช่น OS (C:) )
    • ดับเบิลคลิกโฟลเดอร์ Windows
    • เลื่อนลงไปดับเบิลคลิกโฟลเดอร์ System32
    • เลื่อนลงไปดับเบิลคลิกโฟลเดอร์ drivers
    • ดับเบิลคลิกโฟลเดอร์ etc
  7. คลิกช่อง "Text Documents" ทางด้านล่างของหน้าต่างให้ขยายลงมา แล้วคลิก All Files ในเมนู จะเห็นไฟล์ต่างๆ โผล่มาในหน้าต่าง
  8. คลิกขวาที่ไฟล์ "hosts" แล้วทำตามขั้นตอนต่อไปนี้
    • คลิก Properties
    • คลิก Security
    • คลิก Edit
    • ติ๊กช่อง "Full Control"
    • คลิก OK แล้วคลิก Yes ตอนที่ขึ้น
    • คลิก OK เพื่อออกจากหน้าต่าง Properties
  9. เพื่อเปิดไฟล์ "hosts" ใน Notepad ให้คุณดูและแก้ไขเนื้อหาได้
  10. จะเห็นข้อความ "localhost" 2 บรรทัด
  11. ปกติจะเขียนว่า "::1 localhost" หรือ "127.0.0.1 localhost" ท้ายหน้า ต้องให้เคอร์เซอร์อยู่ใต้ข้อความบรรทัดสุดท้ายในหน้านี้พอดี
    • ระวังอย่าเผลอลบอะไรที่อยู่ในไฟล์ hosts
  12. หรือก็คือ loopback address ที่ใช้กลับไปยังคอมคุณ เอาไว้แสดงหน้า error ในเบราว์เซอร์ เวลาใครเข้าเว็บที่ถูกบล็อก
  13. เช่น ถ้าจะบล็อก Google ให้พิมพ์ www.google.com
    • ถ้าจะบล็อกเว็บต่างๆ ใน Google Chrome ให้เว้นวรรคแล้วพิมพ์ address ของเว็บแบบ "www.[ชื่อเว็บ].com" ต่อท้ายแบบ "[site].com" ด้วย อย่างถ้าจะบล็อก Facebook ก็ให้พิมพ์ 127.0.0.1 facebook.com www.facebook.com
  14. เพื่อให้เคอร์เซอร์ขยับไปบรรทัดใหม่ โค้ดที่ใส่ไปจะทำให้คอมรู้ว่าต้อง redirect เปลี่ยนเส้นทางจากเว็บที่ถูกบล็อก กลับไปที่ loopback address แทน
    • จะบล็อกกี่เว็บก็เพิ่มเข้าไป 1 เว็บต่อ 1 บรรทัด โดยใช้เลขเดิม (127.0.0.1)
    • ถ้าอยากบล็อกให้ชัวร์ ต้องเก็บให้หมดทุกรูปแบบ address (เช่น "google.com" และ "https://www.google.com/")
  15. ค่าใหม่จะไม่ถูกเซฟ ถ้าเซฟด้วยขั้นตอน File > Save เพราะงั้นต้องทำตามขั้นตอนต่อไปนี้ เพื่อให้แน่ใจว่าค่าใหม่จะมีผล
    • คลิก File
    • คลิก Save As...
    • คลิก Text Documents แล้วคลิก All Files ในเมนูที่ขยายลงมา
    • คลิกไฟล์ "hosts"
    • คลิก Save
    • คลิก Yes ตอนที่ขึ้น
    โฆษณา
วิธีการ 2
วิธีการ 2 ของ 4:

Mac

ดาวน์โหลดบทความ
  1. เพื่อให้ Terminal โผล่มาที่ด้านบนของผลการค้นหา
  2. พิมพ์โค้ดต่อไปนี้ลงใน Terminal แล้วกด Return

    sudo nano /etc/hosts

  3. พิมพ์รหัสผ่านที่ใช้ล็อกอินเข้า Mac แล้วกด Return
    • รหัสจะไม่ขึ้นให้เห็นใน Terminal ตอนพิมพ์
  4. ขยับเคอร์เซอร์ที่กำลังกะพริบ ลงมาที่ท้ายหน้า. โดยกด จนเคอร์เซอร์เลื่อนลงมาอยู่ใต้ข้อความบรรทัดสุดท้ายของหน้า
  5. พิมพ์ 127.0.0.1 ในบรรทัดว่าง นี่คือ loopback address สำหรับกลับมาที่คอมคุณเอง
  6. เคอร์เซอร์จะขยับไปทางขวา
    • อย่าเพิ่งกด Return
  7. เช่น ถ้าอยากบล็อก Google ให้พิมพ์ www.google.com
    • บรรทัดนี้ก็จะออกมาเป็น 127.0.0.1 www.google.com
    • ถ้าอยากบล็อกให้ชัวร์ ต้องเก็บให้หมดทุกรูปแบบ address (เช่น "google.com" และ "https://www.google.com/")
    • ถ้าจะบล็อกเว็บต่างๆ ใน Google Chrome ให้เว้นวรรคแล้วพิมพ์ address ของเว็บแบบ "www.[ชื่อเว็บ].com" ต่อท้ายแบบ "[site].com" ด้วย อย่างถ้าจะบล็อก Facebook ก็ให้พิมพ์ 127.0.0.1 facebook.com www.facebook.com
  8. ให้คอม redirect คือเปลี่ยนเส้นทางจากเว็บเป้าหมาย ไปยัง loopback address แทน
    • จะบล็อกกี่เว็บก็เพิ่มเข้าไป 1 เว็บต่อ 1 บรรทัด โดยใช้เลขเดิม (127.0.0.1)
  9. เป็นคำสั่งใช้ออกจากไฟล์ hosts ใน text editor จะมีถามขึ้นมาว่าจะเซฟค่าใหม่หรือเปล่า
  10. แล้วจะมีถามว่าจะเซฟด้วย filename หรือชื่อไฟล์อะไร กรณีนี้เราต้องเซฟทับไฟล์ hosts เดิม เพราะงั้นก็ไม่ต้องเปลี่ยนชื่อไฟล์
  11. เพื่อเซฟค่าใหม่ลงไฟล์ hosts ต้นฉบับ แล้วออกจาก text editor กลับไปหน้าต่างหลักของ Terminal เท่านี้ก็เข้าเว็บที่ระบุ (เว็บที่บล็อก) ด้วยทุกเบราว์เซอร์ในคอมไม่ได้แล้ว
    โฆษณา
วิธีการ 3
วิธีการ 3 ของ 4:

iPhone

ดาวน์โหลดบทความ
  1. ตัวเลือกนี้มักจะอยู่ในกลุ่มเมนูที่สองข้างๆ ไอคอนรูปนาฬิกาทราย
    • เลือก Turn on Screen Time หากมีข้อความขึ้นมา และเลือกว่าโทรศัพท์เครื่องนี้เป็นของคุณหรือของเด็ก หากเป็นโทรศัพท์ของเด็ก จะมีข้อความขึ้นมาให้คุณใส่รหัสผ่าน
  2. ตัวเลือกนี้จะอยู่แถวๆ ด้านล่างของหน้าจอถัดจากไอคอนวงกลมขีดฆ่าสีแดง
    • ถ้าคุณยังไม่ได้เปิดใช้งาน Restrictions ให้แตะ Enable Restrictions ก่อน จากนั้นจะมีข้อความขึ้นมาให้คุณตั้งรหัสผ่านสองครั้ง
  3. ซึ่งมักจะอยู่แถวที่สามในเมนู
  4. ซึ่งจะอยู่แถวสุดท้ายในหัวข้อ "Web Content"
  5. คุณจะเห็นเครื่องหมายถูกสีฟ้าข้างๆ ตัวเลือกนี้
  6. ถ้ามีเว็บไซต์ที่คุณต้องการบล็อก เช่น Facebook ให้แตะ Add a Website ที่อยู่ด้านล่างของหัวข้อ "NEVER ALLOW" และพิมพ์ที่อยู่ของเว็บไซต์ที่คุณต้องการบล็อก โดยที่อยู่เว็บไซต์ต้องขึ้นต้นด้วย "www" และลงท้ายด้วย Domain Tag (เช่น ".com" หรือ ".net") แต่ไม่ต้องใส่ "https://" ก็ได้
    • เช่น ถ้าจะบล็อก Facebook ใน iPhone หรือ iPad ให้พิมพ์ www.facebook.com .
    • Setting นี้ใช้กับเบราว์เซอร์ดังอื่นๆ ในมือถือหรือแท็บเล็ตได้ด้วย เช่น Chrome และ Firefox [1]
    โฆษณา
วิธีการ 4
วิธีการ 4 ของ 4:

Android

ดาวน์โหลดบทความ
  1. BlockSite เป็นแอพสำหรับบล็อกเว็บและแอพใน Android ให้เปิด Google Play Store แล้วทำตามขั้นตอนดังต่อไปนี้
    • แตะแถบค้นหา
    • พิมพ์ blocksite แล้วแตะปุ่ม "Search"
    • แตะ INSTALL ของหัวข้อ "BlockSite - Block Distracting Apps and Sites"
    • แตะ ACCEPT ตอนที่ขึ้น
  2. แตะ OPEN ใน Google Play Store หรือแตะไอคอนของแอพ Block Site ที่เป็นรูปโล่ ปกติจะอยู่ใน App Drawer ของ Android
  3. ที่เป็นปุ่มสีเขียวทางด้านล่างของหน้าจอ
  4. เพื่อเปิดเมนู Accessibility ของ Android ในแอพ Settings แต่ถ้าไม่ได้ผล ให้ทำตามขั้นตอนต่อไปนี้ซะก่อน
    • เปิด Settings
    • เลื่อนลงไปแตะ Accessibility
  5. โดยทำขั้นตอนต่อไปนี้ในเมนู Accessibility
  6. ถ้าตอนแรกปิดหรือย่อ Block Site ลงไป ให้เปิดกลับขึ้นมาใหม่ซะก่อน
  7. ที่มุมขวาล่างของหน้าจอ เพื่อไปยังหน้าสำหรับบล็อกเว็บ
  8. แตะช่องพิมพ์ที่ด้านบนของหน้าจอ แล้วพิมพ์ address ของเว็บลงไป (เช่น facebook.com )
  9. ที่มุมขวาบนของหน้าจอ เพื่อเพิ่มเว็บนั้นในรายชื่อเว็บที่ถูกบล็อกของ Block Site ต่อไปก็จะเข้าเว็บที่ว่าด้วย Google Chrome ไม่ได้
    • คุณปลดบล็อกเว็บเมื่อไหร่ก็ได้ โดยแตะไอคอนรูปถังขยะ ทางขวาของชื่อเว็บ
  10. ถ้าอยากบล็อกแอพไหนชั่วคราว ให้แตะ มุมขวาล่างของหน้าจอ Block Site แตะ APPS แล้วแตะชื่อแอพ
    • ก็เหมือนการบล็อกเว็บ คือคุณปลดบล็อกแอพเมื่อไหร่ก็ได้ โดยแตะไอคอนรูปถังขยะทางขวาของชื่อแอพ
  11. ถ้าไม่อยากให้น้องๆ หนูๆ แอบเข้าเว็บผู้ใหญ่หรือดูเนื้อหาที่ไม่เหมาะสม ลองอ่าน บทความวิกิฮาวนี้ ดู เพราะจะบล็อกเนื้อหาผู้ใหญ่ได้เฉพาะเจาะจงกว่า
    โฆษณา

เคล็ดลับ

  • แนะนำให้ ล้าง (flush) DNS cache ของคอม ด้วยหลังแก้ไขไฟล์ "hosts" ข้อมูลจะได้ไม่ขัดแย้งกันระหว่างไฟล์ "hosts" กับเบราว์เซอร์
  • ถ้าจะปลดบล็อกเว็บในไฟล์ "hosts" ก็แค่เปิดไฟล์ขึ้นมาใหม่ แล้วลบบรรทัดของเว็บนั้นๆ อย่าลืมเซฟค่าใหม่หลังลบบรรทัดของเว็บนั้น ไม่งั้นเว็บจะยังถูกบล็อกอยู่
  • Restrictions settings ของ iPhone จะมีผลกับทั้ง Safari และเบราว์เซอร์อื่นๆ
  • ถ้าวิธีการทั้งหมดที่ว่ามานี้ไม่ได้ผล ลองบล็อกจากเราเตอร์ แต่ถ้าใช้ VPN ก็จะบล็อกไม่ได้เหมือนเดิม
โฆษณา

คำเตือน

โฆษณา

บทความวิกิฮาวอื่น ๆ ที่่เกี่ยวข้อง

ดาวน์โหลดวิดีโอจากทุกเว็บไซต์ได้แบบฟรีๆ
แก้ปัญหาเข้าบางเว็บไม่ได้
หาวันที่เผยแพร่ข้อมูลของเว็บไซต์
ดูว่าใครแชร์โพสต์ของคุณบนเฟซบุ๊ก
แก้ปัญหาเซิร์ฟเวอร์ DNS ไม่ตอบสนอง
เช็คตำแหน่งปัจจุบันใน Google Maps
รู้ความหมายของอีโมจิรูปหัวใจสีดำ
ตั้งชื่ออีเมลให้โดนใจ
เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตในคอมพิวเตอร์ Windows
เปิดใช้งานคุกกี้ในเว็บเบราว์เซอร์อินเตอร์เน็ตของคุณ
หาละติจูดกับลองจิจูดใน Google Maps
เว้นวรรคห่างๆ ใน HTML
อิโมจิซ่อนความสยิวที่คนใช้แชตกันมากที่สุด
หา URL ของเว็บไซต์
โฆษณา

เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้

มีการเข้าถึงหน้านี้ 43,847 ครั้ง

บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม

โฆษณา