ดาวน์โหลดบทความ ดาวน์โหลดบทความ

บทความวิกิฮาวนี้จะแนะนำวิธีการดาวน์โหลดวิดีโอจากแทบทุกเว็บไซต์แบบฟรีๆ ให้คุณเอง ถึงจะไม่มีวิธีที่การันตีว่าใช้แล้วดาวน์โหลดคลิปได้จากทุกเว็บ แต่อย่างน้อย 1 - 2 วิธีต่อไปนี้ ก็ใช้ดาวน์โหลดวิดีโอจากเว็บส่วนใหญ่ได้แล้ว

วิธีการ 1
วิธีการ 1 ของ 6:

ใช้เว็บสำหรับดาวน์โหลดวิดีโอจากในเน็ต

ดาวน์โหลดบทความ
  1. จะ YouTube, Dailymotion, Facebook หรือเว็บไหนก็ได้ที่สตรีมวิดีโอ
    • แต่จะใช้กับเว็บสตรีมมิ่งแบบเสียเงินอย่าง Netflix, Hulu และ Disney+ ไม่ได้
  2. ค้นหาวิดีโอที่ต้องการ โดยพิมพ์ชื่อคลิป ชื่อเจ้าของคลิป หรือคีย์เวิร์ดของเนื้อหาคลิป ในแถบค้นหาของเว็บ พอเจอคลิปนั้นแล้ว ก็คลิกเพื่อเล่นได้เลย
  3. ในบางเว็บอย่าง YouTube และ Daily Motion คุณคลิกขวาที่ URL ในแถบ address แล้วคลิก Copy ได้เลย แต่ถ้าเป็นเว็บอย่าง Facebook ต้องทำตามขั้นตอนต่อไปนี้เพื่อ copy วิดีโอ
    • คลิก Share ล่างคลิป
    • คลิก Copy Link , Copy URL หรืออื่นๆ ที่ใกล้เคียง
  4. มีหลายเว็บที่ใช้ดาวน์โหลดคลิปจากเว็บต่างๆ อย่าง YouTube, Facebook และอื่นๆ ได้ ซึ่งบางเว็บก็ใช้งานได้ดีกว่าเว็บอื่น ส่วนบางเว็บก็ดาวน์โหลดได้เฉพาะบางชนิดไฟล์ ที่สำคัญคือเว็บสำหรับดาวน์โหลดคลิปมักปลิวบ่อยๆ เพราะเรื่องกฎหมาย ลองเข้า Google แล้วค้นหา "video download website" หรือเว็บสำหรับดาวน์โหลดคลิปดู แล้วเลือกเว็บที่ยังใช้การได้จริงอยู่ เว็บที่ตอนนี้ยังไม่ปลิวก็เช่น
  5. เว็บส่วนใหญ่จะมีช่องพิมพ์ด้านบน เอาไว้ใส่ URL ของวิดีโอ ก็ให้คลิกช่องพิมพ์ที่ด้านบนของเว็บ แล้วจะมีเคอร์เซอร์โผล่มาพร้อมพิมพ์
  6. จะเห็น address ที่ copy มาก่อนหน้านี้ โผล่มาในช่องพิมพ์
  7. ปกติจะเป็นปุ่มทางขวาของช่องพิมพ์ URL ให้มองหาปุ่มที่เขียนว่า Download , Go , Catch , Catch Video หรืออื่นๆ ที่ใกล้เคียง เพื่อเริ่มขั้นตอนเตรียมวิดีโอพร้อมเซฟ
    • ถ้าแปลงคลิปเป็นไฟล์วิดีโอไม่ได้ ลองเช็คดูว่า copy URL มาครบถ้วนแล้ว แต่ถ้าเช็คแล้วและยังไม่ได้ผล คงต้องเปลี่ยนไปใช้เว็บอื่นแทน
  8. บางทีก็มีให้เลือกดาวน์โหลดได้หลายประเภทไฟล์ ส่วนใหญ่จะเป็น MP4, WebM และ MP3 (เฉพาะเสียง) นอกจากมีให้เลือกประเภทไฟล์แล้ว ยังอาจจะมีให้เลือกคุณภาพไฟล์ต่างๆ ด้วย เช่น 1080p, 720p, 480p และ 360p คลิกตัวเลือกดาวน์โหลดข้างคุณภาพและประเภทไฟล์ที่ต้องการ หลังจากนั้นคลิปจะถูกเซฟในโฟลเดอร์ downloads โดยตรง หรือเปิดขึ้นมาในเบราว์เซอร์ ถ้าคลิปเปิดขึ้นมาในเบราว์เซอร์ ให้ทำขั้นตอนต่อไป
  9. แล้วจะเห็นเมนู ให้คลิกไอคอน 3 จุด มุมขวาล่างของหน้าคลิปที่เปิดอยู่
  10. เพื่อดาวน์โหลดคลิปลงโฟลเดอร์ Downloads
    • ตามค่า default จะเจอไฟล์วิดีโอที่ดาวน์โหลดมา ในโฟลเดอร์ Downloads
    โฆษณา
วิธีการ 2
วิธีการ 2 ของ 6:

ใช้ 4K Video Downloader

ดาวน์โหลดบทความ
  1. 4K Video Downloader เป็นแอพฟรี ใช้ดาวน์โหลดคลิปจากเว็บต่างๆ อย่าง YouTube, Dailymotion, Facebook เป็นต้น แต่คุณใช้ 4K Video Downloader ดาวน์โหลดหนังในเว็บสตรีมมิ่งแบบเสียเงิน อย่าง Netflix, Hulu และ Disney+ ไม่ได้ ต่อไปนี้เป็นขั้นตอนการดาวน์โหลดและติดตั้ง 4K Video Downloader
    • Windows:
      • เข้าเว็บ https://www.4kdownload.com/products/product-videodownloader ในเบราว์เซอร์
      • คลิก Get 4K Video Downloader
      • เปิดไฟล์ติดตั้งในเบราว์เซอร์ หรือโฟลเดอร์ Downloads
      • คลิก Next
      • ติ๊กช่อง "I agree to the terms in the License Agreement."
      • คลิก Next
      • คลิก Browse เพื่อเลือกตำแหน่งติดตั้ง (ไม่บังคับ)
      • คลิก Next
      • คลิก Install
      • คลิก Yes
      • คลิก Finish
    • Mac:
      • เข้าเว็บ https://www.4kdownload.com/products/product-videodownloader ในเบราว์เซอร์
      • คลิก Get 4K Video Downloader
      • เปิดไฟล์ติดตั้งในเบราว์เซอร์ หรือโฟลเดอร์ Downloads
      • ลากแอพ 4K Video Downloader ไปใส่ในโฟลเดอร์ Applications
  2. จะเป็น YouTube, Dailymotion, Facebook หรือเว็บไหนก็ได้ที่สตรีมวิดีโอ
  3. ค้นหาวิดีโอที่ต้องการ โดยพิมพ์ชื่อคลิป ชื่อเจ้าของคลิป หรือคีย์เวิร์ดของเนื้อหาคลิป ในแถบค้นหาของเว็บ พอเจอคลิปนั้นแล้ว ก็คลิกเพื่อเล่นได้เลย
  4. ในบางเว็บอย่าง YouTube และ Daily Motion คุณคลิกขวาที่ URL ในแถบ address แล้วคลิก Copy ได้เลย แต่ถ้าเป็นเว็บอย่าง Facebook ต้องทำตามขั้นตอนต่อไปนี้เพื่อ copy วิดีโอ
    • คลิก Share ล่างคลิป
    • คลิก Copy Link , Copy URL หรืออื่นๆ ที่ใกล้เคียง
  5. ที่เป็นไอคอนสีเขียว มีรูปก้อนเมฆ คลิกไอคอนนี้แล้ว 4K Video Downloader จะเปิดขึ้นมา ปกติอยู่ในเมนู Start ของ Windows หรือโฟลเดอร์ Applications ของ Mac
  6. เพื่อเปิดเมนู Smart Mode แล้วจะมีให้เลือกประเภทไฟล์ คุณภาพไฟล์ และภาษาของวิดีโอที่จะดาวน์โหลด
  7. ให้เลือกประเภทไฟล์ที่ต้องการจากในเมนูแรกที่ขยายลงมา โดย 4K Video Downloader นั้นรองรับไฟล์วิดีโอ MP4, FLV, MKV และ 3GP รวมถึงไฟล์เสียง MP3, M4A และ OGG
  8. 4K Video Download รองรับหลาย resolution ของหน้าจอ ตั้งแต่ 240p ไปจนถึง 4K UHD เต็มรูปแบบ รวมถึงวิดีโอ 60 FPS (frames-per-second) แบบ 720p, 1080p และ 4K ให้เลือก "Best Quality" เพื่อดาวน์โหลดคลิปออกมาคุณภาพดีที่สุดเท่าที่มี
  9. เลือกภาษาของวิดีโอและภาษาของซับไตเติลได้ใน 2 เมนูสุดท้ายที่ขยายลงมา
  10. เพื่อเซฟ settings
  11. ที่เป็นไอคอนสีเขียว มุมขวาบน เพื่อ paste ลิงค์ลงใน 4K Video Downloader แล้วเริ่มดาวน์โหลดคลิปโดยอัตโนมัติ
    • พอดาวน์โหลดคลิปเสร็จแล้ว ไฟล์จะไปอยู่ในโฟลเดอร์ Videos
    โฆษณา
วิธีการ 3
วิธีการ 3 ของ 6:

ใช้ OBS Studio

ดาวน์โหลดบทความ
  1. screen recording หรือการอัดคลิปหน้าจอนั้น เป็นทางเลือกหนึ่งในการดาวน์โหลดวิดีโอที่มีการป้องกัน (เช่น วิดีโอต่างๆ ใน Netflix) โดย OBS Studio นั้นจะอัดกระทั่งการเคลื่อนไหวของเคอร์เซอร์เวลาขยับเมาส์ รวมถึง pop-up ที่โผล่มา และเวลาคลิปกำลัง buffering ค้างอยู่ระหว่างเล่น ที่สำคัญต้องเป็นสมาชิกเว็บสตรีมมิ่งนั้นอยู่แล้ว ถึงจะเข้าถึงวิดีโอได้แต่แรก
    • เตือนกันก่อน ว่าการอัดคลิปหน้าจอเวลาดูหนังในเว็บสตรีมมิ่งแบบเสียค่าสมาชิก ถือเป็นการละเมิดข้อตกลงการใช้งานของผู้ให้บริการ และผิดกฎหมายด้วยในประเทศต่างๆ
  2. เว็บสตรีมมิ่งแบบเสียเงินส่วนใหญ่ อย่าง Netflix และ Hulu จะมีการป้องกันการละเมิดลิขสิทธิ์วิดีโออยู่แล้ว พอไปพยายามอัดคลิปหน้าจอตามเว็บพวกนี้ มักจะได้มาแต่หน้าจอดำ อัดภาพในคลิปไม่ติด วิธีแก้คือต้องใช้เบราว์เซอร์ Firefox เวลาสตรีมวิดีโอ ต่อไปนี้เป็นขั้นตอนการดาวน์โหลดและติดตั้ง Firefox
    • เข้าเว็บ https://www.mozilla.org/en-US/firefox/new/?redirect_source=firefox-com
    • คลิก Download Firefox
    • เปิดไฟล์ติดตั้งในเบราว์เซอร์ หรือโฟลเดอร์ Downloads
    • คลิก Yes (ใน Mac ให้ลากไอคอน Firefox ไปที่โฟลเดอร์ Applications)
  3. OBS เป็นโปรแกรมฟรีสำหรับอัดและสตรีมวิดีโอ ใช้ได้ทั้งใน Windows, Mac และ Linux ต่อไปนี้เป็นขั้นตอนการดาวน์โหลดและติดตั้ง OBS
    • Windows:
      • เข้าเว็บ https://obsproject.com
      • คลิก Windows
      • เปิดไฟล์ติดตั้งในเบราว์เซอร์ หรือโฟลเดอร์ Downloads
      • คลิก Next
      • คลิก I Agree
      • คลิก Next
      • จะเอาติ๊กออกจากช่อง plugin ก็ได้
      • คลิก Install
      • คลิก Finish ตอนที่ขึ้น
    • Mac:
      • เข้าเว็บ https://obsproject.com
      • คลิก MacOS 10.13+
      • ลากแอพ OBS ไปใส่โฟลเดอร์ Applications
      • เปิดไฟล์ติดตั้งในเบราว์เซอร์ หรือโฟลเดอร์ Downloads
  4. ที่เป็นไอคอนสีส้มและม่วง มีรูปหมาจิ้งจอกในเปลวเพลิง คลิกไอคอนนี้ได้ในเมนู Start ของ Window ใน Dock ในหน้า Desktop หรือในโฟลเดอร์ Applications
  5. ใส่ address ของเว็บสตรีมมิ่ง อย่าง Netflix, Hulu หรืออื่นๆ ในเบราว์เซอร์ แล้วล็อกอินด้วย username และรหัสผ่านของบัญชีคุณ
  6. ไอคอนของ OBS จะเป็นวงกลมสีดำ มีสัญลักษณ์วนๆ 3 วง ให้คลิกไอคอนนี้ในเมนู Start ของ Windows หรือโฟลเดอร์ Applications ของ Mac เพื่อเปิด OBS
  7. เพื่อยอมรับเงื่อนไขการใช้งาน แล้วกลับมาที่หน้าต่างหลักของ OBS Studio
  8. เพื่อเปิดหน้าต่าง แล้วตั้งค่าเริ่มใช้งานให้เสร็จสิ้น
    • ติ๊กช่อง "Optimize just for recording"
    • คลิก Next
    • คลิก Next
    • คลิก Apply Settings ถ้าจะตั้งค่าเอง ให้คลิก No แทน
  9. เข้าเว็บอย่าง Netflix หรือ Hulu แล้วล็อกอินด้วย username กับรหัสผ่านของบัญชีคุณ
    • คุณใช้วิธีนี้อัดคลิปตอนดูไลฟ์สตรีมจากใน YouTube, Facebook และ Twitch ได้ด้วย
  10. ทางด้านล่างของ OBS ในกรอบ "Sources"
  11. ทางด้านล่างของรายชื่อต้นทางที่จะอัดคลิปมา
  12. จะตั้งชื่อตามแอพที่มีวิดีโอที่จะอัดก็ได้ เข้าใจง่ายดี แต่จริงๆ แล้วจะตั้งชื่ออะไรก็ได้
  13. เลือก Firefox จากในเมนูที่ขยายลงมาข้าง "Window" ปกติจะรวมอยู่กับเว็บที่เปิดไว้ ให้เลือก Firefox เพื่อใช้เป็น capture display
  14. เพื่อเริ่มอัดวิดีโอจากต้นทางที่เลือกไว้
  15. พอเริ่มอัดในแอพสตรีมมิ่งแล้ว ให้คลิกปุ่ม play ของวิดีโอเพื่อเริ่มเล่น OBS จะอัดทั้งวิดีโอระหว่างเล่น
    • แนะนำให้ลองอัดวิดีโอสั้นๆ ดูก่อน เพื่อเช็คว่าทุกอย่างเป็นไปอย่างที่ตั้งใจ แล้วค่อยเริ่มอัดหนังหรือรายการทีวีจริงๆ
  16. คลิกไอคอน "fullscreen" ทางด้านล่างของ video player บางทีก็กด "F11" แทนได้ แล้ววิดีโอจะขยายเต็มหน้าจอ
  17. เพื่อหยุดอัดแล้วเซฟวิดีโอ
    • จะไปที่วิดีโอที่เพิ่งเซฟ ก็คลิก File แล้วคลิก Show Recordings ในเมนูที่ขยายลงมาได้เลย ตามค่า default วิดีโอที่อัดไว้ จะอยู่ในโฟลเดอร์ Videos
    โฆษณา
วิธีการ 4
วิธีการ 4 ของ 6:

ใช้ Game Bar ใน Windows

ดาวน์โหลดบทความ
  1. screen recording หรือการอัดคลิปหน้าจอนั้น เป็นทางเลือกหนึ่งในการดาวน์โหลดวิดีโอที่มีการป้องกัน (เช่น วิดีโอต่างๆ ใน Netflix) โดย Game Bar นั้นจะอัดกระทั่งการเคลื่อนไหวของเคอร์เซอร์เวลาขยับเมาส์ รวมถึง pop-up ที่โผล่มา และเวลาคลิปกำลัง buffering ค้างอยู่ระหว่างเล่น ที่สำคัญต้องเป็นสมาชิกเว็บสตรีมมิ่งนั้นอยู่แล้ว ถึงจะเข้าถึงวิดีโอได้แต่แรก
    • เตือนกันก่อน ว่าการอัดคลิปหน้าจอเวลาดูหนังในเว็บสตรีมมิ่งแบบเสียค่าสมาชิก ถือเป็นการละเมิดข้อตกลงการใช้งานของผู้ให้บริการ และผิดกฎหมายด้วยในประเทศต่างๆ
  2. เว็บสตรีมมิ่งแบบเสียเงินส่วนใหญ่ อย่าง Netflix และ Hulu จะมีการป้องกันการละเมิดลิขสิทธิ์วิดีโออยู่แล้ว พอไปพยายามอัดคลิปหน้าจอตามเว็บพวกนี้ มักจะได้มาแต่หน้าจอดำ อัดภาพในคลิปไม่ติด วิธีแก้คือต้องใช้เบราว์เซอร์ Firefox เวลาสตรีมวิดีโอ ต่อไปนี้เป็นขั้นตอนการดาวน์โหลดและติดตั้ง Firefox
  3. ที่เป็นไอคอนสีส้มและม่วง มีรูปหมาจิ้งจอกในเปลวเพลิง ให้คลิกไอคอนนี้ในเมนู Start ของ Window เพื่อเปิด Firefox
  4. ใส่ address ของเว็บสตรีมมิ่ง อย่าง Netflix, Hulu หรืออื่นๆ ในเบราว์เซอร์ แล้วล็อกอินด้วย username และรหัสผ่านของบัญชีคุณ
  5. เพื่อเปิด Game Bar ใน Windows เพราะใช้อัดคลิปหน้าจอได้
  6. ที่เป็นไอคอน 4 เส้น มี 4 จุดข้างๆ ทางด้านบนของ game bar
  7. แล้วแผงควบคุมการอัดภาพหน้าจอจะโผล่มา
  8. ที่เป็นปุ่มกลมในแผงควบคุม เท่ากับเริ่มอัดภาพหน้าจอ จะมีตัวนับเวลาและปุ่ม stop โผล่มาในกรอบแยก ขวามือ
  9. เข้าเบราว์เซอร์ Firefox แล้วไปยังวิดีโอที่จะเปิด จากนั้นคลิกได้เลย โดยคลิกปุ่ม Play ในวิดีโอ เพื่อเริ่มเล่น Game Bar จะอัดวิดีโอไประหว่างที่เปิด
    • เช็คดีๆ ว่าไม่ได้เปิดหน้าต่างอื่นหรือมีอะไรรบกวนในหน้าจอระหว่างเปิดวิดีโอ เพราะ Game Bar จะอัดทุกหน้าต่างที่เปิดไว้ รวมถึงการเคลื่อนไหวของเคอร์เซอร์เวลาขยับเมาส์ และทุกเสียงจากทุกแอพ
  10. ที่เป็นปุ่มสีแดง ข้างกรอบที่มีตัวนับเวลา เพื่อเซฟคลิปที่อัดเสร็จ ตามค่า default วิดีโอที่อัดแล้วจะไปอยู่ในโฟลเดอร์ "Capture" ในโฟลเดอร์ "Videos" อีกที
    • ถ้าไม่มีปุ่ม "Stop" ด้านข้าง ให้กด "Win + G" แล้ว Game Bar จะโผล่มาอีกรอบ ให้คลิกปุ่ม record ใน capture bar แล้วปุ่ม Stop จะโผล่มา
    • แนะนำให้ลองอัดคลิปสั้นๆ ก่อน จะได้แน่ใจว่าอัดติด เรียบร้อยแล้วก็เริ่มอัดหนังหรือรายการทีวีจริงๆ ได้เลย
    โฆษณา
วิธีการ 5
วิธีการ 5 ของ 6:

ใช้ Quicktime ใน Mac

ดาวน์โหลดบทความ
  1. screen recording หรือการอัดคลิปหน้าจอนั้น เป็นทางเลือกหนึ่งในการดาวน์โหลดวิดีโอที่มีการป้องกัน (เช่น วิดีโอต่างๆ ใน Netflix) โดย QuickTime นั้นจะอัดกระทั่งการเคลื่อนไหวของเคอร์เซอร์เวลาขยับเมาส์ รวมถึง pop-up ที่โผล่มา และเวลาคลิปกำลัง buffering ค้างอยู่ระหว่างเล่น ต้องดาวน์โหลด audio plug-in เพิ่มเติมก่อน ถึงจะอัดเสียงจากคอมระหว่างอัดคลิปหน้าจอใน Mac ได้
  2. ปกติเวลาอัดคลิปหน้าจอใน Mac ด้วย QuickTime จะมีแต่ภาพเคลื่อนไหว ไม่มีเสียงจากในคอม เลยต้องใช้ IShowU ที่เป็น audio capture plugin หรือ plugin สำหรับอัดเสียงเพิ่มเติม ถึงจะอัดเสียงใน Mac ได้ ต่อไปนี้เป็นขั้นตอนการดาวน์โหลดและติดตั้ง IShowU audio capture [1]
    • เข้าเว็บ https://support.shinywhitebox.com/hc/en-us/articles/204161459-Installing-iShowU-Audio-Capture-Mojave-and-earlier-
    • คลิก Catalina - Go Here ถ้าใช้ MacOS Catalina หรือ Mojave หรือคลิก Download Installer ถ้าใช้ MacOS รุ่นก่อนๆ
    • เปิดไฟล์ติดตั้ง ".dmg" ในโฟลเดอร์ Downloads หรือเบราว์เซอร์
    • ดับเบิลคลิกไฟล์ IShowU Audio Capture.pkg
    • คลิก Ok
    • คลิก Continue
    • คลิก Continue
    • คลิก Install
    • ใส่รหัสผ่าน
    • คลิก Install Software
    • คลิก Restart หรือ Close
  3. จะอัดเสียงใน Mac ได้ ต้อง configure หรือตั้งค่า audio device หรืออุปกรณ์เล่นเสียงของ Mac ซะก่อน โดยให้เสียงออกทั้งทางลำโพงและ IShowU Audio Capture device ขั้นตอนคือ
    • คลิกไอคอนแว่นขยายมุมขวาบน
    • พิมพ์ audio MIDI setup แล้วกด Enter
    • คลิกเครื่องหมายบวก (+) ทางด้านล่างของเมนู "Audio Devices"
    • คลิก Create Multip-Output Device
    • ติ๊กทั้ง "Built-in Audio" และ "IShowU Audio Capture"
    • ดับเบิลคลิก "Multi-Output Device" แล้วเปลี่ยนชื่อเป็น "Screen Capture"
  4. จะใช้ Screen Capture audio device ที่เพิ่งสร้างได้ ต้องตั้งค่าเป็น audio device หลัก ใน System Preferences ต่อไปนี้เป็นขั้นตอนการตั้งค่า Screen Capture device ให้เป็น audio output หลัก
    • คลิกไอคอน Apple มุมขวาบน
    • คลิก System Preferences
    • คลิก Sound
    • คลิก tab Output
    • คลิก Screen Capture
  5. เข้าเว็บอย่าง Netflix หรือ Hulu แล้วล็อกอินด้วย username กับรหัสผ่านของคุณ จากนั้นเลือกวิดีโอที่จะอัด
  6. เพื่อค้นหา QuickTime ใน Mac
  7. ปกติจะเป็นผลการค้นหาแรกใน Spotlight search เพื่อเปิด QuickTime
  8. ในเมนู มุมซ้ายบนของหน้าจอ แล้วเมนูจะขยายลงมา
  9. ทางด้านบนของเมนู File ที่ขยายลงมา
  10. ข้างปุ่ม "Record" ทางด้านล่างของหน้าจอ
    • ถ้าใช้ MacOS เวอร์ชั่นเก่า ให้คลิกไอคอนลูกศรข้างปุ่มอัดในแผงควบคุม
  11. เพื่อเลือก IShowU Audio Capture device ที่อัดเสียงได้ระหว่างอัดคลิปหน้าจอด้วย QuickTime
  12. ที่เป็นปุ่มทางซ้ายของแถบด้านล่างหน้าจอ เพื่อเริ่มอัดวิดีโอหน้าจอ
    • ถ้าใช้ MacOS เวอร์ชั่นเก่าๆ ให้คลิกปุ่มกลมสีแดงในแผงควบคุม
  13. จะเป็น Netflix, Hulu, Amazon Prime Video หรือเว็บอื่นก็ตามสะดวก
    • แนะนำให้ลองอัดคลิปหน้าจอดูก่อนสั้นๆ แล้วค่อยอัดหนังทั้งเรื่อง ถ้าออกมาแต่หน้าจอดำๆ หรือมีปัญหาอื่นระหว่างเปิด แนะนำให้เปลี่ยนไปใช้เบราว์เซอร์ Firefox แทน
  14. คลิกแล้วลากเมาส์จากมุมซ้ายบนของหน้าต่างวิดีโอ ไปที่มุมขวาล่างของหน้าต่าง
  15. เพื่อเปิดวิดีโอ
    • เช็คดีๆ ว่าไม่ได้เปิดหน้าต่างอื่นหรือมีอะไรรบกวนในหน้าจอระหว่างเปิดวิดีโอ เพราะ Quicktime จะอัดทุกหน้าต่างที่เปิดไว้ รวมถึงการเคลื่อนไหวของเคอร์เซอร์เวลาขยับเมาส์ และทุกเสียงจากทุกแอพ
  16. คลิก File แล้วคลิก Stop Recording ในเมนูที่ขยายลงมา หรือคลิกขวาที่ไอคอน QuickTime ใน Dock แล้วคลิก Stop Recording เพื่อเซฟวิดีโอ และเปิดตัวอย่างวิดีโอ
  17. ต่อไปนี้เป็นขั้นตอนการเซฟไฟล์วิดีโอหลังอัดเสร็จ
    • คลิก File ในแถบเมนู
    • คลิก Save
    • พิมพ์ชื่อวิดีโอข้าง "Export as"
    • คลิก Save
    โฆษณา
วิธีการ 6
วิธีการ 6 ของ 6:

ดาวน์โหลดวิดีโอจากแอพสตรีมมิ่งต่างๆ

ดาวน์โหลดบทความ
  1. แอบสตรีมมิ่งแบบเสียเงิน อย่าง Netflix และ Amazon Prime Video จะดาวน์โหลดได้จาก store ของแต่ละอุปกรณ์ที่คุณใช้ ส่วนใหญ่แอพพวกนี้จะมีให้ดาวน์โหลดวิดีโอเก็บไว้ดูแบบ offline ได้ เช่น Microsoft Store ใน Windows, App Store ใน iPhone, iPad และ Mac หรือ Google Play Store ในมือถือและแท็บเล็ต Android
    • ต้องเป็นสมาชิกก่อน ถึงจะเข้าถึงและดาวน์โหลดวิดีโอจากแอพเหล่านี้ได้ ให้ล็อกอินด้วย username กับรหัสผ่านก่อน เพราะดูวิดีโอที่ดาวน์โหลดมาได้เฉพาะในแอพ ปกติดาวน์โหลดวิดีโอมาแล้วจะมีเวลากำหนด ว่าดูแบบ offline ได้ถึงเมื่อไหร่ ถ้าไม่อยู่ในแอพแล้ว ก็จะดูไม่ได้เช่นกัน
  2. ให้ค้นหาวิดีโอโดยพิมพ์ในช่องค้นหา จนเจอวิดีโอที่จะดาวน์โหลด จากนั้นคลิกหรือแตะรูปของวิดีโอที่โผล่มา
  3. ปกติไอคอนนี้จะเป็นลูกศรชี้ลงไปที่เส้นนอน อยู่ล่างชื่อหนัง หรือข้างชื่อตอนของรายการทีวี
  4. แล้วจะเจอวิดีโอทั้งหมดที่ดาวน์โหลดมา ปกติจะอยู่ตามตำแหน่งต่างๆ แล้วแต่แอพที่ใช้ เช่น ด้านล่างของหน้าจอ ถ้าใช้สมาร์ทโฟน และในเมนูทางซ้าย ถ้าใช้แอพในคอม อาจจะต้องแตะไอคอนเส้นนอน 3 เส้น (☰) มุมขวาบน หรือไอคอนรูปคนมุมขวาล่างซะก่อน
    โฆษณา

เคล็ดลับ

โฆษณา

บทความวิกิฮาวอื่น ๆ ที่่เกี่ยวข้อง

แก้ปัญหาเข้าบางเว็บไม่ได้
ดูว่าใครแชร์โพสต์ของคุณบนเฟซบุ๊ก
เช็คตำแหน่งปัจจุบันใน Google Maps
หาวันที่เผยแพร่ข้อมูลของเว็บไซต์
แก้ปัญหาเซิร์ฟเวอร์ DNS ไม่ตอบสนอง
ตั้งชื่ออีเมลให้โดนใจ
เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตในคอมพิวเตอร์ Windows
รู้ความหมายของอีโมจิรูปหัวใจสีดำ
หาละติจูดกับลองจิจูดใน Google Maps
อิโมจิซ่อนความสยิวที่คนใช้แชตกันมากที่สุด
เว้นวรรคห่างๆ ใน HTML
เปิดใช้งานคุกกี้ในเว็บเบราว์เซอร์อินเตอร์เน็ตของคุณ
หา URL ของเว็บไซต์
รู้ความหมายของอีโมจิหน้ากลับหัว
โฆษณา

ข้อมูลอ้างอิง

เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้

มีการเข้าถึงหน้านี้ 1,162,065 ครั้ง

บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม

โฆษณา