ดาวน์โหลดบทความ ดาวน์โหลดบทความ

การแต่งงานเป็นความผูกพันขั้นสูงสุดระหว่างคนรัก คุณให้คำมั่นว่าจะรักกันไม่ว่ายามทุกข์หรือยามสุข แต่บางครั้งสิ่งต่างๆ ก็อาจตึงเครียดได้ บางทีคุณอาจจะทะเลาะกันรุนแรง คุณรู้สึกเหมือนคุณทั้งคู่ห่างไกลกันออกไปทุกที หรือมันอาจจะถึงจุดที่คุณรู้สึกว่า คุณต้องพัฒนาความสัมพันธ์กันแล้ว ความสัมพันธ์อาศัยความพยายามและความมุ่งมั่นที่จะรักษาความรักระหว่างคนทั้งคู่เอาไว้ให้แน่นแฟ้น ด้วยความพยายามเพียงเล็กน้อย ความเข้าใจ และความอดทนนิดหน่อย คุณและสามี/ภรรยาก็สามารถพัฒนาความสัมพันธ์ และจำได้ว่าทำไมคุณถึงให้คำมั่นว่าจะรักกันตั้งแต่แรกได้แล้ว

วิธีการ 1
วิธีการ 1 ของ 3:

พยายามสื่อสารกันให้มากขึ้น

ดาวน์โหลดบทความ
  1. บ่อยครั้งที่คู่รักที่อยู่ด้วยกันมานานมักจะทำหูทวนลมใส่คำพูดของอีกฝ่าย เช่น สามี/ภรรยาของคุณอาจจะบอกคุณว่า บางสิ่งที่คุณกำลังทำอยู่กวนใจเขา/เธอ แต่คุณอาจจะคิดว่ามันไม่ใช่เรื่องใหญ่เพราะคุณทั้งคู่ก็อยู่ด้วยกันมานาน แต่เมื่อเรื่องเล็กๆ มันสะสม และเมื่อคนรักของคุณรู้สึกว่าเขาไม่สำคัญหรือคุณไม่ฟังสิ่งที่เขาพูด ก็อาจจะนำไปสู่ปัญหาใหญ่เรื่องความไว้วางใจและความใกล้ชิดได้ในวันข้างหน้า [1]
    • เริ่มจากการใช้เวลาคุณภาพกับสามี/ภรรยา เวลาคุณภาพคือเวลาที่คุณแบ่งไว้ให้สามี/ภรรยาอย่างเดียวโดยไม่มีเงื่อนไข ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น คุณก็จะแบ่งเวลานี้ไว้ให้สามี/ภรรยา ถ้าโทรศัพท์ดัง วางหูและปิดเครื่องต่อหน้าสามี/ภรรยาของคุณ ทำให้ได้อย่างที่ตั้งใจ และจากนั้นก็...ฟัง นั่งด้วยกัน เฝ้ามองกันและกัน มีความสุขไปกับการที่อีกฝ่ายอยู่ตรงหน้า และมีความสุขที่ได้อยู่ด้วยกัน ทำอย่างน้อยสัปดาห์ละ 1 วันครั้งละ 30-60 นาที และขณะที่คุณใช้เวลากับเขา/เธอ ให้นึกถึงว่าทำไมคุณถึงแต่งงานกับคนๆ นี้
    • ถ้าสามี/ภรรยาบอกคุณว่ามีปัญหาเกิดขึ้น คุณต้องรับฟังสิ่งที่เขา/เธอพูดจริงๆ พยายามแก้ไขปัญหาไม่ว่าจะโดยลำพังหรือด้วยกัน แต่คุณต้องใส่ใจฟังสิ่งที่คนรักของคุณพูดอย่างจริงจัง
    • ใส่ใจความต้องการของคนรัก ถ้าสามี/ภรรยาของคุณบอกคุณว่าเขาหรือเธอต้องการบางสิ่งจากความสัมพันธ์ คุณต้องพยายามทำให้สิ่งนั้นเกิดขึ้นให้ได้ หรือพยายามหาจุดประนีประนอมร่วมกัน
  2. เวลาที่มีคุณภาพคือเวลาที่คุณเผื่อเอาไว้สำหรับใช้กับคู่รักอย่างเต็มที่ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น คุณควรสงวนเวลานี้ไว้ให้คนรัก มีเสียงโทรศัพท์ดังขึ้นหรือ? วางสายให้เห็นต่อหน้าเลย แล้วนั่งฟังเรื่องของกันและกัน มีความสุขไปกับการมีคนรักอยู่ข้างกาย ให้ทำเช่นนี้อย่างน้อยสัปดาห์ละครั้งสัก 30 - 60 นาที
  3. ความซื่อสัตย์เป็นสิ่งที่สำคัญอย่างยิ่งในความสัมพันธ์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าคุณแต่งงาน คุณอยากจะรู้สึกว่าคุณสามารถไว้ใจสามี/ภรรยาของคุณได้ และคุณเองก็อยากให้คนรักของคุณรู้สึกอย่างเดียวกัน แต่ความซื่อสัตย์และการเปิดใจเป็นมากกว่าการบอกความจริง มันรวมถึงการเล่าทุกอย่างโดยไม่ปิดบังข้อมูลบางส่วน และไม่ลังเลที่จะพูดถ้ามีอะไรบางอย่างที่อยากจะบอก [2]
    • อย่าโกหกคนรักของคุณ แม้แต่การโกหกเล็กๆ น้อยๆ เช่น การบอกว่าสิ่งนี้ไม่ทำให้คุณรำคาญทั้งๆ ที่จริงๆ คุณรำคาญอาจสร้างความไม่พอใจจนนำไปสู่ความขุ่นเคืองและการมีปากเสียงกันในที่สุด
    • เปิดใจและปล่อยให้ตัวเองอ่อนแอต่อหน้าคนรัก บอกสามี/ภรรยาถึงความหวังและความฝันที่คุณมี ความกลัวที่ลึกที่สุดของคุณ และสิ่งต่างๆ ที่คุณปิดบังไว้
    • ให้คนรักของคุณเปิดใจและอ่อนแอต่อหน้าคุณ วิธีนี้จะช่วยสร้างความไว้วางใจ เพิ่มความรู้สึกใกล้ชิดและความรักใคร่ให้มากขึ้นได้
  4. การประนีประนอมเป็นเรื่องยาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงที่อารมณ์กำลังพุ่งปรี๊ดหลังจากที่เพิ่งทะเลาะกันไปหมาดๆ แต่การเป็นฝ่ายชนะ 30 วินาทีไม่คุ้มค่ากับความตึงเครียดในความสัมพันธ์ที่มาพร้อมกับการมีปากเสียงในวันข้างหน้า การไม่เห็นด้วยหรือการโต้เถียงกันบ้างเป็นเรื่องปกติ แต่คุณต้องเต็มใจที่จะปล่อยความต้องการของตัวเองเพื่อประนีประนอมและร่วมมือกัน
    • อย่ามองว่าการโต้แย้งคือสิ่งที่ต้อง "เอาชนะ" วิธีนี้เป็นวิธีคิดที่อันตรายเพราะมันแยกคุณกับสามี/ภรรยาให้อยู่ฝ่ายตรงข้ามกัน [3]
    • ปล่อยสิ่งที่ไม่มีค่าพอให้ทะเลาะกันไป ถึงแม้ว่าคุณจะไม่ได้เป็นฝ่ายผิด แต่ก็ไม่คุ้มกับความเครียดและความไม่พอใจที่มาพร้อมกับการมีปากเสียง
    • เต็มใจที่จะเลิกทะเลาะ แค่เพราะคุณเป็นฝ่ายถูกไม่ได้หมายความว่าถ้าเถียงกันต่อคุณจะได้ข้อสรุป เพราะฉะนั้นพยายามเลิกทะเลาะก่อนที่มันจะลุกลาม
    • การประนีประนอมทำให้ความสัมพันธ์แน่นแฟ้นขึ้น เมื่อคุณสองคนสามารถเสียสละความต้องการของตัวเองได้ รวมถึงความต้องการที่จะเป็นฝ่ายถูกด้วย คุณสองคนก็จะสามารถทำงานเป็นทีมเพื่อความสัมพันธ์ที่ดีขึ้นได้ [4]
  5. เมื่อคุณและสามี/ภรรยามีความเห็นไม่ตรงกัน คุณต้องเลี่ยงการกล่าวโทษหรือการดูถูก หลายครั้งที่สามี/ภรรยาทำร้ายความรู้สึกคนรักโดยไม่ตั้งใจด้วยการขึ้นต้นประโยคด้วยคำว่า "คุณ" แทนที่จะเป็น "ฉัน" การขึ้นต้นประโยคด้วยคำว่า "ฉัน" ช่วยแสดงความรู้สึกของคุณและทำให้เกิดบทสนทนาที่ดีและเข้าใจกันทั้งสองฝ่าย มากกว่าที่จะทำร้ายความรู้สึกของคนรัก
    • ประโยคที่ขึ้นต้นว่า "คุณ" สื่อความว่าคุณกำลังตำหนิคนรัก เช่น "คุณมาสายอยู่เรื่อย แล้วผลสุดท้ายเป็นไง ฉันก็ดูไม่ดีอีก!"
    • ประโยคที่ขึ้นต้นด้วยคำว่า "ฉัน" ช่วยตีกรอบบทสนทนาให้เน้นไปที่การแสดงความรู้สึก ไม่ใช่การกล่าวโทษหรือทำให้อีกฝ่ายรู้สึกผิด เช่น "ตอนที่คุณไม่ดูเวลาแล้วเราต้องไปไหนกัน มันทำให้ฉันรู้สึกเหมือนว่าคุณไม่ใส่ใจความรู้สึกของฉันเลย"
    • ประโยคที่ขึ้นต้นด้วยคำว่า "ฉัน" ประกอบด้วย 3 ส่วน: รายละเอียดอย่างกระชับและไม่กล่าวโทษของพฤติกรรมบางอย่างที่สร้างปัญหาให้คุณ ความรู้สึกของคุณที่มีต่อพฤติกรรมนั้น และผลกระทบจากพฤติกรรมนั้นๆ ของคนรักที่เป็นรูปธรรมจับต้องได้ [5]
    • ส่วนประกอบของพฤติกรรมควรอยู่บนพื้นฐานของความจริงตามสถานการณ์ ความรู้สึกของคุณควรเกี่ยวข้องกับพฤติกรรมนั้นโดยตรง และผลกระทบควรจะส่งผลที่ตามมาหรือสอดคล้องกับความรู้สึกของคุณที่มีต่อเรื่องนี้ [6]
    • เป้าหมายคือคุณต้องระบุปัญหาให้ชัดเจนที่สุดเท่าที่จะทำได้และพูดคุยเฉพาะปัญหาที่อยู่ตรงหน้า อย่าขุดปัญหาหรือความรู้สึกที่ไม่เกี่ยวข้องกันมาพูด แค่สนใจผลกระทบที่เป็นรูปธรรมจากปัญหาในปัจจุบันก็พอ
  6. หลายคนเผลอตะคอกใส่คนรักโดยที่ไม่รู้ตัวด้วยซ้ำ เมื่อคุณมีปากเสียงกัน อารมณ์ของคุณอาจจะพุ่งปรี๊ดและคุณก็อาจจะอินกับสิ่งที่คุณกำลังเถียงอยู่มากๆ แต่การตะคอกใส่สามี/ภรรยาจะให้ผลลัพธ์ 2 อย่างเท่านั้นคือ คนรักจะตะคอกคุณกลับแล้วคุณก็จะแว้ดๆ ใส่กัน หรือคนรักของคุณอาจจะกลัวคุณไปเลย ไม่ว่าผลลัพธ์จะเป็นอย่างไร มันก็เป็นสถานการณ์อันตรายที่อาจสร้างความตึงเครียดครั้งใหญ่ในความสัมพันธ์ของคุณ [7]
    • การตะคอกและปล่อยความคับข้องใจออกมาอาจจะช่วยให้คุณรู้สึกเบาขึ้นสักพัก แต่อารมณ์ของคุณก็จะพุ่งปรี๊ดขึ้นอีก
    • คุณมักจะพูดในสิ่งที่คุณไม่ได้ตั้งใจจะพูดตอนที่คุณตะคอก และคุณก็ไม่สามารถเอาคำพูดที่เจ็บปวดเหล่านั้นคืนมาได้ตอนที่คุณใจเย็นลงแล้ว
    • อย่าพูดเรื่องสำคัญตอนที่คุณ (และ/หรือคนรัก) ไม่พอใจ เดินเล่นหรือแค่ขอตัวไปอยู่นอกห้องสัก 5 หรือ 10 นาที แล้วค่อยกลับมาเริ่มคุยกันใหม่เมื่อคุณใจเย็นแล้ว
วิธีการ 2
วิธีการ 2 ของ 3:

จุดไฟรักขึ้นมาใหม่

ดาวน์โหลดบทความ
  1. ไม่ว่าคุณจะแต่งงานมา 2 ปีหรือ 20 ปี มันง่ายมากที่คุณสองคนจะรู้สึกว่าตัวเองติดกับดักความเคยชินที่น่าเบื่อหน่าย กิจวัตรเกิดขึ้นเพราะมันทำให้เราสามารถใช้ชีวิตในแต่ละวันได้อย่างมีทิศทางและสะดวก แต่การติดอยู่ในความเคยชินและกิจวัตรของความสัมพันธ์อาจทำให้ความโรแมนติกมอดไหม้ไปอย่างช้าๆ จนคุณไม่ทันสังเกตเลยด้วยซ้ำ [8]
    • ถ้าปกติคุณรับประทานมื้อดึกเป็นส่วนใหญ่ ให้ลองไปเดตรอบค่ำข้างนอกด้วยกัน ถ้าปกติแล้วคุณทำอาหารมื้อดึกรับประทานคนเดียว ลองทำอาหารมื้อค่ำเผื่อคนรักและรับประทานด้วยกัน
    • ทำสิ่งที่น่าตื่นเต้นที่ปกติแล้วคุณกับสามี/ภรรยาไม่เคยคิดจะทำด้วยกัน ไม่จำเป็นต้องโลดโผนมากนัก แต่มันควรจะผลักดันให้คุณสองคนได้สนุกและรู้สึกตื่นเต้นร่วมกัน
    • ไปเที่ยวพักร้อนสุดโรแมนติกด้วยกัน หรือจะแค่วางแผนวันสนุกและน่าตื่นเต้นด้วยกันก็ได้ แม้จะเป็นแค่การไปร่วมงานเทศกาลหรือไปสวนสนุกก็เถอะ
  2. ตอนที่คุณกับสามี/ภรรยาของคุณคบหากัน คุณก็อาจจะจีบกันตลอดเวลาอยู่แล้ว แล้วทำไมเลิกเสียล่ะ คู่รักส่วนใหญ่สบายใจที่มีกันและกันอยู่ซึ่งก็เป็นสิ่งที่ดี แต่ข้อเสียคือการสบายใจที่ได้อยู่กับอีกฝ่ายทำให้คุณลืมวิธีปลุกเสน่ห์ขึ้นมาอีกครั้ง เพราะว่าคุณไม่ได้จำเป็นต้องใช้มันมาหลายเดือน (หรือแม้กระทั่งหลายปีแล้ว) [9]
    • สบตากัน
    • ยิ้มให้คนรักและทำเป็นหัวเราะคิกคัก
    • ใช้ภาษากายที่แสดงถึงความโรแมนติก และเลียนแบบภาษากายของคนรัก [10]
    • ยืนหันหน้าเข้าหากัน อย่ากอดอก และยืนพิงเข้าหากันและกันเวลาที่คุณพูด
  3. สัมผัสทางกายเป็นส่วนประกอบสำคัญของความใกล้ชิด สัมผัสทางกายทำให้คุณรู้สึกเป็นที่ปรารถนา สบายใจและใกล้ชิดกับคนรักมากยิ่งขึ้น ถ้าคุณใกล้ชิดกันมากและมีสัมผัสทางกายต่อกันบ่อยๆ อยู่แล้ว ให้ทำต่อไป แต่ถ้าสัมผัสทางกายไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งในความสัมพันธ์อีกแล้ว ให้พยายามนำมันกลับมา [11]
    • สัมผัสทางกายไม่ได้หมายความถึงเซ็กส์อย่างเดียว (แม้ว่าหลายคนจะมองว่าเซ็กส์คือส่วนที่ดีของชีวิตแต่งงาน) มันอาจจะหมายถึงการจับมือ คลอเคลีย โอบกอด จูบ หรือการสัมผัสที่แสดงถึงความรักใคร่อื่นๆ
    • คนรักของคุณเขาอาจจะต้องการสัมผัสทางกายพอๆ กับคุณ แต่อาจจะเขินหรือกังวลว่าคุณจะไม่ได้ต้องการมันด้วย
    • อย่าเครียดเรื่องการสัมผัสทางกาย ขอแค่เริ่มทำ คนรักของคุณจะต้องดีใจและมันจะช่วยให้คุณสองคนรู้สึกใกล้ชิดกันและกันมากขึ้นด้วย
    • จำไว้ว่าความรู้สึกมักเกิดขึ้นหลังการกระทำ ถ้าคุณพยายามที่จะสร้างค่ำคืนที่โรแมนติกให้กันและกันก่อน ความรู้สึกโรแมนติกก็จะตามมาเอง [12]
  4. ถ้าคุณแต่งงานกันมาสักพักแล้ว บางครั้งคุณทั้งคู่ก็อาจจะรู้สึกเหนื่อยล้ากับการพยายามสร้างสมดุลระหว่างชีวิตทำงานกับชีวิตที่บ้าน และทุกอย่างจะยิ่งน่าท้อใจมากขึ้นไปอีกถ้าคุณมีลูก แต่การหาเวลาใกล้ชิดโดยไม่มีเรื่องอื่นมาทำให้ไขว้เขว (ลูกๆ โทรศัพท์จากที่ทำงาน อีเมล เป็นต้น) สามารถจุดไฟรักให้ลุกโชนในความสัมพันธ์ได้อีกครั้ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าคุณจัดลำดับความสำคัญของเวลาใกล้ชิดไว้เป็นอันดับแรกๆ ทุกสัปดาห์เสมอ [13]
    • ใช้เวลาร่วมกันโดยเฉพาะอย่างยิ่งการมอบสัมผัสทางกายให้แก่กัน สร้างขั้นตอนก่อนมีเซ็กส์ วิธีนี้จะทำให้คุณทั้งคู่รู้สึกใกล้ชิดกันมากขึ้น
    • ถ้าจำเป็นจริงๆ ให้จัดตารางเวลาสำหรับใกล้ชิดและ/หรือมีเซ็กส์ ผู้เชี่ยวชาญแนะนำว่าแค่การจัดสรรเวลา 30 นาทีให้เป็นช่วงเวลาใกล้ชิดอย่างเดียวก็สามารถสร้างความมหัศจรรย์ให้เกิดขึ้นในความสัมพันธ์ได้แล้ว
    • เอาลูกไปฝากไว้ที่เนิร์สเซอร์รี่ หรือถ้าพวกเขาโตพอที่จะออกไปข้างนอกคนเดียวได้ ให้เงินพวกเขาไปดูหนังหรือไปช้อปปิ้งที่ห้าง วิธีนี้เป็นการซื้อเวลาที่จะได้อยู่ร่วมกับสามี/ภรรยาตามลำพัง
    • ปิดโทรศัพท์มือถือขณะที่คุณกำลังใกล้ชิดกัน ไม่มีอะไรจะทำให้หมดอารมณ์ไปได้มากกว่าการที่คนรักติดสายคุยงานยาวเหยียด
    • การใกล้ชิดไม่ได้เป็นสิ่งที่ทำแค่ครั้งเดียวจบ คุณต้องพยายามหาเวลาใกล้ชิดทุกสัปดาห์ หลายครั้งต่อสัปดาห์ หรือจะกี่ครั้งก็ได้แล้วแต่ว่าคุณกับคนรักต้องการมากแค่ไหน
  5. เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับความซื่อสัตย์และการสื่อสารกันอย่างเปิดใจ บางคนกลัวที่จะบอกความต้องการของเขาให้คนอื่นรู้แม้แต่กับสามี/ภรรยา อย่างไรก็ตาม คุณไม่ควรเก้อเขินหรืออับอายเรื่องความชอบของตัวเอง บอกให้คนรักทราบถึงความชอบในเรื่องเซ็กส์หรือจินตนาการเกี่ยวกับเซ็กส์ที่คุณมี และถามคนรักว่าเขาหรือเธอชอบอะไร และไม่ว่าคุณหรือคนรักจะต้องการอะไร ให้เคารพความต้องการของกันและกัน [14]
    • ถ้าคุณรู้สึกว่าความชอบในเรื่องเซ็กส์ของคุณไม่ได้รับการตอบสนอง คุณก็อาจจะรู้สึกไม่ได้รับการเติมเต็มในเรื่องเซ็กส์ ซึ่งพอผ่านไปสักระยะมันอาจจะรู้สึกเหมือนเป็นแค่หน้าที่
    • วิธีที่ดีที่สุดที่จะให้คุณทั้งคู่สนุกไปกับเซ็กส์ก็คือ การพูดคุยกับคนรักว่าคุณชอบและไม่ชอบอะไร และให้สามี/ภรรยาบอกสิ่งที่ตัวเองชอบและไม่ชอบเช่นเดียวกัน
    • เต็มใจที่จะร่วมกันค้นหาสิ่งใหม่ๆ ในห้องนอนเพื่อที่ความต้องการของคุณและคนรักจะได้รับการตอบสนองด้วยกันทั้งคู่ นอกจากนี้ โดยทั่วไปแล้วการลองทำสิ่งใหม่ๆ สามารถจุดไฟรักให้ลุกโชนในความสัมพันธ์ได้ และคุณทั้งคู่ก็อาจจะพบรูปแบบใหม่ๆ ที่คุณทั้งสองคนชอบก็ได้
    • การเคารพในความต้องการของคนรักไม่ได้หมายความว่าคุณต้องฝืนใจตัวเอง คุณสามารถสร้างขอบเขตของคุณและคาดหวังให้คนรักเคารพขอบเขตนั้นได้
  6. บางคนมองว่าการบำบัดชีวิตคู่นั้นมีไว้สำหรับคู่ที่กำลังจะหย่ากันเท่านั้น แต่นั่นไม่จริงเลย การบำบัดชีวิตคู่สามารถช่วยให้คุณและสามี/ภรรยามีทักษะการสื่อสารที่ดีขึ้น หาวิธีที่จะรู้สึกใกล้ชิดกันมากขึ้น และพยายามต่อสู้กับความยากลำบากที่เกิดขึ้นในชีวิตคู่ [15]
    • การไปหานักบำบัดไม่ใช่เรื่องน่าอับอายหรือเป็นตราบาป การบำบัดชีวิตคู่สามารถช่วยคุณและคนรักได้ในทุกช่วงของความสัมพันธ์
    • ถ้าคุณหรือคนรักมีความต้องการทางเพศน้อยมากหรือไม่มีเลยทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้ก็มีเป็นปกติ นักบำบัดอาจแนะนำให้คุณไปพบแพทย์ปฐมภูมิเพื่อหาคำอธิบายทางการแพทย์
    • บางครั้งยาบางชนิดก็ลดความต้องการทางเพศหรือสมรรถภาพทางเพศ หรือในกรณีอื่นๆ ก็อาจจะเป็นสาเหตุด้านอารมณ์ที่ทำให้ความต้องการทางเพศลดลง
    • ซื่อสัตย์และเปิดใจกับนักบำบัดและแพทย์เมื่อพูดถึงปัญหาเรื่องความใกล้ชิดที่คุณกำลังเผชิญอยู่
วิธีการ 3
วิธีการ 3 ของ 3:

สร้างความแข็งแกร่งให้ชีวิตคู่

ดาวน์โหลดบทความ
  1. ความเสี่ยงใหญ่ในความสัมพันธ์ที่ยาวนานก็คือ การไม่ใส่ใจกันและกัน ไม่ว่าคุณจะรักและเห็นคุณค่าของสามี/ภรรยาสักแค่ไหน ก็เป็นไปได้ว่าคุณอาจจะเคยชินกับสิ่งที่อีกฝ่ายทำให้จนคุณลืมที่จะรู้สึกขอบคุณทุกสิ่งที่คนรักทำให้คุณ ถ้าคุณพยายามแสดงความขอบคุณให้เขาเห็น คนรักของคุณก็น่าจะทำอย่างเดียวกัน [16]
    • พูดขอบคุณเวลาที่สามี/ภรรยาทำอะไรให้ ไม่ว่าจะเป็นทำอาหาร ซ่อมชั้นวางของที่พัง หรือแค่ซื้ออะไรมาฝากคุณ
    • การแสดงออกให้คนรักรู้ว่าคุณเห็นคุณค่าในสิ่งเล็กๆ ที่เขาทำจะทำให้สามี/ภรรยาของคุณรู้สึกว่าคุณเห็นคุณค่าของเขา และคนรักของคุณก็อาจจะยิ่งทำสิ่งดีๆ ให้คุณต่อไปเรื่อยๆ (คุณเองก็เช่นเดียวกัน) ในอนาคต
  2. อีกด้านของการไม่ใส่ใจคนรักก็คือ การลืมพูดชมกันและกัน คุณอาจจะคิดว่าคนรักของคุณรู้อยู่แล้วว่าคุณรักเขาหรือเธอ และนั่นก็อาจจะจริง แต่ไม่มีอะไรจะทำให้ใบหน้าของคุณเปื้อนยิ้มได้เท่ากับการได้ยินคนรักบอกว่าคุณมีเสน่ห์และเป็นที่ปรารถนา เพราะฉะนั้นพยายามทำให้อีกฝ่ายรู้สึกพิเศษให้บ่อยที่สุดเท่าที่จะทำได้ [17]
    • การให้ความสนใจแก่คนรักไม่ต้องใช้อะไรมาก พูดชมเสื้อผ้าสวยๆ ผมทรงใหม่ หรือพัฒนาการของเขาหลังจากเริ่มแผนออกกำลังกายใหม่ และอื่นๆ
    • พยายามกล่าวชมความพยายามของคนรักต่อหน้าคนอื่น การคุยโวถึงความสำเร็จของสามี/ภรรยาเมื่อเขาหรือเธอขี้อายเกินกว่าที่จะเป็นฝ่ายพูดทำให้สามี/ภรรยารู้สึกถึงความรักได้จริงๆ [18]
  3. ขณะที่ความสัมพันธ์ดำเนินไป คุณอาจจะพบว่าการหาเวลาไปเดตหรือออกไปข้างนอกแล้วมีค่ำคืนสุดแสนโรแมนติกตามลำพังนั้นเป็นเรื่องยาก และจะยิ่งเป็นปัญหาถ้าคุณมีลูก แต่การใช้เวลาช่วงค่ำคืนไปเดตกันตามลำพังกับสามี/ภรรยาอย่างสม่ำเสมอจะช่วยสร้างความตื่นเต้นและจุดไฟปรารถนาที่คุณเคยมีต่อกันเมื่อครั้งยังคบหากันกลับมา และไฟปรารถนานั้นก็เป็นสิ่งสำคัญที่จะทำให้ชีวิตคู่ที่อยู่กันมานานดำเนินต่อไปได้อย่างยั่งยืน
    • พยายามใช้เวลายามค่ำคืนร่วมกันตามลำพัง จ้างพี่เลี้ยงมาดูแลลูกๆ หรือให้พวกเขาไปนอนบ้านเพื่อน
    • เลือกร้านอาหารที่โรแมนติก ถ้าคุณมีที่ๆ ชอบอยู่แล้วหรือถ้าคุณสามารถทำให้เหมือนตอนเดตกันครั้งแรกได้ยิ่งดีใหญ่
    • แต่งตัวเพื่อกันและกัน พยายามทำให้สามี/ภรรยาประทับใจในตัวคุณราวกับว่าคุณแค่คบกันและยังไม่ได้แต่งงานกัน
    • เดินเล่นแบบโรแมนติกด้วยกันหลังมื้อค่ำ หรือออกไปดูการแสดงด้วยกัน พยายามทำให้มันเป็นค่ำคืนแห่งความใกล้ชิดที่คุณสองคนได้อยู่ด้วยกันตามลำพัง
    เคล็ดลับจากผู้เชี่ยวชาญ

    Allen Wagner, MFT, MA

    นักบำบัดชีวิตคู่และครอบครัว
    อัลเลน แวกเนอร์เป็นนักบำบัดชีวิตคู่และครอบครัวที่มีใบอนุญาตในลอสแองเจลิส เขารับปริญญาโทสาขาจิตวิทยาจากมหาวิทยาลัยเพพเพอร์ไดน์ในปี 2004 โดยเชี่ยวชาญในการร่วมมือกับคู่สมรสในการค้นหาวิธีที่จะพัฒนาความสัมพันธ์ของพวกเขาให้ดีขึ้น เขาเป็นผู้เขียนหนังสือMarried Roommatesร่วมกับทาเลีย แวกเนอร์ที่เป็นภรรยา
    Allen Wagner, MFT, MA
    นักบำบัดชีวิตคู่และครอบครัว

    เก็บเงินไว้ทำสิ่งที่แต่ละคนฝันไว้ อัลเลน แวกเนอร์ นักบำบัดปัญหาชีวิตคู่และครอบครัวบอกกับเราว่า: "ผมเห็นคนมากมายที่ฝันเฟื่องเรื่องต่างๆ ที่อยากทำด้วยกันกับคนรัก แต่ฝ่ายหนึ่งกลับปิดประตูตายโดยอ้างเรื่องเงิน แต่พูดตามตรง คุณเก็บเงินไว้บ้างสักกี่เดือนกันก็สามารถทำฝันให้เป็นจริงได้แล้ว? บางทีมันอาจนานถึงสองปี แต่คุณก็เริ่มเก็บเงินเลยสิ อย่าปล่อยให้ฝันที่ถูกมองข้ามสะสมจนเปลี่ยนเป็นความไม่พอใจ"

  4. นอกจากความต้องการทางเพศที่ต้องได้รับการเติมเต็มแล้ว คุณเองก็ต้องรู้สึกว่าชีวิตของคุณมีความหมายและคุณก็ประสบความสำเร็จในบางสิ่งบางอย่าง มันอาจจะฟังดูน่าประหลาดใจ แต่ผู้เชี่ยวชาญเห็นพ้องต้องกันว่า การมีเป้าหมายและความสำเร็จส่วนตัวที่ไม่เกี่ยวข้องกับสามี/ภรรยาทำให้ชีวิตคู่แน่นแฟ้นขึ้นได้จริงๆ [19]
    • เมื่อคุณรู้สึกว่าเป้าหมายส่วนตัวของคุณได้รับการเติมเต็มแล้ว คุณก็จะเสียสละตัวเองให้คนรักได้ง่ายขึ้น
    • ถ้าคุณทะเยอทะยานในเรื่องอาชีพการงานมาก ก็ให้เวลากับการทำงาน ถ้าคุณเป็นศิลปิน ก็ทำงานศิลป์ ถ้าคุณเป็นนักกีฬา ก็ไปฝึกวิ่งมาราธอน [20]
    • ไม่ว่าเป้าหมายและความสำเร็จของคนรักจะเป็นอะไร คุณก็ต้องมีเป้าหมายของตัวเอง คุณและคนรักควรจะสนับสนุนซึ่งกันและกัน และควรฉลองให้กับความสำเร็จของกันและกัน


เคล็ดลับ

  • แสดงความรักให้กันเสมอ จูบหรือกอดกันแล้วบอกสามี/ภรรยาของคุณว่าคุณรักเขาหรือเธอ
  • ให้เกียรติคนรัก อย่าทำอะไรที่เป็นการหักหลังความไว้วางใจของสามี/ภรรยา เช่น โกหกหรือนอกใจ
  • อัธยาศัยดีกับเพื่อนๆ ของคนรักและพยายามเข้าไปคลุกคลีกับพวกเขาสักเล็กน้อย ทุกครั้งที่คุณเจอพวกเขาก็เข้าไปสวัสดีและคุยด้วยสักหน่อย มิตรภาพอาจเป็นสิ่งสำคัญสำหรับสามี/ภรรยาของคุณ เพราะฉะนั้นการเข้าไปทำความรู้จักกับเพื่อนๆ ของเขาหรือเธอก็เป็นวิธีหนึ่งที่ทำให้ความสัมพันธ์ของคุณสองคนแน่นแฟ้นขึ้นได้
  • ถ้าคุณรู้สึกหึง อย่าเล่นใหญ่ พูดคุยเป็นการส่วนตัวกับสามี/ภรรยา และพูดว่า "ฟังนะ คุณก็รู้ว่าฉันรักและเชื่อใจคุณ แต่ฉันก็อดไม่ได้ที่จะหึงคุณกับคนนั้น ฉันขอโทษด้วยนะ" สามี/ภรรยาของคุณน่าจะเข้าใจและอธิบายสถานการณ์เพื่อให้คุณไม่รู้สึกหึงอีกต่อไปได้
  • ออกไปข้างนอกด้วยกัน ไปเดตกันไม่ว่าจะเป็นที่ร้านอาหารสุดหรูหรือแผงขายฮอตด็อก สิ่งสำคัญก็คือคุณต้องหาเวลาออกไปข้างนอกด้วยกันและพูดคุยกันบ้าง

บทความวิกิฮาวอื่น ๆ ที่่เกี่ยวข้อง

เริ่มความสัมพันธ์แบบ Friends with Benefits
ทำให้แฟนเก่ากลับมารักคุณอีกครั้ง
รู้ว่าเมื่อไหร่ที่อีกฝ่ายไม่อยากคุยกับคุณแล้ว
รู้ว่าแฟนสาวของคุณแอบไปนอนกับคนอื่นหรือเปล่า
ทำให้ใครบางคนรู้สึกผิด
พิชิตหัวใจแฟนเก่ากลับมา หลังจากการเลิกรา
ทำให้แฟนเก่าคิดถึงคุณ
หาเสี่ยเลี้ยง
ปลอบโยนแฟนสาวของคุณเมื่อเธอรู้สึกแย่
ดูว่าเพื่อนอิจฉาคุณหรือไม่
ฟื้นฟูความสัมพันธ์ให้กลับมาดีเหมือนเดิม
จบความสัมพันธ์
เรียกความเชื่อใจจากเขาหรือเธอกลับมา
ดูว่าผู้ชายกำลังหลอกใช้คุณเพื่อเซ็กส์หรือไม่

เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้

มีการเข้าถึงหน้านี้ 9,472 ครั้ง

บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม