ดาวน์โหลดบทความ ดาวน์โหลดบทความ

การเปลี่ยนสีผมให้กลายเป็นสีชมพูสามารถช่วยเปลี่ยนลุคเดิมๆ ของคุณให้ดูโดดเด่นยิ่งขึ้น ซึ่งคุณสามารถเลือกย้อมผมสีชมพูได้หลากหลายสไตล์ตั้งแต่แนวละมุนอย่างการทำสีชมพูโรสโกลด์แบบไล่ระดับไปจนถึงแนวสดใสอย่างการทำสีชมพูฮอตพิงค์ทั่วทั้งศีรษะ การย้อมผมสีชมพูมีขั้นตอนที่ไม่ยุ่งยาก อย่างไรก็ตาม คุณไม่สามารถลงครีมเปลี่ยนสีผมสีชมพูลงไปทันทีโดยที่ยังไม่ได้ฟอกสีผมก่อน นอกจากนี้การดูแลเส้นผมหลังการทำสีก็สำคัญไม่แพ้กัน เพราะหากคุณปล่อยปละละเลยและไม่ดูแลเส้นผมดีพอ สีผมของคุณก็จะติดไม่ทนนานและหลุดลอกออกอย่างรวดเร็ว

วิธีการ 1
วิธีการ 1 ของ 5:

ฟอกสีผม

ดาวน์โหลดบทความ
  1. เส้นผมที่แห้งเสียอาจทำให้สีผมเกาะติดไม่ดีเท่าที่ควร นอกจากนี้การฟอกสีผมยังเป็นขั้นตอนที่ทำลายเส้นผมค่อนข้างมาก ดังนั้นคุณจึงควรแน่ใจว่าเส้นผมของคุณมีความแข็งแรงมากพอก่อนลงมือทำสีผม เพราะการฟอกสีผมทั้งที่เส้นผมแห้งเสียอยู่แล้วอาจทำให้เส้นผมของคุณเสียหายหนักยิ่งกว่าเดิมได้. [1]
    • หากคุณยังคงต้องการย้อมผมสีชมพูแม้ว่าจะมีเส้นผมที่แห้งเสีย คุณอาจพิจารณาเลือกทำสีผมแบบไล่ระดับแทนซึ่งไม่จำเป็นต้องฟอกสีผมทั้งศีรษะ [2]
    • หากเป็นไปได้ให้คุณงดสระผมสัก 2-3 วันก่อนเริ่มต้นฟอกสีผม ซึ่งแม้ว่าอาจฟังดูไม่สะอาดอยู่บ้าง แต่การเว้นจากการสระผมจะทำให้เกิดการสะสมของน้ำมันซึ่งช่วยปกป้องเส้นผมของคุณ
  2. เลือกระหว่างฟอกสีผมทั้งศีรษะหรือเพียงบางส่วน. สำหรับผู้ที่มีผมสีแดงหรือสีบลอนด์ คุณสามารถเลือกฟอกสีผมได้ทั้งศีรษะ อย่างไรก็ตาม หากคุณมีผมสีน้ำตาลเข้มหรือสีดำ คุณอาจพิจารณาเลือกฟอกสีผมเพียงบางส่วนเพื่อ ทำสีผมแบบไล่ระดับ แทน ซึ่งการทำสีผมแบบไล่ระดับจะช่วยให้คุณไม่จำเป็นต้องทำสีผมซ้ำอยู่บ่อยๆ เนื่องจากส่วนโคนผมเป็นสีธรรมชาติอยู่แล้ว จึงเป็นการลดโอกาสที่เส้นผมของคุณถูกทำลายลง [3]
    • คุณอาจไม่จำเป็นต้องฟอกสีผมหากสีผมของคุณมีความสว่างตั้งแต่ระดับ 8 ถึงระดับ 10 ลองสอบถามช่างทำผมดูว่าเส้นผมของคุณมีความสว่างที่ระดับใด
  3. ป้องกันผิว เสื้อผ้า และพื้นผิวของบริเวณโดยรอบ. สวมเสื้อตัวเก่าหรือคลุมไหล่ไว้ด้วยผ้าคลุมทำสีผมหรือผ้าขนหนูเก่าและทาปิโตรเลียมเจลลี่ตามบริเวณไรผม ต้นคอ และใบหูทั้งสองข้าง รวมทั้งใช้กระดาษหนังสือพิมพ์ปูรองพื้นและโต๊ะเคาน์เตอร์ไว้และสวมถุงมือพลาสติกให้เรียบร้อย
  4. เตรียมน้ำยาฟอกสีผมให้พร้อมโดยเลือกใช้ดีเวลลอปเปอร์ที่เหมาะสม. ดีเวลลอปเปอร์ที่มีความเข้มข้นสูงสามารถกัดสีผมให้สว่างขึ้นได้เร็วกว่า แต่ในขณะเดียวกันก็อาจทำให้เส้นผมของคุณเสียหายมากยิ่งขึ้น โดยทั่วไปแล้วหากเส้นผมของคุณมีสีอ่อนอยู่แล้ว ดีเวลลอปเปอร์ที่มีความเข้มข้นเพียง 10-20 วอลุ่มก็เพียงพอสำหรับการฟอกสีผมของคุณ แต่หากเส้นผมของคุณมีสีเข้ม ดีเวลลอปเปอร์ที่มีระดับความเข้มข้น 30 วอลุ่มอาจเป็นตัวเลือกที่ดีกว่า [4]
    • ความเข้มข้นที่เพิ่มขึ้นทุกๆ 10 วอลุ่มจะสามารถกัดสีผมให้สว่างขึ้นได้ 1 ระดับ
    • หลีกเลี่ยงการเลือกใช้ดีเวลลอปเปอร์ที่มีความเข้มข้นถึง 40 วอลุ่มซึ่งจะทำงานอย่างรวดเร็วและทำให้เส้นผมเสียหายเป็นอย่างมาก
  5. แม้ว่าขั้นตอนนี้จะไม่ใช่ขั้นตอนบังคับ แต่แนะนำเป็นอย่างยิ่งให้คุณลองทำการทดสอบฟอกสีผมกับช่อผมเล็กๆ เสียก่อน ลองตรวจสอบระยะเวลาการทิ้งครีมฟอกสีผมบนเส้นผมที่ระบุไว้บนกล่องผลิตภัณฑ์ ซึ่งหมายความว่าสีผมของคุณอาจมีโอกาสสว่างขึ้นเร็วกว่าระยะเวลาที่แนะนำให้ทิ้งไว้เพื่อให้ได้ระดับความสว่างที่คุณต้องการสำหรับพื้นสีผมเดิมของคุณ อย่างไรก็ตาม ห้ามทิ้งระยะเวลาไว้นานกว่าที่ระบุไว้โดยเด็ดขาด เลือกทดสอบฟอกสีผมตรงบริเวณที่ไม่เป็นที่สังเกต เช่น บริเวณต้นคอหรือหลังใบหู [5]
    • คุณอาจต้องฟอกสีผมซ้ำอีกครั้งหากสีผมของคุณยังคงไม่สว่างมากพอ โดยคุณสามารถฟอกสีผมอีกครั้งในวันเดียวกันได้เลยหากเส้นผมของคุณมีสุขภาพดี แต่หากเส้นผมของคุณแห้งเสีย คุณควรเว้นระยะสัก 2-3 สัปดาห์ก่อนลงมือฟอกสีผมอีกครั้ง
    • คุณยังสามารถรวบปลายผมทางด้านหลัง เส้นผมตรงนั้นมักจะสีเข้มกว่าที่อื่น
  6. แบ่งผมออกเป็น 4 ส่วนเท่าๆ กันและลงมือฟอกสีผมไปทีละส่วน จับช่อผมเล็กๆ กว้างประมาณ ½-1 นิ้ว (1.5-2.5 ซม.) ขึ้นมาและป้ายน้ำยาฟอกสีผมลงไปโดยเริ่มจากปลายผมไล่ขึ้นมาจนถึงช่วงกลางเส้นผม หลังจากที่ลงน้ำยาฟอกสีผมจนทั่วทุกเส้นแล้ว ให้คุณป้ายน้ำยาฟอกสีผมให้ทั่วบริเวณโคนผมที่เว้นไว้ก่อนหน้านี้ [6]
    • ความร้อนจากหนังศีรษะจะทำให้บริเวณโคนผมตอบสนองต่อน้ำยาฟอกสีผมได้เร็วกว่าเส้นผมบริเวณอื่น ด้วยเหตุนี้คุณจึงต้องลงน้ำยาฟอกสีผมที่บริเวณโคนผมเป็นลำดับสุดท้าย
    • ป้ายน้ำยาฟอกสีผมให้ทั่วถึงทุกบริเวณ โดยใช้ความละเอียดถี่ถ้วนมากเป็นพิเศษเมื่อคุณป้ายน้ำยาฟอกสีผมลงบนเส้นผมในส่วนด้านหลังที่มองไม่เห็น
    • หากต้องการย้อมผมสีชมพูอ่อน คุณควรเลือกฟอกสีผมให้สว่างขึ้นถึง 10 ระดับหรือให้กลายเป็นสีแพลตตินั่ม [7]
    • ใช้ความระมัดระวังในการฟอกสีผมที่เคยผ่านการย้อมมาก่อน เนื่องจากสีผมของคุณอาจสว่างไม่สม่ำเสมอหรือสีผมเก่าที่ย้อมไว้อาจเกิดปฏิกิริยากับน้ำยาฟอกสีผมได้ [8]
  7. ตามที่กล่าวไปข้างต้นว่าเส้นผมของแต่ละคนมีการตอบสนองต่อน้ำยาฟอกสีผมที่แตกต่างกัน ดังนั้นสีผมของคุณจึงอาจสว่างขึ้นได้เร็วกว่าระยะเวลาที่ระบุไว้บนกล่องผลิตภัณฑ์ เมื่อสีผมของคุณได้ระดับความสว่างตามที่ต้องการแล้ว ให้คุณสระออกให้สะอาดด้วยแชมพู แต่หากรอจนครบระยะเวลาที่กำหนดแต่สีผมยังคงไม่สว่างมากพอในระดับที่ต้องการ คุณยังควรต้องล้างน้ำยาฟอกสีผมออกและเตรียมฟอกสีผมซ้ำอีกครั้ง
    • ลองตรวจสอบสภาพเส้นผมว่าเกิดความเสียหายจากน้ำยาฟอกสีผมหรือไม่ เช่น ร่วงมากผิดปกติหรือแห้งแตกปลาย โดยหากคุณสังเกตเห็นสัญญาณความเสียหายต่างๆ เหล่านี้ คุณควรเว้นระยะสัก 2-3 สัปดาห์ก่อนลงมือฟอกสีผมซ้ำอีกครั้ง
  8. ในบางกรณีการฟอกสีผมเพียงครั้งเดียวอาจไม่เพียงพอที่จะกัดสีผมของคุณให้สว่างขึ้นจนมีระดับที่ต้องการได้ โดยหากคุณมีผมสีน้ำตาลและต้องการย้อมผมสีชมพูอ่อน คุณอาจจำเป็นต้องทำการฟอกสีผมซ้ำอีกครั้งหนึ่ง อย่างไรก็ตาม จำไว้ว่าคุณอาจไม่สามารถฟอกสีผมที่เข้มจัดให้กลายเป็นสีบลอนด์อ่อนได้และอาจจำเป็นต้องเลือกย้อมผมสีชมพูที่มีเฉดสีที่เข้มขึ้น
    • หากเส้นผมของคุณมีสุขภาพดี คุณสามารถฟอกสีผมอีกครั้งในวันเดียวกันได้เลย แต่หากเส้นผมของคุณแห้งเสีย ให้คุณรอสัก 1-2 สัปดาห์ก่อนลงมือฟอกสีผมอีกครั้ง
  9. เข้ารับบริการฟอกสีผมกับช่างผู้เชี่ยวชาญสำหรับผู้ที่มีผมสีเข้ม. การฟอกสีผมเป็นขั้นตอนที่ทำลายเส้นผมได้มากที่สุดในกระบวนการทำสีผม อีกทั้งยังเสี่ยงต่อการเกิดข้อผิดพลาดต่างๆ ได้มากตั้งแต่สีผมที่สว่างเป็นหย่อมๆ และไม่สม่ำเสมอไปจนถึงเส้นผมได้รับความเสียหายจนเกิดการแห้งเสียและชี้ฟู แม้ว่าผู้ที่มีผมที่บลอนด์หรือสีน้ำตาลอ่อนจะสามารถลงมือฟอกสีผมเองได้ที่บ้านด้วยชุดผลิตภัณฑ์ฟอกสีผมที่วางจำหน่ายทั่วไป แต่สำหรับการฟอกผมสีน้ำตาลเข้มหรือสีดำอาจต้องการความพิถีพิถันและการดูแลที่มากกว่า ดังนั้นหากเส้นผมของคุณมีสีเข้ม การเข้ารับบริการฟอกสีผมกับช่างผู้เชี่ยวชาญอาจเป็นตัวเลือกที่เหมาะสมมากกว่าสำหรับคุณ
    • ฟังคำแนะนำจากช่างผู้เชี่ยวชาญเสมอ หากช่างทำผมของคุณไม่ต้องการให้คุณฟอกสีผมอีก คุณควรหยุดฟอกสีผมตามที่ช่างแนะนำ [9]
    โฆษณา
วิธีการ 2
วิธีการ 2 ของ 5:

ปรับพื้นสีผม

ดาวน์โหลดบทความ
  1. โดยส่วนใหญ่แล้วเส้นผมที่ผ่านการฟอกสีจะกลายเป็นสีเหลืองหรือสีส้ม ซึ่งหากคุณตั้งใจที่จะย้อมผมสีชมพูเฉดอุ่น เช่น สีชมพูแซลมอน คุณก็ไม่จำเป็นต้องปรับพื้นสีผมเพิ่มเติมอีก เพียงระวังไว้ว่าสีชมพูที่ย้อมออกมาอาจดูอุ่นกว่าสีตัวอย่างที่แสดงบนกล่องผลิตภัณฑ์ [10] อย่างไรก็ตาม หากคุณต้องการย้อมผมสีชมพูอ่อนๆ คุณอาจต้องปรับพื้นสีผมของคุณให้อ่อนลงจนเป็นสีขาวหรือสีเทามากที่สุด [11]
    • สีชมพูเฉดเย็นทั้งหมดจะมีโทนสีน้ำเงินและโทนสีม่วงเป็นส่วนประกอบ
    • หลังการปรับพื้นสีผม ผมของคุณจะเปลี่ยนเป็นสีขาวหรือสีเทามากน้อยเพียงใดขึ้นอยู่กับระดับความสว่างของสีผมจากการฟอกสีผมก่อนหน้านี้ โดยผมที่ฟอกออกมาเป็นสีส้มจะออกมาเป็นสีเทามากกว่า ในขณะที่ผมที่ฟอกออกมาเป็นสีเหลืองจะออกมาเป็นสีขาวมากกว่า
  2. โทนนิ่งแชมพูเป็นแชมพูสูตรเฉพาะที่ทำหน้าที่หักล้างไรเหลืองหรือไรส้มในเส้นผมเพื่อปรับพื้นสีผมให้ออกมาเป็นสีเทาหรือสีขาวมากยิ่งขึ้น คุณยังสามารถทำโทนนิ่งแชมพูใช้เองได้โดยผสมครีมเปลี่ยนสีผมสีน้ำเงินหรือสีม่วงเล็กน้อยเข้ากับครีมนวดผมเนื้อสีขาวให้ออกมาเป็นสีน้ำเงินหรือสีม่วงอ่อนๆ [12]
    • หากผมที่ฟอกออกมากลายเป็นสีเหลือง ให้คุณเลือกใช้โทนนิ่งแชมพูเนื้อสีม่วง หรือหากผมที่ฟอกออกมากลายเป็นสีส้ม ให้คุณเลือกใช้โทนนิ่งแชมพูเนื้อสีน้ำเงินแทน
    • โทนนิ่งแชมพูที่วางจำหน่ายตามท้องตลาดมีระดับความเข้มของสีให้เลือกมากมาย ซึ่งคุณต้องทดลองใช้หลากหลายตัวเพื่อหาโทนนิ่งแชมพูที่มีระดับความเข้มของสีที่เหมาะสม ในขณะที่การทำโทนนิ่งแชมพูใช้เองจะช่วยให้คุณสามารถปรับเปลี่ยนอัตราส่วนจนได้ระดับความเข้มของสีตามที่ต้องการ [13]
  3. ชโลมโทนนิ่งแชมพูลงบนเส้นผมที่เปียกหรือหมาด. คุณสามารถสระผมด้วยโทนนิ่งแชมพูได้ตามปกติเหมือนแชมพูทั่วไป เพียงเทโทนนิ่งแชมพูลงบนฝ่ามือเล็กน้อยและชโลมให้ทั่วเส้นผมตั้งแต่โคนจรดปลาย [14]
    • นวดโทนนิ่งแชมพูให้กระจายตัวบนเส้นผมอย่างทั่วถึง [15]
  4. ทิ้งโทนนิ่งแชมพูไว้บนเส้นผมตามระยะเวลาที่ระบุไว้บนขวด. ระยะเวลาที่เหมาะสมในการทิ้งโทนนิ่งแชมพูไว้บนเส้นผมอยู่ที่ 5-10 นาที หรือหากคุณทำโทนนิ่งแชมพูใช้เองด้วยครีมเปลี่ยนสีผมและครีมนวดผม ให้คุณลดระยะเวลาลงเป็น 2-5 นาที อย่างไรก็ตาม หลีกเลี่ยงการทิ้งโทนนิ่งแชมพูไว้บนเส้นผมนานจนเกินไป ไม่เช่นนั้นผมของคุณจะกลายเป็นสีน้ำเงินหรือสีม่วงแทน [16]
  5. หากยังคงมีสีน้ำเงินหรือสีม่วงหลงเหลืออยู่บนเส้นผมของคุณหลังล้างออกด้วยน้ำเย็นแล้ว ให้คุณสระผมอีกครั้งด้วยแชมพูสำหรับผมทำสี จากนั้นปล่อยให้ผมแห้งเองตามธรรมชาติหรือเป่าด้วยไดร์เป่าผมเพื่อให้ผมแห้งเร็วขึ้น
    • การสระผมด้วยโทนนิ่งแชมพูสามารถเพิ่มประกายชมพูให้กับสีผมของคุณได้ ดังนั้นหากคุณพอใจกับสีผมที่ได้ก็เป็นอันเสร็จเรียบร้อย
    โฆษณา
วิธีการ 3
วิธีการ 3 ของ 5:

ทำสีผม

ดาวน์โหลดบทความ
  1. สระผมด้วยแชมพูและล้างออกให้สะอาดก่อนเป่าผมให้แห้งสนิทด้วยไดร์เป่าผมหรือลมธรรมชาติ อย่าเพิ่งใช้ครีมนวดผมก่อนลงมือทำสีผมเพราะจะทำให้ครีมเปลี่ยนสีผมเกาะติดบนเส้นผมได้ไม่ดีเท่าที่ควร
    • คุณควรเว้นระยะหลังการฟอกสีผมสัก 2-3 วันก่อนเริ่มลงมือทำสีผม จำไว้ว่าทั้งการฟอกสีผมและการทำสีผมล้วนเป็นขั้นตอนที่ทำลายเส้นผมอย่างรุนแรง การเว้นระยะจึงเป็นการให้เวลากับเส้นผมได้พักฟื้นบ้าง
  2. ป้องกันผิว เสื้อผ้า และพื้นผิวโต๊ะเคาน์เตอร์ไม่ให้เปื้อนสีย้อมผม. สวมเสื้อตัวเก่าหรือคลุมไหล่ไว้ด้วยผ้าคลุมทำสีผมหรือผ้าขนหนูเก่าและใช้กระดาษหนังสือพิมพ์หรือถุงพลาสติกปูรองโต๊ะเคาน์เตอร์ไว้ รวมทั้งทาปิโตรเลียมเจลลี่รอบๆ ใบหูทั้งสองข้างและตามบริเวณไรผมและสวมถุงมือพลาสติกให้เรียบร้อย
  3. ผสมครีมเปลี่ยนสีผมสีชมพูเข้ากับครีมนวดผมเนื้อสีขาวหากมีระบุไว้ในคู่มือการใช้ผลิตภัณฑ์. เทครีมนวดผมเนื้อสีขาวในปริมาณที่เพียงพอสำหรับเส้นผมลงไปในชามผสมที่ไม่ใช่โลหะ จากนั้นบีบครีมเปลี่ยนสีผมสีชมพูลงไปเล็กน้อยและใช้ช้อนพลาสติกคนให้เข้ากันเป็นเนื้อเดียว คุณสามารถเติมครีมเปลี่ยนสีผมหรือครีมนวดผมลงไปผสมเพิ่มเติมจนกระทั่งได้สีตามที่คุณต้องการ [17]
    • คุณสามารถเลือกใช้ครีมนวดผมสูตรใดก็ได้ เพียงแต่เนื้อของครีมนวดผมจะต้องมีสีขาวเท่านั้น
    • หากคุณไม่ได้ทำการปรับพื้นสีผมก่อนหน้านี้ จำไว้ว่าเฉดสีชมพูที่คุณเลือกย้อมอาจออกมาดูติดเหลืองหรือติดส้มมากขึ้น
    • หากต้องการให้สีผมดูมีมิติมากขึ้น ให้คุณเตรียมสีย้อมผมสีชมพูเฉดต่างๆ สัก 2-3 เฉดแยกไว้ในชามผสมแต่ละใบ ยกตัวอย่างเช่น คุณอาจเลือกเฉดสีที่แตกต่างกันอย่างสี Atomic pink สี Cupcake pink และสี Virgin rose
  4. ป้ายครีมเปลี่ยนสีผม ลงบนเส้นผมเป็นส่วนๆ. แบ่งผมออกเป็น 4 ส่วนเท่าๆ กันและใช้แปรงทำสีผมป้ายครีมเปลี่ยนสีผมเปล่าๆ หรือครีมเปลี่ยนสีผมที่ผสมกับครีมนวดผมลงบนช่อผมเล็กๆ กว้างประมาณ ½-1 นิ้ว (1.5-2.5 ซม.) หากคุณเตรียมสีย้อมผมสีชมพูไว้หลากหลายเฉด ให้คุณป้ายครีมเปลี่ยนสีผมโดยสุ่มช่อผมไปเรื่อยๆ จนทั่วทั้งศีรษะ นอกจากนี้คุณยังสามารถทำสีผมด้วยเทคนิคบาลายาจแทนเพื่อให้สีผมที่ทำออกมามีมิติและสมจริงมากยิ่งขึ้นและดูไม่เหมือนสวมวิกผมจนเกินไป [18]
    • ป้ายครีมเปลี่ยนสีผมเฉดต่างๆ ตามความเข้มและความอ่อนของสีผมธรรมชาติของคุณ โดยลงสีชมพูเฉดเข้มตรงบริเวณที่สีผมธรรมชาติมีสีเข้มและลงสีชมพูเฉดอ่อนตรงบริเวณที่สีผมธรรมชาติมีสีอ่อน โดยเฉพาะอย่างยิ่งตรงบริเวณตามกรอบหน้า
    • ลองทดสอบด้วยการป้ายครีมเปลี่ยนสีผมกับช่อผมเล็กๆ ดูก่อนเพื่อให้คุณสามารถแก้ไขสีได้ก่อนเริ่มลงมือทำสีผมทั่วทั้งศีรษะ [19]
  5. ทิ้งครีมเปลี่ยนสีผมไว้บนเส้นผมตามระยะเวลาที่ระบุไว้บนกล่องผลิตภัณฑ์. ครีมเปลี่ยนสีผมโดยทั่วไปจะกำหนดระยะเวลาการทิ้งผลิตภัณฑ์บนเส้นผมไว้ที่ 15-20 นาที อย่างไรก็ตาม ครีมเปลี่ยนสีผมแบบเจลบางยี่ห้อ เช่น Manic Panic อาจทิ้งไว้บนเส้นผมได้นานถึง 1 ชั่วโมงเพื่อให้สีผมที่ออกมาดูสว่างยิ่งขึ้น [20]
    • อย่าทิ้งครีมเปลี่ยนสีผมสีสว่างหรือที่ประกอบด้วยสารฟอกสีไว้บนเส้นผมนานกว่าระยะเวลาที่ระบุไว้บนกล่องผลิตภัณฑ์
    • คลุมผมไว้ด้วยหมวกคลุมผมอาบน้ำเพื่อช่วยให้ครีมเปลี่ยนสีผมทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้นและป้องกันไม่ให้ครีมเปลี่ยนสีผมเปื้อนถูกพื้นผิวของบริเวณโดยรอบได้
  6. ล้างครีมเปลี่ยนสีผมออกด้วยน้ำเย็นและหมักด้วยครีมนวดผม. ใช้น้ำเย็นล้างครีมเปลี่ยนสีผมให้หลุดออกจากเส้นผมจนกระทั่งน้ำที่ไหลออกมากลายเป็นน้ำใส จากนั้นชโลมครีมนวดผมให้ทั่วทั้งศีรษะและทิ้งไว้ 2-3 นาทีก่อนล้างออกให้สะอาดด้วยน้ำเย็นเพื่อปิดเกล็ดผม งดสระผมด้วยแชมพูหลังการทำสีอย่างน้อย 3 วัน [21]
    • ล้างอีกครั้งด้วยน้ำส้มสายชูเพื่อล็อกสีผมให้ติดทนนานและช่วยให้สีผมดูเปล่งประกายยิ่งขึ้น โดยหมักทิ้งไว้บนเส้นผมนาน 2-3 นาทีก่อนล้างออกให้สะอาด หากมีกลิ่นน้ำส้มสายชูติดอยู่บนเส้นผมของคุณ คุณสามารถใช้ครีมบำรุงผมแบบไม่ต้องล้างออกหรือผลิตภัณฑ์อื่นๆ เพื่อปกปิดกลิ่นเหม็นได้
  7. ใช้ผลิตภัณฑ์เคลือบเงาผมหากต้องการเพิ่มความเปล่งประกายให้กับเส้นผม. ใช้ผลิตภัณฑ์เคลือบเงาผมโทนสีชมพูชโลมลงบนเส้นผมทันทีหลังล้างครีมเปลี่ยนสีผมออกจนสะอาดแล้ว ทิ้งไว้ 10 นาทีหรือตามระยะเวลาที่ระบุไว้บนขวดก่อนล้างออกให้สะอาด [22]
    โฆษณา
วิธีการ 4
วิธีการ 4 ของ 5:

ดูแลสีผมให้ติดทนนาน

ดาวน์โหลดบทความ
  1. เลือกใช้ผลิตภัณฑ์สำหรับผมทำสีที่ปราศจากซัลเฟต. งดใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีซัสเฟตเป็นส่วนประกอบ เพราะแม้ว่าซัลเฟตสามารถช่วยทำความสะอาดเส้นผมได้อย่างดีเยี่ยม แต่ก็อาจทำให้สีผมของคุณหลุดลอกได้ง่ายเช่นกัน ดังนั้นเพื่อรักษาสีผมให้ติดทนนานยิ่งขึ้น คุณควรเลือกใช้แชมพูและครีมนวดผมสำหรับผมทำสีที่ปราศจากซัลเฟต ซึ่งโดยส่วนใหญ่แล้วผลิตภัณฑ์เหล่านี้มักมีการระบุข้อความบนฉลากว่า สำหรับผมทำสี หรือ ปราศจากซัลเฟต หรือหากยังคงไม่แน่ใจ คุณสามารถดูส่วนผสมที่ระบุไว้ที่ด้านหลังขวดและหลีกเลี่ยงผลิตภัณฑ์ทุกตัวที่ประกอบด้วยซัลเฟต [23]
    • เติมครีมเปลี่ยนสีผมเล็กน้อยลงไปในขวดครีมนวดผมที่ใช้เป็นประจำเพื่อเติมประกายสีผมให้กับเส้นผมในทุกครั้งที่คุณหมักด้วยครีมนวดผมและช่วยให้สีผมติดทนนานยิ่งขึ้น
  2. หมักผมด้วยมาสก์บำรุงผมสัปดาห์ละครั้งเพื่อการบำรุงอย่างล้ำลึก. เลือกซื้อมาสก์บำรุงผมสำหรับผมทำสีหรือทำเคมีโดยเฉพาะ ชโลมมาสก์ลงบนเส้นผมที่หมาดและเก็บผมเข้าไปในหมวกคลุมผมอาบน้ำให้เรียบร้อย ทิ้งระยะเวลาตามที่ระบุไว้บนขวดก่อนล้างออกให้สะอาด
    • มาสก์บำรุงผมโดยส่วนใหญ่จะกำหนดระยะเวลาการทิ้งผลิตภัณฑ์บนเส้นผมไว้ที่ 5-10 นาที อย่างไรก็ตาม มาสก์บำรุงผมบางตัวอาจต้องทิ้งระยะเวลาการรอไว้นานถึง 15-20 นาที ลองอ่านฉลากเพื่อตรวจสอบระยะเวลาในการหมักด้วยมาสก์บำรุงที่เหมาะสม แต่ไม่ต้องกังวลหากคุณทิ้งระยะเวลาไว้นานกว่าที่ระบุไว้
  3. ยิ่งคุณสระผมบ่อย สีผมของคุณก็จะยิ่งหลุดลอกเร็วมากขึ้นแม้ว่าคุณจะเลือกใช้แชมพูและครีมนวดผมสำหรับผมทำสีที่ปราศจากซัลเฟตก็ตาม แต่หากเส้นผมของคุณมักมีสภาพมันเยิ้ม ให้คุณใช้ดรายแชมพูไปก่อนในระหว่างนี้ [24]
  4. เช่นเดียวกับการใช้ความร้อนในการจัดแต่งทรงผม การสระผมด้วยน้ำร้อนจะส่งผลให้สีผมของคุณหลุดลอกเร็วขึ้น อีกทั้งยังทำให้เส้นผมของคุณแห้งเสียมากกว่าเดิมอีกด้วย หลังจากที่คุณสระผมและหมักด้วยครีมนวดผมเสร็จเรียบร้อยแล้ว ให้คุณเปิดน้ำเย็นให้ไหลผ่านเส้นผมอีก 1 นาทีเพื่อเพิ่มความเรียบลื่นและเงางามให้กับเส้นผมของคุณ [25]
    • หากคุณทนความเย็นของน้ำไม่ไหว คุณสามารถใช้น้ำอุ่นในการสระผมแทนได้เช่นกัน
  5. ถ้าอากาศภายนอกไม่ได้เย็นจนเกินไปหรือคุณไม่ได้กำลังไปทำงานหรือโรงเรียนสาย พยายามเลือกปล่อยให้ผมแห้งเองตามธรรมชาติ หรือหากคุณต้องการดัดผมให้เป็นลอน ลองมองหาวิธีทำผมลอนโดยไม่ใช้ความร้อนแทน เช่น การใช้โรลม้วนผมแบบโฟม รวมทั้งหลีกเลี่ยงการหนีบผมด้วยเช่นกันหากเป็นไปได้ [26]
    • หากมีความจำเป็นต้องจัดแต่งทรงผมด้วยเครื่องหนีบผมหรือเครื่องม้วนผม อันดับแรกคุณควรตรวจสอบให้แน่ใจว่าผมของคุณแห้งสนิทดีแล้ว รวมถึงเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ปกป้องเส้นผมจากความร้อนคุณภาพดีและพยายามปรับระดับความร้อนให้ต่ำ
    • แสงแดดเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ทำให้สีผมหลุดลอกได้ง่ายขึ้น ดังนั้นคุณจึงควรสวมหมวก พันผ้าพันคอ หรือคลุมด้วยฮู้ดเมื่อออกไปข้างนอก
  6. ทำสีผมซ้ำทุกๆ 3-4 สัปดาห์หรือบ่อยครั้งตามต้องการ. สีผมสีชมพูสามารถหลุดลอกได้อย่างรวดเร็วเช่นเดียวกับสีผมสีแดง ซึ่งหมายความว่าคุณอาจจำเป็นต้องฟอกสีผมซ้ำตรงบริเวณโคนผมที่ขึ้นมาใหม่ด้วยเช่นกัน แต่หากไม่ต้องการฟอกสีผมที่โคนผม คุณสามารถปล่อยให้โคนผมเป็นสีผมธรรมชาติและลงมือทำสีเพียงบริเวณปลายผมเพื่อทำสีผมแบบไล่ระดับแทน [27] .
    • ยิ่งคุณเลือกทำสีชมพูที่สว่างสดใสมาก สีผมที่หลุดลอกก็จะยิ่งเห็นได้ชัดเจนมากขึ้น ในขณะที่สีชมพูพาสเทลจะหลุดลอกไม่เร็วเท่าไรนัก
    • บางคนอาจถูกใจสีชมพูเฉดพาสเทลหลังจากที่สีผมหลุดลอกออก ดังนั้นหากคุณคิดว่าสีผมที่หลุดลอกของคุณมีเฉดที่ดูไม่แย่มากนัก คุณอาจไม่จำเป็นต้องทำสีผมซ้ำอยู่บ่อยครั้ง [28]
    โฆษณา
วิธีการ 5
วิธีการ 5 ของ 5:

เลือกเฉดสีที่ถูกใจ

ดาวน์โหลดบทความ
  1. สีชมพูเป็นโทนสีที่ประกอบไปด้วยเฉดสีที่หลากหลายตั้งแต่เฉดอ่อนไปจนถึงเฉดเข้ม ซึ่งสีชมพูแต่ละเฉดต่างมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวและสามารถสร้างความโดดเด่นให้กับลุคของคุณได้ไม่แพ้กัน ยกตัวอย่างเช่น: [29]
    • เลือกสีชมพูเฉดอ่อนหากต้องการให้ขั้นตอนในการทำสีและดูแลรักษาไม่ยุ่งยาก ได้แก่ สี Baby pink สี Cotton candy pink สี Pale pink หรือสี Pastel pink
    • เลือกสีชมพูเฉดนีออนสดใสหากต้องการให้สีผมติดทนนานขึ้น ได้แก่ สี Atomic pink สี Carnation pink สี Cupcake pink สี Flamingo pink สี Magenta หรือสี Shocking pink
    • เลือกสีชมพูเฉดเข้มหากคุณมีผมสีเข้มและไม่สามารถฟอกสีผมให้สว่างขึ้นได้มากนัก ได้แก่ สี Bordeaux สี Eggplant สี Violet gem หรือสี Virgin rose
  2. โดยปกติแล้วคุณควรเลือกโทนสีผมที่เหมาะกับโทนสีผิวของคุณเป็นอย่างดี ยกตัวอย่างเช่น หากคุณมีสีผิวโทนอุ่น (ออกเหลือง) คุณควรเลือกสีผมสีชมพูเฉดอุ่นที่มีส้มหรือสีเหลืองผสมอยู่เล็กน้อย หรือหากคุณมีผิวโทนเย็น (ออกชมพู) ให้คุณเลือกสีผมสีชมพูเฉดเย็นที่มีสีม่วงหรือสีฟ้าผสมอยู่เล็กน้อย [30]
    • หากคุณยังคงตัดสินใจไม่ได้ว่าจะเลือกทำสีผมเฉดใดดี ลองไปที่ร้านขายวิกผมและลองสวมวิกผมเฉดสีต่างๆ เพื่อหาเฉดสีที่ถูกใจ
  3. โดยส่วนใหญ่แล้วการย้อมผมสีชมพูจำเป็นต้องมีการฟอกสีผมก่อน อย่างไรก็ตาม จำไว้ว่าคุณสามารถฟอกสีผมให้สว่างขึ้นได้แค่ในระดับหนึ่ง ซึ่งในกรณีนี้คุณอาจจำเป็นต้องเลือกย้อมผมสีชมพูที่มีเฉดที่เข้มขึ้น ยกตัวอย่างเช่น หากคุณมีผมสีน้ำตาลเข้มหรือสีดำ คุณอาจไม่สามารถฟอกสีผมให้สว่างมากพอที่จะทำสีชมพูพาสเทลได้และจำเป็นต้องเลือกเฉดสีที่เข้มขึ้นแทน [31]
    • การปรับผมสีเข้มให้สว่างขึ้นจะทำได้ยากกว่าผมสีอ่อนแม้ว่าจะทำการฟอกสีผมก็ตาม
  4. เลือกเฉดสีที่เหมาะสมตามระเบียบการแต่งกายของโรงเรียนหรือบริษัท. หากคุณอยู่ในบริษัทหรือโรงเรียนที่มีระเบียบการแต่งกายที่เข้มงวด การย้อมผมสีชมพูเฉดสว่างสดใสอาจดูไม่เหมาะสมเท่าไรนักจนคุณอาจโดนตำหนิได้ แต่หากบริษัทหรือโรงเรียนของคุณอนุญาตให้แต่งกายได้อย่างอิสระ (เช่น สตูดิโอออกแบบหรือโรงเรียนศิลปะ) คุณสามารถเลือกย้อมผมสีชมพูเฉดร้อนแรงได้ตามที่คุณต้องการ [32]
    • หากโรงเรียนหรือบริษัทของคุณมีระเบียบการแต่งกายที่เข้มงวด คุณอาจเลือกย้อมผมสีชมพูเฉดที่ดูเป็นธรรมชาติมากกว่า เช่น สีโรสโกลด์
    • ลองถามอาจารย์ใหญ่หรือนายจ้างว่าคุณสามารถย้อมผมสีชมพูเฉดที่คุณต้องการได้หรือไม่
    โฆษณา

เคล็ดลับ

  • หากครีมเปลี่ยนสีผมเปื้อนติดผิวของคุณ ให้คุณใช้สำลีก้อนจุ่มน้ำยาเช็ดเครื่องสำอางที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์เช็ดออกให้สะอาด
  • ลองทดสอบทำสีกับช่อผมเล็กๆ หรือปลายผมก่อนเพื่อดูว่าสีผมที่ย้อมจะออกมาเป็นอย่างไรบนสีผมธรรมชาติของคุณ ซึ่งคุณสามารถเปลี่ยนใจเลือกเฉดสีใหม่ได้หากได้สีผมที่ไม่ถูกใจ
  • เตรียมสีย้อมผมในปริมาณมากกว่าที่คาดว่าต้องใช้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากคุณไว้ผมยาวและ/หรือมีผมหนา
  • หากคุณกังวลว่าสีชมพูเฉดที่คุณเลือกจะเข้ากับตัวเองหรือไม่ คุณสามารถสวมวิกผมหรือใช้โปรแกรมตัดต่อรูปภาพอย่าง Photoshop ลองเปลี่ยนสีผมของคุณ
  • คุณสามารถใช้บลัชออนหรืออายแชโดว์ที่มีเฉดสีตรงกับสีผมที่คุณย้อมปัดที่บริเวณโคนผมเพื่อพรางสีผมธรรมชาติของคุณ ซึ่งแม้ว่าผลลัพธ์ที่ได้อาจไม่สมบูรณ์แบบ แต่วิธีนี้ก็สามารถช่วยปกปิดโคนผมได้บ้างไม่มากก็น้อย [33]
โฆษณา

คำเตือน

  • ห้ามป้ายน้ำยาฟอกสีผมลงบนผมที่เปียกหรือเริ่มจากโคนผมโดยเด็ดขาด พยายามลงมือฟอกสีผมในขณะที่ผมแห้งโดยเริ่มจากปลายผมอยู่เสมอ
  • สีผมสีชมพูอาจซึมออกมาจนเปรอะเปื้อนพื้นผิวต่างๆ ได้ในช่วง 2-3 วันแรกหลังการทำสีผม ดังนั้นคุณจึงควรเลือกใช้ปลอกหมอนสีเข้มแทนในช่วงนี้
  • ห้ามทิ้งน้ำยาฟอกสีผมไว้บนเส้นผมนานกว่าระยะเวลาที่ระบุไว้บนกล่องผลิตภัณฑ์โดยเด็ดขาด
โฆษณา

สิ่งของที่ใช้

  • น้ำยาฟอกสีผมและดีเวลลอปเปอร์
  • ครีมเปลี่ยนสีผมสีชมพู
  • โทนนิ่งแชมพูสีม่วง
  • ครีมนวดผมเนื้อสีขาว
  • ชามผสมที่ไม่ใช่โลหะ
  • ช้อนพลาสติก
  • แปรงทำสีผม
  • ผ้าคลุมทำสีผมหรือผ้าขนหนูเก่า
  • เสื้อตัวเก่า
  • ถุงมือพลาสติก
  • ปิโตรเลียมเจลลี่
  • แชมพูและครีมนวดผมสำหรับผมทำสีที่ปราศจากซัลเฟต
  1. https://www.youtube.com/watch?v=ymb1UDgCLd4&feature=youtu.be&t=5m56s
  2. https://www.youtube.com/watch?v=NxG0tglt6TU&feature=youtu.be&t=17m30s
  3. https://www.youtube.com/watch?v=Z-YOZyqwRgw&feature=youtu.be&t=1m5s
  4. https://www.youtube.com/watch?v=Z-YOZyqwRgw&feature=youtu.be&t=15s
  5. https://www.youtube.com/watch?v=FOgw8tl4Q1w&feature=youtu.be&t=1m5s
  6. https://www.youtube.com/watch?v=Z-YOZyqwRgw&feature=youtu.be&t=1m50s
  7. https://www.youtube.com/watch?v=Z-YOZyqwRgw&feature=youtu.be&t=2m10s
  8. https://www.youtube.com/watch?v=u6wuemZuris
  9. https://www.teenvogue.com/gallery/how-to-get-pastel-hair#4
  10. https://www.brit.co/what-to-know-before-dying-your-hair-pastel/
  11. https://www.rocknrollbride.com/2014/10/how-to-dye-your-hair-unnatural-colours-and-make-it-last/
  12. http://www.goodhousekeeping.com/beauty/hair/tips/a25379/ruining-dyed-hair/
  13. https://www.teenvogue.com/gallery/how-to-get-pastel-hair#5
  14. http://www.instyle.com/news/what-you-need-know-getting-pink-hair
  15. https://www.rocknrollbride.com/2014/10/how-to-dye-your-hair-unnatural-colours-and-make-it-last/
  16. https://www.rocknrollbride.com/2014/10/how-to-dye-your-hair-unnatural-colours-and-make-it-last/
  17. https://www.rocknrollbride.com/2014/10/how-to-dye-your-hair-unnatural-colours-and-make-it-last/
  18. https://www.rocknrollbride.com/2014/10/how-to-dye-your-hair-unnatural-colours-and-make-it-last/
  19. http://www.marieclaire.com/beauty/news/g4272/why-you-should-dye-your-hair-pink/
  20. https://www.haircrazy.com/articles/beginner-guides/how-to-dye-your-hair-pink/
  21. http://www.instyle.com/news/what-you-need-know-getting-pink-hair
  22. https://www.theblondesalad.com/beauty/hair-nails/what-happens-when-you-have-dark-hair-and-you-want-to-dye-it-a-weird-color.html
  23. http://www.instyle.com/news/what-you-need-know-getting-pink-hair
  24. http://www.parfaitdoll.com/2009/12/pink-please-the-pink-hair-guide.html

เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้

มีการเข้าถึงหน้านี้ 9,287 ครั้ง

บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม

โฆษณา