ดาวน์โหลดบทความ ดาวน์โหลดบทความ

บาดแผลถูกคนกัดเป็นหนึ่งในบาดแผลที่มักถูกประเมินต่ำเกินจริงมากที่สุด เพราะหลายคนมีความเชื่อที่ผิดว่าพวกมันไม่เป็นอันตรายเท่ากับบาดแผลถูกสัตว์กัด [1] อย่างไรก็ตาม คุณต้องถือว่าแผลถูกคนกัดเป็นอันตรายอย่างมาก เพราะแบคทีเรียกับไวรัสชนิดต่างๆ ที่มีอยู่ในปากคน [2] ด้วยการประเมินค่าบาดแผลถูกคนกัดอย่างเหมาะสม การดูแลปฐมพยาบาล และการปรึกษาแพทย์ คุณสามารถรับมือกับบาดแผลถูกคนกัดโดยไม่มีผลข้างเคียงใดๆ เช่น การติดเชื้อ

ส่วน 1
ส่วน 1 ของ 2:

การดูแลปฐมพยาบาล

ดาวน์โหลดบทความ
  1. หากเป็นไปได้ จงขอประวัติทางการแพทย์จากคนที่กัดคุณ คุณต้องการจะทำให้แน่ใจว่าเขาได้รับการฉีดวัคซีนต่างๆ ในปัจจุบันแล้ว และไม่ได้มีอาการป่วยรุนแรงอื่นๆ เช่น โรคตับอักเสบ การทำเช่นนี้จะช่วยให้คุณคิดออกว่าสมควรจะไปพบกับแพทย์หรือไม่ และการรักษาแบบใดดีที่สุดสำหรับคุณ
    • หากคุณไม่สามารถได้ประวัติทางการแพทย์ของคนที่กัดคุณ จงดูแลปฐมพยาบาลบาดแผล แล้วจึงไปพบแพทย์
    • โรคสองชนิดที่น่าวิตกที่สุดคือ ตับอักเสบบี (Hepatitis B) กับบาดทะยัก (Tetanus) แม้จะไม่ได้เกิดขึ้นในทุกครั้งที่ถูกกัด แต่ก็อาจเกิดโรคตับอักเสบบี กับบาดทะยักได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในบาดแผลติดเชื้อต่างๆ [3]
    • ไม่น่าที่จะเกิดการแพร่เชื้อเอชไอวี (HIV) หรือตับอักเสบบีในระหว่างการกัด แต่ก็อาจเกิดขึ้นได้ [4] หากไม่รู้ว่าคนที่กัดเป็นใคร การตรวจหาไวรัสเอชไอวีสามารถช่วยให้ผู้ถูกกัดสงบใจได้
  2. ในทันทีที่คุณมีบาดแผลถูกคนกัด จงตรวจสอบจุดที่มีรอยกัด ประเมินความร้ายแรงของบาดแผล และพยายามตัดสินใจเรื่องแนวทางการปฏิบัติที่ดีที่สุด [5]
  3. หากบาดแผลมีเลือดไหล จงใช้ผ้าพันแผลหรือใช้ผ้าแห้งที่สะอาดกดห้ามเลือด อย่าทำการปฐมพยาบาลใดๆ จนกว่าจะได้ควบคุมให้เลือดหยุดไหลแล้ว เพื่อที่คุณจะได้ไม่สูญเสียเลือดมากจนเกินไป [9]
  4. เมื่อห้ามเลือดจนหยุดแล้ว จงล้างแผลด้วยสบู่และน้ำ การทำเช่นนี้จะช่วยกำจัดแบคทีเรียและอาจลดความเสี่ยงเรื่องการติดเชื้อให้เหลือน้อยที่สุด [13]
  5. ทาขี้ผึ้งปฏิชีวนะ(Antibiotic ointment) ตรงบริเวณที่ถูกกัด. การทาขี้ผึ้งปฏิชีวนะหรือครีมสามารถช่วยป้องกันการติดเชื้อได้ แถมยังอาจช่วยลดอาการบวม ลดความเจ็บปวด และเร่งการสมานแผล [20]
    • คุณอาจใช้ขี้ผึ้งปฏิชีวนะ เช่น นีโอมัยซิน (Neomycin)โพลีมิกซิน บี (Polymyxin B) บาซิทราซิน (Bacitracin) เพื่อป้องกันการติดเชื้อ [21]
    • ยาเหล่านี้หาซื้อได้ตามร้านขายยาและร้านขายของชำส่วนใหญ่ กับตามแหล่งขายปลีกออนไลน์ของร้านค้าเหล่านั้น
  6. เมื่อบาดแผลไม่มีเลือดออกแล้วและแผลไม่ได้ติดเชื้อ จงใช้ผ้าพันแผลผืนใหม่ที่สะอาดหรือปราศจากเชื้อและแห้ง การทำเช่นนี้อาจจำกัดการเปิดรับแบคทีเรียและช่วยป้องกันการติดเชื้อ [22]
  7. หากบาดแผลถูกกัดไม่ใหญ่มากนัก และ/หรือคุณตัดสินใจว่าจะไม่เข้ารับการรักษาทางการแพทย์ มีความสำคัญที่คุณจะตรวจดูบาดแผลเพื่อหาสัญญาณต่างๆ ของการติดเชื้อ การทำเช่นนี้อาจช่วยป้องกันปัญหาทางการแพทย์ร้ายแรงต่างๆ ซึ่งรวมทั้งภาวะพิษเหตุติดเชื้อ (Sepsis) [23]
    โฆษณา
ส่วน 2
ส่วน 2 ของ 2:

เข้ารับการรักษาทางการแพทย์

ดาวน์โหลดบทความ
  1. หากแผลถูกกัดเป็นแผลฉีก หรือแผลไม่สมานหลังทำการปฐมพยาบาลแล้ว จงรีบไปพบแพทย์โดยเร็วที่สุดที่จะทำได้ คุณอาจต้องการการรักษาเชิงลึกมากกว่าที่จะทำได้ที่บ้าน ซึ่งสามารถลดความเสี่ยงที่จะติดเชื้อ หรือความเสียหายต่อเส้นประสาทให้เหลือน้อยที่สุด [27]
    • มีความสำคัญที่จะไปพบแพทย์ หากบาดแผลถูกคนกัดทำให้ผิวหนังของคุณฉีกขาด เพราะอาจกลายเป็นแผลติดเชื้อได้อย่างง่ายดายมาก [28] คุณสมควรขอรับการรักษาบาดแผลผิวหนังฉีกขาดภายใน 24 ชั่วโมง [29]
    • หากบาดแผลมีเลือดไหลไม่หยุด หรือถูกกัดจนสูญเสียเนื้อเยื่อสำคัญๆ จงขอความช่วยเหลือจากแผนกฉุกเฉิน. [30]
    • จงปรึกษาแพทย์หากคุณวิตกแม้เพียงเกี่ยวกับรอยกัดเล็กที่สุด หรือรอยแผลถลอกจากปากคน [31]
    • แจ้งให้แพทย์ทราบว่าคุณได้แผลถูกกัดมาอย่างไร การทำเช่นนี้อาจช่วยแพทย์เรื่องการรักษาคุณ หรือเพื่อที่แพทย์จะได้แจ้งขอความช่วยเหลือหากเกี่ยวข้องกับความรุนแรง [32]
    • แพทย์จะวัดขนาดบาดแผลและเขียนบันทึกเวชระเบียน เช่น ที่อยู่ หรือหากดูเหมือนว่าคุณมีความเสียหายของเส้นประสาทหรือเอ็นกล้ามเนื้อ [33]
    • แพทย์อาจสั่งตรวจเลือดหรือเอกซเรย์ โดยขึ้นอยู่กับความรุนแรงของบาดแผลที่ถูกกัด [34]
  2. จงอนุญาตให้แพทย์นำวัสดุแปลกปลอมใดๆ ในบาดแผลออกไป. หากมีวัสดุแปลกปลอมใดๆ ในบาดแผลถูกกัด เช่น ฟัน แพทย์จะเอาออกเพื่อลดความเสี่ยงที่คุณจะติดเชื้อให้เหลือน้อยที่สุด และอาจช่วยบรรเทาอาการปวดใดๆ ที่คุณมีได้ด้วย [35]
  3. หากมีบาดแผลบนใบหน้า จงให้แพทย์ศัลยกรรมตกแต่งเป็นผู้เย็บบาดแผล. หากคุณมีรอยกัดขนาดใหญ่ที่ใบหน้า แพทย์ของคุณสมควรขอความช่วยเหลือจากแพทย์ศัลยกรรมตกแต่งให้เย็บแผลให้ เพื่อที่แผลจะได้หายดีอย่างเหมาะสม โดยมีแผลเป็นน้อยที่สุด
  4. แพทย์อาจเขียนใบสั่งยาปฏิชีวนะสักขนานหนึ่งจากที่มีอยู่ต่างๆ กันหลายขนานสำหรับแผลถูกคนกัด ยาเหล่านี้สามารถช่วยลดความเสี่ยงที่คุณจะติดเชื้อให้น้อยลง
  5. หากคุณไม่ได้ฉีดวัคซีนป้องกันบาดทะยักเลยภายในห้าปี แพทย์อาจเขียนใบสั่งให้ฉีดวัคซีนกระตุ้นหนึ่งเข็ม การทำเช่นนี้สามารถช่วยป้องกันการติดเชื้อซึ่งทำให้เกิดโรคบาดทะยัก (Tetanus) หรือ โรคขากรรไกรแข็ง (Lockjaw)ได้ [40]
  6. หากคุณไม่รู้ประวัติทางการแพทย์ของคนที่กัดคุณ แพทย์อาจทำการทดสอบหาการแพร่กระจายของเชื้อโรคต่างๆ เช่น เอชไอวี และไวรัสตับอักเสบบี ในระยะห่างเท่าๆ กัน การทำเช่นนี้ไม่เพียงระบุการติดเชื้อที่อาจเกิดขึ้นได้ แต่ยังทำให้ใจคุณสงบด้วย [43]
  7. เป็นเรื่องปกติที่คุณจะปวดอยู่สี่ห้าวันหลังจากถูกกัดจนเป็นแผล จงใช้ยาแก้ปวดที่มีขายทั่วไป หรือยาแก้ปวดตามใบสั่งแพทย์เพื่อช่วยบรรเทาปวดและอาการบวม
    • จงกินยาแก้ปวดที่มีขายทั่วไป เช่น ไอบูโพรเฟน (Ibuprofen) หรืออะเซตามิโนเฟน (Acetaminophen) ยาไอบูโพรเฟนยังอาจช่วยบรรเทาอาการบวมหลังการผ่าตัดได้ด้วย
    • แพทย์อาจเขียนใบสั่งยาแก้ปวดให้ หากคุณใช้ยาแก้ปวดที่มีขายทั่วไปไม่ได้ผล [45]
  8. หากคุณมีรอยกัดรุนแรงอย่างยิ่งจนทำให้สูญเสียเนื้อเยื่อ แพทย์อาจเสนอแนะให้ทำศัลยกรรมตกแต่ง การทำเช่นนี้อาจซ่อมแซมผิวของคุณให้กลับสู่สภาพก่อนเกิดเหตุโดยมีแผลเป็นเพียงเล็กน้อยเท่านั้น.
    โฆษณา


คำเตือน

  • อย่าใส่อวัยวะที่ถูกกัดเข้าปาก จงหลีกเลี่ยงปฏิกิริยาตอบโต้เช่นนั้นซึ่งมักเกิดขึ้นในทันที เพราะเชื้อโรคที่เกี่ยวข้องกับการถูกคนกัดนั้น เหลือเชื่อยิ่งกว่าแม้แต่การถูกสัตว์กัด การนำเชื้อโรคเหล่านั้นเข้าสู่ร่างกายโดยใส่เข้าปากไม่ใช่เรื่องที่ฉลาดเลย
โฆษณา
  1. http://www.mayoclinic.org/first-aid/first-aid-severe-bleeding/basics/art-20056661
  2. http://www.mayoclinic.org/first-aid/first-aid-severe-bleeding/basics/art-20056661
  3. http://www.mayoclinic.org/first-aid/first-aid-severe-bleeding/basics/art-20056661
  4. http://www.mayoclinic.org/first-aid/first-aid-human-bites/basics/art-20056633
  5. http://www.mayoclinic.org/healthy-lifestyle/adult-health/in-depth/hand-washing/art-20046253
  6. http://www.mayoclinic.org/first-aid/first-aid-human-bites/basics/art-20056633
  7. http://www.nhs.uk/chq/Pages/1054.aspx?CategoryID=72&
  8. http://www.ncbi.nlm.nih.gov/pmc/articles/PMC2776367/
  9. http://www.ncbi.nlm.nih.gov/pmc/articles/PMC2776367/
  10. http://www.ncbi.nlm.nih.gov/pmc/articles/PMC2776367/
  11. http://www.mayoclinic.org/first-aid/first-aid-human-bites/basics/art-20056633
  12. http://www.ncbi.nlm.nih.gov/pubmed/3585263
  13. http://www.mayoclinic.org/first-aid/first-aid-human-bites/basics/art-20056633
  14. http://www.ncbi.nlm.nih.gov/pmc/articles/PMC2776367/
  15. http://www.ncbi.nlm.nih.gov/pmc/articles/PMC2776367/
  16. http://www.ncbi.nlm.nih.gov/pmc/articles/PMC2776367/
  17. http://www.mayoclinic.org/first-aid/first-aid-human-bites/basics/art-20056633
  18. http://www.mayoclinic.org/first-aid/first-aid-human-bites/basics/art-20056633
  19. http://www.mayoclinic.org/first-aid/first-aid-human-bites/basics/art-20056633
  20. http://orthoinfo.aaos.org/topic.cfm?topic=a00003
  21. http://www.mayoclinic.org/first-aid/first-aid-human-bites/basics/art-20056633
  22. http://www.mayoclinic.org/first-aid/first-aid-human-bites/basics/art-20056633
  23. http://orthoinfo.aaos.org/topic.cfm?topic=a00003
  24. http://orthoinfo.aaos.org/topic.cfm?topic=a00003
  25. http://orthoinfo.aaos.org/topic.cfm?topic=a00003
  26. http://www.ncbi.nlm.nih.gov/pmc/articles/PMC2776367/
  27. http://www.mayoclinic.org/first-aid/first-aid-cuts/basics/art-20056711
  28. http://www.ncbi.nlm.nih.gov/pmc/articles/PMC2776367/
  29. http://www.ncbi.nlm.nih.gov/pmc/articles/PMC2776367/
  30. http://www.ncbi.nlm.nih.gov/pmc/articles/PMC2776367/
  31. http://www.ncbi.nlm.nih.gov/pmc/articles/PMC2776367/
  32. http://www.cdc.gov/vaccines/pubs/pinkbook/downloads/tetanus.pdf
  33. http://www.ncbi.nlm.nih.gov/pmc/articles/PMC2776367/
  34. http://www.ncbi.nlm.nih.gov/pmc/articles/PMC2776367/
  35. http://www.ncbi.nlm.nih.gov/pmc/articles/PMC2776367/
  36. http://www.ncbi.nlm.nih.gov/pmc/articles/PMC2776367/

เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้

มีการเข้าถึงหน้านี้ 19,779 ครั้ง

บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม

โฆษณา