ดาวน์โหลดบทความ ดาวน์โหลดบทความ

การจะค้นหาว่าคุณกำลังตกหลุมรักใครสักคนจริงๆ หรือเปล่าอาจสร้างความกดดันไม่น้อย แต่ไม่ต้องกังวลหรอก! เราหาข้อมูลมาแล้ว และสำหรับคนส่วนใหญ่การที่คุณจะรู้ว่าคุณรักใครสักคนอยู่หรือเปล่านั้น วิธีที่ดีที่สุดก็คือการถอยกลับไปมองความสัมพันธ์ตามความเป็นจริง เมื่อคุณรู้แล้วว่าคนๆ นี้มีผลต่ออารมณ์ของคุณอย่างไร ก็ลองคิดดูว่าคุณมีปฏิกิริยาอย่างไรเวลาที่ได้อยู่ใกล้เขา คุณใจดีเป็นพิเศษ เต็มใจทำอะไรต่อมิอะไรที่ปกติแล้วคุณจะไม่ทำ หรือตื่นเต้นกับความสำเร็จของเขาอย่างจริงใจหรือเปล่า ถ้าใช่ ก็คงเป็นความรักแล้วล่ะ!

วิธีการ 1
วิธีการ 1 ของ 2:

ประเมินอารมณ์

ดาวน์โหลดบทความ
  1. คิดย้อนกลับไปว่าอารมณ์ของคุณพัฒนามาอย่างไร. คิดย้อนกลับไปถึงตอนที่คุณเจอคนที่คุณชอบครั้งแรก พยายามนึกดูว่าคุณยังรู้สึกเหมือนเดิมหรือว่าความรู้สึกของคุณเติบโตขึ้นนับจากนั้น สิ่งที่เรามักเรียกกันว่า “รักแรกพบ” นั้นจริงๆ แล้วมันมักจะเป็นความรู้สึกเสน่หาทางกายที่เกิดขึ้นทันทีทันใดหรือไม่ก็ความหลงใหล แต่ในทางตรงกันข้ามถ้าเป็นความรัก เมื่อเวลาผ่านไปมันจะค่อยๆ เพิ่มพูนจากแค่สนใจไปเป็นบางสิ่งที่ลึกซึ้งกว่านั้น [1]
  2. คิดถึงสิ่งที่คุณชอบและไม่ชอบเกี่ยวกับคนที่คุณชอบ การได้เห็นเหตุผลของตัวเองบนกระดาษอาจช่วยให้คุณประเมินความรู้สึกของตัวเองได้ดีขึ้น [2] การเขียนข้อเสียของเขาลงไปเป็นการสาดน้ำเย็นใส่ไฟปรารถนาและทำให้คุณมองออกมากขึ้นว่า สิ่งที่คุณชอบในตัวคนๆ นี้ จริงๆ คืออะไร เขียนแต่ละด้านออกมาให้ยาวที่สุด ไม่ต้องห่วงว่าข้อดีข้อเสียแต่ละข้อจะเล็กหรือใหญ่แค่ไหน เขียนทุกอย่างที่อยู่ในใจ คุณอาจจะเขียนลงไปว่า :
    • ข้อดี: หน้าตาดี ใจดี เป็นคนที่ฉันคุยด้วยได้
    • ข้อเสีย: ไม่เป็นระเบียบ บางครั้งก็ไม่ค่อยเป็นผู้ใหญ่ ติดฉันแจ
  3. วิเคราะห์ข้อดีและข้อเสียในแง่ที่ว่า คุณกำลังมองเขาอย่างที่เขาเป็นหรือยกย่องภาพลักษณ์คนที่คุณชอบจนเกินจริงกันแน่ วงกลมหรือไฮไลต์ข้อดีที่ทำให้คุณยิ่งหวั่นไหว และข้อเสียที่ไม่มีผลต่อความรู้สึกของคุณ ประเมินว่าเหตุผลเหล่านี้ไร้สาระหรือสำคัญ ถ้าคุณไม่สามารถยอมรับคนๆ นี้ได้ทุกมุมทั้งข้อดีและข้อเสีย ก็แสดงว่าคุณไม่ได้รักเขาหรอก [3]
    • เช่น คุณอาจจะรักเขาจริงๆ ก็ได้ถ้าคุณมองข้ามความไม่เป็นระเบียบของเขาไปได้เพราะว่าคุณมัวแต่ซาบซึ้งกับความมีน้ำใจหรือไม่ก็การที่เขาเป็นคนคุยสนุก
    • ในทางตรงกันข้ามมันคงไม่ใช่ความรักถ้าคุณรู้สึกอบอุ่นและทำอะไรไม่ถูกเวลาที่ได้เห็นหน้าเขา แต่กลับจินตนาการอนาคตที่มีเขาอยู่ด้วยไม่ออก
  4. สังเกตว่าคุณสุขหรือเศร้าไปด้วยเวลาที่เขาบอกข่าวดีหรือข่าวร้ายให้คุณฟังหรือเปล่า เช่น ถ้าคุณเริ่มทุกข์ใจไปด้วยเมื่อคนที่คุณชอบบอกคุณทั้งน้ำตาว่า คุณยายของเขาเพิ่งเสีย ก็แสดงว่าคุณรับรู้ถึงความเจ็บปวดร่วมไปกับเขา ซึ่งเป็นสัญญาณที่ดีว่าคุณรักเขา [4]
  5. ประเมินว่าคุณรู้สึกอย่างไรเวลาที่ไม่ได้อยู่กับเขา. ถามตัวเองว่า เวลาที่คุณพูดว่า “ผมคิดถึงคุณจัง” คุณรู้สึกแบบนั้นจริงๆ หรือเปล่า ความรักโรแมนติกที่ยืนยาวส่วนใหญ่จะมีความผูกพันเป็นรากฐานที่ยังคงสม่ำเสมอเมื่อเวลาผ่านไป ซึ่งไม่ได้หมายความว่าคุณจะต้องบ่นคิดถึงเขาตลอดเวลา เพราะจริงๆ แล้วแบบนั้นก็เป็นความผูกพันแบบยึดติดที่ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ แต่การคิดถึงคนรักและอยากจะสร้างความผูกพันกับเขาคือองค์ประกอบสำคัญของความรัก [5]
    เคล็ดลับจากผู้เชี่ยวชาญ

    Chloe Carmichael, PhD

    นักจิตวิทยาที่มีใบอนุญาต
    โคลอี้ คาร์ไมเคิลเป็นนักจิตวิทยาที่มีใบอนุญาตซึ่งเปิดการฝึกส่วนตัวโดยเน้นไปที่ประเด็นความสัมพันธ์ การจัดการความเครียดและโค้ชอาชีพได้อย่างประสบความสำเร็จในนิวยอร์ก เธอสำเร็จปริญญาเอกทางจิตวิทยาการรักษาจากมหาวิทยาลัยลองไอส์แลนด์และเป็นผู้เขียนหนังสือติดอันดับขายดีของแอมาซอนเรื่อง Dr. Chloe’s 10 Commandments of Dating
    Chloe Carmichael, PhD
    นักจิตวิทยาที่มีใบอนุญาต

    ขณะที่คุณเริ่มผูกพันกับใครสักคน คุณจะเริ่มคิดถึงเขาจริงๆ เวลาที่เขาไม่อยู่ อีกสัญญาณหนึ่งก็คือ แม้ว่าคุณจะเริ่มเห็นข้อบกพร่องของเขาชัดเจนขึ้น แต่คุณกลับยิ่งประทับใจเขาในฐานะมนุษย์คนหนึ่งอย่างลึกซึ้งมากกว่าที่เคย

  6. จินตนาการชีวิตในอีก 5 หรือ 10 ปีข้างหน้า พิจารณาผลกระทบของความเปลี่ยนแปลงด้านหน้าที่การงาน ลูก และการย้ายถิ่นฐาน คิดดูว่าคุณเต็มใจที่จะเผชิญความเจ็บป่วยเล็กๆ น้อยๆ และสาหัสไปกับคนๆ นี้ไหม คิดถึงตอนที่คุณดูแลเขาหรือเขาดูแลคุณในยามแก่เฒ่า ถ้าคุณจินตนาการอนาคตในระยะยาวกับคนๆ นี้ได้ มันก็อาจจะเป็นความรักก็ได้นะ [6]
  7. ทบทวนว่าคนๆ นี้ทำให้คุณเปลี่ยนไปบ้างหรือเปล่า. ไม่ได้หมายความว่าบุคลิกคุณจะต้องเปลี่ยนไปชนิดหน้ามือเป็นหลังมือ แต่ให้ลองทบทวนดูว่าคุณได้ประสบการณ์เพิ่มขึ้นจากคนที่คุณชอบหรือเปล่า เช่น คุณอาจจะไม่เคยคิดจะปลูกต้นไม้ในวันเสาร์อาทิตย์เลยก่อนที่คนที่คุณชอบจะชวนคุณเข้าร่วมโครงการคืนต้นไม้สู่ป่า ตอนนี้พอคุณได้ลงมือทำแล้ว คุณก็รู้สึกถึงความสัมพันธ์กับธรรมชาติที่คุณค้นพบขึ้นมาใหม่และมันก็เป็นเพราะเขา ถ้าคุณรู้สึกว่าคนๆ นี้เปลี่ยนคุณไปในทางที่ดีขึ้น มันก็คงเป็นความรัก [7]
  8. ครั้งถัดไปที่คุณกับคนที่คุณชอบทำกิจกรรมประจำวันทั่วๆ ไปด้วยกัน ให้สังเกตว่าตัวเองรู้สึกอย่างไร เช่น ถ้าปกติแล้วคุณเกลียดการซื้อของเข้าบ้านเข้าไส้ แต่จู่ๆ กลับตั้งตารอเพราะเขาจะไปกับคุณด้วย ก็เป็นสัญญาณที่บอกว่าคุณอาจกำลังมีความรัก แต่ในทางตรงกันข้ามถ้าคุณก็ยังรู้สึกซังกะตายเหมือนเดิมและแทบจะอดใจรอไปทำอะไรสนุกๆ ด้วยกันไม่ไหว มันก็อาจจะเป็นแค่ความหลงใหลก็ได้ [8]
  9. สังเกตว่าคุณรู้สึกอย่างไรเวลาที่คนที่คุณชอบไปคุยกับศัตรูหัวใจของคุณ สังเกตว่าตัวเองรู้สึกอย่างไรเวลาที่คู่แข่งเข้ามาก้อร่อก้อติกคนที่คุณชอบ นอกจากนี้คุณก็อาจคิดดูว่า คุณรู้สึกเหมือนคนที่คุณชอบเขาจะเลิกสนใจคุณเพราะแม่นั่นเข้ามายั่วเขาหรือเปล่า จริงๆ แล้วอาการหึงหวงที่เกิดขึ้นเป็นบางครั้งบางคราวนั้นเป็นปฏิกิริยาที่ดีที่ทำให้คุณอยากใกล้ชิดกับคนๆ นั้นมากขึ้นอีกหน่อย ซึ่งถ้าคุณรู้สึกแบบนั้น มันก็อาจจะเป็นความรักก็ได้ [9]
    • ในทางตรงกันข้ามถ้าคุณแคลงใจและรู้สึกว่าปล่อยไว้ไม่ได้ ต้องคอยสอดส่องคนที่คุณชอบซะแล้ว นั่นไม่ใช่ความรัก หรืออย่างน้อยมันก็ไม่ใช่ความรัก ที่ดี แต่เป็นการก้าวข้ามจากความหลงใหลไปเป็น 'ความหมกมุ่น' [10]
    โฆษณา
วิธีการ 2
วิธีการ 2 ของ 2:

ประเมินการกระทำ

ดาวน์โหลดบทความ
  1. เวลาที่อยู่กันหลายๆ คน ให้แยกจากเธอและเข้าไปรวมกับคนอื่น พยายามตั้งใจคุยกับอีกฝ่ายให้มากที่สุด ถ้าคุณรู้สึกว่าตัวเองทำหูทวนลมและเอาแต่มองหาคนที่คุณชอบ ก็เป็นไปได้ว่าคุณอาจจะรักเขาเข้าแล้ว และถ้าคุณจับได้ว่าเขาก็แอบมองคุณอยู่เหมือนกัน เขาก็อาจจะรู้สึกแบบเดียวกันกับคุณก็ได้
  2. ทบทวนการตอบสนองที่ไม่ได้ตั้งใจเวลาที่คุณอยู่ใกล้คนที่คุณชอบ สังเกตอาการหัวใจเต้นเร็ว อาการร้อนวูบวาบ มือสั่น และเหงื่อออกที่ฝ่ามือ สังเกตว่าจู่ๆ คุณก็ไม่พูดไม่จาเพราะกลัวจะพูดอะไรเด๋อๆ หรือเปล่า ปฏิกิริยาเหล่านี้เป็นสัญญาณของความใคร่และความหลงใหล ไม่ใช่ความรัก [11]
  3. พิจารณาว่าคุณแบ่งปันข้าวของกับคนๆ นี้ (หรือเตรียมใจว่าจะทำอย่างนั้น) บ่อยแค่ไหน ลองนึกภาพว่าเขาขอยืมอัลบั้มไวนิลหายากที่คุณเพิ่งประมูลมาได้ ถ้าคุณให้ยืมหรือเต็มใจที่จะให้ยืม มันก็น่าจะเป็นความรัก [12]
  4. ไม่ได้หมายความว่าคุณต้องล้มเลิกแผนการด้านอาชีพการงานหรือปล่อยให้คนที่คุณชอบมาเอาเปรียบคุณ แต่มันคือการเสียสละเล็กๆ น้อยๆ เพื่อให้วันของเขาสดใสขึ้น คิดถึงตอนที่เขาป่วยครั้งล่าสุด ถ้าคุณยกเลิกการดูซีรีส์มาราธอนในวันเสาร์อาทิตย์เพื่อไปดูแลเขา คุณก็อาจจะรักเขาเข้าแล้วก็ได้ แต่ถ้าปฏิกิริยาแรกของคุณคือบ่น มากสุดมันก็คงเป็นแค่ความหลงใหลเท่านั้นแหละ [13]
  5. ความรักทำให้คุณรู้สึกอบอุ่น ในสถานการณ์สบายๆ คุณมีแนวโน้มที่จะเลียนแบบการกระทำของอีกฝ่ายแม้ว่าคุณจะไม่รู้ตัวก็ตาม ลองสังเกตว่าคุณจิบกาแฟแทบจะพร้อมกับเขาเลยหรือเปล่า มันอาจจะไม่ใช่สัญญาณที่ยืนยันได้ว่ามันคือความรัก แต่มันเป็นสัญญาณที่บอกว่ามีความเป็นไปได้มากขึ้น [14]
  6. ประเมินการตอบสนองของคุณที่มีต่อความสำเร็จของเขา. วิธีนี้สำคัญมากเป็นพิเศษเมื่อคนที่คุณชอบทำในสิ่งที่คุณพลาดไปได้สำเร็จ เช่น เขาได้เลื่อนสู่ตำแหน่งที่คุณเองก็หมายตาเอาไว้เหมือนกัน ถ้าปฏิกิริยาแรกของคุณคือจัดงานปาร์ตี้ ก็เป็นไปได้ว่าคุณรักเขา แต่ถ้าคุณบ่นพึมพำด้วยความผิดหวังว่า “ดีจังเลยนะ” แล้วหลบหน้าเขาตลอดทั้งวัน มันก็เป็นแค่ความหลงใหล [15]
  7. คิดถึงจำนวนเพื่อนๆ และคนในครอบครัวที่คุณแนะนำคนๆ นี้ให้พวกเขารู้จัก (หรืออยากแนะนำให้รู้จัก) ถามตัวเองว่าการที่พวกเขาชอบคนๆ นี้หรือไม่มันสำคัญกับคุณแค่ไหน ถ้าคุณแนะนำเขาให้เพื่อนสนิทและคนในครอบครัวที่คุณใกล้ชิดรู้จัก และถ้าคุณอยากให้พวกเขาชอบคนๆ นี้ด้วย คุณก็คงรักเขาเข้าให้แล้วล่ะ [16]
    โฆษณา

เคล็ดลับ

  • ความรักควรเป็นสิ่งที่พัฒนาไปเรื่อยๆ เป็นเรื่องปกติหากสุดท้ายแล้วความรู้สึกของคุณจะเปลี่ยนไป
โฆษณา

คำเตือน

  • ระวังเวลาที่พูดและหมายความตามนั้นจริงๆ ว่า “ฉันทำทุกอย่างได้เพื่อเขา” เพราะการเป็นคนมีน้ำใจกับการเป็นคนรับใช้ไม่เหมือนกัน อย่าให้ใครมาเอาเปรียบคุณ
โฆษณา

เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้

มีการเข้าถึงหน้านี้ 189,631 ครั้ง

บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม

โฆษณา