ดาวน์โหลดบทความ ดาวน์โหลดบทความ

การปล่อยคนที่คุณรักไปอาจเป็นเรื่องยากมากๆ การเปลี่ยนแปลงเป็นเรื่องยาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อการเปลี่ยนแปลงนั้นคือการปล่อยคนที่เราเคยรักหรือห่วงใยสุดหัวใจให้เดินจากไป อย่างไรก็ตามเมื่อคุณรู้ตัวว่าถึงเวลาที่ต้องปล่อยวางแล้ว คุณก็จะเริ่มกอบกู้สถานการณ์และพยายามเริ่มต้นใหม่ได้ และไม่แน่ว่าอาจจะสร้างคุณคนใหม่ขึ้นมาด้วย!

วิธีการ 1
วิธีการ 1 ของ 2:

ประเมินตัวเอง

ดาวน์โหลดบทความ
  1. น่าเศร้าที่บ่อยครั้งคนเรารู้ ดี ว่าเราต้องปล่อยวาง แต่ก็ไม่สามารถทำได้เพราะกลัวผลที่จะตามมา การตรวจสอบสถานการณ์ตามความเป็นจริงช่วยให้คุณได้ตระหนักว่า ถึงเวลาที่จะต้องปล่อยความสัมพันธ์อันร้าวฉานนี้ไปแล้ว [1]
    • ในการตรวจสอบความเป็นจริงนั้น ให้ลองจินตนาการว่าคุณเป็นคนอื่นที่กำลังเฝ้ามองสถานการณ์อยู่ คนๆ นี้มองสถานการณ์นี้อย่างไร เขามีคำตอบชัดเจนเลยไหม ถ้าเป็นอย่างนั้น คุณก็อาจจะรู้ว่าคุณต้องทำอะไรต่อไป
    • ถ้าคุณมีปัญหาเรื่องการเอาตัวเองออกจากสถานการณ์และเฝ้ามองมันในฐานะคนแปลกหน้า ลองเปลี่ยนชื่อตัวละครที่เกี่ยวข้องในเรื่อง เปลี่ยนชื่อของคุณจากชื่อจริงไปเป็นชื่ออื่น นอกจากนี้ให้เปลี่ยนลักษณะเล็กๆ น้อยๆ บางอย่างเกี่ยวกับตัวคุณ เพื่อให้ตัว "คุณ" ดู "เหมือนคุณ" น้อยลง เรื่องของเรื่องก็คือเพื่อพยายามที่จะสร้างระยะห่างผิวเผินระหว่างตัวคุณกับอีกตัวละครหนึ่งที่เป็น "ตัวคุณ" ทำวิธีเดียวกันนี้กับคนที่คุณพยายามจะสร้างระยะห่างออกมา
    • หรือจะจินตนาการว่าสถานการณ์เดียวกันกับที่คุณกำลังเผชิญอยู่นี้เกิดขึ้นกับเพื่อนและคนรักของเขาก็ได้ คุณจะให้คำแนะนำอะไรเขา คุณจะบอกเขาหรือเปล่าว่าถึงเวลาต้องไปต่อแล้ว
  2. ไปหาเพื่อน (หรือพ่อแม่/ที่ปรึกษาถ้าคุณสบายใจ) ถามเขาว่าเขาจะทำอย่างไรในสถานการณ์ของคุณ และเขาเคยตกอยู่ในสถานการณ์เดียวกันกับคุณมาก่อนไหม
    • คุณต้องแน่ใจว่าจะจริงใจกับเขาและไม่ตัดสินเขาจากคำตอบที่เขาให้ คุณกำลังมองหาความจริงจากสิ่งที่เกิดขึ้น และไม่ได้แค่อยากจะรู้สึกดีกับตัวเองมากขึ้นเท่านั้น
    • ถามเขาว่า เขาคิดว่าสิ่งที่คุณคิดจะทำนั้นยอมรับได้จริงหรือเปล่า ถามเขาว่าคุณมีส่วนในการทำให้ความสัมพันธ์มันแย่ลงไหม
    • คุณสามารถติดต่อสอบถามข้อมูลนักบำบัดและจิตแพทย์จากโรงพยาบาลใกล้บ้านได้
  3. เขียนความคิดทุกอย่างที่หลั่งไหลออกมาลงในไดอารี่ รู้ว่ามีแต่คุณและคุณคนเดียวเท่านั้นที่จะได้อ่านไดอารี่เล่มนี้ เพราะฉะนั้นคุณควรซื่อสัตย์กับตัวเองให้มากที่สุด หารูปแบบในสิ่งที่คุณเขียน คุณพบว่าคุณตำหนิตัวเองบ่อยไหม ถ้าเป็นเช่นนั้น ให้ถามตัวเองว่าคำตำหนิตัวเองนั้นเป็นความจริงมากแค่ไหน หรือว่าคนรักของคุณมีส่วนมากกว่า
    • คุณสามารถถามคำถามที่เจาะจงกับตัวเองลงในได้อารี่ได้ คำถามเหล่านี้อาจจะทำให้คุณชัดเจนขึ้นว่ามันถึงเวลาที่จะต้องเดินออกมาแล้วหรือยัง คนรักของคุณชัดเจนมาโดยตลอดว่าเขากลัวการผูกมัด หรือเขาขู่ว่าจะจบความสัมพันธ์เพื่อให้เห็นว่าเขาเหนือกว่าคุณหรือเปล่า คนรักของคุณอิจฉาที่คุณประสบความสำเร็จมากกว่าจะตื่นเต้นไปกับคุณไหม คนรักของคุณนอกใจคุณหรือเปล่า ระดับความต้องการด้านความใกล้ชิดระหว่างคุณกับคนรักแตกต่างกันมากไหม ถ้าคุณเขียนลงไป คิดถึงคำถามเหล่านี้ และตอบใช่ในข้อใดข้อหนึ่ง ก็เป็นสัญญาณที่บอกว่าคุณควรเดินหน้าต่อไป นอกจากนี้การเขียนบันทึกเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของคุณยังช่วยให้คุณรับมือกับการเลิกราได้อีกด้วย ถ้าคุณตัดสินใจที่จะเลิกราจริงๆ [2]
    • หลังจากที่คุณเขียนความคิดและทบทวนทุกอย่างแล้ว ถอยมาสัก 2-3 ก้าวแล้วค่อยกลับไปอ่านใหม่ในวันต่อไปด้วยสายตาที่สดใหม่ ถ้ารูปแบบเดิมยังเกิดขึ้น แสดงว่ามันมีแนวโน้มที่จะจริงมากๆ
  4. เช่น ถ้าคุณอยากได้ความสมบูรณ์แบบจากความสัมพันธ์ของคุณ และคุณจะไม่ยอมหยุดจนกว่ามันจะสมบูรณ์แบบ ก็อาจจะเป็นตัวคุณที่มีปัญหา ไม่ใช่คนรัก ในกรณีนี้คุณควรคิดว่าคุณจะเปลี่ยนแปลงได้อย่างไรเพื่อให้ความสัมพันธ์เดินหน้าต่อไปได้
    • ซื่อสัตย์กับคนรักและให้เขารู้ว่า คุณกำลังพยายามต่อสู้กับอุดมคติที่ไม่ยุติธรรมนี้อยู่ และคุณก็จะพยายามทำให้ความสัมพันธ์มันดำเนินไปได้ด้วยดี ไม่แน่ว่าเขาอาจจะเคารพในการเปิดใจและความซื่อสัตย์ของคุณ และเต็มใจที่จะพยายามมากขึ้นเพื่อเจอคุณคนละครึ่งทางก็ได้
    • เพื่อหาคำตอบว่าคุณกำลังทำลายตัวเองด้วยอุดมคติอยู่หรือเปล่า ให้ขอคำแนะนำจากเพื่อน ครอบครัว หรือคนรู้จักที่ไม่มีอคติ ให้คนเหล่านี้ชั่งน้ำหนักว่าคุณกำลังไม่อยู่กับความเป็นจริงหรือเปล่า หรือว่ามุมมองของคุณที่มีต่อความสัมพันธ์หรือ "ความผิด" ของคนรักนั้นจริงหรือไม่
    • นอกจากนี้คุณอาจจะถามตัวเองด้วยว่า [3] :
    • คุณมีความคาดหวัง (ที่ไม่ตั้งอยู่บนความเป็นจริง) ว่าคุณควรได้รับความพึงพอใจทางเพศทุกครั้งที่คุณรู้สึกว่าคุณต้องการหรือเปล่า
    • คุณมีความคาดหวัง (ที่ไม่ตั้งอยู่บนความเป็นจริง) ว่าคนรักควรทำทุกอย่างที่คุณต้องการได้หรือเปล่า
    • คุณคาดหวังว่าคนรักของคุณจะต้องตอบสนองความต้องการของคุณได้ทุกอย่างหรือเปล่า
  5. ถ้าคุณพบว่าตัวเองไม่ได้อยากใช้เวลากับคนรัก หรือไม่ได้สนใจจะรู้จริงๆ ว่าวันนี้เขาเป็นอย่างไรบ้าง หรือคุณไม่เคารพความคิดเห็นของเขาอีกต่อไป ก็แสดงว่าคุณอาจจะหมดรักเขาแล้ว สัญญาณเหล่านี้เป็นสิ่งที่บ่งบอกว่าถึงเวลาต้องปล่อยแล้ว [4]
    • แม้ว่าการปล่อยใครสักคนไปจะเป็นเรื่องยาก แต่อย่าให้ตัวเองถูกความรู้สึกผิดทำลาย คุณควรจะปล่อยให้เขาไปเจอใครที่รักและห่วงใยเขาจริงๆ มากกว่าจะอยู่กับเขาเพราะรู้สึกผิด
    โฆษณา
วิธีการ 2
วิธีการ 2 ของ 2:

ประเมินความสัมพันธ์ของคุณ

ดาวน์โหลดบทความ
  1. สิ่งบ่งชี้อาจมีหลายอย่าง แต่สัญญาณอันตราย 2-3 ข้ออาจเตือนให้คุณรู้ตัวว่า ถึงเวลาต้องปล่อยและยุติความสัมพันธ์แล้ว สังเกตรูปแบบการหึงหวง ความรู้สึกไม่มั่นคง การมีปากเสียง ความเบื่อหน่าย และความอึดอัดใจทั่วไปหรือการไม่มีความสุขที่เกิดขึ้นสม่ำเสมอ [5]
    • ทั้งหมดนี้อาจเป็นสัญญาณอันตรายที่บ่งชี้ถึงความสัมพันธ์ที่ไม่ดี การมีปากเสียงกันในบางครั้งอาจเป็นเรื่องปกติและเป็นสิ่งที่ดี แต่ความรู้สึกโอเคกับไม่โอเคนั้นมีเส้นกั้นบางๆ เท่านั้น
  2. ถ้าคุณทะเลาะกันด้วยเหตุผลงี่เง่าเป็นประจำ ก็อาจจะเป็นเพราะว่าอีกฝ่ายเขาไม่ได้หลงใหลคุณและ/หรือแทบจะไม่รู้สึกอะไรกับคุณอีกต่อไปแล้ว แต่การทะเลาะก็ไม่ใช่สัญญาณที่บ่งบอกว่ามีบางอย่างผิดปกติเสมอไป เพราะก็มีหลายคู่ที่เขาทะเลาะกัน แต่การทะเลาะอาจเป็นสิ่งที่บ่งบอกถึงปัญหาความสัมพันธ์ลึกๆ อย่าให้การมีปากเสียงในเรื่องหยุมหยิม/งี่เง่าระหว่างคนรักกลายเป็นจุดตกต่ำของความสัมพันธ์ แต่ถ้าคุณมีเรื่องไร้สาระให้ต้องทะเลาะกันมากมาย ก็อาจจะถึงเวลาต้องปล่อยความสัมพันธ์ให้หลุดลอยไปแล้ว [6]
    • ถ้าคุณพบว่าตัวเองคิดจะจบความสัมพันธ์เพราะคุณทะเลาะกันมากเกินไป ให้ถามตัวเองว่า ทำไมคุณถึงทะเลาะกัน คุณทะเลาะกันเรื่องอะไร คุณเคยทะเลาะกันเรื่องนี้มาก่อนหรือเปล่าหรือว่าเป็นเรื่องใหม่ ถ้าคุณพบว่าตัวเองทะเลาะเพื่อให้อีกฝ่ายเจ็บปวด หรือพบว่าคุณทะเลาะกันใหญ่โตเพราะเรื่องเล็กๆ หรือทะเลาะกันเรื่องเดิมๆ ซ้ำไปซ้ำมาเพราะว่าคุณทั้งคู่ไม่สามารถแก้ปัญหาความแตกต่างระหว่างคุณได้ นี่อาจเป็นสัญญาณว่าคุณต้องเดินหน้าต่อแล้ว [7]
  3. เมื่อต่างฝ่ายต่างก็รำคาญกันและกัน พวกเขาก็จะไม่แสดงความรักหรือความสนใจออกมา คุณบอกได้ว่าคนรักของคุณรำคาญคุณอยู่ถ้าไม่ว่าคุณจะทำอะไรก็ผิดไปหมดหรือไม่พอสักอย่าง หรือถ้าการกระทำในที่สาธารณะบางอย่างของคุณดูเหมือนจะทำให้เขาอับอายหรือขายหน้า (เขาควรรักวิธีแสดงการกระทำของคุณ) [8]
    • จำไว้ว่าคุณต้องมองหาความรำคาญที่เกิดขึ้นเป็นประจำ หรือรูปแบบการแสดงออกถึงความรำคาญที่เกิดซ้ำไปซ้ำมาเป็นปกติ อย่าใส่ใจกับความรำคาญที่เกิดขึ้นครั้งสองครั้ง เพราะเราทุกคนต่างก็ไม่พอใจคนรักของเราเป็นบางครั้งอยู่แล้ว
  4. เพื่อให้ความสัมพันธ์ดำเนินไปได้ ทั้งสองฝ่ายต้องพูดคุยถึงปัญหาและความคิดต่างๆ และถ้าเขาไม่คุยกับคุณอีกต่อไปแล้ว คุณอาจจะต้องพิจารณาว่าอาจจะถึงเวลาปล่อยความสัมพันธ์ไปแล้ว (เขาควรซื่อสัตย์กับความรู้สึกและความคิดของเขา) ถ้าจะให้พูดก็คือการขาดการแสดงออกทางอารมณ์และการสื่อสารอาจเป็นสัญญาณว่า ถึงเวลาเดินหน้าต่อไปแล้ว [9]
    • แต่ถ้าคุณมีปัญหาร้ายแรงและคุณก็รักคนๆ นี้ ลองไปหาที่ปรึกษาคู่ชีวิต และจัดการกับอารมณ์ต่างๆ ที่ต่างฝ่ายต่างรู้สึก
  5. ถ้าเขากล้าพอที่จะบอกคุณว่า เขาไม่ได้อยากจะคบกับคุณอีกต่อไปแล้ว ให้รับฟัง นี่อาจเป็นหนึ่งในสิ่งที่เจ็บปวดและยากที่สุดที่คุณเคยได้ยิน แต่ความจริงไม่เจ็บปวดเท่าคำหลอกลวง ถ้ามีใครให้เกียรติคุณมากพอที่จะซื่อสัตย์กับคุณ ให้เกียรตินั้นคืนแก่เขาและปล่อยเขาไป
    • การได้ยินว่าคุณไม่ใช่ 'คนนั้น' สำหรับใครสักคนที่คุณเคยใช้เวลาด้วยไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ในระยะยาวคุณจะดีขึ้นเมื่อได้อยู่กับใครสักคนที่รักคุณในแบบที่คุณเป็นจริงๆ
  6. ไม่แน่ว่าเขาอาจกำลังส่งข้อความหาผู้หญิงที่คุณไม่เคยพบ หรือเขาอาจจะกลับบ้านดึกพร้อมกับกลิ่นน้ำหอมที่ไม่คุ้นเคย หรือประวัติการเดตของเขาโผล่ในโลกออนไลน์อีกครั้งพร้อมกับรูปภาพที่อัปเดตใหม่ หรือเขาอาจจะส่งข้อความเชิงชู้สาวตลอดเวลาบน Facebook ถ้ามีอย่างใดอย่างหนึ่งเกิดขึ้น อาจหมายความว่าเขากำลังนอกใจคุณหรือวางแผนที่จะทำแบบนั้น [10]
    • อย่าดูถูกตัวเองด้วยการอยู่กับคนนอกใจ ครั้งแรกที่แน่ใจว่าเขานอกใจคุณจริงๆ ไสหัวตัวเองออกมา คุณสมควรได้รับสิ่งที่ดีกว่านี้ เดินหน้าต่อไปและพยายามให้อภัยเขาให้มากที่สุด ไม่อย่างนั้นเขาก็จะยังคงค้างอยู่ในห้วงอารมณ์ของคุณ [11]
    • ถ้าคุณไม่มีความสุขที่จะอยู่กับเขา/เธออีกต่อไปแล้ว และคุณก็รู้สึกว่ามีบางอย่างขาดหายไปจากความสัมพันธ์ ซึ่งก็คือช่วงเวลาที่มีความสุขร่วมกัน ให้ตัดสินใจและบอกความรู้สึกของคุณให้เขา/เธอฟังเรื่อยๆ หาความจริงเกี่ยวกับตัวเองและความจริงสำหรับอีกฝ่ายด้วย เลือกสิ่งที่ดีที่สำหรับคุณทั้งสองคน
    โฆษณา

เคล็ดลับ

  • ทำในสิ่งที่คุณคิดว่าถูกต้อง ไม่ใช่สิ่งที่เพื่อนของคุณแนะนำ สถานการณ์นี้เป็นสถานการณ์ของคุณ เพราะฉะนั้นไม่ว่าคุณจะได้รับคำแนะนำอะไรมาบ้าง รวมทั้งบทความนี้ด้วย ให้ทำในสิ่งที่คุณคิดว่าถูกต้องหลังจากที่คุณชั่งน้ำหนักคำแนะนำทั้งหมดแล้ว
  • ให้เวลาตัวเองและแน่ใจในการตัดสินใจให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ก่อนจะทำอะไรลงไป ถ้าคุณไม่พร้อมที่จะปล่อยหรือคุณพบว่าเหตุผลของคุณนั้นไม่ใช่ทั้งหมดที่กล่าวมา อย่าปล่อยให้ความสัมพันธ์หลุดลอยไป หรือไม่อย่างนั้นอาจจะเป็นคุณเองที่ทำให้ความสัมพันธ์พัง
  • การปล่อยความสัมพันธ์ไปอาจเป็นเรื่องที่ยากมาก แต่คุณก็ต้องเผชิญหน้ากับความจริง แน่นอนว่าคุณอยากมีความสุข แต่คุณไม่สามารถพบความสุขได้ถ้าคุณยังคงยึดติดอยู่กับสิ่งหรือคนที่ทำให้คุณเจ็บปวด
  • คุณต้องไม่โลเลกับการตัดสินใจของคุณ วิธีที่จะเสียความเคารพจากใครได้เร็วที่สุดก็คือ การพูดอะไรไปแล้วกลับคำ ถ้าคุณขีดเส้นเอาแบ่งเอาไว้แล้ว คุณต้องพร้อมที่จะไม่ข้ามมันด้วย
  • การคิดถึงแฟนเก่าเป็นส่วนหนึ่งของการปล่อยความสัมพันธ์ ให้เวลาตัวเองแล้วคุณจะดีขึ้น
  • ถ้ามันทำให้คุณทุกข์มากกว่าสุข ก็คงถึงเวลาต้องปล่อยมันไป
  • จำไว้ว่าคุณต้องห่วงใยและรักตัวเองก่อน การปล่อยใครสักคนไปอาจทำให้เขาเจ็บปวด แต่ตัวคุณต่างหากคือคนที่คุณต้องกังวล
โฆษณา

คำเตือน

  • อย่าคลานกลับไปหาคนๆ นี้ ไม่อย่างนั้นคุณก็น่าจะต้องเจออารมณ์เปลี่ยนไปเปลี่ยนมาอย่างรุนแรงที่ไม่จบได้ด้วยดี
  • การพูดคุยกับอีกฝ่ายว่าคุณจะปล่อยเขาไปก่อนที่จะปล่อยเขาไปจริงๆ อาจเป็นความคิดที่ดี เป็นไปได้ว่าพฤติกรรมของเขาเกี่ยวข้องกับอย่างอื่นที่ไม่ใช่คุณ เช่น งาน และถ้าเป็นกรณีนี้คุณก็คงไม่อยากทำลายความสัมพันธ์เพียงเพราะว่าคุณตัดสินผิดพลาด


โฆษณา

บทความวิกิฮาวอื่น ๆ ที่่เกี่ยวข้อง

เริ่มความสัมพันธ์แบบ Friends with Benefits
ทำให้แฟนเก่ากลับมารักคุณอีกครั้ง
รู้ว่าเมื่อไหร่ที่อีกฝ่ายไม่อยากคุยกับคุณแล้ว
รู้ว่าแฟนสาวของคุณแอบไปนอนกับคนอื่นหรือเปล่า
ทำให้ใครบางคนรู้สึกผิด
พิชิตหัวใจแฟนเก่ากลับมา หลังจากการเลิกรา
ทำให้แฟนเก่าคิดถึงคุณ
หาเสี่ยเลี้ยง
ปลอบโยนแฟนสาวของคุณเมื่อเธอรู้สึกแย่
ดูว่าเพื่อนอิจฉาคุณหรือไม่
ฟื้นฟูความสัมพันธ์ให้กลับมาดีเหมือนเดิม
จบความสัมพันธ์
เรียกความเชื่อใจจากเขาหรือเธอกลับมา
ดูว่าผู้ชายกำลังหลอกใช้คุณเพื่อเซ็กส์หรือไม่
โฆษณา

เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้

มีการเข้าถึงหน้านี้ 3,702 ครั้ง

บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม

โฆษณา