ดาวน์โหลดบทความ ดาวน์โหลดบทความ

ใครเคยไปสัก จะรู้ซึ้งเลยว่าคำพูดที่ว่า "no pain, no gain" หรือ "ก่อนจะสำเร็จ บางครั้งก็ต้องยอมเจ็บปวด" น่ะจริงซะยิ่งกว่าจริง ต่อให้เป็นรอยสักยิบย่อย ก็ต้อง เจ็บตัว อยู่ดี แต่ถ้ารู้จักเตรียมตัวเตรียมใจไปแต่เนิ่นๆ เข้าใจขั้นตอนการสัก และรู้เคล็ดลับสู้ความเจ็บปวด ก็อาจทำให้เจ็บแบบพอทนได้ อ่านบทความวิกิฮาวนี้จบเมื่อไหร่ รับรองไม่ขาดใจตายเพราะการสักแน่นอน!

ส่วน 1
ส่วน 1 ของ 2:

ก่อนไปสัก

ดาวน์โหลดบทความ
  1. ถ้าเป็นมือใหม่หัดสัก วิธีเตรียมตัวเตรียมใจได้ดีที่สุดก็คือต้องรู้รายละเอียดเยอะๆ จะได้ไม่กลัวไปเองผิดๆ เมื่อถึงวันสักจริง คุณควรจะนอนสักสบายๆ ไม่เครียดจัด ยิ่งคุณผ่อนคลาย การสักก็จะยิ่งเป็นเรื่องง่าย ทั้งสำหรับช่างสักและคุณ นอกจากนี้อาจจะพูดคุยขอคำแนะนำและฟังประสบการณ์ตรงจากคนที่เขาลายพร้อยเต็มตัวดู หรือคนในร้านที่เขาสักกันนั่นแหละ คนมีรอยสักส่วนใหญ่พร้อมจะโชว์และเล่าเรื่องประกอบรอยสักอยู่แล้ว
    • คนเราทนความเจ็บปวดได้มากน้อยต่างกัน บางคนก็เจ็บเจียนตาย แต่บางคนก็ว่าคลอดลูกหรือเป็นนิ่วน่ะเจ็บกว่าเยอะ ถ้าลองคุยดูหลายๆ คนจะรู้เลย
  2. เวลาสัก จะเจ็บมากเจ็บน้อยขึ้นอยู่กับตำแหน่งบนร่างกายที่คุณจะสักด้วย ถ้าอยากสักแล้วเจ็บไม่มาก ก็ต้องเลือกจุดที่ลงเข็มแล้วไม่ค่อยกระทบกระเทือนเท่าไหร่ ซึ่งก็อย่างที่บอก ว่าร่างกายแต่ละคนไม่เหมือนกัน ไม่รับประกันว่าจะเจ็บน้อยลง แต่ตัวอย่างตำแหน่งของร่างกายที่สักแล้วเจ็บน้อยกว่าที่อื่นก็เช่น [1]
    • บริเวณที่กล้ามเนื้อหนาแน่น (แขน ขา เหนือหน้าอก) และบริเวณที่ไขมันเยอะกว่าส่วนอื่น (บั้นท้าย สะโพก และอื่นๆ) สักแล้วจะ เจ็บน้อยสุด
    • บริเวณที่ไวต่อความรู้สึก (หน้าอก รักแร้ ใบหน้า และแถวๆ ขาหนีบ) และจุดที่ "แข็งๆ" ใกล้กระดูก (หนังศีรษะ ใบหน้า ไหปลาร้า ซี่โครง มือ และเท้า) สักแล้วจะ เจ็บที่สุด [2]
  3. รอยสักมีทั้งเล็กใหญ่และแบบก็ต่างกันไป เลยทำให้เวลาสักแล้วเจ็บ มากน้อย ต่างกันไปด้วย ขึ้นอยู่กับว่าคุณเลือกสักลายไหน อาจจะไม่เสมอไป แต่ตัวอย่างลักษณะของรอยสักที่สัมพันธ์กับความเจ็บก็เช่น
    • ยิ่งรอยสักเล็ก และรายละเอียดไม่เยอะ ก็ยิ่งเจ็บน้อยลง แต่ยิ่งรอยสักใหญ่ รายละเอียดมาเต็ม ก็ต้องเจ็บมากเป็นธรรมดา
    • สักสีเดียวจะเจ็บน้อยกว่า (แถมใช้เวลาน้อยกว่า) สักแบบหลายสี
    • รอยสักตรงที่สีทึบๆ จะเจ็บที่สุด เพราะช่างสักต้องลงสีย้ำหลายๆ ที
  4. จะไปนอนกัดฟันเจ็บอยู่คนเดียวทำไม ถ้าเป็นไปได้ให้หาเพื่อนหรือคนในบ้านที่ปกติฮาๆ พาคลายเครียด บอกเลยว่าถ้ามีคนชวนคุยหรือให้กำลังใจ จะทำให้เจ็บน้อยลงเยอะเวลาสัก
    • ถ้าชอบเฮฮาปาร์ตี้ และร้านไม่ว่าอะไร ก็รวมกลุ่มชวนกันมาแฮงเอาท์ย่อมๆ ซะเลย หลายร้านสักไม่ว่าอะไรถ้าลูกค้าจะพาเพื่อนกลุ่มเล็กๆ มานั่งเล่นในห้องรอ หรือกระทั่งเฮกันมาให้กำลังใจคุณในห้องสัก ถ้าไม่ทำช่างเสียสมาธิจนเกินไป เพราะช่างเองก็รู้ ว่าบางคน โดยเฉพาะมือใหม่หัดสัก จะใจชื้นและประทับใจกว่า เวลามีคนร่วมเชียร์
  5. การสักต้องใช้เข็มและเลือดตกยางออกบ้างเป็นปกติ. หัวของเครื่องสักสมัยนี้จะเป็นเข็มเล็กๆ กระจุกกัน แล้วแทงผิวเข้าออกอย่างรวดเร็ว เพื่อสักหมึกลงไปในแต่ละครั้ง [3] เลยทำให้เกิดรอยแผลเล็กๆ เต็มไปหมดบริเวณที่เป็นรอยสัก แทบทุกคนที่มาสักก็จะเลือดซิบบ้างเป็นปกติ ถ้ารู้ตัวว่าเห็นเลือดแล้วคลื่นไส้ง่ายหรือถึงขั้นเป็นลม ก็หลับตาไปเลยจะดีกว่า
    • ถ้ากลัวเลือดกลัวเจ็บ หรือเป็นมือใหม่หัดสัก ก็บอกช่างได้ เขาเข้าใจแน่นอน ดีไม่ดีจะหาวิธีช่วยให้คุณเจ็บหรือกลัวน้อยลงด้วย
    โฆษณา
ส่วน 2
ส่วน 2 ของ 2:

ระหว่างสัก

ดาวน์โหลดบทความ
  1. ช่วงก่อนลงเข็มนี่แหละที่แทบนั่งไม่ติด แต่ถ้าเป็นไปได้ขอให้ทำใจดีๆ ทุกอย่างจะง่ายขึ้น พยายามหายใจเข้าออกลึกๆ คุยกับเพื่อน ครอบครัว หรือกระทั่งช่างสักเอง จะได้ผ่อนคลาย ไม่จดจ่ออยู่กับสิ่งที่จะเกิดขึ้นมากเกินไป
    • ถ้า เครียดจัด ก่อนไปสัก ให้โทรหาช่างล่วงหน้า แล้วขออนุญาตพกบางอย่างที่ทำให้คุณผ่อนคลายไปด้วย เช่น เครื่องเล่น MP3 ไว้ฟังเพลงโปรดระหว่างสัก จริงๆ แล้วแทบไม่ต้องขอเลย เพราะช่างส่วนใหญ่ยินดีให้คุณทำอะไรตามสบายอยู่แล้ว ขอแค่ไม่มารบกวนการทำงานของเขาเป็นพอ
  2. อันนี้ก็แล้วแต่ขนาดและความยากง่ายของรอยสัก แต่ส่วนใหญ่ก็ต้องสักกันนานเป็นชั่วโมงๆ ขึ้นไป ถึงช่างน่าจะมีช่วงพักเบรคให้คุณได้ลุกเดินไปมา แต่ก็ควรเตรียมตัวเตรียมใจไปบ้าง จะสบายกว่าเยอะ ต่อไปนี้คือบางเรื่องที่ควรคำนึงถึง
    • กินให้อิ่มก่อนสัก ดื่มน้ำ 1 - 2 แก้วด้วย จะได้ไม่ขาดน้ำ
    • ใส่ชุดหลวมๆ สบายๆ จะได้นั่งหรือนอนสักนานๆ ได้
    • พกพาอุปกรณ์สร้างความบันเทิงไปเอง (เช่น มือถือ/เครื่องเล่น MP3 หนังสือ และอื่นๆ)
    • เข้าห้องน้ำให้เรียบร้อยก่อนสัก
  3. เกร็งกล้ามเนื้อ เช่น บีบอะไรเล่นสักอย่าง หรือกัดอะไรแน่นๆ ก็ช่วยบรรเทาความเจ็บปวดได้ จริงๆ แล้วนี่แหละวิธีคลายความเจ็บปวดเวลาคลอดลูกของผู้หญิงเขา บอกเลยว่าเห็นผลชะงัด [4] บางร้านสักก็มีอุปกรณ์ต่างๆ เตรียมไว้ให้ แต่ก็ไม่แน่ เพราะงั้นเตรียมไปเองดีกว่า เช่น
    • ลูกบอลบีบแก้เครียด (stress ball)
    • ที่บีบบริหารมือ (grip exerciser)
    • ฟันยาง
    • หมากฝรั่ง
    • ลูกอมเคี้ยวหนึบ
    • ผ้าขนหนู ช้อนไม้ และอื่นๆ
    • ถ้าไม่มีอะไรนิ่มๆ อยู่ในปาก ระวังกัดลิ้น แถมการกัดฟันแน่นๆ โดยไม่มีฟันยางอาจทำให้ฟันหักหรือบิ่นได้ [5]
  4. เรื่องง่ายๆ อย่างการควบคุมลมหายใจนี่แหละที่ช่วยบรรเทาความเจ็บปวดระหว่างสักได้ ลองหายใจออกดูตอนที่เจ็บแบบสุดๆ จะหายใจออกธรรมดา หรือส่งเสียงเบาๆ ด้วยก็ได้ (ประมาณว่าครางเสียงต่ำ) เวลาเครียดหรือยกอะไรหนักๆ แล้วได้ถอนหายใจแรงๆ จะทำให้ "ฮึด" สู้ความหนัก (หรือในที่นี้คือความเจ็บปวดตอนสัก) ได้ดีกว่าเยอะเลย เพราะแบบนี้พวกเทรนเนอร์ฟิตเนสถึงแนะนำให้คุณพ่นลมหายใจออกตอน "ยกเวท" [6]
    • ที่น่ากลัวคือถ้าหายใจผิด อาจทำคุณ เจ็บกว่าเดิม ตอนสัก บอกเลยว่าเรื่องต้องห้ามคือการกลั้นหายใจช่วงที่กำลังเจ็บ เพราะจะทำให้ความเจ็บยิ่งเด่นชัด
  5. บางช่วงที่ช่างดึงผิวคุณให้ตึงแล้วสักๆๆๆ คุณอาจจะอยากดิ้นพราดๆ มันซะตรงนั้น แต่บอกเลยว่าอย่า เพราะยิ่งคุณนั่งหรือนอนนิ่งแค่ไหน ช่างก็ยิ่งสักได้แม่นยำสวยงาม และเสร็จเร็วขึ้นเท่านั้น ผิวคุณก็เหมือนผืนผ้าใบ ถ้าผ้าใบกระดุกกระดิกตลอด ช่างจะทำงานสะดวกได้ยังไง
    • ถ้าจำเป็น ต้องขยับ จริงๆ ให้บอกช่างแต่เนิ่นๆ เขาจะได้เอาเครื่องมือสักออกห่างจากผิวคุณ ถ้าลุกพรวดพราด ระวัง ลายเบี้ยว ไม่รู้ตัว แถมสักแล้วสักเลยนี่สิ
  6. ช่างแทบทุกคนจะบอกก่อนเริ่มสัก ว่าอาจมีพักเบรคบ้าง แต่ถ้านานเกิน จะเตือนช่างอีกรอบก็ได้ โดยเฉพาะถ้าสักแล้วเจ็บมากเป็นพิเศษ ช่างเขาไม่ว่าอะไรหรอก คุณเป็นลูกค้า ไม่ได้มาให้เขาฆ่าแกงกัน พักสัก 2 นาทีแล้วค่อยสักต่อ
    • อย่าเขิน บอกไปเลยว่าขอพักหน่อย ช่างสักเขาเห็นมาสารพัด ทั้งคนที่ถึกทนและคนที่เจ็บมากไม่ไหว แถมแต่ละคนก็แสดง "ท่าทาง" เวลาเจ็บแตกต่างกันไป ที่สำคัญคือคุณจ้างเขาสัก ไม่ได้มาขอสักฟรี อยากพักหรืออยากทำอะไร ก็ให้บอกช่างไปตรงๆ!
  7. ซื้อยาแก้ปวดกินเอง (อย่าเลือกที่ทำให้เลือดจาง). ถ้าสักแล้วเจ็บจน ทนไม่ไหว ให้กินยาแก้ปวดขนานน้อยๆ แต่ ห้าม เลือกที่เป็นยาเจือจางเลือดหรือมีผลข้างเคียงทำให้เลือดข้นเหนียวน้อยลง ถ้ากินยาไม่มาก ก็ไม่อันตรายเวลาสัก แต่อาจทำให้เลือดไหลเยอะขึ้นอีกหน่อย
    • ยาแก้ปวดตามร้านขายยาที่ไม่เจือจางเลือด ก็คือ acetaminophen (ก็คือ Tylenol หรือพาราเซตามอลนั่นแหละ) แต่ถ้าไอบูโพรเฟน แอสไพริน และนาพรอกเซนโซเดียม จะ เจือจาง เลือด
  8. บางคนอาจจะคิดว่ากรึ่มมาเลยดีกว่าจะได้ไม่เจ็บ (โดยเฉพาะคนที่จับกลุ่มแฮงเอาท์) แต่จริงๆ แล้วผิดมหันต์ เพราะร้านสักแทบทุกร้าน โดยเฉพาะร้านดังๆ ดีๆ ไม่มีทางสักให้คนที่เมามาแบบเห็นได้ชัดแน่นอน ซึ่งก็ถือเป็นเรื่องดี เพราะคนเมาชอบเอะอะ ก่อความวุ่นวาย แถมอาจเลือกรอยสักที่ทำตัวเองอายต่อไปอีกหลายปี [7]
    • นอกจากนี้คือแอลกอฮอล์รู้กันดีว่าทำให้เลือดเจือจางนิดๆ เลยทำให้เลือดไหลมากกว่าที่ควรจะเป็นเวลาสัก [8]
  9. ถ้าจะระคายเคืองรอยสักบ้าง 2 - 3 วันหลังสักก็ถือเป็นเรื่องปกติ ปกติพอสักเสร็จแล้วช่างจะอธิบายวิธีดูแลรอยสักโดยละเอียด ก็อย่าลืมทำตามอย่างเคร่งครัด จะทำให้เจ็บน้อยลงและหายเจ็บเร็วขึ้น
    • ลองอ่าน บทความนี้ ของเราดู ถ้าอยากรู้ขั้นตอนการดูแลรอยสักใหม่โดยละเอียด ช่างสักของคุณอาจแนะนำขั้นตอนหรือเคล็ดลับที่แตกต่างออกไป แต่โดยรวมคือต้องรักษาความสะอาด อย่าให้รอยสักใหม่ระคายเคือง และหมั่นทายาปฏิชีวนะจนกว่าจะหายดี
    • อย่าพยายามไปจับรอยสักใหม่ถ้ายังไม่ล้างมือ รวมถึงอย่าให้โดนอะไรที่สกปรกไม่ได้ฆ่าเชื้อด้วย แต่ถ้าจับไปแล้วโดยบังเอิญ ก็ให้ล้างทำความสะอาดด้วยน้ำกับสบู่อย่างเบามือ ถ้าไม่ระวังจนแบคทีเรียเข้าแผลที่รอยสักแล้ว อาจทำให้ติดเชื้อเจ็บปวดรุนแรง (ดีไม่ดีจะทำหน้าตารอยสักคุณเปลี่ยนไปเลย) [9]
    โฆษณา

เคล็ดลับ

  • อันนี้เกิดไม่บ่อยแต่ก็มี คือบางคนอาจแพ้หมึกที่ใช้สัก โดยเฉพาะหมึกสีแดงที่กระตุ้นให้เกิดการแพ้บ่อยกว่าสีอื่น [10]
  • เลือกร้านสักที่สะอาดและคนนิยมเท่านั้น ถ้าไม่แนะนำกันปากต่อปาก ก็ต้องอ่านรีวิวในเน็ตดูก่อน เช่นในเพจ Facebook หรือ Pantip เพราะยิ่งร้านดัง รีวิวดี ก็แสดงว่าช่างสักมีฝีมือ
  • อย่าใจเร็ว ศึกษาให้ดีๆ ว่าอยากสักลายไหนและตรงไหนของร่างกาย ถ้าเป็นไปได้ก็ปรึกษากับคนที่รักและเชื่อใจก่อน ว่าเขาคิดเห็นยังไง
  • ถ้าจะให้ดีงดอาหารทะเลไปก่อนแม้ว่าคุณจะไม่ได้แพ้อาหารทะเลก็ตาม เพราะอาหารบางชนิดอาจระคายเคืองผิวหนังและทำให้คุณยิ่งคันกว่าเดิม และการเการอยสักใหม่แม้จะผ่านมาแล้ว 3-4 วันก็อาจทำให้แผลที่กำลังเริ่มจะหายแตกออกอีกครั้ง
โฆษณา

เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้

มีการเข้าถึงหน้านี้ 147,829 ครั้ง

บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม

โฆษณา