ดาวน์โหลดบทความ ดาวน์โหลดบทความ

ทุกครั้งที่เจาะร่างกายในตำแหน่งใหม่ๆ นั้นเป็นประสบการณ์ที่น่าตื่นเต้นอยู่เสมอ อย่างไรก็ตาม เพื่อให้มั่นใจว่าการเจาะสะดือของคุณมีผลลัพธ์ที่น่าพึงพอใจ การดูแลความสะอาดของแผลที่เจาะจึงถือเป็นสิ่งที่สำคัญเป็นอย่างยิ่ง คุณสามารถรักษาสุขอนามัยของแผลที่เจาะได้โดยการหมั่นทำความสะอาดเป็นประจำทุกวันในช่วงที่แผลกำลังฟื้นฟูรวมถึงหลีกเลี่ยงสารก่อระคายเคืองที่อาจส่งผลให้กระบวนการฟื้นฟูช้าลง

ส่วน 1
ส่วน 1 ของ 3:

ดูแลแผลเจาะใหม่

ดาวน์โหลดบทความ
  1. ค้นหาข้อมูลของร้านเจาะร่างกายที่ได้มาตรฐานพร้อมช่างเจาะมืออาชีพ หรือสอบถามเพื่อนหรือครอบครัวเพื่อขอคำแนะนำเกี่ยวกับร้านที่พวกเขาเคยรับบริการเจาะร่างกายมาก่อน [1] พยายามมองหาร้านหรือช่างเจาะร่างกายที่เชื่อถือได้ จำไว้ว่ายิ่งร้านและช่างเจาะร่างกายมีความเป็นมืออาชีพและได้รับการรับรองมากเท่าไร โอกาสที่จะเกิดการติดเชื้อหรือปัญหาใดๆ จากการเจาะสะดือก็จะน้อยลงยิ่งขึ้น นอกจากนี้ ช่างเจาะมืออาชีพยังสามารถให้คำแนะนำกับคุณเกี่ยวกับขนาดและวัสดุของจิวสะดือที่ใช้รวมถึงตอบคำถามต่างๆ ที่คุณสงสัยในระหว่างกระบวนการเจาะสะดือได้อีกด้วย
    • ช่างของร้านเจาะร่างกายที่ปลอดภัยและได้มาตรฐานจะเลือกใช้จิวสะดือที่มีคุณภาพในการเจาะ เช่น จิวสะดือชนิดอิมแพลนท์เกรดที่ทำจากสเตนเลสสตีล ไทเทเนียม ทองคำหรือทองคำขาว 14 กะรัต (หรือสูงกว่า) แบบปลอดนิกเกิล หรือไนโอเบียม [2]
    • ช่างเจาะมืออาชีพจะเลือกใช้เข็มกลวงในการเจาะสะดือแทนการใช้ปืนเจาะ พยายามหลีกเลี่ยงเข้ารับการเจาะสะดือกับร้านที่เจาะร่างกายด้วยปืน เนื่องจากแรงดันของปืนจะทำลายเนื้อเยื่ออย่างรุนแรงและทำให้โอกาสการเกิดการติดเชื้อเพิ่มมากขึ้น
  2. ล้างมือให้สะอาดด้วยสบู่ต้านเชื้อแบคทีเรียและน้ำเปล่าก่อนสัมผัสจิวสะดือ [3] เนื่องจากสิ่งสกปรกและน้ำมันจากนิ้วมืออาจแพร่กระจายไปสู่แผลที่เจาะ (หากเป็นแผลเปิด) และนำไปสู่การติดเชื้อได้
    • อย่าลืมกำจัดสิ่งสกปรกที่อยู่ใต้ซอกเล็บออกด้วยเช่นกันเพื่อป้องกันไม่ให้สิ่งสกปรกแพร่กระจายไปสู่แผลที่เจาะจนก่อให้เกิดการติดเชื้อ
  3. ใช้คอตตอนบัดจุ่มน้ำอุ่นและเช็ดคราบที่สะสมอยู่รอบๆ บริเวณที่เจาะ โดยพยายามเช็ดอย่างเบามือและหลีกเลี่ยงไม่ให้จิวสะดือขยับมากเกินไป จากนั้นจึงทำความสะอาดด้วยสบู่ต้านเชื้อแบคทีเรีย โดยบีบสบู่เล็กน้อยลงบนนิ้วมือและนวดให้เกิดฟองตรงบริเวณที่เจาะนาน 20 วินาที [4] แล้วจึงชำระล้างออกให้สะอาดด้วยน้ำเปล่าและเช็ดให้แห้งด้วยกระดาษอเนกประสงค์แทนการใช้ผ้าขนหนู
    • ล้างทำความสะอาดบริเวณที่เจาะด้วยสบู่วันละ 2 ครั้ง นอกจากนี้ คุณยังสามารถใช้คอตตอนบัดจุ่มในน้ำเปล่าหรือน้ำเกลือแล้วเช็ดทำความสะอาดคราบรอบๆ บริเวณที่เจาะเพิ่มเติมได้เช่นกัน อย่างไรก็ตาม พยายามอย่าเช็ดด้วยคอตตอนบัดเกินวันละ 3 ครั้งเพื่อหลีกเลี่ยงการทำความสะอาดที่มากจนเกินไป
    • พยายามชำระล้างฟองสบู่ด้วยฝักบัวแทนการแช่ในอ่างอาบน้ำเสมอ เนื่องจากน้ำจากฝักบัวจะสะอาดและไหลอย่างคงที่ ในขณะที่น้ำในอ่างอาบน้ำจะปนเปื้อนไปด้วยเหงื่อ สิ่งสกปรก และเศษต่างๆ จากผลิตภัณฑ์อาบน้ำ
    • เช็ดบริเวณที่เจาะให้แห้งด้วยกระดาษอเนกประสงค์ซึ่งสะอาดและสามารถใช้แล้วทิ้งได้เลย [5] และหลีกเลี่ยงการใช้ผ้าขนหนูที่กักเก็บความชื้นและแบคทีเรีย
    • หลีกเลี่ยงการหมุนหรือบิดจิวสะดือมากเกินไปในขณะที่ล้างทำความสะอาดด้วยฝักบัว เนื่องจากการขยับจิวสะดือมากเกินไปจะก่อให้เกิดการระคายเคืองและทำให้เลือดออกได้
  4. ผสมเกลือทะเล ¼ ช้อนชากับน้ำร้อน 8 ออนซ์และทิ้งไว้สักพักให้อุณหภูมิของน้ำลดลงจนไม่ร้อนเกินไปและสามารถสัมผัสได้ เทน้ำเกลือที่ผสมเสร็จเรียบร้อยลงในแก้วใบเล็ก จากนั้นจึงโค้งตัวลง (ให้หน้าท้องของคุณอยู่เหนือขอบแก้ว) ดันแก้วให้ติดหน้าท้องด้วยความระมัดระวัง และจับแน่นๆ ให้แก้วอยู่กับที่ในขณะที่เอนตัวนอนลงไป ปล่อยทิ้งไว้ให้แผลที่เจาะแช่อยู่ในน้ำเกลือในแก้วสูญญากาศประมาณ 10-15 นาที โดยทำอย่างน้อยวันละ 1 ครั้ง [6] น้ำเกลือมีประสิทธิภาพที่ดีเยี่ยมในการฆ่าเชื้อแบคทีเรียและขจัดคราบที่สะสมอยู่รอบๆ บริเวณที่เจาะ
    • คุณยังสามารถประคบอุ่นด้วยกระดาษอเนกประสงค์พับเป็นชั้นๆ จุ่มน้ำเกลือ หรือจะใช้สเปรย์น้ำเกลือปลอดเชื้อที่สามารถหาซื้อได้ตามร้านขายยาทั่วไปก็ได้เช่นกัน
  5. ช่างเจาะมืออาชีพบางส่วนพบว่าการทานวิตามินต่างๆ อย่างเช่นวิตามินซี สังกะสี หรือวิตามินรวมมีส่วนช่วยในการกระตุ้นการฟื้นฟูของแผลที่เจาะให้หายดีเร็วยิ่งขึ้น [7] รวมถึงการรับวิตามินดีจากแสงแดดก็สามารถช่วยเร่งกระบวนการฟื้นฟูของแผลได้เช่นกัน
    โฆษณา
ส่วน 2
ส่วน 2 ของ 3:

หลีกเลี่ยงการก่อให้เกิดการระคายเคือง

ดาวน์โหลดบทความ
  1. แน่นอนว่าคุณสามารถสัมผัสแผลที่เจาะได้ด้วยมือที่สะอาดในขณะที่ทำความสะอาด อย่างไรก็ตาม พยายามหลีกเลี่ยงการจับเล่น หมุน ดึง หรือลูบจิวสะดือหากไม่จำเป็น [8]
    • การขยับจิวสะดือมากเกินไป (โดยเฉพาะอย่างยิ่งด้วยมือที่ไม่สะอาด) จะทำให้แผลที่เจาะฉีกขาดและมีเลือดออกหรือเกิดการติดเชื้อได้
  2. ปล่อยจิวสะดือสำหรับการเจาะครั้งแรกทิ้งไว้โดยไม่ต้องถอดออกในช่วงระยะเวลาการฟื้นฟู (4-10 สัปดาห์) [9] การถอดจิวสะดือออกก่อนที่แผลจะหายดีสนิทจะส่งผลให้รูที่เจาะเริ่มปิดตันลงและทำให้คุณใส่จิวสะดือกลับเข้าไปได้ยากและเจ็บมากขึ้น
    • อาการระคายเคืองจากการถอดจิวสะดือออกเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดแผลเป็นและชะลอกระบวนการฟื้นฟูตามธรรมชาติของร่างกาย
  3. การทาครีมหรือขี้ผึ้งเป็นการขัดขวางไม่ให้แผลที่เจาะได้รับอากาศเข้ามาและระบายอากาศออกไป โดยครีมหรือขี้ผึ้งจะปิดกั้นไม่ให้แผลสัมผัสกับอากาศและกักเก็บความชื้นรวมถึงเชื้อแบคทีเรียไว้ในแผล [10] ซึ่งแม้แต่ครีมหรือขี้ผึ้งที่มีคุณสมบัติช่วยต้านเชื้อแบคทีเรียก็ยังมีส่วนยับยั้งกระบวนการฟื้นฟูของแผลและนำไปสู่การเกิดการติดเชื้อได้เช่นกัน
    • หลีกเลี่ยงผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดที่ประกอบด้วยสารเคมีรุนแรงอย่างไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์และแอลกอฮอล์ เนื่องจากสารฆ่าเชื้อเหล่านี้จะฆ่าเซลล์ที่เกิดใหม่ในบริเวณที่เจาะ
    • รวมถึงหลีกเลี่ยงผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดที่ประกอบด้วยเบนซาลโคเนียมคลอไรด์ซึ่งส่งผลให้กระบวนการฟื้นฟูของแผลช้าลงกว่าปกติ [11]
    • นอกจากผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดดังกล่าวแล้ว คุณยังควรหลีกเลี่ยงการใช้น้ำมัน โลชั่น ครีมกันแดด และเครื่องสำอางตรงบริเวณที่เจาะเช่นกัน เนื่องจากผลิตภัณฑ์เหล่านี้จะไปอุดตันในรูที่เจาะและก่อให้เกิดการติดเชื้อได้
  4. การสวมใส่เสื้อผ้าที่คับแน่นจนเกินไปจะส่งผลให้เกิดการระคายเคืองตรงบริเวณที่เจาะจากการเสียดสีและการได้รับอากาศที่ไม่เพียงพอ พยายามสวมใส่เสื้อผ้าที่หลวมและทำจากผ้าที่ระบายอากาศได้ดีอย่างเช่นผ้าฝ้าย รวมถึงหลีกเลี่ยงการสวมใส่เสื้อผ้าที่ทำจากวัสดุสังเคราะห์ [12]
    • พยายามเปลี่ยนและถอดเสื้อผ้าอย่างระมัดระวัง เนื่องจากการถอดเสื้อผ้าออกอย่างรวดเร็วอาจเพิ่มโอกาสเสี่ยงที่เสื้อผ้าจะไปเกี่ยวกับจิวสะดือและทำให้เกิดการบาดเจ็บได้
    เคล็ดลับจากผู้เชี่ยวชาญ

    Jef Saunders

    ผู้เชี่ยวชาญด้านการเจาะร่างกาย
    เจฟ ซอนเดอร์สเป็นช่างเจาะมานานกว่า 20 ปี เขาเป็นผู้ประสานงานด้านการประชาสัมพันธ์ให้กับสมาคมช่างเจาะ (APP) องค์การระหว่างประเทศแบบไม่แสวงผลกำไรที่เน้นการให้ความรู้ในเรื่องความปลอดภัยของร่างกายและสุขภาพจากการเจาะแก่สาธารณชน เขายังสอนการเจาะให้กับ Fakir Intensives ในปี 2014 เจฟได้รับเลือกให้เป็นคณะกรรมการบริหารของช่างเจาะอาชีพ ส่วนปี 2015 เจฟได้รับรางวัลของประธาน APP จากไบรอัน สเกลลี่
    Jef Saunders
    ผู้เชี่ยวชาญด้านการเจาะร่างกาย

    ผู้เชี่ยวชาญของเราเห็นด้วย: หลีกเลี่ยงการสวมเสื้อผ้ารัดรูปที่จะเสียดสีหรือรั้งขึ้นมาเวลานั่งหรือยืน นี่จะทำให้ระคายเคือง เสื้อผ้าทั่วไปอาจไม่ใช่ปรัะเด็นใหญ่โต แต่ชุดเครื่องแบบหลายชุดก่อปัญหานี้ และยังต้องแน่ใจว่าเวลานั่งนั้นคุณจะไม่นั่งเลื้อยแบบขี้เกียจ เพราะอาจทำให้จิวไปเสียดสีกับเสื้อผ้าหรือบางทีเกี่ยวกับเนื้อผ้าได้

  5. นอกจากหลีกเลี่ยงการแช่น้ำในอ่างอาบน้ำแล้ว คุณยังควรหลีกเลี่ยงการลงในพื้นที่น้ำอื่นๆ อย่างสระว่ายน้ำ อ่างน้ำร้อน และทะเลสาบหรือแม่น้ำในช่วงปีแรกหลังการเจาะสะดือ [13]
    • ทั้งนี้เนื่องจากพื้นที่น้ำเหล่านี้อาจปนเปื้อนไปด้วยเชื้อโรคที่ก่อให้เกิดการอักเสบและอาจก่อให้เกิดอันตรายได้หากสัมผัสกับแผลที่เจาะเป็นเวลานาน
  6. พยายามนอนหงายหรือนอนตะแคงในช่วงสัปดาห์แรกๆ หลังการเจาะสะดือเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดแรงกดทับบนแผลที่เจาะที่ยังคงใหม่และไวต่อสัมผัสอยู่ [14]
    โฆษณา
ส่วน 3
ส่วน 3 ของ 3:

รับมือกับอาการแทรกซ้อน

ดาวน์โหลดบทความ
  1. หากคุณประสบกับอาการแทรกซ้อนจากการเจาะสะดือ อันดับแรกคือให้ประเมินอาการเพื่อดูว่ามีความผิดปกติใดๆ เกิดขึ้น ลองสังเกตดูของเหลวที่ไหลออกจากรูที่เจาะ ระดับความเจ็บปวด อาการบวมแดง หรือการเปลี่ยนแปลงภายนอกใดๆ ตรงบริเวณที่เจาะ (เช่น มีตุ่มเกิดขึ้น จิวสะดือเปลี่ยนตำแหน่ง ผิวหนังรอบๆ รูที่เจาะเปิดกว้างกว่าปกติ เป็นต้น) แผลที่เจาะของคุณอาจเพียงเกิดการระคายเคือง เกิดการติดเชื้อ หรือแม้กระทั่งเกิดการแพ้โลหะก็ได้เช่นกันขึ้นอยู่กับอาการที่เกิดขึ้น [15]
    • หากอาการไม่รุนแรงมากนัก แผลที่เจาะของคุณอาจเพียงเกิดการระคายเคืองเล็กน้อยเท่านั้น แต่หากอาการค่อนข้างรุนแรง แผลที่เจาะของคุณอาจกำลังเกิดการติดเชื้อหรือมีปฏิกิริยาการแพ้เกิดขึ้น
  2. หากแผลที่เจาะของคุณฟื้นฟูตามปกติแต่คุณเกิดไปเกี่ยวหรือดึงจิวต่างหู นอนทับแผล หรือทำให้แผลเกิดการระคายเคืองจากการลงน้ำหรือใช้เครื่องสำอางจนเกิดอาการเจ็บ อาจส่งผลให้แผลที่เจาะเกิดการระคายเคืองเพียงเล็กน้อย นอกจากนี้ แผลที่เจาะยังสามารถเกิดการระคายเคืองขึ้นได้เช่นกันหากจิวสะดือหลวมหรือแน่นจนเกินไปจนทำให้เกิดการเคลื่อนที่ไปมาหรือบีบรัดผิวหนังมากเกินไป เมื่อแผลที่เจาะเกิดการระคายเคือง คุณจะสามารถสังเกตเห็นสัญญาณต่างๆ อย่างอาการบวม รอยแดง หรืออาการเจ็บปวดเล็กน้อย (ไม่มีอาการเจ็บที่รุนแรงหรือสารคัดหลั่งไหลออกมา) หมั่นทำความสะอาดบริเวณที่เจาะเป็นประจำทุกวันด้วยน้ำเกลือรวมถึงดูแลเป็นอย่างดีเหมือนเพิ่งเจาะสะดือมาใหม่อยู่เสมอ
    • การประคบเย็นตรงบริเวณที่เจาะ (โดยใช้น้ำเย็นและผ้าผืนเล็กๆ) สามารถช่วยบรรเทาอาการเจ็บได้
    • ปล่อยจิวสะดือไว้โดยไม่ต้องถอดออก เนื่องจากการถอดจิวสะดืออาจก่อให้เกิดการระคายตรงบริเวณที่เจาะมากขึ้น
    • หากมีปัญหาใดๆ เกิดขึ้น ลองปรึกษาช่างเจาะร่างกายของคุณเพื่อให้ช่างตรวจดูอาการที่เกิดขึ้น
  3. อาการเจ็บปวดเล็กน้อย เลือดออก และรอยฟกช้ำเป็นอาการที่เกิดขึ้นตามปกติหลังการเจาะสะดือ อย่างไรก็ตาม คุณควรหมั่นสังเกตสัญญาณต่างๆ ของอาการติดเชื้อที่อาจเกิดขึ้น เมื่อแผลที่เจาะเกิดการติดเชื้อ คุณจะสามารถสังเกตเห็นอาการบวมและรอยแดงเกิดขึ้นอย่างรุนแรงรอบๆ บริเวณที่เจาะ [16] รวมถึงอาจรู้สึกเหมือนมีไออุ่นหรือไอร้อนออกจากแผลและมีของเหลวสีเขียว เหลือง หรือเทาที่มีกลิ่นเหม็นไหลออกมาจากแผล และในบางครั้งอาจมีไข้เกิดขึ้นร่วมด้วย
    • หากสงสัยว่าแผลที่เจาะเริ่มเกิดการติดเชื้อ ให้คุณรีบไปพบแพทย์โดยทันที แต่หากคุณยังคงไม่แน่ใจว่า คุณสามารถปรึกษาช่างเจาะร่างกายของคุณเพื่อประเมินดูว่าอาการปกติหรือสัมพันธ์กับการติดเชื้อหรือไม่
    • อย่าถอดจิวสะดือออกหากคุณสงสัยว่าแผลที่เจาะเกิดการติดเชื้อ เพราะการถอดจิวสะดืออาจส่งผลให้เกิดการระคายเคืองและทำให้รูที่เจาะปิดตันลงจนชะงักการระบายของเหลวที่คั่งอยู่ที่เหมาะสม
  4. ปฏิกิริยาการแพ้อาจเกิดขึ้นในไม่กี่ชั่วโมงหรือไม่กี่วันภายหลังการเจาะสะดือ โดยทั่วไปแล้วปฏิกิริยาการแพ้เป็นปฏิกิริยาตอบสนองของร่างกายต่อการแพ้โลหะของจิวสะดือ ซึ่งโดยส่วนใหญ่แล้วนิกเกิลมักก่อให้เกิดปฏิกิริยาการแพ้ต่อแผลที่เจาะได้ง่ายที่สุด สัญญาณเตือนของปฏิกิริยาการแพ้ ได้แก่ มีอาการคันรอบๆ บริเวณที่เจาะจนกลายเป็นผื่นคัน มีไอร้อนแผ่ออกมาจากบริเวณที่เจาะ รูที่เจาะเปิดกว้างขึ้น หรือเกิดการอักเสบและการบวมรอบๆ บริเวณที่เจาะ [17] และเมื่อแผลที่เจาะเกิดปฏิกิริยาการแพ้ ผิวหนังบริเวณรอบๆ จิวสะดืออาจแน่นตึงหรือหลวมขึ้นได้
    • การแพ้เครื่องประดับเป็นสาเหตุหลักๆ ที่ทำให้เกิดปฏิกิริยาการแพ้ โดยเมื่อเกิดปฏิกิริยาการแพ้ ผิวหนังของคุณจะพยายามลดการสัมผัสถูกเครื่องประดับจนส่งผลให้รูที่เจาะขยายใหญ่หรือกว้างยิ่งขึ้น
    • หากแผลที่เจาะเกิดปฏิกิริยาการแพ้ ให้คุณปรึกษาช่างเจาะร่างกายโดยทันทีเพื่อเปลี่ยนจิวสะดืออันใหม่ รวมถึงไปพบแพทย์เพื่อทำการรักษาผิวหนังบริเวณที่เกิดปฏิกิริยาการแพ้ โดยคุณอาจจำเป็นต้องรักษาด้วยยาปฏิชีวนะ
  5. หากคุณมีอาการเจ็บเพียงเล็กน้อยตามธรรมชาติหรือสงสัยว่าอาจกำลังเกิดการติดเชื้อในขั้นต้น คุณอาจบรรเทาอาการให้ดีขึ้นด้วยตัวเองก่อนเริ่มไปพบแพทย์ คุณสามารถบรรเทาอาการด้วยตัวเองที่บ้านได้ด้วยวิธีการต่อไปนี้
    • ประคบ ดังที่ได้กล่าวไว้ก่อนหน้านี้ ทั้งการประคบอุ่นและประคบเย็นมีส่วนช่วยในการบรรเทาอาการเจ็บจากการระคายเคืองได้ การประคบอุ่นด้วยผ้าชุบน้ำเกลือสามารถช่วยขจัดสิ่งสกปรกรอบๆ บริเวณที่เจาะและกระตุ้นการไหลเวียนของเลือดตรงบริเวณที่เกิดการระคายเคือง [18] ในขณะที่การประคบเย็นสามารถช่วยบรรเทาความรู้สึกร้อนที่แผ่ออกมาจากแผลที่เจาะ
    • ใช้ชาคาร์โมไมล์ แช่ถุงชาคาร์โมไมล์ในถ้วยที่เติมน้ำร้อนและรอสักพักให้น้ำชาเย็นลง (ประมาณ 20 นาที) จากนั้นใช้สำลีก้อนจุ่มลงไปในน้ำชาและนำไปวางประคบตรงบริเวณที่เกิดการระคายเคืองนานประมาณ 5 นาที ทำอย่างน้อยวันละ 1 ครั้งหรือทำซ้ำตามต้องการ
      • คุณยังสามารถใช้วิธีนำน้ำชาไปแช่แข็งจนเป็นก้อนน้ำแข็งสำหรับนำไปวางประคบเพื่อบรรเทาอาการเจ็บ การระคายเคือง และอาการบวม
    • ทานยาแก้ปวด หากมีอาการเจ็บและปวดตรงแผลที่เจาะ คุณอาจทานยาแก้ปวดเพื่อบรรเทาอาการเจ็บปวดที่เกิดขึ้น พยายามเลือกใช้ยาต้านอักเสบชนิดไม่ใช้สเตียรอยด์ (NSAIDs) [19]
  6. ขอคำปรึกษาจากแพทย์ทั่วไปเมื่อสงสัยว่ามีอาการผิดปกติใดๆ เกิดขึ้น และหากอาการยังคงไม่ดีขึ้นแม้จะพยายามทำความสะอาดเป็นประจำทุกวันหรือบรรเทาอาการด้วยตัวเองที่บ้าน คุณอาจจำเป็นต้องรับการรักษาทางการแพทย์ทันที โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากแผลที่เจาะของคุณมีอาการเจ็บอย่างรุนแรง มีอาการบวม มีของเหลวไหลออกมา หรือมีเลือดออก [20]
    • หากคุณมีอาการติดเชื้อหรือปฏิกิริยาการแพ้ แพทย์อาจสั่งจ่ายยาปฏิชีวนะเพื่อบรรเทาอาการติดเชื้อและเร่งกระบวนการฟื้นฟูของร่างกาย
    โฆษณา

เคล็ดลับ

  • เลือกใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดที่แนะนำโดยช่างเจาะร่างกายเท่านั้น
  • พยายามหลีกเลี่ยงไม่ให้แผลที่เจาะที่ยังไม่แห้งดีสัมผัสกับสารคัดหลั่งจากอวัยวะเพศ
  • การเช็ดด้วยกระดาษทิชชูอาจซับน้ำได้ไม่แห้งสนิท ดังนั้นหลังจากที่คุณซับน้ำเบาๆ ด้วยกระดาษทิชชูแล้ว ให้คุณใช้ไดร์เป่าผมเป่าตรงบริเวณที่เจาะเพื่อให้น้ำแห้งสนิท โดยเป่าด้วยระบบลมเย็นเพื่อป้องกันไม่ให้บริเวณที่เจาะร้อนขึ้นมาจนผิวไหม้
  • เพื่อป้องกันไม่ให้รูที่เจาะเป็นไต ให้เลือกใส่จิวสะดือไทเทเนียมแบบเกลียวด้านในเท่านั้น รวมถึงหลีกเลี่ยงการสัมผัสหรือจับเล่นและรอจนครบ 6 เดือนจึงเปลี่ยนไปใส่จิวสะดือแบบห้อย
โฆษณา

คำเตือน

  • อย่าเพิ่งเจาะสะดือหากคุณยังคงไม่แน่ใจว่าจะสามารถดูแลแผลที่เจาะได้อย่างเหมาะสม
  • อย่าลืมแจ้งให้ช่างเจาะร่างกายทราบหากคุณมีอาการแพ้วัสดุบางประเภท ครีม สเปรย์ หรือแม้แต่ยาง (เช่น ถุงมือยาง)
โฆษณา

เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้

มีการเข้าถึงหน้านี้ 83,600 ครั้ง

บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม

โฆษณา