ดาวน์โหลดบทความ ดาวน์โหลดบทความ

หากต้องการเป็นนักว่ายน้ำที่ว่ายได้เร็วที่สุดคุณก็สามารถเป็นได้ โดยต้องฝึกฝนพัฒนาเทคนิคและมีการวางแผนการเล่น การฝึกฝนและการตัดสินใจคือสิ่งสำคัญ โดยสิ่งที่สำคัญที่สุดคือความคิดของเราที่ไม่ต้องไปกังวลมากมาย ลองถามตัวเองว่าหากไม่มีเทคนิคที่เหมาะสมแล้วอะไรคือจุดมุ่งหมายของการฝึก หากตอนนี้คุณต้องการเรียนรู้วิธีที่จะทำสถิติเวลาให้ได้ดีที่สุด ก็มาเริ่มจากขั้นตอนที่1 กันเลย

ส่วน 1
ส่วน 1 ของ 3:

พัฒนาเทคนิคการว่าย

ดาวน์โหลดบทความ
  1. นักว่ายน้ำส่วนมากมักจะไปสนใจในเรื่องของการว่ายน้ำให้ได้เร็วที่สุดเท่าที่จะเร็วได้ แต่ไม่ได้สนใจเรื่องแรงต้าน แรงต้านนี้คือแรงต้านของร่างกายที่ต้านกับน้ำ สิ่งนี้เป็นทักษะที่ถูกต้องคือไม่ใช่แค่ใช้แรงในการว่ายมากๆ แต่ต้องว่ายแบบลดแรงต้าน มีวิธีการมากมายในการลดแรงต้านนี้ เช่นพยายามฝึกสมดุลหรือทำให้ลำตัวมีความยาวให้มากขึ้น [1]
    เคล็ดลับจากผู้เชี่ยวชาญ

    Alan Fang

    อดีตนักกีฬาว่ายน้ำ
    อลัน ฝางแข่งว่ายน้ำมากว่า 7 ปี ตั้งแต่สมัยมัธยมจนถึงมหาวิทยาลัย เขาเชี่ยวชาญการแข่งว่ายท่ากบ และเคยเข้าร่วมการแข่งขันอย่าง Speedo Championship Series, การแข่งชิงแชมป์ IHSA (สมาคมโรงเรียนมัธยมแห่งอิลลินอยส์) และการแข่งชิงแชมป์แบบแบ่งอายุของรัฐอิลลินอยส์
    Alan Fang
    อดีตนักกีฬาว่ายน้ำ

    หายใจออกช้าๆ ขณะว่ายน้ำ อดีตนักกีฬาว่ายน้ำได้กล่าวไว้ว่า: “นักว่ายน้ำส่วนมากจะกลั้นหายใจขณะที่หน้าอยู่ใต้น้ำ แต่อันที่จริงแล้วกลับทำให้ทำเวลาในการว่ายนานขึ้นเพราะเมื่อต้องหันหน้าขึ้นมาหายใจจะต้องหายใจออกแล้วเข้าอีกครั้ง มันใช้เวลามากและทำให้ว่ายได้ช้าลง ทางที่ดีให้ลองหายใจเอาอากาศออกอย่างต่อเนื่องขณะที่ศีรษะอยู่ใต้น้ำเพื่อให้เมื่อหันหน้าขึ้นมาหายใจก็ทำแค่เพียงหายใจออก"

  2. นี่เป็นวิธีที่ดีในการลดแรงต้านจากน้ำ โดยทรงตัวในอยู่ในท่าที่นอนขนานไปกับผิวน้ำให้ได้มากที่สุดขณะว่ายน้ำจะช่วยให้ลดการต้านของน้ำที่จะเข้ามาในวิถีการว่ายซึ่งเป็นตัวการที่ทำให้ว่ายได้ช้าลง สิ่งนี้สำคัญมากโดยเฉพาะกับท่าฟรีสไตล์ที่จะต้องระวังการเงยศีรษะขึ้นมาพ้นน้ำมากเกินไปทำให้รบกวนสมดุล ซึ่งส่งผลให้ต้อองออกแรงตีขามากเพื่อให้กลับมาอยู่ในจุดที่สมดุล [2]
    • ในกรณีของท่ากบและผีเสื้อก็จะต่างออกไปเล็กน้อย เพราะสองท่าดังกล่าวนั้นร่างกายจะต้องทำให้น้ำกระเพื่อมแทนการทรงตัวให้นิ่งขณะจ้วงน้ำ
  3. หาวิธีที่ทำให้ลำตัวสูงที่สุดเท่าที่จะสูงได้เมื่ออยู่ในน้ำ โดยให้ลำตัวสูงหรือยาวขึ้น จะช่วยให้ว่ายได้ดีและเร็วยิ่งขึ้น อย่างเช่นการว่ายในท่าลำตัวยาวที่สุดขณะว่ายท่าฟรีสไตล์ โดยจะต้องจ้วงแขนจากเหนือน้ำลงไปในน้ำให้เร็วเมื่อวาดแขนข้ามพ้นศีรษะมาแล้ว และยังควรเหยียดแขนที่จ้วงน้ำให้ไปด้านหน้าให้ไกลที่สุดเท่าที่จะทำได้จะทำให้แขนนำไปก่อนที่จะวาดแขนลงใต้น้ำอีกครั้ง
    • ลองสังเกตดูว่า: หากลำตัวอยู่ในแนวงอหรือบิดเบี้ยวแทนที่จะเหยียดตรงและเป็นแนวยาวจะทำให้ว่ายผ่านน้ำไปได้ยากขึ้น
  4. ขณะเตะขาไม่ควรเตะให้น้ำกระฉอกหรือเตะขาในแนวต่ำกว่าแนวลำตัว จะทำให้ร่างกายต้องไปพยายามรักษาสมดุล หากทำแบบนี้จะทำให้เสียสมดุลส่งผลให้เกิดแรงต้านจากน้ำมากขึ้น [3]
  5. สิ่งนี้ไม่ได้หมายความว่าควรจะต้องมุ่งไปที่ความแข็งแรงมากกว่าการใช้ทักษะ พึงรู้ไว้ก่อนว่าประมาณ 10 เปอร์เซ็นต์ของความเร็วในการว่ายมาจากขา แต่ส่วนที่เหลือนั้นมาจากแขน ดังนั้นควรไปสนใจวิธีการดึงน้ำให้แรงและขาของเราจะต้องไม่ทำให้เราว่ายได้ช้าลง แต่ต้องทำให้ลำตัวเคลื่อนไปข้างหน้าได้เร็วขึ้น [4]
  6. ใช้การหมุนตัว.อย่ากลัวที่จะหมุนตัวจากด้านหนึ่งไปอีกด้านหนึ่งให้มากขึ้นอีกเล็กน้อยขณะที่จ้วงน้ำ สิ่งนี้จะช่วยให้ใช้กล้ามเนื้อหลังมัดใหญ่ได้ดีขึ้นและช่วยให้ใช้แรงจากหัวไหล่ได้ดีขึ้น อาจจะต้องพยายามหัดใช้ในช่วงฝึกแต่เมื่อเริ่มชินแล้วก็จะควบคุมความแข็งแรงได้ดีขึ้นเช่นเดียวกันกับความเร็วในการว่าย [5]
  7. แกนกลางลำตัวประกอบไปด้วยกล้ามเนื้อหลัง, สะโพก, หน้าท้อง, และกล้ามเนื้อลำตัว มีส่วนสำคัญโดยเฉพาะการใช้งานขณะหมุนลำตัว การใช้กล้ามเนื้อเหล่านี้จะช่วยให้ว่ายน้ำได้คล่องและเร็วขึ้น แม้อาจจะรู้สึกแปลกเล็กน้อยที่จะมาเน้นไปที่แกนกลางแทนแขนและขาในช่วงแรก แต่ให้ลองเกร็งตั้งใจใช้กล้ามเนื้อส่วนนั้นเพื่อทำให้ลำตัวอยู่ในแนวตรงมากขึ้น [6]
  8. เพื่อการว่ายให้ได้เร็วที่สุด จะต้องให้มือและแขนท่อนล่างหันฝ่ามือไปทางด้านหลัง วิธีนี้จะช่วยให้วาดแขนไปด้านหหลังเพื่อจ้วงน้ำได้ง่ายขึ้น คุณอาจจะเคยได้ยินเทคนิคนี้มาว่าให้ยกข้อศอกให้สูงขณะว่ายท่าฟรีสไตล์เพราะต้องยกศอกให้สูงกว่าศีรษะเพื่อจะได้ว่ายได้อย่างดี [7]
  9. เพื่อการว่ายให้ได้เร็วที่สุดคือต้องทำให้ศีรษะอยู่ในแนวตรงผ่านการจ้วงน้ำแต่ละครั้ง การให้ศีรษะอยู่ในแนวนี้จะลดแรงต้านจากน้ำและช่วยให้จ้วงน้ำได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น หากศีรษะไม่อยู่ในแนวตรงกลางจะทำให้ว่ายไปข้างเดียว ตำแหน่งของศีรษะที่ไม่ถูกต้องเป็นสาเหตุให้คุณรู้สึกว่าตัวจมลง เพราะสะโพกหรือกล้ามเนื้อขาอยู่ต่ำกว่า คุณควรจะมองลงต่ำ ไม่มองขึ้นด้านบนหรือมองไปด้านหน้า เพื่อให้ร่างกายขนานไปกับน้ำให้มากที่สุดในท่าฟรีสไตล์ การก้มศีรษะและมองลงต่ำรวมถึงให้คอผ่อนคลาย สิ่งเหล่านี้จะช่วยให้ร่างกายช่วงล่างลอยเหนือระดับน้ำ [8]
    • หากคุณต้องการให้เป็นภาพมากขึ้น นักกีฬาว่ายน้ำของเราก็มีคำแนะนำมาฝากคือ: “ให้จินตนาการว่าตัวคุณเป็นวาฬ มีรูอากาศอยู่บนด้านหลังคอและจำเป็นต้องให้รูนี้พร้อมใช้หายใจอยู่ตลอดเวลาซึ่งการจะหายใจได้หรือตายนั้นขึ้นกับสิ่งนี้ หากคออยู่ในมุมที่ไปปิดรูนี้ก็จะไม่สามารถหายใจได้ ดังนั้นต้องจัดตำแหน่งของศีรษะเพื่อให้คออยู่ในมุมที่ถูกต้อง” [9]
  10. เหยียดนิ้วมือออกเล็กน้อยแทนการห่อนิ้วไว้ จะทำให้น้ำไม่มีคลื่นรบกวน สามารถช่วยให้ออกแรงได้มากขึ้นถึงร้อยละ 53 ซึ่งระยะห่างระหว่างแต่ละนิ้วที่เหมาะสมคือร้อยละ 20-40 แม้จะไม่ได้ช่วยให้เปลี่ยนแปลงมากเหมือนขั้นตอนอื่นๆ แต่ก็ยังช่วยให้ว่ายได้เร็วขึ้น [10]
    โฆษณา
ส่วน 2
ส่วน 2 ของ 3:

ว่ายน้ำให้เร็วขณะแข่งขัน

ดาวน์โหลดบทความ
  1. แม้จะไม่ได้อยู่ในการแข่งขัน ก็ให้หลีกเลี่ยงการกลับตัวที่ผิดกติกาขณะว่ายน้ำเพื่อไม่ให้ติดเป็นนิสัย เพียงแค่พยายามรักษาแนวของศีรษะให้ตรงฝึก ทำสิ่งที่ต้องทำจริงในวันแข่งขันจะช่วยให้ว่ายได้เร็วขึ้น
  2. นักว่ายน้ำส่วนมากจะคิดว่าขอบสระเป็นที่สำหรับพัก แม้มันจะเป็นที่สำหรับพักเพียงสักเสี้ยววินาที แต่อย่างไรก็ตามหากคุณต้องการว่ายให้เร็วขึ้นให้ลองทำสิ่งที่ไม่คิดจะทำเลย คือแตะขอบสระให้เร็ว โดยการก้มหน้าไว้ให้ได้อย่างน้อย 2 จังหวะที่จ้วงน้ำจากทั้งหมดในขณะที่ว่ายน้ำยกเว้นในท่ากบ สิ่งนี้อาจช่วยให้ทำเวลาได้ดีขึ้นและชนะนักว่ายน้ำคนอื่นๆ ได้อีกด้วย
  3. ต้องมั่นใจว่าออกแรงถีบพุ่งตัวไปข้างหน้าได้ดี. ขณะที่ถีบตัวออกจากขอบสระต้องออกแรงถีบให้เต็มแรงเพื่อเพิ่มความเร็วในการออกตัว ส่วนในท่ากบให้ดึงขาเข้าแล้วถีบออกเต็มที่ให้ได้แรงถีบ รวมถึงคุมลำตัวให้ลู่ไปกับกระแสน้ำให้ดีขณะทำแล้วคุณจะเห็นว่าคุณก็สามารถว่ายน้ำได้ไกลขึ้นกว่าที่ผ่านมา
  4. หากสามารถเตะขาปกติได้เต็มแรงแล้ว สามารถไปให้เร็วยิ่งขึ้นได้ด้วยการเตะขาคู่ และการเตะขาอย่างเต็มแรงใต้น้ำนั้นสามารถเพิ่มความจุปอดได้ โดยคุณอาจจะต้องลองคุยกับครูฝึกเกี่ยวกับเรื่องนี้เพราะนักว่ายน้ำบางคนจะว่ายได้เร็วขึ้นหากใช้การเตะขาใต้น้ำ ส่วนในบางคนก็ไม่เหมาะและควรหยุดการเตะแบบขาคู่หากรู้สึกว่าเตะแล้วว่ายได้ช้าลงหรือว่ายได้ไกลถึง 15 เมตรหรือเส้นกำหนดระยะแล้ว
    โฆษณา
ส่วน 3
ส่วน 3 ของ 3:

ตั้งใจแน่วแน่

ดาวน์โหลดบทความ
  1. หากคุณเป็นส่วนหนึ่งของทีม ครูฝึกจะให้ตารางการซ้อมในแต่ละวันแก่คุณ แต่การที่มีตารางกิจวัตรประจำวันเป็นของตนเองสำหรับการซ้อมเดี่ยวก็เป็นสิ่งที่ดี สิ่งที่ต้องมีในกิจวัตรประจำวันนั้นจะประกอบไปด้วย การออกกำลังกายแบบแอโรบิค (เพื่อให้ว่ายน้ำได้ทนนานขึ้น) ซึ่งเป็นการออกกำลังกายเพื่อความทนทานที่หนักในระดับกลาง (จะมุ่งเน้นไปที่ระยะทางและความเข้มระดับที่ยากปานกลางเท่าๆ กัน) จะทำให้ว่ายได้เร็วขึ้น โดยการออกกำลังกายนั้นควรมีหลากหลายรูปแบบแต่หลักๆ ควรมุ่งเน้นไปที่ความทนทาน, ความเร็ว, และความทนทานของกล้ามเนื้อ เรามีตัวอย่างตารางการออกกำลังกายที่คุณสามารถทำตามได้ดังนี้ : [11]
    • อบอุ่นร่างกายอย่างง่าย (ว่ายน้ำระยะ 4 x 100 เมตร และพัก 20 วินาทีระหว่างระยะทางหนึ่งรอบ) ร้อยละ 10-15 ของเวลาทั้งหมด
    • ฝึกซ้อมท่าที่ถูกต้องและการเตะขา (8 x 50 เมตร โดยสลับท่าว่ายไปเรื่อยๆ และเน้นตีขาอย่างเดียว 1 รอบ พัก 15 วินาทีระหว่างรอบ) ร้อยละ 10-20 ของเวลาทั้งหมด
    • ซ้อมว่ายเป็นหลัก (6 x 200 เมตร แล้วพัก 30 วินาทีระหว่างรอบ หรือ 12 x 100 เมตร แล้วพัก 15 วินาทีระหว่างรอบ) ร้อยละ 10-20 ของเวลาทั้งหมด
    • ลดระดับความเข้มเพื่อเตรียมเลิกซ้อม (ว่ายแบบสบายๆ 100 เมตร) ร้อยละ 5-10 ของเวลาทั้งหมด
  2. หาทีมว่ายน้ำในละแวกบ้านและค้นหาข้อมูลดูค่าใช้จ่ายในการสมัครเข้าร่วม, ฝึกซ้อมเวลาไหน, และต้องใช้อุปกรณ์อะไรบ้าง หากยังไม่ได้เข้าร่วมทีม ให้มีอีกสักคนก็สามารถช่วยให้ว่ายได้เร็วขึ้นได้ไม่เพียงแต่จะทำให้คุณจะมีแรงบันดาลใจในการฝึกซ้อมให้ได้ทุกวัน แต่ยังช่วยให้ได้ฝึกระหว่างการแข่งขันและได้ร่วมวางแผนกับครูฝึกผู้ที่จะช่วยปรับวิธีการว่ายของคุณให้ถูกต้องอีกด้วย
    • หากได้เข้าร่วมทีม คุณจะต้องไปร่วมซ้อมด้วยทุกวัน
    • กระตุ้นตัวเองในการฝึกฝน. ลองเริ่มจากซ้อมระดับที่เหนื่อยแล้วพักสัก 5-7 วินาที เมื่อเก่งขึ้นแล้วให้ลองในระดับที่พัก 10 วินาที, 15 วินาทีและเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
  3. หากคุณมีทีมว่ายน้ำแล้ว จากนั้นให้ไปลงแข่งขันอยู่สม่ำเสมอ อย่ากังวลตื่นสถานที่ แต่ให้มุ่งไปที่การทำสถิติของตัวเองให้ดีที่สุด นักว่ายน้ำจำนวนมากว่ายน้ำได้เร็วขึ้นเมื่อได้ลงแข่งขันมากกว่าตอนฝึกซ้อม เพราะร่างกายจะมีการหลั่งอดรีนาลีนออกมามากและมีเรื่องของรางวัลตอบแทนเข้ามาเกี่ยว คุณสามารถกระตุ้นตัวเองให้ว่ายได้เร็วขึ้นเพียงแค่ลงแข่งขันว่ายน้ำ
  4. คลินิกสำหรับการว่ายน้ำสามารถพัฒนาท่าในการวาดแขนจ้วงน้ำให้ดีขึ้นได้, เคล็ดลับต่างๆ เพื่อให้ประสบความสำเร็จ, สามารถช่วยคุณให้ดำน้ำและกลับตัว และอาจจะให้ประสบการณ์ที่ประทับใจไม่รู้ลืม โดยอาจจะได้รับแรงบันดาลใจจากการได้พบกับผู้คนอื่นๆ ที่กำลังคลั่งไคล้การว่ายน้ำเช่นเดียวกับคุณ บางคลินิกก็มีแม้กระทั่งนักกีฬาโอลิมปิกเป็นครูฝึก ค่าตัวของพวกเขาอาจจะแพงแต่หลายเสียงล้วนบอกกันว่ามันเกินคุ้ม
    • คุณอาจจะหาคลินิกหรือครูฝึกที่สามารถบันทึกภาพขณะคุณว่ายน้ำได้ ให้คำแนะนำที่ดีว่าคุณต้องพัฒนาอะไรอีกบ้าง ซึ่งจะมีน้อยสถานที่มากที่คุณจะสามารถพัฒนาได้ดีโดยไม่มีคนคอยดูขณะคุณว่าย
  5. ดูวิดีโอและอ่านหนังสือเกี่ยวกับการว่ายน้ำเพื่อให้ตระหนักได้ดีขึ้นว่าการว่ายน้ที่เร็วขึ้นเป็นอย่างไร มีคลิปวิดีโอมากมายบนยูทูปเกี่ยวกับวิธีพัฒนาการวาดแขนจ้วงน้ำ นอกจากนั้นยังมีหนังสือมากมายเกี่ยวกับวิธีวาดแขนจ้วงน้ำที่ดี ลองหาซื้อหนังสือพวกนี้มาอ่าน หรือเป็นหนังสือเกี่ยวกับความสำเร็จของนักว่ายน้ำอย่าง Michael Phelps, Ryan Lochte, และ Missy Franklin เพื่อให้ได้แรงบันดาลใจ แม้การใช้ร่างกายในการว่ายให้ได้เร็วยิ่งขึ้นจะเป็นสิ่งสำคัญ แต่ก็อย่ากดดันจิตใจมากเกินไป
  6. แม้การฝึกว่ายน้ำเพียงอย่างเดียวจะเป็นสิ่งที่สำคัญมาก แต่คุณก็สามารถพัฒนาความเร็วได้ด้วยการมีร่างกายที่แข็งแรง โดยออกกำลังเพื่อความทนทานของหัวใจและหลอดเลือดโดยการวิ่ง, ออกกำลังกายโดยใส่น้ำหนักเพิ่ม, และซิทอัพเพื่อพัฒนากล้ามเนื้อแกนกลางลำตัว การมีหน้าท้องและแขนที่แข็งแรงสามารถช่วยให้คุณเคลื่อนไหวในน้ำได้อย่างรวดเร็วมากยิ่งขึ้น นอกจากนั้นการออกกำลังกายจำพวกนี้ยังช่วยให้เปลี่ยนบรรยากาศจากการอยู่แต่ในน้ำเป็นเวลามากๆ อีกด้วย
  7. หากเพื่อนของคุณว่ายได้เร็วกว่า และเป้าหมายของคุณคือว่ายให้ได้เร็วกว่าเขา ให้นึกถึงเพื่อนตลอดระหว่างการฝึกทุกครั้งเพื่อกระตุ้นให้คุณฝึกให้หนักขึ้น การว่ายน้ำอยู่ข้างๆ นักว่ายน้ำที่ว่ายได้เร็วกว่าเราจะเป็นแรงผลักดันและช่วยให้ว่ายได้เร็วขึ้นได้เช่นกัน โดยสังเกตให้มั่นใจว่าคนที่ว่ายข้างๆ เราไม่ว่ายเร็วกว่าเราขนเกินไปเพราะจะทำให้เราท้อเอาได้
  8. เตรียมความพร้อมด้านจิตใจควบคู่ไปกับร่างกายด้วย. การออกกำลังกายทั้งหมดจะไม่มีความหมายเลยถ้าคุณมีความรู้สึกกังวลเกินไปหรือไม่มีแรงบันดาลใจ พยายามมองหาแรงบันดาลใจให้ได้ตลอดการฝึกและตื่นเต้นกับวันแข่งขันเข้าไว้ อย่างกลัวกับการลงแข่งขันมากแต่ให้มองว่าเป็นโอกาสในการพยายามให้ดีที่สุดแทน จำไว้ว่าอย่าคิดว่าคุณจะต้องเป็นนักว่ายน้ำที่ดีที่สุดในทีมหรือการแข่งขัน แต่ทำให้ดีที่สุดสำหรับตัวเอง สิ่งนี้เพียงอย่างเดียวที่ควรเป็นแรงบันดาลใจที่จะทำให้คุณว่ายน้ำได้เร็วขึ้น
    โฆษณา

เคล็ดลับ

  • การสวมหมวกเพื่อเก็บผมสามารถช่วยลดเวลาในการว่ายน้ำได้ โดยลดแรงต้านจากน้ำขณะว่ายน้ำ
  • อย่าเพิ่งล้มเลิก ในตอนเริ่มฝึกคุณอาจจะรู้สึกเหนื่อยล้าหมดแรงเพราะจริงๆ แล้วการว่ายน้ำเป็นสิ่งที่ดีและเพียงแค่ร่างกายคุณไม่เคยได้รับการฝึกหนักๆ มาก่อน ลองให้เวลากับมัน อาจจะสัก 6 เดือนเพื่อที่จะเริ่มรู้สึกดีกับการฝึก แต่อย่างไรก็ต้องให้เวลากับมัน
  • หากคุณจะเข้าแข่งขันว่ายน้ำ ต้องเก็บผมให้หมด โดยใส่หมวกคลุมว่ายน้ำ, โกนขนเป็นประจำ, และกำจัดขนส่วนอื่นๆ ออกด้วย เพราะหากน้ำสัมผัสกับขนจะทำให้ว่ายน้ำได้ช้าลง
  • อย่าแบมือขณะอยู่ในน้ำ แทนที่จะให้มือผลักน้ำออกไป ให้ใช้มือตัดผ่าผ่านน้ำแทน
  • หากได้เข้าร่วมแข่งประเภททีม การโดดการฝึกก็จะพอรับได้และไม่เป็นไรในบางครั้ง แต่หากรู้สึกว่าโดดฝึกบ่อย หรือครูฝึกไม่พอใจ หรือตัวคุณเองรู้สึกขาดแรงบันดาลใจ ให้ลองถามตัวเองว่าทำไมถึงต้องการจะว่ายน้ำ? เพื่อชัยชนะ, หรือเพื่อสุขภาพที่ดี, หรือเพื่อไปแข่งโอลิมปิก ไม่ว่าจะเลือกอย่างไหน ก็ต้องทำตามแผนการฝึกที่ตัวคุณเองและครูฝึกวางกันเอาไว้
  • ขณะว่ายน้ำ คุณจำเป็นต้องรู้ว่าการวาดแขนแบบไหนที่เราทำได้ดีอย่างเป็นธรรมชาติและแบบไหนที่ทำได้ไม่ดี วิธีนี้จะช่วยให้คุณอดทนและทำเวลาได้ดีในการแข่งว่ายประเภทเดี่ยวและยังเป็นนักว่ายน้ำที่แข็งแรงขึ้นอีกด้วย นอกจากนั้นให้เลือกว่าต้องการจะว่ายระยะยาวหรือระยะสั้น สิ่งนี้สำคัญเพราะว่าทุกคนไม่ได้เหมาะกับการว่ายระยะสั้น เลือกแบบทีดีที่สุดสำหรับตัวเองแล้วคุณจะสนุกกับมันและพบว่าไม่ต้องใช้ความพยายามมากในการวาดแขนเพื่อว่ายให้เร็ว
โฆษณา

สิ่งของที่ใช้

  • ชุดว่ายน้ำ
  • แว่นตากันน้ำ
  • หมวกว่ายน้ำ
  • โฟมสำหรับฝึกเตะขา
  • โฟมพูลบอยสำหรับใส่ขาหนีบ
  • ใบพาย
  • ตีนกบ
  • ท่อช่วยหายใจในน้ำ (ถ้าจำเป็น)
  • ยางยืดสำหรับเก็บผม (ถ้าจำเป็น)
  • ถุงมือว่ายน้ำ (ถ้าจำเป็น)

เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้

มีการเข้าถึงหน้านี้ 44,227 ครั้ง

บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม

โฆษณา