ดาวน์โหลดบทความ ดาวน์โหลดบทความ

การส่งโปสการ์ดไปหาเพื่อน คนในครอบครัว หรือคนที่คุณรักระหว่างเดินทางนั้นเป็นวิธีที่ดีในการแสดงความรักพร้อมบอกให้คนอื่นทราบด้วยว่าคุณกำลังอยู่ที่ไหน การรู้จักเลือกภาพบนโปสการ์ดที่เหมาะสมและเข้าใจรูปแบบทั่วๆ ไปของโปสการ์ดจะช่วยกะรันตีว่าโปสการ์ดของคุณจะส่งถึงมือผู้รับ นอกจากนี้ การรู้ว่าควรจะเขียนข้อความหาผู้รับอย่างไรถึงจะสรุปการเดินทางของคุณได้พอนั้นยังจะทำให้โปสการ์ดที่เขียนมีคุณค่าต่อทั้งคุณและผู้รับอีกด้วย

ส่วน 1
ส่วน 1 ของ 3:

วางรูปแบบของโปสการ์ด

ดาวน์โหลดบทความ
  1. เลือกโปสการ์ดที่เป็นตัวแทนของคุณหรือการเดินทางของคุณ. หนึ่งในขั้นตอนที่สนุกที่สุดของการเขียนโปสการ์ดคือการเลือกรูปภาพบนโปสการ์ดนี่แหละ คิดถึงคนที่คุณกำลังจะส่งโปสการ์ดให้และเลือกรูปที่คนๆ นั้นน่าจะชอบที่สุด โดยคุณสามารถหาซื้อโปสการ์ดได้ตามร้านขายของที่ระลึก ร้านขายของชำ หรือตามร้านบนถนนที่ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยว [1]
    • หากคุณกำลังอยู่ระหว่างการเดินทาง ลองเลือกโปสการ์ดที่มีรูปของสถานที่ที่คุณชอบที่สุดตั้งแต่เริ่มท่องเทียวมาดูสิ
    • สามารถหาซื้อโปสการ์ดได้ตามร้านขายของที่ระลึก ร้านของชำ หรือตามข้างทางจุดที่เป็นแหล่งท่องเที่ยว
  2. ด้านหลังของโปสการ์ดจะแบ่งออกเป็นสองส่วน โดยมีส่วนสำหรับเขียนที่อยู่และแสตมป์ อย่าเขียนที่อยู่ตรงด้านหน้าของโปสการ์ดล่ะเพราะว่าไปรษณีย์จะไม่ตรวจดูข้อมูลที่อยู่ด้านหน้า [2]
    • อย่าเขียนอะไรด้านหน้าของโปสการ์ด เพราะไปรษณีย์เขาไม่มาดูข้อมูลตรงด้านหน้าหรอก
    • เขียนให้ชัดเจนที่สุดเท่าที่จะทำได้ ใช้ปากกาลูกลื่นแทนที่ปากกาเมจิก ซึ่งอาจเลอะเวลาเปียกได้
  3. ซื้อแสตมป์ของประเทศที่คุณไปเที่ยวจากธนาคาร ไปรษณีย์หรือสถานีเติมน้ำมัน หากคุณอยู่ต่างประเทศและอยากได้แสตมป์จากประเทศบ้านเกิด คุณอาจจะสั่งออนไลน์มาก็ได้ แตะน้ำตรงแสตมป์และแปะลงในช่องประที่อยู่ที่มุมบนขวาของโปสการ์ดนะ [3]
    • คุณสามารถหาซื้อแสตมป์ได้ที่ไปรษณีย์ทุกแห่ง
    • การแปะแสตมป์ที่จุดอื่นนอกจากมุมบนขวาอาจจะทำให้ที่ทำการไปรษณีย์เกิดความสับสนและเพิ่มโอกาสที่โปสการ์ดจะหายด้วย
  4. การระบุวันที่เขียนข้อความเป็นวิธีที่ดีที่ช่วยให้คนระลึกถึงเรื่องราวของคุณเมื่อหวนกลับมาอ่านโปสการ์ดในภายหลัง ลงวันที่ไว้ถัดจากมุมบนซ้ายดั่งการประทับตราวันที่เพื่อที่คนรับจะได้รู้ได้ทันทีว่าคุณเขียนโปสการ์ดนี้เมื่อไหร่ คุณยังอาจเขียนด้วยว่าคุณกำลังเขียนโปสการ์ดอยู่ที่เมืองหรือสถานที่ใดที่ด้านบนหรือใต้วันที่ เช่น คุณอาจเขียน: [4]
    • วันที่ 4 กรกฎาคม 2561
    • แกรนด์ แคนยอน อริโซน่า
  5. ทักทายผู้รับโปสการ์ดด้วยคำว่า “ถึง (ตามด้วยชื่อ)” หรือหากคุณอยากจะทำตัวเป็นทางการน้อยลงก็อาจะทักไปว่า “สวัสดี (ชื่อ)!” ก็ได้ คำทักทายจะทำให้ผู้รับรู้สึกพิเศษและซึ้งใจ นอกจากนี้ยังทำให้โปสการ์ดที่คุณส่งดูมาจากใจ ไม่ใช่แค่สักแต่เขียนไปส่งๆ เขียนทักทายผู้รับที่มุมบนซ้ายของโปสการ์ดและเหลือพื้นที่ด้านล่างไว้สำหรับเขียนข้อความ [5]
    • ถ้าอยากจะให้ดูเป็นทางการ เขียนว่า: “สวัสดี (ชื่อ)"
    • ถ้าอยากให้ดูเป็นกันเอง อาจเริ่มด้วย “ว่าไง (ชื่อ)!"
  6. การเขียนโปสการ์ดมันสนุกตรงที่มีข้อจำกัดตอนเขียนนี่แหละ แล้วยังต้องเขียนให้ทั้งสั้นและซึ้งด้วยนะ ตอนเขียนข้อความที่ด้านซ้ายของโปสการ์ด คุณต้องดูให้ดีว่ามีที่พอและวางแผนก่อนจะเขียน คุณคงไม่อยากจะเขียนๆ อยู่แล้วดันไม่เหลือที่ให้เขียนต่อหรอกใช่ไหม [6]
    • หลังจากเขียนข้อความเสร็จ อย่าลืมลงชื่อกำกับไว้ที่มุมด้านล่างซ้ายของโปสการ์ดด้วย
    โฆษณา
ส่วน 2
ส่วน 2 ของ 3:

เขียนข้อความบนโปสการ์ด

ดาวน์โหลดบทความ
  1. เริ่มต้นด้วยการเขียนอะไรที่ส่วนตัวและชวนซึ้งใจ. บอกผู้รับว่าคุณคิดถึงหรือบอกไปว่าคุณนึกถึงพวกเขาระหว่างที่กำลังเดินทาง และคุณรู้สึกตื่นเต้นที่จะได้พบพวกเขาอีกครั้ง การเริ่มต้นเขียนโดยเล่าถึงความคิดถึงที่คุณมีต่อคนๆ นั้นจะทำให้อีกฝ่ายรับรู้ถึงความรักของคุณ ดังตัวอย่าง: [7]
    • “ผมคิดถึงคุณ”
    • “ผมอยากให้คุณอยู่กับผมที่นี่จัง!”
  2. เพราะโปสการ์ดมีขนาดเล็ก จะให้เล่าทุกอย่างของการเดินทางเลยก็คงไม่ไหว ดังนั้น เล่าถึงวันที่คุณชอบเป็นพิเศษหรือความทรงจำอันแสนพิเศษแทนจะได้มั่นใจว่าจะเขียนได้พอพื้นที่ บอกผู้รับว่าคุณชอบอะไรของวันนั้นๆ เป็นพิเศษ และทำไมวันนั้นๆ ถึงได้โดดเด่นกว่าวันอื่นๆ [8]
    • ใส่รายละเอียดให้มากที่สุด แต่ต้องคอยดูด้วยว่าคุณเหลือพื้นที่สำหรับเขียนเท่าไหร่
    • ถ้าการ์ดนั้นมาจากสถานที่พิเศษในการเดินทาง เช่น แกรนด์ แคนยอน ลองไม่อธิบายถึงมันมาก คุณยังส่งโปสการ์ดจากที่อื่นได้อีก
  3. บอกให้ผู้รับทราบถึงสภาพอากาศของที่ที่คุณอยู่. อธิบายว่าสภาพอากาศของวันที่คุณเขียนนั้นมีความแตกต่างไปจากวันอื่นๆ อย่างไร เช่น ฝนตกหรือหิมะตก หรือเขียนเล่าไปว่าอากาศดีงามแค่ไหน การบอกให้ผู้รับทราบถึงสภาพอากาศของที่ที่คุณอยู่จะทำให้ฝ่ายนั้นรู้สึกว่าได้อยู่ใกล้ชิดกับคุณมากขึ้น [9]
    • ไม่จำเป็นต้องเขียนซะละเอียด สั้นๆ แค่ "ที่นี่ร้อนน่าดู!" หรือ "โคตรจะหนาวเลย ต้องใส่เสื้อหนาวทับกันสองตัวแน่ะ!" ก็มากพอแล้ว
  4. บอกให้ผู้รับทราบว่าคุณไปกินอาหารที่ไหน สั่งอะไรและรสชาติเป็นอย่างไร การลงรายละเอียดถึงอาหารมื้อพิเศษที่คุณกินจะทำให้ผู้รับเห็นภาพที่ชัดเจนของการเดินทางของคุณและยังเป็นอีกหนึ่งทางใหม่ที่ทำให้ฝ่ายนั้นรู้สึกว่าตัวเองได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของประสบการณ์ของคุณด้วย [10]
    • นี่ไม่จำเป็นเท่าใดนัก แต่ก็เป็นความคิดที่ดีถ้าสถานที่นั้นขึ้นชื่อเรื่องอาหาร
  5. ไม่ว่าคุณวางแผนจะเดินทางไปที่สถานที่แห่งใหม่หรือจะกลับบ้านในเร็วๆ นี้ การเขียนบอกให้ผู้รับทราบแผนการณ์ของคุณในโปสการ์ดนั้นเป็นความคิดที่ดีเสมอ เขียนสรุปสั้นๆ เพื่อบอกถึงเส้นทางของการเดินทางที่เหลืออยู่ หรืออย่างน้อยก็บอกคร่าวๆ ก็ยังดีเพื่อที่ผู้รับจะได้รู้ว่าคุณจะเดินทางไปที่ไหนในอนาคต [11]
    • หากคุณวางแผนจะกลับบ้านในเร็วๆ นี้ เขียนลงท้ายไปว่า “แล้วเจอกัน”​ หรือ “อยากเจอจนทนแทบไม่ไหวแล้ว!”
    โฆษณา
ส่วน 3
ส่วน 3 ของ 3:

หลีกเลี่ยงความผิดพลาดที่มักเกิดขึ้น

ดาวน์โหลดบทความ
  1. ด้านหลังของโปสการ์ดนั้นไม่มีอะไรปกปิด ดังนั้นใครๆ ที่หยิบโปสการ์ดของคุณขึ้นมาก็สามารถอ่านสิ่งที่คุณเขียนได้ ดังนั้น หลีกเลี่ยงไม่เขียนถึงสิ่งที่คุณจะไม่เล่าให้คนแปลกหน้าฟัง เช่น ข้อมูลส่วนตัวทางธนาคาร ความลับเฉพาะ หรือข้อมูลส่วนตัวใดๆ ก็ตามที่สามารถถูกโจรกรรมนำไปใช้ต่อได้ [12]
    • หากคุณต้องเขียนอะไรที่ค่อนข้างเป็นส่วนตัวถึงใคร เขียนเป็นจดหมายแทนดีกว่า
  2. อย่าปล่อยให้ข้อความที่เขียนล้ำเส้นไปทางด้านขวาของโปสการ์ด. การจำกัดข้อความที่เขียนไว้เฉพาะตรงด้านซ้ายนั้นเป็นเรื่องสำคัญมากที่จะทำให้โปสการ์ดของคุณส่งไปถึงปลายทาง การเขียนข้อความล้ำเส้นจนทางปะปนกับพื้นที่สำหรับเขียนที่อยู่ทางด้านขวาอาจจะทำให้ที่อยู่อ่านยากจนทำให้โปสการ์ดโดนที่ทำการไปรษณีย์โยนทิ้งได้ [13]
    • ถ้ามีเรื่องจะเขียนมาก ลองส่งจดหมายไล่หลังโปสการ์ดไป เขียนข้อความให้กระชับในโปสการ์ด แล้วค่อยขยายรายละเอียดในจดหมาย
  3. เขียนที่อยู่สำหรับตีกลับหากคุณจะอยู่ที่ใดที่หนึ่งนานๆ. เขียนที่อยู่สำหรับตีกลับที่มุมบนซ้ายของโปสการ์ด หากคุณวางแผนจะเที่ยวภายในหนึ่งเดือนหลังจากส่งโปสการ์ดไปแล้วก็เขียนที่อยู่ของจุดหมายใหม่เป็นที่อยู่สำหรับตีกลับแทน การเขียนที่อยู่ตีกลับนั้นจะมีประโยชน์ก็ต่อเมื่อคุณแน่ใจว่าตัวเองจะอยู่ที่ไหน ณ เวลาไหน [14]
    • ถ้าคุณต้องย้ายที่ระหว่างเดินทางบ่อยๆ ก็ข้ามที่อยู่ตีกลับได้เลย กว่าที่คนรับจะได้รับจดหมายแล้วเขียนตอบกลับมา คุณอาจจะย้ายที่ไปไหนแล้วก็ได้
  4. เขียนด้วยลายมืออ่านออกง่าย โดยเฉพาะตอนเขียนที่อยู่. ลายมือหวัดๆ หรืออ่านออกยากอาจจะทำให้ที่ทำการไปรษณีย์ส่งโปสการ์ดของคุณไปผิดที่ หรือโยนทิ้งไปเพราะลายมือแย่เกินจนอ่านไม่ออก หากคุณกังวลเกี่ยวกับลายมือของตัวเอง ลองเขียนที่อยู่ลงบนเศษกระดาษก่อนแล้วค่อยลอกลงบนโปสการ์ด อย่าลืมเขียนให้อ่านออกง่ายทั้งที่อยู่ผู้รับและที่อยู่สำหรับตีกลับล่ะ [15]
    • ส่วนข้อความที่คุณเขียนอาจจะไม่ต้องเขียนให้บรรจงมากก็ได้ตราบใดที่ผู้รับอ่านออก
    โฆษณา

เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้

มีการเข้าถึงหน้านี้ 78,090 ครั้ง

บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม

โฆษณา