ดาวน์โหลดบทความ ดาวน์โหลดบทความ

คงเซ็งแย่ ถ้าหยิบมือถือมาจะโทรออก แต่ทำยังไงก็ขึ้นแต่ข้อความ “emergency calls only” หรือ "โทรฉุกเฉินเท่านั้น" อย่าเพิ่งเครียดไป เพราะจริงๆ แล้วเป็นเรื่องที่พบบ่อย โดยเฉพาะคนที่ใช้มือถือ Android บทความวิกิฮาวนี้เลยจะมาแนะนำวิธีการแก้ไขปัญหาที่พบบ่อยให้เอง แป๊บเดียวก็กลับไปคุยต่อได้แล้ว

  1. จะว่าไปแล้วซิมชิ้นเล็กๆ นี้ก็เหมือนกระดูกสันหลังของมือถือเลย ต้องใส่ซิมให้ถูก มือถือถึงจะใช้งานได้ [1] ปกติซิมจะอยู่ในถาดด้านข้างของเครื่อง หรือแถวก้อนแบตเตอรี่ ที่ด้านหลังของเครื่อง ต่อไปนี้เป็นเคล็ดลับการถอดและใส่ซิม [2]
    • ถ้าอยู่ในถาดใส่ซิม: ใช้ปลายลวดหนีบกระดาษหรือก้านต่างหูแหลมๆ จิ้มเข้าไปใสรูเล็กๆ ข้างช่องใส่แบตของมือถือ แล้วเลื่อนถาดใส่ซิมออกมา เพื่อหยิบซิม จากนั้นใส่ซิมกลับเข้าไปใน slot สังเกตด้วยว่ามุมตัดของซิมนั้นพอดีกับกรอบของถาด [3]
    • ถ้าอยู่แถวแบตเตอรี่: แกะฝาหลังของมือถือออก แล้วถอดแบตเตอรี่ ก็จะเจอ slot ใส่ซิม ให้เลื่อนซิมออกมาจากช่อง แล้วเช็คว่าใส่ซิมให้มุมตัดของซิม ตรงกับมุมตัดของช่องหรือยัง [4]
    โฆษณา
  1. ติดต่อ call center ของค่ายมือถือที่ใช้ เรื่องขอซิมใหม่. ถอดซิมเก่า แล้วใส่ซิมใหม่ เช็คว่าในหน้าจอยังขึ้น “emergency calls only” หรือเปล่า ถ้ายังมี แนะนำว่าปรึกษาช่างหรือศูนย์บริการดีกว่า เพราะถ้าเปลี่ยนซิมใหม่แล้วก็ยังมีปัญหา แสดงว่ามีชิ้นส่วนไหนเสีย แก้เองไม่ได้ [5]
    • ปกติคุณติดต่อขอรับซิมใหม่ได้ฟรี จากค่ายมือถือที่ใช้งาน [6]
3

สัญญาณอาจจะมีปัญหา

ดาวน์โหลดบทความ
  1. เช็คกับค่ายมือถือ ว่าตอนนี้เครือข่ายล่มหรือเปล่า. ปกติถ้าสัญญาณหาย เครือข่ายล่ม ก็แน่นอนว่าจะโทรออกและรับสายไม่ได้ชั่วคราว [7] ลองเช็คข่าวในโซเชียล หรือเว็บ official ของค่ายมือถือดู ว่าตอนนี้เครือข่ายมีปัญหาหรือเปล่า
    • หรือเข้าเว็บ third-party อย่าง DownDetector ก็ได้ จะมีบอกไว้ว่าเว็บไหนหรือเครือข่ายไหนกำลังล่มอยู่
    โฆษณา
4

ต้องเลือกเครือข่ายเอง

ดาวน์โหลดบทความ
  1. มือถืออาจจะไม่ได้เชื่อมต่อเครือข่ายที่ดีที่สุดโดยอัตโนมัติ เลยทำให้มีปัญหาการเชื่อมต่อ ลองเปิด “Settings” แล้วเลือก “Connections” กับ “Mobile networks” จากนั้นแตะตัวเลือก “Network operators” ท้ายเมนู แล้วปิดสวิตช์ “Select automatically” จะเห็นรายชื่อสั้นๆ ของเครือข่ายมือถือโผล่มา ให้เลือกอันที่สัญญาณแรงและเสถียรที่สุด [8]
    • ขั้นตอนนี้อาจจะต้องลองผิดลองถูกหน่อย จนเจอสัญญาณที่ดีที่สุด ไม่เจอข้อความ “emergency calls only” ขึ้นมากวนใจอีก
5

ต้องสลับ network mode

ดาวน์โหลดบทความ
  1. สลับไปใช้ “network mode” ที่แรงน้อยกว่า ใน settings ของมือถือ. เปิด “Settings” แล้วกดปุ่ม “Connections” จากนั้นแตะตัวเลือก “Mobile networks” และ “Network mode” จากนั้นสลับจากตัวเลือกเชื่อมต่อ “LTE/3G/2G” อัตโนมัติ ไปเป็น “2G only” รีเซ็ตสัญญาณแบบนี้น่าจะช่วยให้ข้อความ “emergency calls only” หายไปจากหน้าจอได้ [9]
    • เปลี่ยน network mode ช่วยสลับ data preferences ของมือถือ น่าจะช่วยให้ข้อความ “emergency calls only” หายไปได้
    โฆษณา
6

ต้องรีเซ็ตสัญญาณมือถือ

ดาวน์โหลดบทความ
  1. ปัดเมนูแจ้งเตือนลงมาจากด้านบนของหน้าจอ แล้วมองหาสัญลักษณ์รูปเครื่องบิน เจอแล้วแตะได้เลย เพื่อตัดการเชื่อมต่อทั้ง Wi-Fi และเน็ตมือถือ จากนั้นเปิด Aircraft Mode ไว้สัก 5 วินาทีขึ้นไป ค่อยแตะสัญลักษณ์เครื่องบินซ้ำ น่าจะเป็นการทำ soft reset ช่วยให้ข้อความ “emergency calls only” หายไปได้ [10]
    • คุณเข้า Aircraft Mode ผ่าน “Settings” ก็ได้ โดยเลือก “Connections” จากในเมนูหลัก จะเห็นตัวเลือก “Flight mode” อยู่ระหว่างปุ่ม “Bluetooth” และ “Mobile networks” ให้เปิดสวิตช์นี้ เพื่อรีเซ็ตสัญญาณมือถือ
    • มือถือบางยี่ห้อหรือบางรุ่นจะขึ้นว่า “Flight Mode” [11]
7

อยู่ในที่แออัด

ดาวน์โหลดบทความ
  1. ออกจากตรงที่คนเยอะๆ ไปลองใช้มือถือในที่โล่ง. สัญญาณมือถือมักไม่ค่อยเสถียร เวลามีคนใช้งานพร้อมกันเยอะๆ ในระยะสัญญาณเสาเดียวกัน ถ้าอยู่ๆ ก็มีข้อความ “emergency calls only” หรือ "โทรฉุกเฉินเท่านั้น" โผล่มา ก็ลองออกจากที่คนเยอะๆ ไปที่ที่คนน้อยแล้วลองโทรดูใหม่ [12]
    • เช่น บางทีก็โทรออกไม่ติด เวลาขับรถผ่านพื้นที่การจราจรหนาแน่นในเมือง
    โฆษณา
8

เสาอากาศมือถือเสีย

ดาวน์โหลดบทความ
  1. ซื้อ backplate หรือแผ่นประกบหลังมือถือใหม่ จากยี่ห้อที่ใช้. ลองเช็คสภาพ backplate ของมือถือตอนนี้ดู ว่าแน่นกระชับไปกับตัวเครื่องหรือเปล่า ถ้าดูไม่ค่อยแนบ แสดงว่าเสาอากาศอาจจะเสียหาย จนทำให้มีข้อความ “emergency calls only” โผล่มา แบบนี้ต้องติดต่อศูนย์บริการของยี่ห้อมือถือที่ใช้ หรือเข้าเว็บ official ก็ได้ ว่าอยากเปลี่ยน backplate ของมือถือรุ่นนั้นๆ ใหม่ [13]
9

ต้องปิดแล้วเปิดเครื่องขึ้นมาใหม่

ดาวน์โหลดบทความ
  1. กดปุ่ม power ของมือถือ แล้วจะมีปุ่ม “Power off” โผล่มาในหน้าจอ ก็แตะไป แล้วแตะ “OK” เพื่อปิดมือถือให้เสร็จ [14] พอมือถือปิดแล้ว ก็เปิดฝาหลัง แล้วถอดแบตออกมา รอสัก 2 - 3 วินาที ค่อยใส่แบตกลับ ประกอบฝา แล้วเปิดเครื่องดู [15]
    โฆษณา
10

ต้องทำ factory reset

ดาวน์โหลดบทความ
  1. ถ้าทำทุกวิถีทางแล้วข้อความ “emergency calls only” ยังไม่หายไป แนะนำให้ทำ factory reset แต่ถือเป็นหนทางสุดท้ายจริงๆ [16] โดยไปที่ “Settings” แล้วแตะ “System”, “Advanced” จากนั้นแตะ “Reset options” เลือก “Erase all data (factory reset)” ตามด้วย “Erase all data” แล้วใส่ PIN มือถือ สุดท้ายแตะ “Erase all data” อีกรอบ หวังว่ารีเซ็ตเครื่องแล้วจะช่วยได้! [17]
    • ย้ำว่าต้อง backup ข้อมูลในมือถือไว้ก่อนทำ factory reset เพราะข้อมูลทั้งหมดจะหายไป เหมือนเครื่องใหม่ที่เพิ่งซื้อมา
11

ไม่ได้ชำระค่าบริการภายในเวลาที่กำหนด

ดาวน์โหลดบทความ
  1. ล็อกอินเข้าบัญชีผู้ใช้ของค่ายมือถือ แล้วเช็คว่าชำระค่าบริการหรือยัง. ลองเช็คดูว่าคุณชำระค่าบริการรอบก่อนหรือยัง ให้แน่ใจว่าไม่ได้ค้างค่าบริการหลายเดือน เพราะส่วนใหญ่แค่ไม่ชำระค่าบริการ 2 รอบบิล ค่ายมือถือก็มักระงับสัญญาณ ทำให้ใช้งานต่อไม่ได้ [18]
    • เช็คด้วยว่าข้อมูลช่องทางชำระเงินที่ให้ไว้ถูกต้องแล้ว
    โฆษณา

บทความวิกิฮาวอื่น ๆ ที่่เกี่ยวข้อง

แก้ไขเมื่อมือถือขึ้นข้อความเตือนว่าไม่มีซิม
ใช้งาน WeChat
กำจัดฟองอากาศบนฟิล์มกันรอย
หา PUK Code ของมือถือ
ปลดล็อคซิมโดยไม่ใช้รหัส PUK
เช็คเบอร์มือถือตัวเองจากซิม
โทรออกแบบไม่โชว์เบอร์
โทรเข้าเบอร์ต่อ (extension)
ค้นหา Apple Watch ที่หายไปอย่างไรเมื่อแบตเตอรี่หมด
เช็คว่ามือถือปลดล็อคเครือข่ายหรือยัง
หาเบอร์มือถือสำหรับใช้ชั่วคราว
โกงจำนวนนับก้าวในมือถือแบบไม่ต้องเดิน
เช็คผ่าน iPhone หรือ iPad ว่าอีกฝ่ายอ่านข้อความของคุณหรือยัง
ตรวจสอบว่าคอมพิวเตอร์ของคุณมีบลูทูธหรือไม่
โฆษณา

เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้

มีการเข้าถึงหน้านี้ 46,849 ครั้ง

บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม

โฆษณา