ดาวน์โหลดบทความ ดาวน์โหลดบทความ

ช่วงมัธยมศึกษาตอนต้นอาจจะเป็นช่วงเวลาที่ยากลำบากสำหรับทุกคนเพราะพวกเขาต้องรับมือกับร่างกายและอารมณ์ที่เปลี่ยนแปลงเช่นเดียวกับต้องกังวลว่าผู้คนจะคิดอย่างไรกับพวกเขา แต่อย่ากลัวถ้าคุณอยากเป็นคนที่ได้รับความนิยมในช่วงมัธยมศึกษาตอนต้น สิ่งที่คุณต้องทำคือทำตัวให้เป็นจุดสนใจ เข้าสังคม และเป็นคนที่ดีที่สุดในขณะที่ เป็นตัวของตัวเอง

ส่วน 1
ส่วน 1 ของ 3:

การเป็นที่สังเกต

ดาวน์โหลดบทความ
  1. สิ่งที่สำคัญอย่างหนึ่งในการ ได้รับความนิยมชมชอบ คือทำให้ผู้คนสนใจคุณและอยากอยู่ใกล้คุณ คุณต้องพาตัวเองออกไปเพื่อทำสิ่งนั้น ถ้าคุณมักจะเดินอยู่ในโรงเรียนตามลำพัง ไม่อยากไปเรียนวิชาต่อไป หรือทำหน้าห่อเหี่ยวตลอดทางเดินไปเรียนวิชายิมนาสติก คุณก็จะไม่สร้างความประทับใจที่ดีและผู้คนก็จะคิดว่ามันน่าเบื่อที่ต้องอยู่ใกล้คุณ เคล็ดลับของการทำให้คนอยากอยู่ใกล้คุณคือทำให้พวกเขาเห็นคุณ หัวเราะ และมีช่วงเวลาที่ดีเพื่อให้เขาอยากใช้เวลากับคุณด้วย [1]
    • เมื่อคุณอยู่กับเพื่อนก็ควรพยายามและยิ้มและทำตัวให้สนุกเพื่อให้ผู้คนรู้ว่าคุณกำลังมีช่วงเวลาที่ดีในโรงเรียน
    • แม้ว่าคุณจะเดินอยู่คนเดียวแต่คุณก็ควรยิ้มให้ผู้คนและส่งพลังงานที่เป็นบวกเพื่อให้คนอื่นอยากรู้จักคุณ
  2. การไว้ผมทรงโมฮอกสีชมพูหรือมาโรงเรียนในชุดว่ายน้ำจะทำให้คุณเป็นคนที่โดดเด่นแต่คุณอาจจะไม่ได้รับความสนใจแบบที่คุณต้องการ ถ้าคุณอยากทำตัวโดดเด่นในทางที่ดีคุณจะต้องทำให้ผู้คนรู้ว่าคุณเป็นใครและนึกถึงคุณในเชิงบวกเมื่อได้ยินชื่อของคุณ เหล่านี้คือวิธีในการทำให้คุณเป็นจุดสนใจ:
    • คุณอาจจะเป็นผู้ชายที่พกกีต้าร์มาด้วยและรู้วิธีการเล่นกีต้าร์จริงๆ
    • คุณอาจจะเป็นคนที่หัวเราะบ่อยๆ ซึ่งทุกคนได้ยินเสียงคุณจากทุกมุมตึก
    • คุณอาจจะโดดเด่นในด้านการแต่งตัว คุณอาจจะมีสไตล์ที่ไม่เหมือนใคร เช่น ดูเป็นสาวฮิปหรือหนุ่มขาร็อคเพื่อให้ทุกคนรู้ว่าคุณเป็นใคร
    • บางทีคุณอาจจะมีเสียงต่ำทุ้มที่ไม่เหมือนใคร ไม่ว่าจุดเด่นของคุณจะเป็นอะไรก็อย่าพยายามปกปิดมัน จำไว้ว่าคุณอยากเป็นจุดสนใจสำหรับสิ่งที่ทำให้คุณพิเศษ
  3. การเข้าร่วมทีมและเล่นกีฬาไม่เพียงแต่เป็นวิธีที่ดีเพื่อออกกำลังกายและรู้สึกมีความสุขมากขึ้น แต่ยังเป็นวิธีที่ยอดเยี่ยมในการเจอผู้คนใหม่ๆ และทำตัวให้เป็นที่รู้จักอีกด้วย คุณไม่จำเป็นต้องเป็นดาวเด่นของทีมฟุตบอลเพื่อเล่นกีฬา แค่หาความสนุกและได้ออกกำลังกายหลังเลิกเรียน ไม่ว่าโรงเรียนของคุณจะมีทีมหรือไม่หรือคุณเล่นให้กับลีกของชุมชน คุณก็ควรพยายามเล่นกีฬาอย่างน้อย 1 ชนิดเพื่อที่น่าจะได้เจอกับคนที่น่าสนใจมากมาย
    • คุณอาจจะไม่ชอบกีฬาหรือเล่นได้ไม่นาน แต่ถ้าคุณใช้เวลาช่วงมัธยมศึกษาตอนต้นอย่างน้อย 1 ปีเพื่อเล่นกีฬา คุณก็น่าจะมีเพื่อนและขยายวงจรทางสังคมของคุณ
    • การเล่นกีฬายังสอนคุณเกี่ยวกับเรื่องทีมเวิร์คและวิธีจัดการกับพรสวรรค์และนิสัยที่แตกต่างกันซึ่งสามารถช่วยให้คุณจัดการกับผู้คนในชีวิตประจำวันและมีทักษะที่จะช่วยคุณเป็นที่นิยมมากขึ้น
  4. การเข้าร่วมชมรมจะช่วยให้คุณเจอผู้คนและพาตัวเองออกไป และกลายเป็นคนที่น่าสนใจมากขึ้นเมื่อคุณค้นหาความชอบของคุณ เลือกสิ่งที่คุณสนใจจริงๆ เช่น การโต้วาที ภาษาฝรั่งเศส สหประชาชาติจำลอง หรือหัวข้ออื่นๆ และยึดติดกับมัน กลายเป็นหัวหน้าชมรมและใช้ตำแหน่งของคุณเพื่อพัฒนาชมรมและทำความรู้จักคนที่หลากหลาย
    • อย่าคิดว่าการเข้าร่วมชมรมเป็นสิ่งที่ไม่เท่หรือเชย คุณกำลังเดินก้าวหน้ากว่าคนที่จะเข้าร่วมชมรมในช่วงมัธยมศึกษาตอนปลายเมื่อพวกเขารับรู้ว่าการได้เข้าร่วมเป็นสิ่งที่เท่มาก
    • การเข้าร่วมชุมนุมและการเล่นกีฬาถ้าคุณมีเวลาจะเป็นวิธีที่ดีเพื่อพบเจอกับผู้คนที่หลากหลาย คุณจะไม่เจอคนเดิมๆ ในชมรมที่คุณเคยเจอในทีมกีฬา
  5. ยิ่งคุณทำหลายสิ่งมากเท่าไหร่คุณก็จะรู้จักคนมากเท่านั้น และเมื่อคุณรู้จักคนมากขึ้นเท่าไหร่คุณก็จะเป็นจุดสนใจมากขึ้นเท่านั้น และเพื่อให้ผู้คนไม่ต้องสงสัยเมื่อได้ยินชื่อของคุณ คุณสามารถเล่นฟุตบอล เข้าร่วมชมรมละคร และเป็นผู้ช่วยนักเรียนในห้องสมุด ทำอะไรก็ตามที่คุณคิดว่าน่าสนใจและใช้ตำแหน่งของคุณเพื่อรู้จักคนใหม่ๆ
    • ถ้าคุณทำตามความชอบเพียงอย่างเดียว คุณก็จะอยู่ท่ามกลางคนประเภทเดียว กุญแจสำคัญเพื่อเป็นคนที่เป็นที่นิยมคือการทำให้ผู้คนมากหน้าหลายตาพึงพอใจ
  6. คุณอาจจะคิดว่าการมีส่วนร่วมหรือพูดในชั้นเรียนเป็นสิ่งที่ไม่เท่และคุณควรนั่งอยู่หลังสุดของห้องโดยดูเหมือนว่าคุณมีอย่างอื่นที่ดีกว่าต้องทำ แทนที่จะทำแบบนั้น คุณควรมีส่วนร่วมในชั้นเรียนและทำการบ้านเพื่อดูเหมือนว่าคุณรู้ว่าคุณกำลังพูดเรื่องอะไร คุณไม่จำเป็นต้องประจบคุณครูแต่คุณควรพูดให้มากพอที่นักเรียนคนอื่นในห้องจะรู้ว่าคุณคือใครและชอบในสิ่งที่คุณพูด
    • คุณต้องไม่ออกตัวแรงเหมือนว่าคุณรู้ทุกอย่างเมื่อคุณพูด เคารพและเปิดใจเมื่อคุณตอบคุณครู
    โฆษณา
ส่วน 2
ส่วน 2 ของ 3:

การมีเพื่อนมากมาย

ดาวน์โหลดบทความ
  1. ถ้าคุณอยากได้รับความนิยม คุณก็ต้องพยายามเข้าสังคมแม้ว่าคุณจะขี้อายก็ตาม คุณไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนแปลงนิสัยทั้งหมดเพื่อเป็นมิตรกับทุกคนแม้ว่าคุณไม่คิดว่าคนๆ นั้นจะช่วยด้านสถานะทางสังคมของคุณ สิ่งที่เลวร้ายที่สุดคือการเป็นคนของสังคมที่มีชื่อเสียงเรื่องการพูดกับคนที่จะทำให้เขาดูเป็นที่นิยมมากขึ้น แทนที่จะทำแบบนั้น คุณควรพยายามเป็นมิตรกับทุกคนที่เข้าหาคุณ สิ่งนั้นจะตอบแทนคุณในภายหลัง
    • เมื่อใดก็ตามที่คุณเห็นคนรู้จักและพวกเขาดูไม่ยุ่งก็ควรทักทายและยิ้มหรือโบกมือให้เขา คุณไม่จำเป็นต้องมีสิ่งที่เหมือนกันมากมายเพื่อทำดีกับใครบาง
    • มันไม่ใช่เรื่องดีที่จะทำตัวหยาบคายกับใครบางคนเหมือนสาวๆในเรื่อง Mean Girls สิ่งเหล่านั้นอาจจะทำได้ในหนังแต่ในชีวิตจริงคุณจะเสียหายในระยะยาวถ้าคุณมีทัศนคติที่ไม่ดี
    • เป็นคนใจดี เป็นคนดีกับคนอื่นและช่วยเหลือในทุกโอกาสไม่ใช่เพียงเพราะคุณคิดว่ามันจะทำให้พวกเขาชวนคุณไปงานปาร์ตี้วันเกิด
  2. ถ้าคุณอยากเป็นที่นิยม คุณก็ต้องแสดงว่าคุณใส่ใจคนอื่นจริงๆ ไม่ว่าพวกเขาจะชอบคนหรือไม่ก็ตาม คุณควรแสดงความสนใจในตัวผู้อื่นด้วยการทำตัวเป็นมิตร ถามเพื่อนและคุณรู้จักว่าพวกเขาเป็นอย่างไร และถามเกี่ยวกับความสนใจ ครอบครัว และเป้าหมายที่นอกเหนือจากการเรียน
    • เมื่อคุณพูดกับคนอื่นก็ควรถามคำถาม เช่น “วันนี้เป็นอย่างไรบ้าง” หรือ “สุดสัปดาห์นี้จะทำอะไร” เพื่อให้พวกเขารู้ว่าคุณสนใจเกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้นในชีวิตของพวกเขา
    • พยายามรับฟังให้มากเท่ากับที่คุณพูด ถ้าคุณมัวแต่ใช้เวลาพูดเกี่ยวกับตัวเองและสิ่งต่างๆ ที่คุณกำลังทำ ผู้คนก็จะหมดความสนใจอย่างรวดเร็ว
    • คุณควรถามความคิดเห็นของผู้อื่นเกี่ยวกับหัวข้อต่างๆ ตั้งแต่คุกกี้ในโรงอาหารที่โรงเรียนไปจนถึงชมรมที่คุณควรเข้าร่วม การถามหาความคิดเห็นแสดงว่าคุณใส่ใจและให้คุณค่าความคิดเห็นของพวกเขา
  3. ถ้าคุณอยากเป็นที่นิยมในช่วงมัธยมศึกษาตอนต้น คุณก็ควรเป็นเพื่อนกับนักเรียนที่ไม่ใช่แค่กลุ่มที่เป็นที่นิยมเท่านั้นแต่เป็นเพื่อนกับนักเรียนทุกคนในโรงเรียน ถ้าคุณมักจะพูดคุยกับคนเดิมๆ แค่ 8 คนเพราะคุณคิดว่ามันทำให้คุณดูเท่ คุณก็จะมีปัญหาในช่วงมัธยมศึกษาตอนปลายเมื่อโรงเรียนใหม่ของคุณเต็มไปด้วยผู้คนใหม่ๆ และคุณไม่รู้จักพวกเขา พยายามเป็นเพื่อนกับทุกคนตั้งแต่สาวน้อยที่น่ารักในชั้นเรียนของคุณไปจนถึงเด็กหนุ่มที่ใช้ล็อคเกอร์ถัดจากคุณ
    • คุณไม่จำเป็นต้องเป็นเพื่อนสนิทกับทุกคนแต่คุณควรหาคนที่ทำให้คุณสนใจและสามารถสอนบางอย่างให้กับคุณโดยไม่โจ่งแจ้งจนเกินไป
  4. พูดคุยเรื่องสัพเพเหระ . การพูดคุยเรื่องสัพเพเหระเป็นสิ่งที่สำคัญ การเป็นคนที่พูดคุยเรื่องสัพเพเหระเก่งจะช่วยให้คุณพูดกับผู้อื่นและทำให้คุณรู้สึกสบายใจก่อนที่คุณจะพูดคุยอย่างลึกซึ้ง ในการพูดเรื่องสัพเพเหระ คุณเพียงแค่ต้องเดินไปหาคนๆ นั้น ทักทาย และเริ่มพูดเกี่ยวกับแต่ละวันของคุณ การถามคำถามสามารถนำไปสู่บทสนทนาที่กว้างขึ้นและทำให้ผู้คนเปิดใจกับคุณ เหล่านี้คือบางสิ่งที่คุณสามารถพูดเพื่อพูดคุยเรื่องสัพเพเหระ:
    • “เธอได้ดูหนังเรื่องนั้นหรือเปล่า ฉันว่ามันบ้าคลั่งมาก เธอคิดว่ายังไง”
    • “เชื่อไหมว่าข้อสอบคณิตศาสตร์ยากมาก ฉันอ่านหนังสือตลอดช่วงสุดสัปดาห์แล้วยังตอบคำถามไม่ได้ครึ่งหนึ่งเลย แล้วเธอล่ะ เธอได้ทำอะไรสนุกๆ ในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาหรือเปล่า”
    • “เกมการแข่งขันเป็นยังไงบ้าง ขอโทษนะที่ไม่ได้ไป”
    • คุณต้องไม่ถามแต่คำถามปลายปิดที่สามารถตอบด้วยคำง่ายๆ ว่า “ใช่” หรือ”ไม่ใช่” แต่ควรถามด้วยคำถามที่ผู้คนสามารถขยายความได้ ถ้าพวกเขาตอบคำถามเหล่านั้นได้ด้วยคำๆ เดียว บทสนทนาก็จะหยุดอยู่ตรงนั้นและคุณก็จะไม่รู้ว่าต้องพูดอะไร
  5. การทำให้ผู้คนหัวเราะเป็นสิ่งที่สำคัญในการเข้าสังคมและทำให้ตัวเองเป็นที่นิยมมากขึ้น ถ้าคุณรู้สึกสบายใจกับการเป็นตัวตลกของห้องก็ควรทำแบบนั้น ถ้าคุณอยากทำให้คนอื่นประทับใจด้วยความหลักแหลมของคุณ สิ่งนั้นก็ดีเช่นกัน และถ้าคุณเก่งในเรื่องแกล้งคนและทำให้พวกเขาหัวเราะ มันก็เป็นเรื่องที่คุณถนัด อย่ายัดเยียดอารมณ์ขันให้ผู้คนแต่พยายามเพิ่มศักยภาพเพื่อทำให้ผู้คนหัวเราะ
    • สังเกตว่าผู้คนหัวเราะมากที่สุดตอนไหนเมื่อคุณคุยกับพวกเขา จดจำสิ่งนี้ไว้ในหัวว่าคุณทำอะไรให้พวกเขาหัวเราะและลองทำแบบนั้นอีกครั้งในภายหลัง
  6. การเรียนรู้ที่จะหัวเราะเยาะตัวเองเป็นสิ่งที่สำคัญของการเป็นคนที่ตลกและเข้าสังคม และเป็นที่นิยมมากขึ้น ผู้คนคิดว่าเด็กที่เป็นที่นิยมส่วนใหญ่คิดว่าพวกเขาสมบูรณ์แบบและทำอะไรถูกต้องทุกอย่าง แต่มันจะดีไม่น้อยถ้าพวกเขาคิดว่าคุณเท่โดยไม่จริงจังกับตัวเองเกินไป คุณไม่จำเป็นต้องดูถูกตัวเองหรือเสียความเชื่อมั่นเพื่อหัวเราะเยาะตัวเอง แต่คุณควรเล่นมุกเกี่ยวกับข้อเสียและความกังวลของคุณเพื่อแสดงให้ผู้อื่นเห็นว่าคุณสบายใจกับตัวตนที่คุณเป็น
    • ไม่มีใครสมบูรณ์แบบ ถ้าผู้คนเห็นว่าคุณสามารถหัวเราะเยาะตัวเองระหว่างบทสนทนาธรรมดาๆ ได้ พวกเขาก็จะชื่นชมคุณมากขึ้น
    • ถ้าคุณไม่สามารถหัวเราะเยาะตัวเองและเป็นคนอ่อนไหวมากจนไม่สามารถรับมุกเมื่อคนอื่นหยอกล้อคุณได้ ผู้คนก็จะคิดว่าคุณไม่สนุกและไม่มีใครอยากเป็นเพื่อนกับคนที่ไม่สนุก
    โฆษณา
ส่วน 3
ส่วน 3 ของ 3:

การเป็นตัวตนที่ดีที่สุด

ดาวน์โหลดบทความ
  1. คุณไม่จำเป็นต้องเป็นผู้หญิงที่แต่งหน้าหนาหรือผู้ชายที่สวมรองเท้าหรือกางเกงยีนส์ที่ทันสมัยที่สุดเพื่อเป็นที่นิยมและได้รับความสนใจ แต่คุณควรใส่ใจกับรูปร่างหน้าตาเพื่อให้เสื้อผ้าและร่างกายสะอาด หน้าไม่มัน และผู้คนจะสร้างความประทับใจเชิงบวกด้วยการมองคุณ คุณจะรู้สึกดีขึ้นกับตัวเองเช่นกันถ้าคุณรู้ว่าคุณดูดี
    • สาวๆ ไม่ควรแต่งหน้าเพียงเพราะว่าเพื่อนๆ แต่งหน้าถ้านั้นไม่ใช่สิ่งที่พวกเขาต้องการทำ ความงามแบบธรรมชาติน่าประทับใจกว่าความงามที่ถูกปกคลุมไปด้วยอายแชโดว์และลิปกลอส
  2. มั่นใจในตัวเอง . ถึงแม้ว่าคุณไม่สามารถมั่นใจในตัวเองในชั่วข้ามคืนแต่คุณสามารถพยายามเป็นคนที่มั่นใจมากขึ้นเพื่อมีความสุขกับตัวตนที่คุณเป็น สิ่งที่คุณทำ และรูปร่างหน้าตาของคุณ พยายามนึกถึงคุณสมบัติที่ดีที่สุดของคุณแทนที่จะจดจ่ออยู่กับข้อเสียและเดินเข้ามาในห้องเหมือนว่าคุณมีความสุขที่ได้อยู่ที่นั่นและสมควรที่จะอยู่ที่นั่น คุณสามารถแกล้งทำจนกว่าจะทำได้จริงๆ ถึงแม้ว่าคุณไม่รู้สึกมั่นใจแต่การทำตัวมั่นใจจะช่วยให้ผู้คนเคารพคุณ [2]
    • มีภาษากายที่มั่นใจ ยืนตรง ไหล่ผายแทนที่จะหลังค่อม และมองตรงๆ แทนที่จะก้มดูพื้น
    • สบตาเมื่อคุณพูดคุยกับผู้คน สิ่งนี้จะแสดงให้พวกเขาเห็นว่าคุณไม่กลัวที่จะสื่อสารทางสังคม
    • อย่าดูถูกตัวเอง การบั่นทอนตัวเองเพื่อดึงดูดความสนใจหรือเพื่อหาเรื่องพูดคุยจะทำให้ผู้อื่นคิดว่าคุณไม่เห็นคุณค่าของตัวเอง
  3. ถ้าคุณอยากเป็นจุดสนใจ คุณก็ต้องเป็นตัวตนที่แท้จริงไม่ว่าจะเป็นเรื่องของรูปร่างหน้าตาหรือมุมมองชีวิตที่ไม่เหมือนใคร คุณไม่จำเป็นต้องทำตัวประหลาดหรือทำสิ่งที่คุณรู้สึกไม่สบายใจเพื่อเป็นคนที่แตกต่าง เพียงแค่ยอมรับข้อแตกต่างและความคิดและการกระทำที่ทำให้คุณพิเศษ ผู้คนจะสังเกตเห็นได้ถ้าคุณตั้งใจเป็นคนที่เป็นปัจเจกบุคคลแทนที่จะทำตามผู้อื่น
    • อย่าแต่งตัวเหมือนคนอื่นเพื่อทำตัวให้กลมกลืน หาสไตล์ที่เหมาะกับนิสัยของคุณ
    • คุณไม่จำเป็นต้องชอบเพลงแนวเดียวกับทุกคนเพื่อเป็นที่นิยม ผู้คนจะเคารพคุณมากขึ้นถ้าคุณหาแนวดนตรีที่คุณชอบและแบ่งปันกับผู้อื่น
    • อย่ากลัวที่จะออกความคิดเห็นในห้องเรียนถึงแม้ว่ามันไม่ตรงกับสิ่งที่คนอื่นคิดก็ตาม ความคิดที่ไม่เหมือนใครจะทำให้ผู้คนสนใจคุณ
  4. อีกหนึ่งวิธีเพื่อเป็นที่สังเกตสำหรับการเป็นคนที่ยอดเยี่ยมและเพื่อรู้สึกดีกับตัวเองที่ทำบางอย่างได้ดี ไม่ว่าจะเป็นคนที่มีความรู้มากที่สุดในชั้นเรียนวิชาภาษาอังกฤษไปจนถึงการเป็นผู้รักษาประตูที่ดีที่สุดของโรงเรียน อย่าคิดว่าเป็นเรื่องที่ไม่ดีที่จะสนใจเรื่องอะไรบางอย่างและควรยอมรับสิ่งที่คุณชอบและพยายามทำสิ่งนั้นให้ดี มันจะตอบแทนคุณในอนาคต
    • การเป็นคนที่เก่งเรื่องบางอย่างไม่เพียงแต่จะทำให้ผู้คนสนใจคุณแต่ยังจะหล่อหลอมบุคลิกของคุณด้วย
    • ถ้าคุณดื่มด่ำกับบางสิ่งที่คุณใส่ใจ คุณก็จะไม่สนใจว่าคนอื่นคิดอย่างไรและน่าจะหาเพื่อนใหม่ได้ระหว่างทางด้วย
    • การทำบางอย่างได้ดีจะทำให้คุณที่มีพลังและคุยด้วยสนุกยิ่งขึ้น ฉะนั้นผู้คนจะชอบคุณมากขึ้นและคุณสามารถพูดเรื่องบางอย่างที่คุณชอบทำได้แต่ที่คุณไม่โอ้อวด
  5. คุณอาจจะรู้สึกว่าเป็นไปไม่ได้ที่จะหยุดใส่ใจว่าคนอื่นคิดอย่างไรในช่วงมัธยมศึกษาตอนต้นเมื่อหลายคนใช้เวลาส่วนใหญ่ในการพูดคุยและนินทาผู้อื่นและกังวลว่าพวกเขาจะดูเป็นอย่างไร มันเป็นเรื่องธรรมชาติที่จะใส่ใจว่าผู้อื่นคิดอย่างไรเมื่อคุณกำลังเติบโตทั้งทางร่างกายและจิตใจในฐานะคนๆ หนึ่งและยังไม่รู้ว่าคุณคู่ควรกับอะไร
    • ถ้าคุณตระหนักว่าไม่ใช่คุณคนเดียวที่รู้สึกไม่มั่นใจหรือสงสัยว่าคนอื่นคิดอย่างไรเกี่ยวกับคุณ คุณก็น่าจะไม่สนใจมากขึ้น
    • จดจ่อกับการทำสิ่งที่ทำให้คุณมีความสุขแทนที่จะกังวลเกี่ยวกับว่าผู้อื่นจะหัวเราะเยาะคุณหรือไม่เมื่อคุณทำสิ่งนั้น
    • ถ้าคุณใช้ชีวิตกับการทำสิ่งอะไรก็ตามที่คุณคิดว่าจะทำให้ผู้อื่นชอบคุณมากขึ้น คุณก็จะไม่มีวันเพียงพอใจ
    • เมื่อคุณเดินเข้ามาในห้องก็ให้เดินตัวตรงและภูมิใจแทนที่จะดูเงาสะท้อนของตัวเองทุก 2 วินาที ขยับเสื้อผ้า และสงสัยว่าผู้คนคิดยังไงกับรูปร่างหน้าตาของคุณ
  6. รับรู้ว่านี่คือช่วงมัธยมศึกษาตอนต้นเท่านั้น. ความมีชื่อเสียงของคุณไม่ได้ส่งผลกับใครเมื่อคุณอยู่ชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย อันที่จริงแล้วผู้คนจะไม่ชอบคุณถ้าคุณเป็นที่นิยมตั้งแต่ช่วงมัธยมศึกษาตอนปลายเป็นต้นไปเพราะการกระทำแบบเหมารวมของคนที่เป็นที่นิยม ความมีชื่อเสียงอยู่ถึงแค่ประมาณช่วงมัธยมศึกษาปีที่ 2 เท่านั้น ฉะนั้นอย่าปล่อยให้มันกวนใจคุณ แค่เป็นคนที่ดีและมีเพื่อนเท่านั้น จะมีประโยชน์อะไรถ้าคุณเป็นคนที่เป็นที่นิยมแต่ไม่มีใครชอบคุณ นี่คือช่วงมัธยมศึกษาตอนต้นเท่านั้น ความมีชื่อเสียงคือความขัดแย้งในอนาคตที่ง่ายที่สุด
    • มีงานวิจัยมากมายที่บอกว่าเด็กที่ไม่เป็นที่นิยมในช่วงมัธยมศึกษาตอนต้นมักจะเป็นผู้ใหญ่ที่ประสบความสำเร็จ ถ้าคุณคิดว่าตัวเองไม่เป็นที่นิยมก็ควรตระหนักว่าทุกอย่างจะต้องดีขึ้นจากนี้ไปในขณะที่เด็กที่เป็นที่นิยมของคนอื่นอยู่ที่จุดสูงสุดของพวกเขาแล้ว [3]
    โฆษณา

เคล็ดลับ

  • อย่าคบแต่คนที่เป็นเพศเดียวกับคุณ หาเพื่อนที่เป็นเพศตรงข้ามบ้าง
  • การรู้รูปร่างของใบหน้าและร่างกายสามารถช่วยให้คุณเลือกเสื้อผ้าหรือทรงผมที่เหมาะสมได้
  • เห็นคนที่นั่งหลังห้องเรียนไหม ลองชวนเขาให้นั่งทานข้าวกลางวันกับคุณ
  • อย่าทำตัวเหมือนคนที่คุณไม่ได้เป็น เรียนรู้ที่จะเคารพตัวเองก่อนเพื่อที่คุณจะสามารถคาดหวังให้ผู้อื่นเคารพคุณในแบบที่คุณเป็น
  • ทำตัวให้เหมือนว่าคุณไม่ได้ใช้เวลาอ่านหนังสือแต่ได้คะแนนดีเพื่อให้คนอื่นอิจฉาคุณ
  • แสดงให้ผู้คนเห็นว่าพวกเขาสามารถเป็นตัวของตัวเองได้เมื่ออยู่กับคุณ การทำสิ่งนี้จะช่วยเปิดการสานสัมพันธ์ระหว่างคุณกับพวกเขา
  • คุณเป็นคนพิเศษในแบบของตัวเอง คุณสามารถแสดงส่วนที่พิเศษของคุณออกมาและอย่าปล่อยให้ใครตัดสินมัน
  • เป็นตัวของตัวเองเสมอ ไม่มีใครชอบคนที่พยายามทำตัวเหมือนคนอื่น
  • เมื่อคุณทำพลาดก็ควรเรียนรู้ที่จะปล่อยมันไปและมองสิ่งนั้นให้เป็นเรื่องตลก
  • ชวนเพื่อนไปดูหนังที่โรงหนัง มันมักจะดึงดูดทุกคน
โฆษณา

คำเตือน

  • อย่าปล่อยให้การเป็นที่นิยมมีอำนาจเหนือชีวิตคุณ คุณคือตัวตนของคุณและไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงมันได้ มีความสุขกับตัวเองและอย่าหมกมุ่นกับตัวตนที่คุณอยากเป็น
  • อย่าใช้ความหยาบคาย ผู้คนจะคิดว่าคุณพูดถึงผู้อื่นในทางที่ไม่ดี คุณต้องวางตัวให้ดี
  • อย่ายอมให้ผู้อื่นกดดันคุณโดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าเป็นเรื่องของการใช้ยาเสพติดและดื่มแอลกอฮอล์ คนที่บังคับให้คุณเป็นเหมือนเขาหรือทำสิ่งที่คุณรู้ว่าคุณไม่ควรทำไม่ใช่เพื่อนของคุณ
  • อย่าทำให้ใครรู้สึกไม่ดีกับตัวตนของตัวเอง คำพูดจะส่งผ่านอย่างรวดเร็วและไม่มีใครอยากอยู่กับคนที่ชอบดูถูกคนอื่น
  • อย่าทิ้งเพื่อนเมื่อคุณอยากเป็นที่นิยม เพื่อนเก่าของคุณจะอยู่กับคุณตลอดไปตราบใดที่คุณยังไปเที่ยวกับพวกเขาหรือคุยกันเป็นครั้งคราวในขณะที่เพื่อนที่เป็นที่นิยมของคุณอาจจะไม่ไปเที่ยวกับคุณอีกต่อไป
    • ถ้าใครบางคนแกล้งคุณและไม่ยอมหยุดก็ควรบอกพ่อแม่ คุณครูที่โรงเรียน หรือผู้ใหญ่ที่คุณไว้ใจ ไม่มีใครมีสิทธิ์ที่จะบงการ นินทา หรือทำร้ายร่างกายใคร
โฆษณา

เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้

มีการเข้าถึงหน้านี้ 1,167 ครั้ง

บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม

โฆษณา