ดาวน์โหลดบทความ ดาวน์โหลดบทความ

เป็นตัวของตัวเอง" เป็นประโยคที่ได้ยินบ่อยที่สุดเมื่อถามคำแนะนำจากผู้อื่น ให้เป็นตัวของตัวเองเป็นคำแนะนำที่คลุมเครือเหลือเกิน มันหมายความว่าอย่างไร แล้วมันทำง่ายอย่างนั้นเลยหรือ หากทำตามวิธีการดังนี้ การเป็นตัวของตัวเองจะกลายเป็นเรื่องง่ายในทันที

วิธีการ 1
วิธีการ 1 ของ 4:

ค้นหาตัวตนที่แท้จริงของคุณ

ดาวน์โหลดบทความ
  1. ออสการ์ ไวด์ เคยกล่าวไว้ว่า “เป็นตัวของตัวเอง คนอื่นเขาเป็นไปหมดแล้ว” อาจฟังดูตลก แต่มันคือความจริง คุณไม่สามารถเป็นตัวของตัวเองได้ หาคุณไม่รู้จัก ไม่เข้าใจ และยอมรับในตัวเอง เรื่องพวกนี้ควรเป็นสิ่งแรกที่คุณควรทำ
    • ลองมองหาว่าคุณให้ความสำคัญกับอะไร และใช้เวลาไตร่ตรองว่าอะไรคือสิ่งสำคัญที่ทำให้คุณเป็นคุณ ลองพิจารณาทางเลือกในชีวิตของคุณดูว่ามีสิ่งใดบ้างที่คุณอยากทำ และไม่อยากทำ และที่สำคัญที่สุดลองผิดลองถูกดูแล้วคุณจะได้ประสบการณ์ที่หาจากที่ไหนไม่ได้
    • ลองทำแบบทดสอบลักษณะนิสัยดู แต่ระวังอย่าให้มันมากำหนดชีวิตของคุณแทน ขอให้มั่นใจว่าสิ่งเหล่านั้นคือตัวคุณจริงๆ และเป็นสิ่งที่คุณรู้สึกสบายใจด้วย คุณอาจรู้สึกประหม่า แต่เมื่อเวลาพาเอาคนที่ใช่ผ่านเข้ามาในชีวิตคุณ พวกเขาจะยอมรับในตัวตนที่แท้จริงของคุณ
  2. ค้นหาสิ่งที่สำคัญสำหรับคุณหากคนอื่นมองว่าผิดก็อย่ากังวลไป. เป็นเรื่องปกติในการค้นหาตัวเองจากแหล่งต่างๆ ทั้งวัฒนธรรม ศาสนา คำแนะนำต่างๆ บุคคลที่น่าสนใจ แหล่งข้อมูลทางการศึกษาต่างๆ แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ คุณพยายามค้นหาอย่างต่อเนื่องจนกว่าคุณจะพบว่าอะไรที่เหมาะสมกับคุณจริงๆ
    • หากสิ่งที่สำคัญของคุณไม่เหมือนกับคนอื่นก็ไม่ได้หมายความว่ามันเป็นสิ่งที่ผิด ให้คิดว่าคนเราแตกต่างกัน ทุกคนไม่ได้เกิดมาเหมือนกันทุกอย่าง ดังนั้นจึงเป็นเรื่องธรรมชาติหากคุณจะคิดต่างบ้าง
  3. อย่ายึดติดอยู่กับอดีตจนก้าวเดินไปข้างหน้าไม่ได้. สิ่งที่มักเป็นอุปสรรค์ขัดขวางในการพัฒนาตัวเองของเราคือการที่ให้การกระทำบางอย่างหรือช่วงเวลาบางช่วงในอดีตมาเป็นตัวกำหนดชะตาชีวิตเรา สิ่งเหล่านั้นจะเกาะกินและขัดขวางเราไม่ให้พัฒนาและเติบโตเป็นตัวของเราในปัจจุบัน คุณคือคุณ ลองเปิดใจให้ตัวเองได้ก้าวต่อไป พัฒนาและเติบโตขึ้น
    • ยกโทษให้ตัวเองกับความผิดพลาดในอดีตที่คุณไม่อยากจะจำ พยายามยอมรับกับข้อผิดพลาดและการตัดสินใจผิดพลาดในอดีต ทุกอย่างมีเหตุผลของตัวมันเอง และคุณก็มีเหตุผลที่ตัดสินใจแบบนั้น ในช่วงเวลานั้นๆ เรียนรู้ที่จะอยู่กับมันให้ได้ และใช้อดีตเป็นบทเรียนให้คุณได้เติบโต
    • ลองมองไปยังผู้คนรอบๆ ที่ป่าวประกาศอย่างภาคภูมิใจว่าตัวเองยังคงเหมือนเดิมกับตอนที่อายุ 16 26 36 หรือเท่าไรก็แล้วแต่ พวกเขาสามารถปรับตัวได้ไหม? พวกเขาดูไร้กังวลไหม? หรือว่าพวกเขามีความสุขไหม? ส่วนมากแล้วพวกเขาไม่ได้เป็นเช่นนั้นเลย เพราะว่าพวกเขาไม่ยอมรับความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น พวกเขาคิดว่าพวกเขาไม่สามารถเริ่มต้นคิดสิ่งใหม่ๆ เรียนรู้อะไรใหม่ๆ หรือเติบโตขึ้นได้ การเติบโตไปในแต่ละช่วงอายุนั้นเป็นส่วนสำคัญที่จะช่วยให้เราเข้าใจและยอมรับตัวเองได้ ช่วยทำให้เรามีสุขภาพจิตที่ดีอีกด้วย
  4. เมื่อเวลาผ่านไป สิ่งนี้อาจเปลี่ยนไป ดังนั้นคอยบอกตัวเองว่าอย่ายอมแพ้และให้กำลังใจตัวเองอยู่เสมอ พยายามเดินทางสายกลางและอย่าเปรียบเทียบตัวเองกับผู้อื่น
    • การเปรียบเทียบจะนำไปสู่ความไม่พอใจ และคนที่มีแต่ความไม่พอไม่สามารถเป็นตัวของตัวเองได้เพราะว่าพวกเขาเอาแต่ไล่ตามคนอื่นที่ไม่ใช่ตัวของเขาเอง
    • การเปรียบเทียบยังนำไปสู้การนินทาผู้อื่น คนที่ชอบว่าร้ายผู้อื่นนั้นเกิดจากการที่ไม่มีความเคารพในตัวเองและพยายามกดผู้อื่นให้ลงต่ำกว่าตน สิ่งเหล่านี้จะทำให้คุณสูญเสียเพื่อนและความเคารพจากผู้อื่น และยังทำให้คุณไม่สามารถเป็นตัวของตัวเองได้ เนื่องจากคุณเอาแต่อิจฉาผู้อื่นและใช้เวลาส่วนใหญ่ของคุณในการชื่นชมผู้อื่น แต่ไม่ใช่ตัวคุณเอง
  5. อย่ากังวลเกี่ยวกับเรื่องที่ยังไม่เกิดขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องในชีวิตประจำวัน หากคุณหกล้มหน้าฟาดพื้น มีผักติดฟัน หรือคุณหัวโขกกับแฟนของคุณตอนจูบกันครั้งแรก เรียนรู้ที่จะหัวเราะใส่มันเมื่อมันเกิดขึ้นและทุกครั้งที่นึกถึง
    • เปลี่ยนเรื่องราวเลวร้ายให้กลายเป็นเรื่องตลกขบขันที่สามารถเล่าให้คนอื่นฟังได้ วิธีนี้จะช่วยให้คนรอบตัวคุณรู้ว่าคุณไม่ได้สมบูรณ์แบบและคุณเองก็จะสบายใจเช่นกัน นอกจากนี้ยังเป็นเสน่ห์ดึงดูดคนรอบข้างอีกด้วยที่คุณไม่เป็นคนที่จริงจังกับชีวิตจนเกินไป และพร้อมจะยิ้มรับเมื่อปัญหามาถึง
    โฆษณา
วิธีการ 2
วิธีการ 2 ของ 4:

กับรับมือกับผู้อื่น

ดาวน์โหลดบทความ
  1. คุณไม่จำเป็นต้องปกปิดอะไร คนเราทุกคนไม่มีใครสมบูรณ์แบบ พวกเราทุกคนต้องเรียนรู้และเติบโตจากข้อผิดพลาด หากคุณรู้สึกอายหรือกังวลกับบางมุมของคุณและคุณรู้สึกว่าอยากจะปิดบังสิ่งเหล่านั้นไว้ไม่ว่าจะเป็นทางร่างกายหรือจิตใจก็ตาม ให้คุณลองเรียนรู้ที่จะตกลงกับตัวเองว่าให้สิ่งเหล่านั้นกลายเป็นลักษณะพิเศษของคุณ หรือพูดง่ายๆ ก็คือเรียนรู้ที่จะเป็นเพียงคนธรรมดาที่ไม่ได้สมบูรณ์แบบในแบบของคุณ
    • ลองยอมรับความไม่สมบูรณ์แบบในตัวเองเมื่อมีปากเสียงกับผู้อื่น บ่อยครั้งคุณจะค้นพบว่าเหตุผลเดียวที่คุณยังคงต่อล้อต่อเถียงกับผู้อื่นแค่เพียงเพราะว่าคุณอยากรักษาหน้าของตัวเอง เมื่อคุณกล้าพูดว่า “ใช่ ฉันก็หงุดหงิดเหมือนกันเวลาห้องสกปรกเลอะเทอะไม่เป็นระเบียบ ฉันไม่ควรทิ้งเสื้อผ้าไวบนพื้นเลย แต่ว่าเพราะว่านิสัยขี้เกียจของฉัน ขอโทษนะ ฉันกำลังแก้ไขนิสัยแบบอยู่เหมือนกัน ฉันจะพยายามนะ” คุณได้จบการโต้เถียงในเรื่องดั่งกล่าวด้วยความจริงใจของคุณ
  2. หากคุณพยายามอย่างหนักเพื่อเป็นเหมือนใครสักคน ในขณะที่คุณเองยังไม่พร้อมพอ คุณจะไม่มีทางมีความสุขอย่างแน่นอน สิ่งนี้มักจะเกิดขึ้นเมื่อคุณเปรียบเทียบตัวเองกับผู้อื่นและพบว่าคุณอยากเป็นเช่นเขาเหล่านั้น นี่คือหนทางสู่ความยุ่งเหยิงในชีวิตของคุณ ยิ่งคุณคิดมากเท่าไร คุณก็ยิ่งทุกข์มากเท่านั้น
    • คุณสามารถเห็นแค่สิ่งดีๆ ที่ผู้อื่นพยายามจะแสดงให้คุณเห็นเท่านั้น แต่คุณไม่มีทางรู้เลยว่าเบื้องหลังชีวิตที่ดูสมบูรณ์แบบนั้นเป็นเช่นไร การเปรียบเทียบตัวเองกับผู้อื่นคือการที่คุณยอมให้เปลือกของคนเหล่านั้นมามีอิทธิพลกับชีวิตของคุณและลดคุณค่าของคุณลงไป การกระทำแบบนี้มีแต่จะส่งผลร้ายต่อคุณ
    • ในทางกลับกัน คุณควรให้ความสำคัญกับตัวเอง รักตัวเอง และยอมรับในข้อเสียของตัวเองให้ได้ เพราะเราทุกคนมีข้อเสียของตัวเอง อย่างที่ได้กล่าวไว้ข้างต้น การซื่อสัตย์กับตนเองดีกว่าการวิ่งหนีปัญหาเสมอ
  3. บางคนอาจชอบคุณ ในขณะที่บางก็ไม่ ไม่มีอะไรผิดหรือถูก แต่คุณจะไม่สามารถเป็นตัวของตัวเองได้เลย หากคุณมั่วแต่กังวลว่า เขาจะคิดว่าฉันตลกไหม? เขาจะคิดว่าฉันอ้วนไหม? พวกเขาจะคิดว่าฉันโง่ไหม? ฉันฉลาด ฉันดี ฉันเด่นพอจะเป็นเพื่อนของพวกเขาหรือยัง? การจะเป็นตัวของตัวเองได้คุณจะต้องปล่อยเรื่องพวกนี้ไปและให้ตัวตนของคุณจริงๆ แสดงตัวออกมาโดยยึด ความคิดของ”คุณ”เป็นหลัก ไม่ใช่ของ”พวกเขา”
    • หากคุณเปลี่ยนตัวเองเพื่อใครสักคน หรือเพื่อกลุ่มใดสักกลุ่ม เขาอาจไม่ชอบคุณก็เป็นได้ สุดท้ายคุณจะตกอยู่ในวังวนเดิมที่พยายามจะทำให้คนอื่นพอใจแทนที่จะเสริมสร้างความสามารถของคุณและเติบโตเป็นคนที่แข็งแกร่ง
  4. การต้องการให้ “ทุกคน” รักคุณถือเป็นเรื่องที่เปล่าประโยชน์ที่สุด และยังส่งผลเสียต่อการพัฒนา และความมั่นใจของคุณ ทำไมจะต้องสนใจคนอื่นด้วยล่ะ เอเลนอร์ รูเซเวล์ท เคยกล่าวไว้ว่า “ไม่มีใครดูถูกคุณได้ หากคุณไม่ดูถูกตัวเอง” และสิ่งที่สำคัญที่สุดคือคุณทำตามใจของคุณและหากคุณพลาดพลั้ง ก็ถือเป็นโอกาสที่จะพัฒนาตัวเอง
    • หมายความว่าทุกความเห็นของคนอื่นไม่สำคัญใช่ไหม? ไม่ใช่ทีเดียว คงจะเป็นเรื่องแย่มากหากถูกปฏิเสธจากสังคม หากคุณจำเป็นต้องใช้เวลาส่วนมากหรือทั้งหมดของคุณกับคนที่ไม่สามารถรับความเป็นคุณได้ ถือเป็นเรื่องอันตรายที่จะทำให้พวกเขามองคุณไม่ดี สิ่งที่คุณจะทำได้คือเลือกวิธีการที่คนใดคนหนึ่งในกลุ่มคนพวกนั้นเห็นดีเห็นงามด้วย และเป็นสิ่งที่คุณคิดว่าพอจะเข้ากับคุณได้มากที่สุดมาปฏิบัติ การที่เห็นคุณค่าของคนที่หวังดีกับคุณอย่างจริงใจและคนที่เห็นด้วยกับสิ่งที่คุณทำก็ถือเป็นเรื่องสำคัญเช่นกัน
  5. อย่ามองข้ามเรื่องเล็กๆ น้อยๆ หากคุณกำลังก้าวผ่านปัญหาจากสังคม หรือถูกกลั่นแกล้ง เรื่องราวต่างๆ จะง่ายขึ้นหากคุณมีเกราะกำบังที่ดี การสร้างเพื่อนที่ดี ไว้ใจได้ และเป็นคนที่มีความคิดเหมือนคุณจะช่วยให้คุณผ่านเหตุการณ์เลวร้ายไปได้ง่ายขึ้น คุณสามารถเดินเข้าไปหาคนที่มีปัญหากับคุณและพูดคุยปัญหาไปตรงๆ ได้เลย แต่เรื่องราวต่างๆ ก็จะง่ายขึ้นมากหากคุณมีเพื่อนคอยอยู่ข้างๆ คุณ
    • เปรียบเทียบคนที่กลั่นแกล้งคุณกับคนที่คุณรัก คุณจะตระหนักได้ว่าความคิดเห็นของพวกเขาต่อคุณ ครอบครัวของคุณ ชีวิตของคุณ เป็นสิ่งไรค่า เราจะให้ความสำคัญกับแค่ความเห็นของคนที่เรารักและเคารพ วิธีนี้จะช่วยให้คุณผ่านเรื่องราวแย่ๆ ไปได้ หากใครก็ตามไม่ให้ความเคารพแก่คุณ สิ่งที่พวกเขาพูดก็ไร้ความหมาย เป็นเพียงแค่ลมปากที่ไม่ควรค่าแก่การเก็บมาคิด เพราะพวกเขาก็ไม่ใช่ใคร เป็นเพียงคนแปลกหน้าคนหนึ่งเท่านั้นเอง
  6. รู้จักความแตกต่างของข่มขู่ แดกดัน หรือความเห็นเชิงเห็นด้วยและคำวิจารณ์ด้วยความหวังดี อาจมีทั้งการที่ต้องการจะกล่าวว่าเพียงอย่างเดียว หรือต้องการจะช่วยให้คุณปรับปรุงตัว คำพูดจากพ่อแม่ คุณครู ผู้ให้คำปรึกษา หรือโค้ช มักจะเป็นกรณีหลัง เพื่อที่จะช่วยให้คุณเข้าใจในความผิดพลาดของคุณ และพัฒนาตัวเอง ความแตกต่างที่แท้จริงของคำวิจารณ์สองประเภทนี้คืออย่างหลังมีความตั้งใจที่จะช่วยเหลือคุณ
    • คนเหล่านี้มีความสนใจในตัวคุณ ว่าคุณจะเติบโตอย่างไร และให้ความเคารพในการตัดสินใจของคุณ เรียนรู้ที่จะแยกแยะความแตกต่าง เลิกให้ความสนใจกับคำวิจารณ์ที่ไร้ความหมายและหันมาสนใจคำสอนที่หวังดีต่อคุณ
    โฆษณา
วิธีการ 3
วิธีการ 3 ของ 4:

เก็บเกี่ยวความเป็นตัวเอง

ดาวน์โหลดบทความ
  1. ปฏิบัติกับคนอื่นให้เหมือนกับปฏิบัติกับเพื่อนสนิทของตัวเอง. คุณให้ความสำคัญกับเพื่อนสนิทและคนที่อยู่ใกล้ตัวคุณ แต่ใครเล่าจะสนิทกับคุณมากกว่าตัวคุณเอง ให้ความสำคัญ ความรอบคอบ และความเคารพกับตัวเองให้เหมือนที่คุณปฏิบัติต่อคนที่คุณรัก ลองคิดดูว่าหากคุณต้องไปเที่ยวกับตัวเองหนึ่งวัน คุณจะสามารถเป็นคนสนุกสนานร่าเริง ใจเย็นสุขุมได้ขนาดไหนโดยยังเป็นตัวของคุณเองอยู่ แบบไหนคือแบบที่ดีที่สุดสำหรับคุณ
    • รับผิดชอบต่อตนเองและเคารพตัวเอง หากไม่มีใครคอยบอกคุณว่าคุณดีอย่างไร อย่าเสียความมั่นใจ ลองบอกตัวเองว่าคุณพิเศษ มหัศจรรย์ และมีคุณค่า หากคุณเชื่อมั่นในสิ่งเหล่านี้ ไม่ช้าคนรอบข้างจะมองเห็นความมั่นใจของคุณและยืนยันความคิดของคุณว่าเป็นสิ่งที่ถูกต้อง
  2. ไม่ว่าจะเป็นสไตล์ ความคิด หรือวิธีการพูดก็ตามแต่ หากคุณชอบสิ่งนั้นๆ ถึงแม้ว่าอาจจะไม่เหมือนคนส่วนมากก็ตาม จงภูมิใจ จงเป็นตัวของตัวเอง ไม่ใช่เป็นเหมือนใคร
    • เรียนรู้ที่จะสื่อสารให้ดีและตรงความหมาย ยิ่งคุณสามารถแสดงตัวตนของคุณได้ดีเท่าไร คนที่ชอบตัวตนของคุณก็จะสามารถหาคุณเจอได้ง่ายขึ้น และคนที่ไม่ชอบคุณก็จะหลีกทางไป
  3. บางครั้งการเปรียบเทียบทำให้เราเอาแอปเปิ้ลไปเปรียบเทียบกับลูกแพร เราต้องการเป็นผู้จัดภาพยนตร์ที่มีชื่อเสียงของฮอลลีวู้ด แต่เราไม่มีความสามารถด้านการเขียนบทเลย การเห็นชีวิตของผู้จัดภาพยนตร์และอยากเป็นอย่างเขาจึงเป็นการเปรียบเทียบที่ไม่ยุติธรรม คนผู้นั้นมีประสบการณ์ยาวนานในเรื่องนั้นๆ แต่คุณแค่ผู้เริ่มต้นที่กำลังลองทำอะไรใหม่ๆ ที่อาจไม่ใช่สิ่งที่คุณถนัด
    • อยู่กับความเป็นจริงในการเปรียบเทียบ และมองผู้อื่นเป็นเพียง “แรงบันดาลใจ” และแรงกระตุ้น ไม่ใช่เอามาลดคุณค่าตัวคุณเอง
  4. สิ่งที่คนส่วนใหญ่มักทำคือการเลียนแบบการกระทำของผู้อื่น เพราะว่าดูเหมือนจะเป็นทางที่ง่ายต่อการเข้าสังคม แต่ความจริงแล้วคุณควรจะเด่นไม่ใช่หรือ? การเด่นดังนั้นเป็นเรื่องยาก แต่การเลิกสนใจว่าคนอื่นจะคิดอย่างไรก็เป็นสิ่งสำคัญ ถึงจะเป็นบางสิ่งที่คุณไม่ค่อยได้ทำแต่การเป็นตัวของตัวเองนั่นแหละดีที่สุด
    • ไม่ว่าคุณจะเป็นอะไร “ยอมรับมัน” การแตกต่างเป็นเรื่องที่สวยงามและดึงดูดผู้คนเข้ามาหาคุณ อย่าให้คนอื่นมาเปลี่ยนคุณได้
  5. คนทั่วไปอาจหยักคิ้วใส่คุณหรือแม้แต่ล้อเลียนคุณเมื่อคุณพยายามเป็นตัวของตัวเอง แต่เพียงแค่คุณหยักไหล่และพูดว่า “แล้วไง ก็ฉันเป็นอย่างนี้” และปล่อยไว้อย่างนั้น ผู้คนจะเคารพคุณจากจุดนั้น และคุณก็จะเคารพตัวเองด้วย หลายคนพยายามที่จะเป็นตัวของตัวเองเช่นกัน หากคุณสามารถทำได้ คนเหล่านั้นก็จะต้องชื่นชมคุณอย่างแน่นอน
    • บางครั้งคุณอาจรู้สึกแย่เมื่อถูกกลั่นแกล้ง ในขณะที่มันเป็นเรื่องยาก และไม่ง่ายเหมือนที่พูด พยายามอย่าไปใส่ใจ ในท้ายที่สุดคุณจะเติบโตและแข็งแกร่ง และเตรียมพร้อมสำหรับเหตุการณ์ที่จะเกิดในอนาคต
    โฆษณา
วิธีการ 4
วิธีการ 4 ของ 4:

เชื่อมั่น

ดาวน์โหลดบทความ
  1. เมื่อใครก็ตามกลั่นแกล้งคุณ อย่ายอม ไม่เคยมีใบประกาศใบไหนอนุญาตให้พวกเขากลั่นแกล้งคุณ หากคุณพบเจอกับปัญหา มีผู้คนมากมายที่พร้อมจะช่วยเหลือคุณ
  2. เมื่อคุณพบเห็นคนถูกกลั่นแกล้ง การเข้าช่วยเหลือถือเป็นเรื่องที่ควรทำอย่างยิ่ง ไม่ว่าคุณจะใช้วิธีการอะไรก็ตามแต่ คุณทำได้ หากคุณเชื่อมั่นในตัวเอง
  3. จริงอยู่ที่คุณต้องป้องกันตนเอง แต่ไม่ได้หมายความว่าคนเหล่านั้นไม่มีความรู้สึก
    โฆษณา

เคล็ดลับ

  • หากใครก็ตามไม่ชอบบางอย่างเกี่ยวกับคุณ ไม่ได้หมายความว่าคุณจะต้องเปลี่ยนสิ่งเหล่านั้น ขึ้นอยู่กับว่าสิ่งนั้นคืออะไรและสถานการณ์เป็นอย่างไร
  • คุณไม่จำเป็นต้องทำตัวแปลกๆ เพื่อให้เด่นดัง คุณเพียงแค่เป็นตัวของตัวเองก็เพียงพอ
  • การเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา ดังนั้นการเปลี่ยนแปลงตัวเองมักจะเป็นเรื่องดีเสมอ หากคุณรับฟังคนรอบข้าง และให้ความสำคัญกับการพัฒนาตัวเองให้ดีขึ้นอยู่เสมอ
  • หากเพื่อนของคุณทำตัวแปลกไป ไม่ต้องกังวล เป็นตัวของตัวเองต่อไป หากพวกเขารับไม่ได้ พวกเขาไม่ใช่เพื่อนแท้ของคุณ
  • หากคุณอยากจะเป็นตัวของตัวเอง ทำตามหัวใจของคุณ พูดในสิ่งที่คุณคิด หากมีใครกลั่นแกล้งคุณ คุณไม่จำเป็นต้องแกล้งเขากลับ คุณสามารถหันหลังและเดินเลี่ยงออกมา การทำในสิ่งที่ชอบไม่ใช่ว่าคุณต้องคลั่งไคล้กับมัน มีเหตุผลและยิ้มอยู่เสมอ
  • การอยากมีรูปร่างหน้าตา ความเด่นดัง และความคิดความอ่านเหมือนใครเขาถือเป็นเรื่องอันตรายมาก คุณควรเด่นด้วยการเก็บเอาแรงบันดาลใจจากคนอื่นมาผสมผสานเป็นตัวคุณ ไม่ใช่พยายามเป็นเหมือนใครเขา
  • แฟชั่นและความทันสมัยเป็นรสนิยมส่วนตัว ในขณะที่หลายๆ คนพยายามฉีกกฎและเป็น “ตัวของตัวเอง” การตามแฟชั่นไม่ใช่การไม่เป็นตัวของตัวเอง แต่เป็นการทำในสิ่งที่ “คุณ” เองต้องการ
  • จำไว้เสมอว่าการตามกระแสเป็นประโยชน์มากกว่าการยึดเอาบรรทัดฐานตัวเองเป็นหลัก เช่น บางครั้งการไปดูคอนเสิร์ตวงร็อคที่คุณไม่ชอบกับเพื่อนๆ เพื่อมีช่วงเวลาที่ดีกับเพื่อน เป็นการดีกว่าที่จะยึดติดกับบรรทัดฐานของตัวเองและพลาดความสนุกสนานกับเพื่อนๆ ของคุณ นี่เป็นเรื่องของการประนีประนอมและการเคารพความคิดของผู้อื่น ดีกว่าการยึดเอาความคิดตัวเองเป็นหลัก
  • จำไว้เสมอว่าไม่มีใครรู้จักคุณดีกว่าตัวคุณเอง
  • อย่าบอกว่าคุณทำได้เมื่อคุณทำไม่ได้ เพียงเพราะอยากเอาใจใคร วิธีนี้ไม่ช่วยให้อะไรดีขึ้นและความอาจแตกได้อย่างง่ายดาย
  • เป็นตัวของตัวเอง แต่อย่าหยาบคายเมื่อผู้หวังดีให้คำแนะนำ
  • ไม่ว่าคนอื่นจะว่าอย่างไร เป็นตัวของตัวเองอยู่เสมอ
  • หากเพื่อนของคุณสนใจอะไรบ้างอย่างที่คุณไม่ได้สนใจ ไม่ใช่เรื่องแปลก คุณสามารถมีความชอบที่แตกต่างได้
  • การเป็นตัวของตัวเองไม่ใช่การเป็นคนที่ดีขึ้น แต่เป็นคนที่มองรอบด้าน คนที่เลือกที่จะช่วยเหลือและยอมรับในสิ่งต่างๆ คือคนที่ดีกว่าคนที่ใจแคบ ดังนั้นเปิดใจให้กว้างและเป็นตัวของตัวเอง
  • เมื่อคุณพยายามจะยอมรับตัวตนของคุณ อย่าให้ข้อเสียของคุณมาหยุดยั้งคุณไว้ ไม่ว่าคุณจะสามารถก้าวผ่านมันไปได้หรือไม่ รู้ไว้ว่านั่นคือสิ่งที่ทำให้คุณเป็นคุณ และช่วยให้คุณรู้จักตัวเอง ข้อเสียคือส่วนหนึ่งของคุณ อย่าอาย
  • หยุดกังวลจนเกินเหตุ อย่าเปรียบเทียบตัวเองกับผู้อื่น และจำไว้เสมอว่าท้ายที่สุด ทุกอย่างจะดีเอง หากยังไม่ดี แสดงว่าเรื่องราวยังไม่จบ
  • อย่าเห็นด้วยกับคนที่ใจร้ายกับคุณ หากคุณเห็นด้วย นั่นหมายความว่าคุณอยากเป็นเหมือนพวกเขา ไม่ก็อิจฉาพวกเขา เชื่อมั่นในตัวเอง เพราะว่าคุณไม่มีทางหลีกหนีได้ ลองค้นหาตัวเองเหมือนเวลาคุณเข้าไปในโรงเรียนใหม่ๆ และเริ่มค้นหาเพื่อนใหม่
  • อย่าให้ใครมาตัดสินใจอะไรแทนคุณ
  • อย่ารู้สึกแย่หากใครพูดจาไม่ดีใส่คุณ แสดงให้พวกเขาเห็นความจริงว่าไม่มีใครสมบูรณ์แบบ แต่อย่าโอ้อวด ไม่มีใครชอบคนนิสัยแบบนั้น
  • การเป็นตัวของตัวเองไม่ได้หมายความว่าคุณจะไม่ใส่ใจคนอื่น คนทุกคนบนโลกมีความแตกต่าง เป็นคุณที่เป็นคุณ และอย่าเปลี่ยนตัวเองเพื่อใคร
  • อย่ากังวลว่าคนอื่นจะคิดอย่างไร หากพวกเขาไม่ชอบคุณเพราะคุณเป็นคุณ นั้นไม่ใช่ปัญหาของคุณ
โฆษณา

คำเตือน

  • เคารพผู้อื่นให้เหมือนที่คุณเคารพตัวเอง ในขณะที่คุณพยายามเป็นตัวของตัวเองหมายถึงการที่คุณแสดงความเป็นตัวเองและความคิด ความฝัน และความชอบของคุณออกมา แต่ไม่ใช่เป็นการยัดเรื่องสิ่งเหล่านั้นใส่ผู้อื่น ทุกคนมีความจำเป็น ความฝัน และความต้องการที่ควรค่าแก่การเคารพเช่นกัน ขึ้นอยู่กับการแสดงออกของแต่ละคน ดังนั้นหลีกเลี่ยงการหยาบคาย ไร้ความคิด หรือยึดแต่ความคิดตัวเองเป็นหลักจนเกินไป
  • การไม่ใส่ใจว่าผู้อื่นจะคิดว่าคุณเป็นคนอย่างไรไม่ได้หมายความว่าคุณจะละเลยการแต่งกายและมารยาท การเคารพตัวเองและเคารพซึ่งกันและกันเป็นมารยาทเพื่อให้ทุกคนอยู่ร่วมกันได้อย่างสงบสุข และมีปฏิสัมพันธ์ที่ดีต่อกันและกัน ยิ่งคุณไม่มีมารยาท ไม่มีความเคารพ และยึดตัวเองเป็นหลักมากเท่าไร ก็เท่ากับว่าเราพยายามที่จะควบคุมผู้อื่นและหยิ่งผยอง แทนที่จะช่วยเหลือและเข้าอกเข้าใจซึ่งกันและกัน มีมารยาทอยู่เสมอและคิดถึงความรู้สึกของผู้อื่นตลอดเวลา
โฆษณา

เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้

มีการเข้าถึงหน้านี้ 133,639 ครั้ง

บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม

โฆษณา