PDF download ดาวน์โหลดบทความ PDF download ดาวน์โหลดบทความ

การเป็นเศรษฐีพันล้านนั้น ต้องมีอะไรมากกว่าแค่เงินในบัญชีธนาคารเยอะเท่านั้น ทั้งนี้ การลงทุนอาจจะเป็นเรื่องใหม่สำหรับบางคน แต่ก็ย่อมไม่ใช่อุปสรรคในการก้าวสู่สถานะเศรษฐีพันล้าน การสร้างเนื้อสร้างตัวจากศูนย์หรือฐานะธรรมดาๆ จนไปสู่ชีวิตที่หรูหรามั่งคั่งได้สำเร็จนั้น ถือเป็นความฝันตามแบบฉบับทุนนิยมอย่างอเมริกา ไม่ว่าจะเป็นการสร้างตัวสู่สถานะเศรษฐีพันล้าน การสร้างโอกาสให้ตัวเอง การลงทุนอย่างฉลาด และการรักษาความมั่งคั่งร่ำรวยเอาไว้ เรามีแนวคิดในเรื่องเหล่านี้มาฝากกัน

ส่วน 1
ส่วน 1 ของ 3:

สร้างโอกาส

PDF download ดาวน์โหลดบทความ
  1. โดยทั่วไปแล้ว เศรษฐีพันล้านไม่ได้เกิดขึ้นโดยบังเอิญ คุณสามารถเป็นเศรษฐีพันล้านได้ด้วยการศึกษาเรื่องที่เกี่ยวข้องทั้งหมด รวมถึงอัตราดอกเบี้ย ฐานภาษีที่ต้องชำระ เงินปันผล ฯลฯ โดยอาจจะลงคอร์สเรียนวิชาการเงินที่มหาวิทยาลัยโดยตรง หรือทางออนไลน์ก็ได้ รวมถึงต้องหมั่นอ่านหนังสือเกี่ยวกับการลงทุนมากๆ ด้วย
    • คุณอาจเรียนรู้ด้านการเงินหรือการประกอบธุรกิจ โดยต้องรู้จักมองหาความต้องการของผู้บริโภคให้เจอ และสร้างโมเดลธุรกิจ เพื่อตอบสนองความต้องการดังกล่าว ปัจจุบันนี้ จะเห็นได้ว่า งานที่ใช้ทักษะด้านวิทยาศาสตร์คอมพิวเตอร์ และเทคโนโลยีสมัยใหม่ กำลังเป็นสายงานที่ทำเงินได้เป็นกอบเป็นกำ [1]
    • หากคุณยังไม่เคยได้ยินเรื่องงานกลุ่ม STEM (วิทยาศาสตร์ - Science, เทคโนโลยี - Technology, วิศวกรรม - Engineering, และคณิตศาสตร์ - Math) [2] ซึ่งกำลังมาแรง ให้เลือกเรียน "STEM" เพื่อเพิ่มโอกาสในการหางานทำในอนาคต และมันยังเป็นสาขาอาชีพที่ให้เงินดีที่สุดอีกด้วย
    • อ่านเรื่องราวของเศรษฐีพันล้านที่ประสบความสำเร็จ เช่น วอเร็น บัฟเฟท์ บิล เกทส์ หรือแจ๊ค หม่า และใช้เงินอย่างชาญฉลาดเหมือนพวกเขา เพื่อสร้างทรัพย์สินให้งอกเงยขึ้น
  2. ในโลกทุนนิยมนั้น คุณต้องใช้เงินต่อเงิน พยายามกันเงินส่วนหนึ่งของรายได้เอาไว้ เพื่อเก็บไว้ในบัญชีเงินฝากกินดอกเบี้ย หรือสะสมไว้เพื่อการลงทุนในอนาคต
    • ตัดสินใจว่าจะเก็บเงินกี่เปอร์เซ็นต์ของรายได้ การเก็บแค่เดือนละ 500-600 บาทต่อเดือน ก็อาจสามารถสร้างความแตกต่างได้ในเวลาสี่ปีข้างหน้า พยายามนำเงินไปลงทุนในช่องทางที่มีความเสี่ยงในจำนวนเพียงเท่าที่คุณจะยอมเสียมันไปได้
  3. หลายสถาบันทั้งภาครัฐและเอกชน ได้เปิดโอกาสให้ประชนาชนทั่วไปได้มีโอกาสในการออมเงิน หรือออมลงทุนร่วมกับกองทุนเพื่อชีวิตหลังเกษียณ ซึ่งมีวัตถุประสงค์เน้นให้คนทั่วไปรู้จักเก็บออมเงินไว้ และมีเงินใช้จ่ายในอนาคต ซึ่งคุณควรจะเริ่มเข้าร่วมโครงการ หรือเริ่มเก็บออมไว้ตั้งแต่เนิ่นๆ เพื่อที่ดอกเบี้ยจะได้เพิ่มทวีคูณตามกาลเวลา และนำไปสู่เป้าหมายของการเป็นเศรษฐีพันล้าน [3]
    • ลองศึกษาหาข้อมูลด้วยตนเองดูอีกครั้ง เกี่ยวกับจำนวนเงินขั้นต่ำและเงื่อนไขของแต่ละโครงการออมเงินดังกล่าว พยายามค้นคว้าหาทางเลือกอื่นๆ หรือลองขอคำแนะนำจากที่ปรึกษาทางการเงินดูด้วยก็ได้
  4. มันยากที่จะก้าวไปข้างหน้าในเวลาที่มีหนี้ค้ำคอคุณอยู่ ทั้งนี้ หนี้ทุนการศึกษาและบัตรเครดิต เป็นหนี้ที่ควรได้รับการชำระสะสางโดยเร็วที่สุด หนี้บัตรเครดิตนั้น เฉลี่ยแล้วสูงถึง 20% - 30% เปอร์เซ็นต์ต่อปี ดังนั้น ยิ่งหนียิ่งพอกขึ้นเรื่อยๆ ส่วนหนี้เงินกู้เพื่อการศึกษานั้น ถึงแม้ว่าจะมีดอกเบี้ยต่ำมาก แต่หากคุณผลัดผ่อนไปเรื่อยๆ ผลทางกฎหมายและทางสังคมที่ตามมาย่อมร้ายแรง ซึ่งปัจจุบันนี้ มีบางคนยังคงต้องผ่อนชำระหนี้การศึกษาอยู่ แม้ในยามที่เข้าวัยเกษียณแล้วก็ตาม เนื่องจากก่อนหน้านั้น พวกเขาหาทางเลี่ยงมาตลอด [4]
  5. ลองคำนวณดูว่า คุณน่าจะมีเงินเก็บเท่าไรในอีก 5 ปีข้างหน้า จากนั้น ก็หาวิธีที่เหมาะสมที่สุดในการใช้เงินดังกล่าว ไม่ว่าจะเป็นกาลงทุน การทำธุรกิจ หรือการฝากไว้กินดอกเบี้ยก็ตาม
    • มองเรื่องการเงินเป็นอันดับแรก เขียนเป้าหมายทางการเงินเอาไว้ และนำมาทบทวนบ่อยๆ ทั้งนี้ การที่จะหมั่นให้ความสนใจในโครงการด้านการเงิน คุณควรเขียนโน้ตเตือนตัวเองไว้ ในที่ๆ สามรถมองเห็นได้ทุกวัน เช่น ในกระจกห้องน้ำ หรือหน้าปัดรถยนต์ เป็นต้น
    โฆษณา
ส่วน 2
ส่วน 2 ของ 3:

การลงทุน

PDF download ดาวน์โหลดบทความ
  1. วิธีที่คนมักทำกันเพื่อเพิ่มผลกำไรคือ การซื้ออสังหาริมทรัพย์เก็บไว้ เพราะมันมักจะมีมูลค่าเพิ่มขึ้นเมื่อเวลาผ่านไปหลายปี และถือเป็นกำไรที่ดีหากรู้หลักการลงทุน ไม่ว่าจะเป็นการซื้อขายเปลี่ยนมือ ให้เช่า หรือจะพัฒนาอสังหาฯ เองก็ตาม
    • จงระวังการลงทุนในช่วงที่เศรษฐกิจขยายตัวแบบหลอกๆ ประเมินให้แน่ใจก่อนว่า คุณมีสามารถในการจ่ายดอกเบี้ยจำนองรายเดือนได้หรือไม่ โดยคุณควรศึกษากรณีเศรษฐกิจพังทลาย หรือวิกฤติซับไพรม์ที่เคยเกิดขึ้นในปี 2008 ที่ประเทศสหรัฐอเมริกา เพื่อศึกษาและเรียนรู้ไว้เป็นอุทาหรณ์
  2. การเริ่มลงทุนทำธุรกิจด้วยตนเอง หรือซื้อต่อคนอื่นมา ก็เป็นอีกช่องทางในการทำเงินได้อย่างมั่นคง คุณอาจเลือกก่อตั้ง หรือเลือกซื้อธุรกิจประเภทที่ผลิตสินค้าจำเป็น หรือสินค้าที่คุณต้องซื้อหามาใช้ด้วยตนเองอยู่แล้วนั่นเอง จากนั้น ก็ทุ่มเทเวลาและเงินทุนในการพัฒนาปรับปรุงธุรกิจดังกล่าวต่อไปเรื่อยๆ พยายามศึกษาในเรื่องของอุตสาหกรรมด้านต่างๆ ด้วย เพื่อแยกแยะว่าธุรกิจไหนกำลังไปได้สวย และธุรกิจไหนเริ่มแย่
    • ลงทุนในพลังงานทางเลือกและเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ ก็นับเป็นแผนการที่ดีสำหรับอนาคต ธุรกิจในด้านเหล่านี้ คาดว่าจะเติบโตได้ดีในช่วงทศวรรษถัดจากนี้ไป กรลงทุนตั้งแต่ตอนนี้ ย่อมถือเป็นทางเลือกที่ฉลาด
  3. ตลาดหลักทรัพย์อาจเป็นทางเลือกที่ดีในการทำเงินและสร้างความมั่งคั่ง ศึกษาตลาดให้ดีก่อนเข้าซื้อ และดูว่าหุ้นของบริษัทไหนกำลังไปได้สวย คุณต้องหาข้อมูลเยอะๆ เพื่อที่จะเลือกลงทุนได้อย่างชาญฉลาด หุ้นของบริษัทส่วนใหญ่มักมีการรับรู้ผลกำไร และมีราคาปรับตัวเพิ่มขึ้นในระยะยาว จงพยายามมองข้ามเวลาที่ราคาหุ้นตกเล็กๆ น้อยๆ และรู้จักเสี่ยงในบางโอกาส
    • ในบางประเทศ จะมีแผนการต่อยอดลงทุนด้วยเงินปันผล และแผนการซื้อหุ้นโดยตรงจากบริษัท ซึ่งคุณสามารถซื้อโดยไม่จำเป็นต้องเสียค่าธรรมเนียมให้โบรกเกอร์ หรือนายหน้า โดยมีบริษัทจำนวนมากมาเสนอขายให้แก่บุคคลทั่วไป และคุณสามารถลงทุนแค่เดือนละไม่กี่ร้อยบาท หรือซื้อแค่เศษหุ้นจำนวนน้อยๆ ก็ยังได้ แต่ในประเทศไทยยังไม่มีทางเลือกการลงทุนในลักษณะดังกล่าวมากนัก นอกเสียจากว่า คุณจะเป็นพนักงานของบริษัทนั้นๆ เพราะบางบริษัทจะมีแผนการให้สิทธิพนักงานซื้อหุ้นจากบริษัทโดยตรงได้ ซึ่งถือเป็นการลงทุนที่ดีอย่างหนึ่ง
  4. ในบางประเทศจะมีรูปแบบของการฝากเงินในธนาคารที่เรียกว่า บัญชีเงินฝากตลาดเงิน ซึ่งต้องฝากขั้นต่ำเป็นเงินจำนวนมากกว่าบัญชีออมทรัพย์ทั่วไป แต่ได้ดอกเบี้ยมากกว่าประมาณสองเท่า ซึ่งก็มีลักษณะคล้ายคลึงกับบัญชีเงินฝากประจำ และฝากประจำแบบพิเศษของไทยเรานั่นเอง ดังนั้น คุณควรเลือกฝากเงินประจำตามแบบที่เหมาะสมกับคุณ โดยคำนึงถึงในเรื่องของจำนวนขั้นต่ำ และระยะเวลาที่สามารถเบิกถอนได้ ส่วนบัญชีเงินฝากประจำแบบพิเศษนั้น แต่ละธนาคารจะมีโปรโมชันนำเสนอออกมาเกือบทุกปี โดยจะมีกำหนดเงินขั้นต่ำในการฝาก เป็นจำนวนสูงกว่าบัญชีฝากประจำธรรมดา และระยะเวลาที่คุณจะสามารถถอนเงิน (โดยยังคงได้ดอกเบี้ยเต็มจำนวน) ก็จะนานกว่าด้วย (ส่วนใหญ่ประมาณ 2 ปี) ซึ่งถือว่าเป็นทางเลือกที่ดีกว่าฝากออมทรัพย์ เพราะดอกเบี้ยเฉลี่ยของเงินฝากประเภทนี้ในแต่ละปีอาจสูงถึง 4 -5% เลยทีเดียว
  5. พันธบัตรรัฐบาลเป็นเสมือนตั๋วเงินที่ออกโดยหน่วยงานของรัฐบาล เช่น กระทรวงการคลัง และมีการประกันอัตราดอกเบี้ย ซึ่งแทบไม่มีความเสี่ยงในเรื่องของการเบี้ยวชำระหนี้ โดยเฉพาะในประเทศที่รัฐบาลสามารถพิมพ์ธนบัตรได้เองอย่างอเมริกา ซึ่งสามารถพิมพ์เงินออกมาเท่าไรก็ได้เพื่อแก้ปัญหาภาระหนี้ ดังนั้น พันธบัตรรัฐบาลของแต่ละประเทศ จึงถือเป็นทางเลือกในการลงทุนที่มีความเสี่ยงน้อย และให้ผลตอบแทนดีพอสมควร โดยขึ้นอยู่กับสภาวะเศรษฐกิจด้วย
    • ลองปรึกษาพูดคุยกับนายหน้าของคุณเพื่อพิจารณาแผนการลงทุนในพันธบัตรระยะยาว เพื่อกระจายความเสี่ยงในแผนการลงทุนของคุณ
    โฆษณา
ส่วน 3
ส่วน 3 ของ 3:

การรักษาความมั่งคั่ง

PDF download ดาวน์โหลดบทความ
  1. นายหน้าหรือโบรกเกอร์ หรือผู้ให้คำปรึกษาด้านการเงินที่ดี ย่อมสามารถให้คำแนะนำและรู้จักวิธีสร้างผลตอบแทนที่ดีให้แก่คุณ ทั้งนี้ หลังจากที่สร้างความมั่งคั่งให้ตนเองได้ในระดับหนึ่งแล้ว คงไม่มีใครอยากจะมานั่งเครียด เพื่อลุ้นราคาหุ้นที่เคลื่อนไหวเล็กๆ น้อยๆ อยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์ทั้งวันหรอก เมื่อถึงตอนนั้น คุณย่อมที่จะอยากใช้ชีวิตอย่างสุขสบาย และผู้ให้คำปรึกษาด้านการเงินที่มีคุณภาพ ย่อมสามารถทำให้เงินทุนของคุณงอกเงยได้อย่างสม่ำเสมอ
  2. อย่ากองเงินไว้ในที่ๆ เดียว พยายามแบ่งกระจายออกไป และลงทุนในช่องทางต่างๆ เช่น หลักทรัพย์ อสังหาริมทรัพย์ กองทุนรวม พันธบัตร รวมถึงการลงทุนอื่นๆ ที่แนะนำโดยโบรกเกอร์เพื่อกระจายความเสี่ยง เช่น หากการลงทุนในบริษัทที่ทำธุรกิจเสริมความงามเจ๊งไม่เป็นท่า อย่างน้อยคุณก็ยังเหลือเงินทุนที่เอาไปกองไว้ตามแหล่งลงทุนอื่นๆ [5]
  3. สื่อต่างๆ โดยเฉพาะอินเตอร์เน็ท เต็มไปด้วยพวกหลอกลวงให้ลงทุนในหุ้นต่ำบาท เพื่อล่อใจแมงเม่าด้วยผลตอบแทนหลายเท่าตัว รวมถึงชอบขายฝันทางรวยลัดด้วยวิธีการต่างๆ เช่น แชร์ลูกโซ่ หรือรับจ้างลงทุน สิ่งเหล่านี้ล้วนแล้วแต่เป็นไปเพื่อจัดการกับเหยื่อที่ละโมบโลภมากและโง่เขลา เพื่อให้คนเหล่านั้นตัดสินใจนำเงินไปลงทุนโดยไม่ไตร่ตรอง ดังนั้น คุณควรหมั่นหาข้อมูล และอุทิศเวลาทั้งชีวิตเพื่อเรียนรู้การลงทุนหรือการทำเงินให้กับตัวเอง เพราะมีคนจำนวนน้อยมาก ที่จะกลายมาเป็นเศรษฐีพันล้านชั่วข้ามคืนได้
    • หากไม่แน่ใจอะไร ให้ลงทุนอย่างระมัดระวังไว้ก่อน แบ่งเงินลงทุนอย่างชาญฉลาด ปล่อยให้ดอกเบี้ยงอกเงย และทำอารมณ์ให้อยู่เหนือความแปรปรวนขึ้นๆ ลงๆ ของตลาดหลักทรัพย์ จึงจะนับว่าเป็นการตัดสินใจที่ฉลาดในระยะยาว
  4. ในช่วงเวลาใดเวลาหนึ่งของการลงทุน การรู้เวลาว่าควรจะถอนตัวจากการลงทุน ก่อนที่เงินของคุณจะละลายไปต่อหน้าต่อตานั้น ถือเป็นเรื่องสำคัญอย่างยิ่ง หากคุณมีผู้ให้คำปรึกษาด้านนี้หลายคน ก็หัดรับฟังคำแนะนำของพวกเขาไว้ แต่ในบางโอกาสก็ต้องอาศัยความมีกึ๋น หรือใช้สัญชาตญาณของตัวเองด้วย
    • หากคุณเห็นโอกาสในการขายออกเพื่อทำกำไรก้อนโต จงขายทันที กำไรก็คือกำไร ต่อให้หุ้นมันขึ้นต่อไปในปีหน้า หรือหลังจากที่คุณขายทิ้งแล้ว คุณก็ยังมีโอกาสได้ทำกำไรจากการเอาเงินไปลงทุนทางอื่นอยู่ดี
  5. การจะเป็นเศรษฐีพันล้าน คุณอาจเริ่มจากวางตัวให้เหมือนกับว่ากำลังเป็นอยู่แล้ว พยายามพบปะพูดคุยกับเหล่าคนรวยและสังคมที่มีอารยธรรม เพื่อจะได้เอาคำแนะนำและความรู้ ของเหล่าผู้มีประสบการณ์มาใช้บ้าง
    • รู้จักให้ความสนใจในงานวิจิตรศิลป์ มารยาทบนโต๊ะอาหารระดับสูง และการท่องเที่ยว รวมถึงมองหาข้อมูลเกี่ยวกับเรือยอร์ช ซูเปอร์คาร์ หรือเครื่องแสดงฐานะความมั่งคั่งอื่นๆ ไว้บ้าง ไม่สำคัญหรอกว่าคุณยังไม่มีกำลังซื้อในตอนนี้
    • มีความแตกต่างระหว่าง “เศรษฐีเก่า” และ “เศรษฐีใหม่” เศรษฐีใหม่ หมายถึงพวกที่ได้รับความมั่งคั่งหรือรวยเร็ว และใช้ชีวิตแบบโอ้อวด มีไลฟ์สไตล์แบบฟู่ฟ่าใช้จ่ายมือเติบ ทั้งนี้ หากคุณต้องการรักษาความมั่งคั่ง ขอให้เรียนรู้จากเศรษฐีเก่า เพื่อสร้างรากฐานที่มั่นคงต่อยอดความมั่งคั่งสืบไป
    โฆษณา

เคล็ดลับ

  • จงเรียนรู้ที่จะเสี่ยงในแบบที่มีการเตรียมการวางแผนมาอย่างดี เงินของคุณอาจจะงอกเงยได้จากการฝากธนาคาร แต่จะงอกเงยมากขึ้นเป็นทวีคูณหากรู้จักลงทุนแบบอื่นๆ
  • หัดใช้ความคิดสร้างสรรค์ การที่จะเริ่มต้นหรือลงทุนในธุรกิจใดๆ จงนำเสนอทางออกของปัญหา ในมุมมองที่ไม่เคยมีใครคิดมาก่อน
  • พัฒนากรอบแนวคิดในการบริหารเวลาและกิจวัตรประจำวันให้ดี คุณจะได้มีเวลาเหลือ และสามารถใช้เวลาได้อย่างมีประสิทธิภาพ
โฆษณา

คำเตือน

  • หลีกเลี่ยงแก๊งมิจฉาชีพที่มาชักชวนให้ลงทุน โดยมักอ้างว่ารับประกันผลตอบแทนมากเกินจริง (ประมาณ 10 -15% ขึ้นไป)
โฆษณา

เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้

มีการเข้าถึงหน้านี้ 19,070 ครั้ง

บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม

โฆษณา