ดาวน์โหลดบทความ ดาวน์โหลดบทความ

หลายๆ คนอาจเคยต้องเลิกคบกับคนรักมาแล้ว แต่การเลิกคบกับเพื่อนนั้นยากยิ่งกว่า เมื่อคุณทะเลาะกันและรู้ว่าไม่อาจแก้ไขปัญหาร่วมกันได้หรือรู้สึกเข้ากันไม่ได้อีกแล้ว ก็ถึงเวลาที่จะยุติความสัมพันธ์เสียที คุณอาจปล่อยให้มิตรภาพนั้นจางหายไปเรื่อยๆ ตามธรรมชาติ หรือคุยกับเขาตัวต่อตัว หรือเลิกยุ่งไปเลยก็ได้ ไม่ว่าคุณจะเลือกอะไร คุณก็ควรจะเตรียมตัวเตรียมใจรับมือกับความรู้สึกที่คุณจะต้องเผชิญเมื่อเลิกคบกับเพื่อนคนนั้น

วิธีการ 1
วิธีการ 1 ของ 3:

เผชิญหน้ากับเพื่อนคนนั้น

ดาวน์โหลดบทความ
  1. ถ้าคุณไม่อยากปล่อยให้เพื่อนคนนั้นคิดมากว่าอะไรคือเหตุผลที่คุณไม่อยากเป็นเพื่อนกับเขาแล้ว การออกมาคุยกันตัวต่อตัวก็อาจเป็นสิ่งที่จำเป็น สถานที่เช่นสวนสาธารณะหรือร้านกาแฟเป็นจุดนัดพบที่ดี เพราะเป็นที่สาธารณะซึ่งใครๆ ก็ไปได้ ถึงแม้ว่าตอนคุยกัน คุณอาจสะเทือนอารมณ์กันบ้าง แต่คุณทั้งสองคนจะเก็บอารมณ์ได้ดีกว่าถ้าอยู่ในที่สาธารณะ
    • หลีกเลี่ยงการนัดมาทานอาหารด้วยกัน เพราะคุณอาจพร้อมที่จะแยกทางกันก่อนที่อาหารจะเสิร์ฟเสียอีก
    • ถ้าคุณไม่อยากเจอเขาตัวต่อตัว การคุยกันทางโทรศัพท์ก็เป็นวิธีที่ดีเหมือนกัน แต่หลีกเลี่ยงการส่งข้อความจะดีกว่า เพราะอาจแสดงความรู้สึกและสื่อสารได้ไม่ดีเท่าการคุยกัน
    • อย่าบอกเลิกคบกับเพื่อนคนนั้นต่อหน้าคนที่คุณทั้งสองคนต่างก็รู้จัก นี่จะเป็นเรื่องที่น่าอายและทำร้ายจิตใจเขารุนแรงมาก
  2. บอกไปตรงๆ เลยว่าทำไมคุณจึงไม่อยากเป็นเพื่อนกับเขาแล้ว เพราะเขาแอบกิ๊กกับแฟนคุณ? เพราะเขาชอบพูดเรื่องแย่ๆ และทำให้คุณรู้สึกแย่อยู่ตลอดเวลา? ไม่ว่าจะเพราะอะไร ถึงเวลาแล้วที่จะพูดออกมาเสียที การพูดกับเพื่อนคุณไปตรงๆ เลยว่าปัญหาคืออะไร เป็นสิ่งที่กล้าหาญ และท้ายที่สุดแล้วเขาเองก็คงดีใจที่ได้รู้ว่าทำไม
    • ในบางสถานการณ์ การพูดตรงๆ ก็ไม่ใช่วิธีที่ถนอมน้ำใจได้มากที่สุด ถ้าคุณแค่ไม่ชอบเพื่อนคนนั้นอีกต่อไปแล้ว โดยที่เขาก็ไม่ได้ผิดอะไรเลย คุณก็ไม่มีเหตุผลที่จะพูดความในใจออกมา ในกรณีนี้ ก็จงกลับไปที่วิธีแรก และปล่อยให้มิตรภาพจางหายไปเอง
  3. หลังจากเผชิญหน้ากันแล้ว เพื่อนคุณอาจแก้ตัว ขอโทษคุณ หรือทั้งสองอย่างรวมๆ กัน ถ้าคุณยังอยากเป็นเพื่อนกับเขาอยู่แม้สักนิด คุณควรฟังเขาพูดด้วย ถ้ามีความเป็นไปได้ว่าคุณอาจเข้าใจเขาผิดไป คุณก็ควรฟังเขาอธิบาย แต่ถ้าเป็นไปไม่ได้เลย ก็จงเดินหน้าต่อไปเพื่อยุติความสัมพันธ์
  4. คุณอาจอยากเลิกยุ่งกับเพื่อนคนนั้นไปเลยตั้งแต่ตอนนี้เป็นต้นไป หรือคุณอาจรู้สึกโอเคที่จะเจอหน้าเขาบ้างเป็นครั้งคราวท่ามกลางกลุ่มเพื่อน ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม คุณต้องแสดงออกให้ชัดเจนว่านี่คือจุดแตกหัก และหลังจากนี้ อะไรๆ จะเปลี่ยนแปลงไป กำหนดขอบเขตให้ชัดเจนไปเลย คุณจะได้ไม่รู้สึกอยากกลับไปเป็นเหมือนเดิม
    • ถ้าคุณไม่อยากคุยกับเขาอีกแล้ว ก็บอกเขาไปว่าคุณจะไม่ติดต่อกับเขาอีกหลังจากนี้ และคุณก็ไม่อยากให้เขาติดต่อคุณด้วยเหมือนกัน
    • ถ้าคุณรู้สึกโอเคกับการเจอกันในกลุ่มเพื่อนแต่ไม่อยากคุยกันตัวต่อต่อตัว ก็บอกเขาไปอย่างนั้นเลย หรือถ้าจะบอกว่าคุณอาจอยากเริ่มมิตรภาพใหม่อีกครั้งในภายหลัง ก็ย่อมได้ แต่คุณต้องหมายความอย่างนั้นจริงๆ นะ ไม่เช่นนั้นเพื่อนคนนั้นก็จะพยายามติดต่อคุณมาอีก ทั้งๆ ที่คุณไม่อยากให้เขายุ่งด้วย พยายามบอกเขาให้ชัดเจนว่าคุณอยากให้สถานการณ์เป็นอย่างไร เพื่อนเก่าของคุณจะได้ไม่สับสน
  5. ถ้าเพื่อนคนนั้นพยายามติดต่อกับคุณหรือพยายามทำให้คุณกลับไปคบกับเขาอีก จงอย่าตอบโต้ คุณได้พูดความในใจไปแล้ว คุณได้ฟังเขาอธิบายแล้ว และตอนนี้คุณไม่จำเป็นต้องทำหน้าที่เป็นเพื่อนเขาอีก การเลิกคบกับเพื่อนก็เหมือนการเลิกคบกับแฟนตรงที่คุณไม่ต้องรับผิดชอบชีวิตเขาอีกต่อไป
    • เรื่องนี้พูดง่ายแต่ทำยาก ถ้าเพื่อนเก่าคุณรู้สึกหัวเสียจริงๆ คุณก็อาจอดไม่ได้ที่จะไม่รับโทรศัพท์หรืออ่านข้อความของเขา แต่ถ้าคุณจริงจังกับการจบมิตรภาพนี้ ก็จงอย่ายอมให้เขาล้ำเส้นที่คุณกำหนดไว้ ไม่เช่นนั้นคุณก็จะทำให้เขาเข้าใจผิดและทำให้อะไรๆ ยากขึ้นอีกในอนาคต
    โฆษณา
วิธีการ 2
วิธีการ 2 ของ 3:

ปล่อยให้มิตรภาพจางหายไปเอง

ดาวน์โหลดบทความ
  1. ถ้าคุณห่างกันมากขึ้นเรื่อยๆ ก็ปล่อยไปอย่างนั้นแหละ. การปล่อยให้มิตรภาพจางหายไปเองเป็นวิธีที่ดีที่สุดในสถานการณ์ที่คุณและเพื่อนคุณต่างก็โตขึ้นและห่างกันมากขึ้น บางทีอาจไม่ใช่ว่าคุณไม่ชอบเขาแล้ว แต่คุณแค่สนใจในสิ่งอื่นและคนอื่นมากกว่าก็เท่านั้น เริ่มใช้เวลาของคุณในแบบที่คุณต้องการเถอะ โดยออกไปเที่ยวกับคนที่คุณอยู่ด้วยแล้วมีความสุข หรือทำกิจกรรมที่คุณทำแล้วมีความสุข เป็นไปได้ว่าเพื่อนคนนั้นก็กำลังทำแบบเดียวกันนี่เอง และคุณสองคนก็จะห่างกันออกไปเรื่อยๆ โดยที่ไม่ต้องทำให้มันเป็นเรื่องใหญ่เลย
  2. ถ้าจะจบมิตรภาพ คุณต้องคุยกันน้อยลง เลิกติดต่อเขาเพื่อนัดมาทำอะไรด้วยกันหรือแค่เพื่อคุย เลิกทักเขาในแชท เลิกส่งข้อความทางโทรศัพท์ และเลิกการติดต่อทุกๆ อย่าง คุณอาจยังคุยกับเขาได้เมื่อเจอกันตัวต่อตัว เช่นในกรณีที่ไปเที่ยวกับเพื่อนกลุ่มเดียวกัน แต่จงหลีกเลี่ยงการติดต่อกันโดยไม่จำเป็น
    • เมื่อเพื่อนสองคนพร้อมที่จะเลิกคบกัน การเลิกติดต่อกันก็ไม่ใช่เรื่องยากอะไรนัก คุณก็อาจอยากใช้เวลาทำอย่างอื่นอยู่แล้วก็ได้ การคุยกันน้อยลงจึงไม่ได้เป็นเรื่องใหญ่โตนัก
    • ในทางกลับกัน ถ้าเพื่อนของคุณไม่ได้รู้สึกแบบเดียวกันกับคุณ การที่คุณติดต่อกันน้อยลงอาจทำให้เขาเสียความรู้สึก แต่การทำร้ายความรู้สึกก็เป็นสิ่งที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้เมื่อคุณเป็นคนจบความสัมพันธ์ คุณจะต้องตัดสินใจว่าเมื่อผลที่ตามมาเป็นเช่นนี้ คุณจะยังอยากจบความสัมพันธ์นี้อยู่หรือเปล่า
  3. เพื่อนสนิทกันมากขึ้นโดยการพูดคุยกันในเชิงลึก ซึ่งจะทำให้แต่ละฝ่ายรู้จักกันดีมากขึ้น ฉะนั้นถ้าจะตีตัวออกห่างจากเพื่อน ต้องเลิกคุยกันแบบเปิดอก เมื่อคุณคุยกับเขา จงคุยเรื่องผิวเผินทั่วไปๆ เหมือนเวลาคุยกับคนที่แค่รู้จัก ถ้าคุณยังคุยแบบเพื่อนอยู่อีก มิตรภาพก็อาจไม่จางหายไปง่ายๆ
    • ถ้าเพื่อนคุณมีท่าทีอยากคุยเรื่องส่วนตัวของตัวเอง เช่นเรื่องความสัมพันธ์กับแฟน คุณควรเปลี่ยนทิศทางของบทสนทนา หาทางเปลี่ยนเรื่อง เพื่อนคุณจะได้ไม่มีโอกาสพูดถึงความรู้สึกจากก้นบึ้งของหัวใจให้คุณฟัง
    • ในที่สุด เพื่อนคุณจะเริ่มสังเกตเห็นว่าคุณคุยไม่เหมือนเดิม เขาอาจจะพูดกับคุณเรื่องนี้ หรือตัดสินใจถอยห่างออกมาเช่นกัน คุณควรเตรียมพร้อมสำหรับทั้งสองกรณี
  4. เพื่อนคุณอาจต้องใช้เวลาสักหน่อย กว่าจะรู้ตัวว่าคุณไม่ได้อยากคบเขาเป็นเพื่อนอีกแล้ว วิธีที่ดีที่จะสร้างระยะห่างระหว่างกันคือการปฏิเสธคำเชิญอย่างสุภาพและหนักแน่น ถ้าเขาชวนคุณไปทำกิจกรรมกับกลุ่ม คุณอาจไปก็ได้ แต่จงหลีกเลี่ยงการอยู่กับเขาสองต่อสอง ไม่อย่างนั้นคุณก็จะให้ความหวังเขาต่อไป
    • แต่ถ้าเพื่อนคุณไม่พร้อมจะจบความสัมพันธ์ การที่คุณปฏิเสธคำเชิญของเขาจะทำร้ายจิตใจเขาพอสมควร ตอนนี้คุณก็ต้องตัดสินใจแล้วล่ะ ว่าจะดีกว่าไหมถ้าบอกเขาไปตรงๆ ว่าทำไมคุณจึงปฏิเสธเขาอยู่เรื่อยทุกครั้งที่เขาชวนคุณไปทำอะไรบางอย่างด้วยกัน
  5. ถ้าคุณไม่อยากบอกความจริงกับเขาจริงๆ ก็หาข้ออ้างเพื่อปฏิเสธคำเชิญชวน เช่น ไม่ว่าง ญาติมาเยี่ยม หรือการบ้านเยอะ ฯลฯ นี่อาจถูกมองว่าเป็นการเอาตัวรอดแบบมักง่าย เพราะนี่ไม่ใช่วิธีปฏิบัติต่อเพื่อนเก่าที่จริงใจนัก อย่างไรก็ตาม ถ้าคุณมีเหตุผลที่ดีที่จะจบมิตรภาพ และไม่อยากเผชิญหน้ากับเขาจริงๆ การหาข้ออ้างมาใช้ก็เป็นวิธีที่ได้ผลดีอยู่เหมือนกันนะ
  6. สถานการณ์ที่ดีที่สุดก็คือ เพื่อนคนนั้นรู้ตัวว่าคุณไม่อยากเป็นเพื่อนกับเขาแล้ว และตัดสินใจแยกตัวไปตามทางของตัวเอง อย่างไรก็ตาม ถ้าเขาถามคุณว่าเกิดอะไรขึ้น คุณอาจต้องมีคำอธิบายให้กับเขา จงเตรียมตัวให้พร้อมสำหรับคำถามนี้ เพราะเป็นไปได้ว่าคุณมีความหมายสำหรับเขามากกว่าที่เขามีความหมายสำหรับคุณ​
  7. ถ้าเพื่อนคนที่คุณอยากเลิกคบ ได้ทำร้ายร่างกายหรือจิตใจคุณ หรือบงการคุณ จำไว้ว่าคุณไม่จำเป็นต้องให้คำอธิบายอะไรกับเขาทั้งสิ้น คุณไม่จำเป็นต้องสุภาพกับเขาด้วยซ้ำ คุณควรหยุดการติดต่อทุกอย่าง กด unfriend เขาในโซเชียลมีเดีย และหลีกเลี่ยงการเจอหน้าถ้าไม่จำเป็น
    • ถ้าคุณพยายามพูดเรื่องนี้กับเขา เขาอาจทำให้คุณรู้สึกว่า คุณ นั่นแหละที่เป็นคนผิด อย่ายอมให้ดราม่าแบบนั้นเกิดขึ้นกับคุณเด็ดขาด ถ้าคุณรู้ตัวว่าเขาจะทำให้คุณลำบากใจ ก็เลิกยุ่งกับเขาไปเลย
    โฆษณา
วิธีการ 3
วิธีการ 3 ของ 3:

รับมือกับผลที่ตามมา

ดาวน์โหลดบทความ
  1. การถูกทิ้งไม่ใช่เรื่องง่าย ไม่ว่าคนคนนั้นจะสมควรถูกทิ้งหรือไม่ก็ตาม จงเตรียมตัวให้พร้อม เพราะเพือนคุณอาจร้องไห้ หรือขอร้องให้คุณกลับไปเป็นเพื่อนกันอีก หรือแม้แต่โกรธจนควันออกหู ถ้าคุณแข็งแกร่งพอที่จะเลิกคบกับเพื่อนคนนั้น คุณก็แข็งแกร่งพอที่จะรับมือกับผลที่ตามมา จงพยายามไม่เอาตัวเข้าไปเกี่ยวข้องกับความรู้สึกของเขา จำไว้ว่าคุณต้องอยู่ภายในขอบเขตที่คุณกำหนดไว้ และตัดการติดต่อในทุกกรณีถ้าจำเป็น
  2. ในบางครั้ง เพื่อนเก่าจะพยายามทำให้ชีวิตคุณยุ่งยากขึ้นโดยการประชดประชัน โดยเฉพาะเมื่อคุณเรียนโรงเรียนเดียวกันหรือทำงานที่เดียวกัน และต้องเจอหน้ากันบ่อยๆ เขาอาจพยายามทำให้คนอื่นเกลียดคุณ หรือซุบซิบนินทาคุณ หรือทำให้คุณดูแย่ในสายตาคนอื่น จงเข้มแข็งเข้าไว้และตระหนักไว้ว่า ถ้าเขาทำตัวได้น่ารังเกียจถึงเพียงนี้ ก็ถูกแล้วที่คุณตัดสินใจจบมิตรภาพกับเขาไป
    • ถ้าเขาทำตัวแย่ขึ้นเรื่อยๆ จากการประชดประชันเฉยๆ เป็นการก้าวร้าว คุณอาจต้องทำอะไรสักอย่าง ถ้าเรื่องนี้เกิดขึ้นที่โรงเรียนหรือที่ทำงาน ก็ลองปรึกษาครูหรือหัวหน้าดู และลองหาหลักฐานเพื่อแสดงว่าคุณกำลังถูกเขาโจมตี
    • คุณอาจพึ่งกฎหมายก็ได้ ถ้าเขาไม่เลิกยุ่งกับคุณและพฤติกรรมของเขาเข้าข่ายการข่มขู่คุกคาม คุณอาจขอให้ศาลออกคำสั่งคุ้มครองได้ (Restraining Order)
  3. ระลึกไว้ว่าความสัมพันธ์กับเพื่อนคนอื่นอาจได้รับผลกระทบด้วย. การเลิกคบกับเพื่อนคนหนึ่งมักจะส่งผลกระทบต่อเพื่อนคนอื่นๆ ที่คุณทั้งสองคนรู้จัก ถ้าคุณเป็นเพื่อนกลุ่มเดียวกัน บรรยากาศในกลุ่มเพื่อนอาจกระอักกระอ่วนไปสักระยะหนึ่ง หวังว่าเพื่อนคนอื่นจะไม่เริ่มแบ่งพรรคแบ่งพวก แต่ถ้าพวกเขามีการเลือกฝ่าย คุณก็จะรู้ได้ว่าใครบ้างที่เป็นเพื่อนแท้ของคุณ​
  4. หลังจากเลิกคบกับเพื่อนแย่ๆ คุณอาจรู้สึกเหมือนได้รับอิสระ แต่ถึงกระนั้น การยุติความสัมพันธ์ก็เป็นเรื่องที่ยากอยู่ดี การทำให้ใครบางคนผิดหวังนั้นเป็นเรื่องที่ทำใจได้ยาก และผลที่ตามมาอาจคงอยู่ยาวนานกว่าที่คิดในตอนแรก หลังจากที่มิตรภาพได้จบลงอย่างเป็นทางการแล้ว คุณควรพยายามใช้เวลากับคนที่ทำให้คุณรู้สึกดี รายล้อมตัวเองด้วยคนที่คุณรัก และพยายามไม่คิดถึงมิตรภาพกับเพื่อนเก่าคนนั้น
    • คุณอาจรู้สึกเศร้าที่ต้องสูญเสียสิ่งดีๆ ในมิตรภาพนั้น ก็คุณเคยเป็นเพื่อนกันมาก่อนนี่นา ถึงแม้ว่าความสัมพันธ์คุณจะเลวร้ายลงในที่สุดก็เถอะ ในสถานการณ์เช่นนี้ ความโศกเศร้าเป็นเรื่องที่ปกติมากๆ เลยล่ะ
    โฆษณา

เคล็ดลับ

  • อย่ารู้สึกแย่ถ้าเพื่อนของคุณเป็นเพื่อนที่ไม่ดี นั่นไม่ใช่ความผิดของคุณ
  • คุณอาจรู้สึกผิด แต่ถ้าคุณรู้ว่าคุณตัดสินใจถูกแล้ว ก็จงยึดมั่นในการตัดสินใจนั้น
  • จำไว้ว่าทุกๆ ความสัมพันธ์นั้นเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นด้วยความสมัครใจ คุณไม่จำเป็นจะต้องสานต่อความสัมพันธ์ ใดๆ ถ้าคุณไม่ต้องการ
  • ไม่ว่าจะให้คำอธิบายว่าอะไร จงพูดแบบเดียวกันในทุกๆ ครั้ง จะได้ไม่สับสน
  • เมื่อคุณบอกเขาไปแล้วว่าคุณรู้สึกอย่างไร ช่วงเวลาหลังการเลิกคบจะเป็นช่วงเวลาที่เจ็บปวด แต่จงทำในสิ่งที่ทำให้คุณมีความสุข ในที่สุด คุณก็จะมีเพื่อนสนิทคนใหม่เอง
  • ตัดความสัมพันธ์ด้วยความระมัดระวัง การเริ่มต้นความสัมพันธ์ใหม่อีกครั้งกับคนคนเดิมเป็นสิ่งที่ยากมาก ฉะนั้นคุณต้องมั่นใจก่อนว่าคุณต้องการจะจบความสัมพันธ์ก่อนที่คุณจะลงมือทำจริงๆ
  • คนอื่นๆ ที่เป็นเพื่อนกับทั้งสองฝ่ายอาจรู้สึกว่าตัวเองต้องเลือกเข้าข้างฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง ฉะนั้นคุณจึงควรเตรียมพร้อมที่จะพูดคุยกับพวกเขาว่าคุณรู้สึกอย่างไร หรือเตรียมพร้อมที่จะสูญเสียเพื่อนคนอื่นด้วย
  • ขอคำปรึกษาจากคนในครอบครัวหรือเพื่อนคนอื่น โดยเฉพาะคนที่รู้จักเพื่อนคนนั้นเป็นอย่างดีและอาจช่วยทำให้คุณเข้าใจสถานการณ์ตัวเองมากขึ้น พวกเขาอาจช่วยเหลือคุณได้ในเรื่องนี้
  • ถ้าคุณไม่สบายใจที่จะเผชิญหน้ากันตัวต่อตัว ก็ส่งจดหมายหรืออีเมลไปแทน
  • ถ้าคุณไม่สบายใจที่จะเผชิญหน้ากับเพื่อนคนนั้นด้วยตัวเอง ก็ปรึกษาครูแนะแนว หรือเพื่อนคนกลางที่เป็นกลางและสามารถช่วยส่งสารให้คุณได้
  • ถ้าเหตุผลที่คุณจะเลิกคบกับเขาเป็นเหตุผลตื้นๆ เช่น เพราะอยากเด่นอยากดัง ก็อย่าทำเลย อย่าเห็นแก่ตัว
  • สิ่งที่สำคัญที่สุดในความสัมพันธ์ใดๆ คือการแลกเปลี่ยนพลังงานกัน ถ้าใครทำให้คุณรู้สึกหมดแรงหรือไม่สบายใจ คุณควรหนีออกมาถ้าทำได้ พลังงานที่คุณได้ให้กับคนอื่นนั้น จงให้กับตัวเอง และคุณจะรู้สึกดีขึ้นในไม่ช้า!
  • เพื่อนของคุณอาจพยายามทำให้คุณรู้สึกแย่และคิดว่าคุณเป็นฝ่ายผิด แต่ถ้าลึกๆ แล้ว คุณรู้ว่าคุณไม่ได้ทำอะไรผิด ก็แสดงว่าเขากำลังพยายามปั่นหัวคุณอยู่ จงเข้มแข็งและกล้าหาญเข้าไว้
  • ถ้าคุณมีเพื่อนที่รู้จักเหมือนกัน ระวังไว้นะ เขาอาจไปพูดอะไรแย่ๆ เกี่ยวกับคุณให้เพื่อนเหล่านั้นฟังได้ และจงระวังให้ดีมากๆ ถ้าคุณเป็นผู้ใหญ่และต้องทำงานกับเขา เขาอาจพูดอะไรแย่ๆ เกี่ยวกับคุณให้คนที่มีอำนาจสูงกว่าคุณฟังได้
  • อย่าบอกเลิกกับเขาโดยใช้คำพูดที่หยาบคาย เพราะเขาเองก็มีความรู้สึกเหมือนกัน
  • ถ้าเขากลับมาหาคุณและบอกว่าต้องการเป็นเพื่อนกันอีก จงปฏิเสธไปอย่างสุภาพ ที่คุณได้เลิกคบกับเขาไปก็เพราะคุณมีเหตุผลที่ดีนะ ถ้าคุณกลับไปคบกับเขาอีก แล้วเลิกคบกันอีก คุณจะมีแต่ทำให้ตัวเองเจ็บปวดมากขึ้น
  • หลังจากเลิกคบกันไปแล้ว จง unfriend เขาในโซเชียลมีเดียที่คนฝ่ายเขาสามารถใส่ร้ายป้ายสีคุณเกินจริงได้ เพื่อหลีกเลี่ยงความวุ่นวาย
โฆษณา

บทความวิกิฮาวอื่น ๆ ที่่เกี่ยวข้อง

เริ่มความสัมพันธ์แบบ Friends with Benefits
ทำให้แฟนเก่ากลับมารักคุณอีกครั้ง
รู้ว่าเมื่อไหร่ที่อีกฝ่ายไม่อยากคุยกับคุณแล้ว
รู้ว่าแฟนสาวของคุณแอบไปนอนกับคนอื่นหรือเปล่า
ทำให้ใครบางคนรู้สึกผิด
พิชิตหัวใจแฟนเก่ากลับมา หลังจากการเลิกรา
ทำให้แฟนเก่าคิดถึงคุณ
หาเสี่ยเลี้ยง
ปลอบโยนแฟนสาวของคุณเมื่อเธอรู้สึกแย่
ฟื้นฟูความสัมพันธ์ให้กลับมาดีเหมือนเดิม
ดูว่าเพื่อนอิจฉาคุณหรือไม่
จบความสัมพันธ์
เรียกความเชื่อใจจากเขาหรือเธอกลับมา
ดูว่าผู้ชายกำลังหลอกใช้คุณเพื่อเซ็กส์หรือไม่
โฆษณา

เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้

มีการเข้าถึงหน้านี้ 53,989 ครั้ง

บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม

โฆษณา