ดาวน์โหลดบทความ ดาวน์โหลดบทความ

การเลือกหัวข้อพูดในที่ชุมชนนั้นอาจเป็นอะไรที่ยากเย็น อาจรู้สึกว่ามีหัวข้อมากมายให้เลือกไม่รู้จบ แต่ก็มีวิธีเลือกหัวข้อสองสามวิธีที่ช่วยจำกัดหัวข้อที่จะพูดลงไปได้ เมื่อถึงเวลาเลือกหัวข้อที่เหมาะสมจริงๆ ก็ต้องคำนึงถึงความรู้และความสนใจของเรา รวมทั้งผู้ฟังและจุดประสงค์ในการพูด ถ้าอยากรู้วิธีเลือกหัวข้อพูดในที่ชุมชน และได้รับเสียงปรบมือชื่นชมยาวนาน ลองทำตามขั้นตอนต่อไปนี้

วิธีการ 1
วิธีการ 1 ของ 3:

คำนึงถึงจุดประสงค์การพูด

ดาวน์โหลดบทความ
  1. การคำนึงถึงวาระโอกาสช่วยในการเลือกหัวข้อที่จะพูดได้มากทีเดียว เพราะหัวข้อที่จะพูดนั้นขึ้นอยู่กับวาระโอกาสว่าเป็นวาระโอกาสใด เลี้ยงฉลอง สร้างความสนุกสนาน พิธีการที่จริงจัง แสดงความรู้ความเชี่ยวชาญ วาระโอกาสสามารถช่วยเลือกหัวข้อในการพูดได้สองสามวิธี [1]
    • ถ้าเป็นวาระโอกาสที่เป็นพิธีการจริงจังอย่างงานศพ หรือพิธีไว้อาลัย เรื่องที่พูดควรเป็นเรื่องจริงจัง และเกี่ยวกับวาระโอกาสนั้น
    • ถ้าเป็นวาระโอกาสเพื่อความสนุกสนานอย่างการดื่มอวยพรที่งานปาร์ตี้สละโสด ก็ควรนำเกร็ดและเรื่องเล่าขำขันมาเล่าให้ผู้คนหัวเราะ ไม่ควรเล่าเรื่องความหลงใหลคลั่งไคล้การสะสมเหรียญมาพูด
    • ถ้าเป็นวาระโอกาสเลี้ยงฉลองอย่างงานแต่งงาน ก็ต้องเตรียมเรื่องตลกเบาสมอง รวมทั้งเรื่องจริงจังและเรื่องที่เร้าอารมณ์ผู้ฟัง
    • ถ้าเป็นวาระโอกาสเพื่อแสดงความรู้ความเชี่ยวชาญ ก็ต้องพูดแต่เรื่องที่เชี่ยวชาญอย่างการออกแบบเว็บไซต์ และไม่เน้นเรื่องประสบการณ์ส่วนตัว
  2. จุดประสงค์สอดคล้องกับวาระโอกาส และเป็นเป้าหมายที่การพูดในที่ชุมชนต้องไปให้ถึง จุดประสงค์ในการพูดอาจเป็นเพื่อให้ข้อมูล โน้มน้าวใจ หรือแค่ให้ความบันเทิง การพูดในที่ชุมชนครั้งหนึ่งอาจมีจุดประสงค์หลายอย่าง แต่การรู้จุดประสงค์หลักของการพูดเป็นเรื่องที่สำคัญ [2]
    • เพื่อให้ข้อมูล เมื่อมีจุดประสงค์ให้ข้อมูล ก็ต้องเตรียมข้อเท็จจริงที่เกี่ยวข้องและรายละเอียดที่เกี่ยวกับเรื่องที่จะนำมาเปิดเผยข้อมูล และทำให้ผู้ฟังเห็นเรื่องธรรมดาทั่วไปที่เราพูดเป็นเรื่องที่ซับซ้อนมากขึ้นอีก หรือรู้เรื่องที่ผู้ฟังไม่เคยรู้มาก่อนเลย
    • เพื่อโน้มน้าวใจ เมื่อมีจุดประสงค์โน้มน้าวใจผู้ฟัง ก็จะต้องใช้ศิลปะในการพูด คำอุปมาอุปไมย หลักฐานที่น่าเชื่อถือจากผู้เชี่ยวชาญเพื่อแสดงให้เห็นว่าผู้ฟังควรทำอะไรสักอย่าง ไม่ว่าจะเลือกเราเข้าทำงาน หรือหาเวลาเป็นอาสาสมัครในชุมชนของตนเองก็ตาม
    • เพื่อให้ความบันเทิง เมื่อมีจุดประสงค์ให้ความบันเทิง ก็จะต้องใช้ประสบการณ์ส่วนตัว ตัวอย่างเกร็ดขำขันเพื่อนำมาเล่าเป็นเรื่องสนุก แสดงความมีอารมณ์ขัน ทำให้ผู้ฟังหัวเราะงอหาย ถึงแม้เรากำลังบอกเล่าเรื่องราวที่จริงจังอยู่ก็ตาม
    • เพื่อยกย่อง ถ้ากำลังยกย่องบุคคลใดบุคคลหนึ่ง หรือเหตุการณ์ใดเหตุการณ์หนึ่ง ก็จะต้องแสดงให้ผู้ฟังเห็นว่าอะไรทำให้บุคคลนั้น หรือเหตุการณ์นั้นสำคัญมาก และรวบรวมสิ่งที่ทำให้เรื่องนั้นน่าติดตาม
  3. ถ้าต้องการเลือกหัวข้อที่ตรงกับจุดประสงค์ และสอดคล้องกับวาระโอกาส ก็ควรตัดหัวข้อต่างๆ ออกไปก่อนที่จะเริ่มระดมความคิด วิธีนี้จะไม่ทำให้ผู้ฟังขุ่นเคืองใจ หรือทำให้ผู้ฟังเบื่อ ขณะที่กำลังพูดเข้าเรื่องที่ต้องการจะนำเสนอ มีข้อห้ามสองสามข้อเพื่อจะได้ตัดหัวข้อมากมายที่อยู่หัวออกไปบ้าง
    • อย่าเลือกเรื่องที่ซับซ้อนมากเกินไป เพราะจะไม่สามารถให้ข้อมูลแก่ผู้ฟังได้หมด ถ้าเลือกเรื่องที่ซับซ้อน ก็อาจไม่สามารถอธิบายได้ครบถ้วนภายในระยะเวลาสั้นๆ หรือไม่สามารถอธิบายโดยไม่ใช้แผนภูมิ หรือแผนภาพได้ ผู้ฟังก็ไม่เข้าใจ และหมดความสนใจลงไป
    • อย่าเลือกเรื่องง่ายเกินไปจนผู้ฟังสามารถเข้าใจได้ภายในหนึ่งหรือสองนาที ถ้าเรื่องที่เลือกเป็นเรื่องพื้นฐานมากเกินไปจนพูดซ้ำไปซ้ำมาหลังจากพูดไปสองสามประโยคได้ ผู้ฟังก็จะหมดความสนใจ ต้องทำให้ผู้ฟังสนใจเรื่องที่พูด และไม่รู้ว่าเราจะพูดเรื่องอะไรต่อไป
    • อย่าเลือกเรื่องที่ยังเป็นประเด็นถกเถียงกันอยู่ หลีกเลี่ยงไม่พูดเรื่องที่ยังเป็นประเด็นถกเถียงกันอย่างเช่น การทำแท้ง การควบคุมอาวุธปืน ยกเว้นพูดในที่ประชุมแสดงความคิดเห็น แต่ถ้าเป้าหมายคือการโน้มน้าวผู้ฟังให้เห็นด้วยกับฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง ก็ควรพูดต่อไป แต่รู้ไว้ว่าอาจสูญเสียคนฟังไปมากก่อนที่จะเริ่มพูดเสียอีก
    • อย่าเลือกเรื่องที่ไม่เข้ากับอารมณ์ผู้ฟัง ถ้าเป็นวาระโอกาสเลี้ยงฉลอง ก็ไม่พูดเรื่องน่าเบื่ออย่างการฉายรังสี ถ้าเป็นการพูดแสดงความรู้ความเชี่ยวชาญ ก็อย่าพูดเรื่องความรู้สึกว่ารักคุณแม่ของตนเองมากแค่ไหน
    โฆษณา
วิธีการ 2
วิธีการ 2 ของ 3:

คำนึงถึงผู้ฟัง

ดาวน์โหลดบทความ
  1. ถ้าอยากทำให้ผู้ฟังเข้าใจ ตามความคิดทัน ก็ควรคำนึงถึงความรู้ของผู้ฟัง ถ้าพูดกับกลุ่มนักเขียนที่รักการเขียนเป็นชีวิตจิตใจ ก็สามารถอ้างถึงนักเขียนท่านอื่นและศัพท์ทางวรรณกรรมได้โดยสะดวก ถ้าพูดกับผู้ฟังที่รู้เรื่องการเขียนน้อยมาก ก็ให้ระวังที่จะพูดศัพท์ทางวรรณกรรมเหล่านี้ เพราะจะทำให้ผู้ฟังไม่รู้เรื่องมากขึ้น
    • ถ้าพูดเรื่องที่กลุ่มพูดฟังมีความรู้ด้วย ก็ไม่ต้องเสียเวลาพูดเรื่องพื้นๆ ของหัวข้อที่พูดอยู่นั้น
  2. ถ้ากำลังพูดในที่ประชุมกับผู้อยู่ในแวดวงอาชีพเดียวกัน ก็สามารถใช้ศัพท์ที่ซับซ้อนและสำนวนที่มีความหมายลึกซึ้งได้ แต่ถ้ากำลังพูดกับนักเรียนมัธยมต้นก็จะต้องเปลี่ยนคำ และใช้สำนวนที่ผู้ฟังเข้าใจ
    • ถ้าไม่อยากให้ผู้ฟังหมดความสนใจ อย่าพูดเรื่องที่ผู้ฟังไม่มีความรู้เลย หรือพูดเนื้อหาโดยใช้วิธีการเรียบง่ายเกินไปจนฟังดูเหมือนดูถูกผู้ฟัง
  3. ผู้ฟังต้องรู้เรื่องอะไรบ้าง และผู้ฟังสนใจเรื่องอะไรบ้าง ลองคิดแบบผู้ฟัง และเขียนหัวข้อทั้งหมดที่ผู้ฟังจะสนใจ ผู้ฟังที่เป็นวัยรุ่นจะมีความสนใจสิ่งต่างๆ แตกต่างจากผู้ฟังวัยกลางคนมาก
    • จินตนาการว่าตนเองเป็นผู้ฟังคนหนึ่ง ถ้าผู้ฟังเป็นวัยรุ่น ก็ลองคิดว่าตนเองเป็นวัยรุ่น ลองหาเรื่องที่จะพูดจากมุมมองของวัยรุ่น ถ้าเรื่องที่เลือกนั้นน่าเบื่อ หรือหนักเกินไป ถ้าอย่างนั้นก็ไม่เหมาะที่จะนำมาพูด
  4. การรู้อายุ เพศ เชื้อชาติของผู้ฟังจะช่วยให้เราเลือกเรื่องที่จะพูดได้อย่างเหมาะสม ถ้าผู้ฟังส่วนใหญ่อายุ 65 ปีขึ้นไป ก็ไม่ควรพูดเรื่องเทรนต์แฟชั่นล่าสุด ถ้าผู้ฟังส่วนใหญ่อายุต่ำกว่า 20 ปี ก็ไม่ควรพูดเรื่องการเก็บเงินเพื่อไว้ใช้ตอนเกษียณ
    • ตัวอย่างเช่น ถ้าผู้ฟังเพศชายมากกว่าเพศหญิง การเลือกหัวข้อที่มีความเป็นกลางทางเพศ หรือหัวข้อไปทางเพศชายดีที่สุด
    • การรู้เชื้อชาติของผู้ฟังช่วยเลือกเรื่องที่จะพูดได้ ถ้ามีผู้ฟังหลากหลายเชื้อชาติ การพูดเรื่องเกี่ยวกับความสัมพันธ์และความหลากลายทางเชื้อชาติอาจเป็นที่สนใจของผู้ฟัง แต่ถ้าเลือกพูดเรื่องความหลากหลาย การแต่งงานข้ามเชื้อชาติ หรือการกีดกันของเชื้อชาติใด เชื้อชาติหนึ่งที่ไม่ได้อยู่ในกลุ่มเชื้อชาติของผู้ฟังซึ่งเป็นกลุ่มผู้ฟังส่วนใหญ่ การพูดประเด็นนี้ก็อาจล้มเหลว
    • ควรคำนึงถึงภูมิลำเนาของผู้ฟัง หัวข้อบางหัวข้ออาจเป็นที่สนใจของคนปทุมธานีมากกว่าคนขอนแก่นและคนจังหวัดอื่นๆ
  5. ถ้าพูดให้เพื่อนหรือคนในครอบครัวฟัง ก็สามารถพูดเรื่องส่วนตัวได้มากกว่าพูดกับคนแปลกหน้า ถ้าพูดให้ลูกจ้างฟัง น้ำเสียงก็ต้องต่างออกไปจากพูดคนที่มีตำแหน่งสูงกว่าฟัง ปรับน้ำเสียงและเนื้อหาตามความเหมาะสมด้วย
    โฆษณา
วิธีการ 3
วิธีการ 3 ของ 3:

คำนึงถึงความสนใจและความรู้ของตนเอง

ดาวน์โหลดบทความ
  1. ถ้าเลือกหัวข้อที่สนใจจริงๆ ผู้ฟังก็จะสามารถเห็น และรู้สึกถึงความศรัทธาอย่างแท้จริงของเรา หัวข้อแบบนี้ทำให้เราตื่นเต้นมากที่จะสร้างความคิดเพื่อเรียบเรียงคำพูด และนำไปพูดในที่ชุมชน
    • ถ้ามีทางเลือกจำกัด และไม่สามารถเลือกเรื่องที่สนใจอย่างแท้จริงได้ ก็ควรเลือกเรื่องที่ชอบ หรือสนใจเพื่อจะได้เขียนออกมาได้ง่ายขึ้น สนุกมากขึ้น และนำมาพูดในที่ชุมชน [3]
  2. ถ้าเราพูดในที่ประชุมรวมผู้เชี่ยวชาญ ก็เป็นธรรมดาที่จะเลือกพูดหัวข้อที่เชี่ยวชาญ จะได้ใส่ความน่าเชื่อถือลงในคำพูดได้ แต่ถึงแม้จะไม่ได้พูดในที่ประชุมรวมผู้เชี่ยวชาญ หรือหัวข้อเฉพาะด้านที่ซับซ้อน ก็ควรจะเลือกเรื่องที่รู้มาก ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเบสบอล หรือเรื่องในท้องถิ่น อาจแม้แต่เริ่มเขียนรายชื่อหัวข้อที่เรารู้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องครอบครัว อาชีพ การเมือง การทำสวน สัตว์เลี้ยง หรือการเดินทาง
    • เราไม่ต้องรู้เรื่องที่เราจะพูดทุกกระเบียดนิ้ว เลือกเรื่องที่เรารู้ และสามารถหาข้อมูลเพิ่มเติมได้
    • ถ้าเลือกเรื่องที่รู้แต่ต้องค้นคว้าเพิ่มเติม ก็ต้องมั่นใจว่าเป็นที่เรื่องที่ค้นคว้าง่าย ถ้าเลือกเรื่องที่ค่อนข้างคลุมเครือ ก็อาจค้นข้อมูลยากมากขึ้น
  3. อาจเป็นวรรณกรรม ภาพยนตร์ กีฬา ภาษาต่างประเทศ หรือความสัมพันธ์ระหว่างหญิงชาย ไม่ว่าเป็นเรื่องใด ก็อาจมีแก่นร่วมกัน อย่างเช่น “ความไม่ซื่อตรง” เขียนงานอดิเรกและความสนใจที่มีทั้งหมด แล้วดูสิว่ามีอะไรมาผู้เป็นหัวข้อให้พูดได้บ้าง [4]
    • อาจพบว่าเรื่องที่สนใจกับเรื่องที่รู้คาบเกี่ยวกันมาก
  4. ถ้ามีเรื่องซึ่งปรากฏอยู่ในข่าวอยู่เรื่อยๆ ก็สามารถใช้เรื่องนั้นมาพูดในที่ชุมชน อาจเป็นเรื่องที่ถกเถียงกันอยู่อย่างการแต่งงานระหว่างคู่เกย์ หรือการควบคุมปืน แต่ถ้าโอกาสนั้นเหมาะสม ก็สามารถพูดเรื่องเหตุการณ์ปัจจุบันนี้ โดยให้มุมมองที่แตกต่างออกไป
    • อ่านหนังสือพิมพ์ทุกฉบับ ฟังวิทยุ และดูข่าวเพื่อจะได้รู้ว่าผู้คนพูดถึงอะไรกันบ้าง และสาธารณชนมีปฏิกิริยากับเหตุการณ์ต่างๆ อย่างไร
    • ยังสามารถเลือกเรื่องที่ทันต่อเหตุการณ์ในชุมชนที่เราอยู่อาศัยได้ด้วย ถ้ามีการถกเถียงกันเรื่องนโยบายใหม่เกี่ยวกับโรงเรียนรัฐบาลในท้องถิ่นของเรา ก็สามารถนำมาพูดในที่ชุมชนได้
    • สามารถเลือกหัวข้อที่ทันเหตุการณ์ในชีวิตของผู้ฟังได้ ถ้ากำลังพูดให้นักเรียนมัธยมศึกษาปีที่หกฟัง ก็อาจสามารถพูดเรื่องเส้นทางสู่มหาวิทยาลัย และอาจนำข้อมูลเหตุการณ์ปัจจุบันที่เกี่ยวข้องจากข่าวมาพูดก็ได้
  5. ถ้าโอกาสอำนวย ก็สามารถพูดเรื่องส่วนตัวในชีวิตของเรา อาจเป็นประสบการณ์ที่มีกับพ่อแม่ พี่น้อง หรือเพื่อน ปัญหาส่วนตัว หรือตอนสำคัญในชีวิตที่เป็นประโยชน์ แต่ข้อมูลนั้นต้องไม่เป็นเรื่องส่วนตัวมากเกินไปจนทำให้ผู้ฟังไม่สะดวกใจที่จะฟัง หรือเรื่องที่พูดใกล้ตัวเรามากเกินไปจนไม่สามารถพูดถึงโดยไม่แสดงอารมณ์ออกมาได้ [5]
    • จำไว้ว่าสามารถเพิ่มข้อมูลส่วนตัวให้เรื่องที่ไม่รู้สึกว่าส่วนตัวนักได้ ตัวอย่างเช่น ถ้าพูดถึงเรื่องลักษณะงานอาชีพของตนเอง ก็แถมเกร็ดที่มาจากประสบการณ์ส่วนตัวด้วย
  6. ควรจะพูดในที่ชุมชนด้วยความชัดเจนและความมั่นใจ นี้หมายถึงว่าควรจะพูดหัวข้อที่เลือกได้อย่างแน่นอน ไม่ว่าจะเพื่อให้ข้อมูล ชักชวน หรือให้ความบันเทิงแก่ผู้ฟัง และยังหมายถึงว่าผู้ฟังควรเชื่อว่าเราเป็นผู้เชี่ยวชาญในเรื่องที่จะพูดนี้ ถ้าเป็นลูกคนเดียว ก็ควรหลีกเลี่ยงไม่พูดถึงความสำคัญของการมีพี่น้อง ถ้ายังไม่ได้เข้ามหาวิทยาลัย การพูดถึงวิธีการเลือกวิชาเอกก็อาจพูดยากลำบาก [6]
    • ไม่ว่าจะเลือกหัวข้อใด ก็ควรสามารถทำให้ผู้อ่านเข้าใจ และตามทันเรื่องที่พูดนั้น ตอบจบการพูด หรือระหว่างการพูด ผู้ฟังควรได้แนวคิดอะไรบ้าง และควรเข้าใจอะไรใหม่ๆ จากเรื่องที่พูด ถ้าไม่มีความสามารถทำให้ผู้ฟังเข้าใจเรื่องที่พูดได้ เลือกพูดเรื่องอื่น
    โฆษณา

เคล็ดลับ

  • แหล่งที่ช่วยในการพูดอีกสองแหล่งคือ how-to guides และรายชื่อหัวข้อเพื่อพูดในที่ชุมชนของ Speech Topics Help
  • แหล่งที่ยอดเยี่ยมสำหรับการฝึกพูดในที่สาธารณะคือ โทสต์มาสเตอร์คลับ มีการตั้งสโมสรทั่วโลก เป็นสถานที่ซึ่งสามารถฝึกพัฒนาทักษะการพูดในที่ชุมชนท่ามกลางบรรยากาศที่เอื้ออำนวย และเป็นมิตรโดยเสียค่าใช้จ่ายน้อยมาก


โฆษณา

เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้

มีการเข้าถึงหน้านี้ 15,404 ครั้ง

บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม

โฆษณา