ดาวน์โหลดบทความ ดาวน์โหลดบทความ

กีตาร์เป็นเครื่องดนตรีที่เราสามารถใช้เล่นได้ตั้งแต่แนวเดทเมทัลไปจนถึงแนวคลาสสิก รวมถึงแนวอื่นๆ อีกมากมายที่อยู่ตรงกลางระหว่างสองแนวนี้ และกีตาร์ก็ยังเป็นเครื่องดนตรีที่เรียนรู้และเข้าถึงได้ง่ายกว่าเครื่องดนตรีชนิดอื่นๆ ด้วย ฉะนั้น เมื่อไรที่คุณเข้าใจพื้นฐานของเครื่องดนตรีชนิดนี้แล้ว คุณก็จะสามารถเรียนรู้วิธีการเล่นกีตาร์ด้วยตัวเองได้

ส่วน 1
ส่วน 1 ของ 3:

เรียนรู้พื้นฐานต่างๆ

ดาวน์โหลดบทความ
  1. ไม่ว่าคุณจะเล่นกีตาร์ไฟฟ้าหรือกีตาร์โปร่ง ส่วนประกอบหลักๆ ของกีตาร์ที่คุณใช้ก็คงหนีไม่พ้นไม้และโลหะอยู่ดี สายกีตาร์ที่พันด้วยทองแดงจะเป็นสิ่งที่สั่นสะเทือนเพื่อสร้างเสียงออกมา ส่วนลำตัวกีตาร์ที่ทำจากไม้ก็จะสะท้อนเสียงนั้นให้ดังกังวานเพื่อสร้างโทนเสียงอุ่นๆ จากตัวกีตาร์นั่นเอง
    • สายกีตาร์จะขึงอยู่ระหว่างหัวกีตาร์ (headstock) ซึ่งจะถูกยึดติดอยู่กับลูกบิด (tuning peg) ที่สามารถหมุนเพื่อขึงและหย่อนสาย กับหย่อง (bridge) ที่จะเป็นตัวยึดสายให้ติดกับลำตัวของกีตาร์ ซึ่งสำหรับกีตาร์โปร่งนั้น สายทุกเส้นจะถูกยึดติดอยู่กับหย่องด้วยหมุดยึดสายที่สามารถถอดออกได้ ส่วนบนกีตาร์ไฟฟ้า สายทุกสายจะถูกสอดผ่านรูเล็กๆ ที่อยู่ตรงหย่อง
    • คอกีตาร์ (neck) คือชิ้นส่วนที่เป็นไม้ยาวๆ ที่มีด้านหนึ่งแบนเรียบ ซึ่งด้านนี้เราเรียกกันว่า เฟรตบอร์ด (fretboard) และอีกด้านหนึ่งจะเป็นรูปทรงโค้ง โดยบนเฟรตบอร์ดจะมีการฝังติดแท่งโลหะที่เรียกว่าเฟรต (fret) เอาไว้ ซึ่งเฟรตจะเป็นสิ่งที่แยกความแตกต่างของโน้ตเสียงต่างๆ
    • กีตาร์โปร่งจะมีสิ่งที่เรียกว่าซาวด์โฮล (sound hole) อยู่ในลำตัวกีตาร์ ซึ่งจะเป็นสิ่งที่ช่วยทำให้เสียงกีตาร์ดังก้องกังวานออกมา ในขณะที่กีตาร์ไฟฟ้าจะมีแผงปิ๊กอัพ (pickup) ที่เป็นแม่เหล็กมากสุดถึง 3 แผง โดยปิ๊กอัพจะเป็นตัวรับสัญญาณเสียงไปยังตู้แอมป์กีตาร์
  2. Watermark wikiHow to เล่นกีตาร์
    ก่อนที่คุณจะบรรเลงกีตาร์อย่างบ้าคลั่งแบบตำนานอย่างจิมมี เฮนดริกซ์ได้นั้น คุณต้องเช็คดูให้ดีก่อนว่าตัวเองจับกีตาร์ถูกแล้วหรือเปล่า ซึ่งถ้าเกิดว่าคุณเป็นคนถนัดขวา เวลาที่คุณตีคอร์ด มือขวาของคุณก็จะอยู่กึ่งกลางระหว่างซาวด์โฮลและหย่อง และมือซ้ายของคุณก็จะใช้กดสายอยู่บนคอกีตาร์
    • เวลาที่จะเริ่มเล่นกีตาร์ ให้คุณนั่งบนเก้าอี้ที่มีพนักพิงแบบตรง และเมื่อคุณวางกีตาร์แนบตัวคุณแล้ว สายที่เล็กสุดของกีตาร์คุณก็ควรจะชี้ลงไปที่พื้นข้างล่าง และสายที่ใหญ่สุดก็ควรจะชี้ขึ้นไปทางเพดาน จากนั้นจับด้านหลังของกีตาร์ให้อยู่ติดกับหน้าท้องและอกของคุณ และวางตัวกีตาร์ไว้บนตักข้างเดียวกับมือที่คุณใช้ดีด/ตีคอร์ด
    • คุณควรจะใช้หน้าตักของตัวเองรับน้ำหนักของตัวกีตาร์เอาไว้ และประคองลำตัวกีตาร์ให้ชิดกับตัวคุณ โดยให้ใช้มือซ้ายประคองคอกีตาร์และกดสาย และประคองคอกีตาร์ด้วยพื้นที่ระหว่างนิ้วโป้งและนิ้วชี้ให้เป็นรูปตัว V ในแบบที่มันจะสามารถทำให้คุณเลื่อนมือขึ้นและลงบนคอกีตาร์ได้อย่างลื่นไหลโดยที่ไม่ต้องแบกน้ำหนักคอกีตาร์เอาไว้
    • ถึงแม้ว่าคุณจะจับกีตาร์แบบถูกวิธีแล้ว แต่บางทีคุณก็อาจจะรู้สึกว่ายังเล่นไม่ค่อยถนัดก็ได้ เพราะว่าจริงๆ คุณกำลังอยู่ในระหว่างการปรับตัวให้คุ้นเคยกับการเล่นนั่นเอง ฉะนั้น อย่างเพิ่งถอดใจไปก่อนหากคุณรู้สึกปวดไหล่ ปวดคอ เมื่อยแขน และเจ็บมือ เพราะถ้าคุณเล่นไปเรื่อยๆ คุณก็จะชินกับมันไปเองแหละ
  3. Watermark wikiHow to เล่นกีตาร์
    การเล่นกีตาร์ทั้งๆ ที่สายยังเพี้ยนอยู่คงไม่ใช่เรื่องสนุกแน่ๆ มิหนำซ้ำยังอาจจะนำไปสู่นิสัยการเล่นแบบผิดๆ ตั้งแต่ต้นเลยก็ได้ ฉะนั้น ตั้งสายทุกครั้งก่อนเล่น เพราะมันจะช่วยทำให้คุณจดจำได้ว่าสายไหนและเฟรตไหนตรงกับโน้ตเสียงอะไรบ้าง
    • ให้คุณจำชื่อตัวโน้ตของสายต่างๆ ให้ได้ก่อน ซึ่งถ้าคุณนับจากสายที่มีเสียงต่ำสุดไปจนถึงสายที่มีเสียงสูงสุด (สายใหญ่สุดไปสายเล็กสุด) คุณก็จะได้โน้ตของแต่ละสายเรียงเป็น E A D G B และ E (โน้ตเหล่านี้คือโน้ตที่คุณจะได้ เวลาที่คุณดีดสายแต่ละสายโดยที่ไม่ได้กดอะไรเลย) และเพื่อที่จะจำชื่อโน้ตของแต่ละสายให้ได้ง่ายๆ ให้คุณลองจำเป็นวลีภาษาอังกฤษ เช่น " E ddie A te D ynamite, G ood B ye E ddie!"
    • จูนเนอร์แบบอิเล็กทริกส์นั้นใช้งานง่ายและแม่นยำมาก ซึ่งวิธีใช้ก็คือ ให้คุณจ่อจูนเนอร์ไว้กับตัวกีตาร์ จากนั้นก็ลองดีดสาย E สูงดู จูนเนอร์จะบอกคุณเองว่าสายนั้นติดเสียง “ชาร์ป” (เสียงสูงเกินไป) หรือ “แฟรต” (เสียงต่ำเกินไป) อยู่หรือเปล่า จากนั้นก็ให้คุณตั้งไปทีละสายด้วยการหมุนสายให้ตึงขึ้นเพื่อทำให้เสียงสูงขึ้น หรือไม่ก็ผ่อนสายลงเพื่อทำให้เสียงต่ำลง และเช็คให้ดีด้วยว่าห้องที่คุณอยู่นั้นเสียงเงียบพอที่จะใช้จูนเนอร์หรือเปล่า เพราะถ้ามีเสียงรบกวน ไมโครโฟนบนจูนเนอร์อาจจะไปจับเสียงเหล่านั้นแทนได้
    • หากคุณไม่สามารถซื้อจูนเนอร์ด้วยตัวเองได้ คุณอาจจะตั้งสายแบบไม่ใช้จูนเนอร์ก็ได้ ซึ่งวิธีการก็คือ ให้คุณใช้เปียโนเทียบเสียงกับโน้ตของแต่ละสายเอา
  4. Watermark wikiHow to เล่นกีตาร์
    เฟรต คือ แท่งโลหะที่อยู่ในแนวตั้งฉากกับสายกีตาร์ และยังเป็นตัวกำหนดความแตกต่างของโน้ตแต่ละเสียงด้วย ซึ่งการที่คุณจะเล่นออกมาเป็นโน้ตได้ คุณก็จะต้องกดนิ้วลงไปที่ระหว่างแท่งโลหะพวกนั้นและไม่ไปกดบนแท่งโลหะตรงๆ เช่น ถ้าเกิดบอกว่าให้คุณเล่นบนเฟรต 3 นั่นหมายถึงว่า คุณต้องกดนิ้วลงไปบนสายที่ตรงช่องว่างที่อยู่ระหว่างเฟรต 2 และเฟรต 3 หากคุณดีดออกมาแล้วเสียงบอด ให้คุณเลื่อนนิ้วออกห่างจากเฟรตที่ต่ำกว่าเข้าหาเฟรตที่สูงกว่าและกดสายให้แน่นด้วย เพื่อที่มันจะได้สั่นสะเทือนเสียงออกมาแค่ตรงระหว่างนิ้วกับมือข้างที่คุณใช้ดีด โดยเวลาที่คุณกดสาย ให้คุณใช้ปลายนิ้วกด
    • ทุกครั้งที่คุณเลื่อนนิ้วจากเฟรตหนึ่งไปอีกเฟรตหนึ่ง หากเลื่อนเข้าไปทางลำตัวกีตาร์ เสียงที่คุณได้ก็จะเป็นเสียงที่สูงขึ้นครึ่งเสียง แต่ถ้าหากคุณเลื่อนไปทางหัวกีตาร์ คุณก็จะได้เสียงที่ต่ำลงครึ่งเสียง ฉะนั้น ให้คุณฝึกเลื่อนขึ้น-ลงเฟรตบอร์ดไปเรื่อยๆ และฝึกกดสายตรงเฟรตต่างๆ รวมไปถึงเรียนรู้น้ำหนักการกดสายที่คุณควรต้องใช้เพื่อเล่นโน้ตต่างๆ ออกมาด้วย
  5. ปิ๊ก คือ แผ่นพลาสติกรูปร่างเหมือนหยดน้ำ ใช้สำหรับดีดโน้ตเดี่ยวและตีคอร์ด ซึ่งมีราคาถูกและหาซื้อได้ตามร้านขายเครื่องดนตรีทั่วไป และถึงแม้ว่าการเรียนวิธีใช้ปิ๊กในตอนที่เริ่มเรียนกีตาร์จะยังไม่ใช่เรื่องที่จำเป็นมากนัก แต่มันก็เป็นวิธีที่ใช้กันบ่อยที่สุดในการเริ่มต้นเล่นกีตาร์
    • ให้คุณกำมือข้างที่คุณใช้ดีดสายก่อน จากนั้นวางนิ้วโป้งให้ระนาบอยู่ด้านบนของนิ้วที่คุณงอไว้ โดยให้คุณจับปิ๊กด้วยนิ้วโป้งและนิ้วชี้ และทำให้มันอยู่เป็นแนวตั้งฉากกับกำปั้นของคุณ เหลือปลายปิ๊กให้ยื่นออกมาจากมือของคุณแค่เพียงนิดเดียวก็พอ
    โฆษณา
ส่วน 2
ส่วน 2 ของ 3:

ฝึกเล่นคอร์ด

ดาวน์โหลดบทความ
  1. Watermark wikiHow to เล่นกีตาร์
    คอร์ด คือ กลุ่มเสียงที่ประสานกันอย่างน้อย 3 ตัวโน้ต ซึ่งสำหรับการเล่นกีตาร์สำหรับมือใหม่ก็จะมีคอร์ดพื้นฐาน 2 แบบให้เล่น คือ คอร์ดที่ใช้เล่นในโพซิชันแรกและคอร์ดทาบ ซึ่งคอร์ดที่ใช้เล่นในโพซิชันแรกจะเป็นการผสมกันของเสียงจากสายเปิดและสายที่มีการกดนิ้วลงไป โดยจะเล่นอยู่แค่ภายใน 3 เฟรตแรกเท่านั้น
    • คอร์ดเมเจอร์ที่ใช้บ่อยๆ ก็จะมี C Major, A Major, G Major, E Major, D Major
    • หากคุณรู้จักรูปคอร์ดต่างๆ แล้ว ให้คุณฝึกเปลี่ยนคอร์ดให้ได้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ และให้ลองสุ่มเขียนคอร์ดที่ตัวเองอยากเล่นออกมาหลายๆ คอร์ด แล้วฝึกดีดสลับตามคอร์ดพวกนั้นไปเรื่อยๆ ทุกครั้งที่มือขวาคุณตีคอร์ดลงไปครั้งหนึ่ง
    • เช็คให้ดีด้วยว่าตัวเองเล่นโน้ตต่างๆ ออกมาได้ถูกต้องแล้วจริงๆ เช่น ในคอร์ด A Major คุณจะต้องไม่ดีดไปโดนสาย E ต่ำ ซึ่งถ้าดูบนแทปกีตาร์ก็จะเห็นว่าสายที่ไม่ได้เล่นจะถูกกำกับด้วยเครื่องหมาย "X" เอาไว้ ดังนั้น ให้คุณฝึกสิ่งนี้ในแบบที่ถูกต้องเอาไว้ตั้งแต่เนิ่นๆ เพื่อผลสำเร็จในระยะยาวของตัวคุณเอง
    เคล็ดลับจากผู้เชี่ยวชาญ

    Nicolas Adams

    นักกีตาร์แนวรุมบ้า ฟลาเมงโก และยิปซี
    นิโคลัส อดัมส์เป็นนักดนตรีอาชีพ เป็นนักดนตรียิปซีรุ่นที่ 4 และเป็นมือกีตาร์หลักของวง Gypsy Tribe ในแคลิฟอร์เนีย เขาเชี่ยวชาญเพลงแนวรุมบ้า ฟลาเมงโก และยิปซีแจ๊ซ
    Nicolas Adams
    นักกีตาร์แนวรุมบ้า ฟลาเมงโก และยิปซี

    คุณสามารถเล่นเพลงทั้งเพลงได้ แค่สลับคอร์ด Minor ไปมา เช่น ลองหัดเล่นคอร์ด E Minor กับ A Minor ก่อนเพราะมันเล่นง่าย คุณอาจจะเริ่มจาก A Minor ไป E Minor ไป F แล้วย้อนกลับมาที่ A Minor เพื่อสร้างกลุ่มคอร์ด

  2. Watermark wikiHow to เล่นกีตาร์
    เรียนรู้ตำแหน่งการวางนิ้วในคอร์ดต่างๆ . ตำแหน่งการวางนิ้วจะมีดังนี้ (เริ่มจากเมเจอร์ก่อนแล้วค่อยเป็นไมเนอร์)
    • C Major: วางนิ้วนางบนเฟรต 3 สาย 5 แล้ววางนิ้วกลางลงบนเฟรต 2 สาย 4 จากนั้นให้วางนิ้วชี้บนเฟรต 1 สาย 2 เสร็จแล้วดีดลงไปทั้งหกสาย จากนั้นกลับไปเล่นทีสาย ในขณะที่ยังจับคอร์ดอยู่ แล้วเช็คดูว่าเสียงของแต่ละสายนั้นออกมาเคลียร์แล้วหรือยัง
    • A Major: ใช้นิ้วชี้ นิ้วกลาง นิ้วนาง กดไปที่เฟรต 2 บนสาย 2 สาย 3 และสาย 4 ซึ่งรูปคอร์ดที่ออกมาก็จะเหมือนกับการเรียงนิ้วตรงลงมาเป็นแนวเดียวกัน จากนั้นให้คุณดีดโดนทุกสาย ยกเว้นสายบนสุด
    • G Major: ใช้นิ้วกลางกดที่เฟรต 3 สาย 6 แล้วกดนิ้วชี้ที่เฟรต 2 สาย 5 จากนั้นกดนิ้วนางที่เฟรต 3 สาย 1 และเช็คดูให้ดีว่าเสียงที่ดีดออกมานั้นเคลียร์แล้วหรือยัง
    • E Major: นี่คือหนึ่งในคอร์ดที่เล่นง่ายที่สุด เพียงแค่คุณกดนิ้วกลางและนิ้วนางลงไปที่เฟรต 2 สาย 4 และสาย 5 และกดนิ้วชี้ไปที่เฟรต 1 สาย 3
    • D Major: กดนิ้วชี้ไปที่เฟรต 2 สาย 3 แล้วกดนิ้วกลางที่เฟรต 2 สาย 1 จากนั้นกดนิ้วนางที่เฟรต 3 สาย 2 และให้ดีดแค่เฉพาะสี่สายล่างเท่านั้น
    • E minor: คอร์ดนี้จะเหมือนกับ E major เพียงแต่ว่าคุณไม่ต้องกดนิ้วชี้ โดยให้คุณกดนิ้วกลางและนิ้วนางที่เฟรต 2 ของสายที่ใหญ่ที่สุดเป็นอันดับ 2 และ 3
    • A minor: กดนิ้วกลางและนิ้วนางบนเฟรต 2 ของสายที่ใหญ่ที่สุดลำดับที่ 3 และ 4 และกดนิ้วชี้ลงไปบนเฟรต 1 ของสายที่เล็กที่สุดเป็นอันดับสอง คอร์ดนี้จะมีรูปคอร์ดแบบเดียวกับคอร์ด E major ต่างกันตรงที่ว่าคอร์ดนี้ต้องเลื่อนลงมา 1 สาย และก็เหมือนเดิมเลยคือ เวลาที่คุณเล่นคอร์ดนี้ให้คุณเว้นสายบนสุดเอาไว้และไม่ต้องดีดไปโดนสายนั้น
    • D minor: คอร์ดนี้จะคล้ายกับคอร์ด D Major เลย โดยให้คุณกดนิ้วกลางไปที่เฟรต 2 ของสายที่เล็กที่สุดเป็นอันดับ 3 และกดนิ้วชี้ลงบนเฟรต 1 ของสายที่เล็กที่สุด จากนั้นกดนิ้วนางไปที่เฟรต 3 ของสายที่เล็กที่สุดเป็นอันดับ 2 และให้เล่นดีดแค่เฉพาะสี่สายล่างเท่านั้น
  3. Watermark wikiHow to เล่นกีตาร์
    ฝึกดีดคอร์ดออกมาให้ได้ซาวด์ที่ชัดเจนจากทุกๆ สาย. หลังจากที่คุณวางนิ้วทั้งหมดลงไปบนเฟรตบอร์ดแล้ว ให้คุณค่อยๆ ดีดคอร์ดนั้นแบบไล่ไปทีละสาย และเช็คดูให้ดีว่าเสียงจากสายต่างๆ ที่คุณเล่น ไม่ได้เป็นเสียงอู้อี้หรือเสียงบอด
    • หากเสียงที่ได้ดูไม่ค่อยจะเคลียร์เท่าไร นั่นอาจจะเป็นเพราะว่าคุณกดไม่แน่นพอหรือมีบางส่วนของนิ้วอื่นๆ ที่ไปโดนสายนั้น และทำให้เสียงออกมาไม่ชัดเจน ดังนั้น เช็คดูให้ดีว่ามีนิ้วอื่นๆ ที่คุณไม่ได้ใช้เผลอไปโดนสายพวกนั้นบ้างหรือเปล่า
    • ตั้งนิ้วบนเฟรตบอร์ดให้โค้งเข้าไว้เวลาที่คุณกำลังกดสายเหล่านั้น ทำให้เหมือนกับว่านิ้วทุกนิ้วของคุณกำลังกำลูกแก้วหรือกำลูกหินเอาไว้ที่ขอนิ้วอยู่ วิธีนี้จะช่วยเปิดพื้นที่ว่างให้สายเปิดแต่ละสายและทำให้ส่งเสียงออกมาแบบไม่บอดได้
  4. Watermark wikiHow to เล่นกีตาร์
    การตีคอร์ดประกอบไปด้วยการตีลง (downstroke) และการตีขึ้น (upstroke) ในรูปแบบต่างๆ รวมไปถึงการเล่นโน้ตแต่ละตัวในคอร์ดออกมาให้ราบลื่นและเข้าจังหวะด้วย ฉะนั้น ให้คุณฝึกตีคอร์ดขึ้น-ลงให้ลื่นไหลด้วยการใช้การสะบัดข้อมือ และแนบข้อศอกให้ติดกับลำตัวกีตาร์เอาไว้ และให้ใช้ปิ๊กดีดไล่ลงไปทุกสาย จำไว้อย่างหนึ่งว่าข้อศอกของคุณไม่ควรจะขยับมากนัก เพราะหลักๆ แล้วคุณจะต้องตีคอร์ดด้วยการสะบัดข้อมือนั่นเอง
  5. Watermark wikiHow to เล่นกีตาร์
    คอร์ดทาบนั้นมีประโยชน์อย่างมากสำหรับการเริ่มต้นเล่นเพลงต่างๆ ซึ่งคอร์ดทาบก็คือคอร์ดที่คุณจะต้องใช้นิ้วชี้ทาบลงไปที่โน้ตทุกตัวในเฟรตใดเฟรตหนึ่ง อย่างเช่น ถ้าคุณจะเล่นคอร์ดทาบในโพสิชันแรกอย่างคอร์ด F คุณก็จะต้องทาบโน้ตทุกตัวบนเฟรต 1 ด้วยนิ้วชี้ จากนั้นก็ต่อด้วยการจับรูปคอร์ดแบบคอร์ด E ในแบบที่เลื่อนขึ้นมาจากเดิมหนึ่งเฟรต โดยให้จับด้วยนิ้วกลาง นาง และก้อย
    • หากคุณกดนิ้วในรูปคอร์ดเดียวกับคอร์ด F ที่เฟรต 2 คุณก็จะได้คอร์ด F# และถ้าคุณเลื่อนไปเฟรต 3 คอร์ดนั้นก็จะกลายเป็นคอร์ด G และแม้ว่านี่จะเป็นการวางนิ้วที่ยาก แต่คุณก็จะสามารถเริ่มเล่นเพลงร็อกหรือเพลงป๊อปทั่วไปได้อย่างรวดเร็วหากคุณรู้วิธีการตีคอร์ดและการเล่นคอร์ดทาบ ซึ่งตัวอย่างวงต่างชาติที่ชอบใช้แต่คอร์ดทาบพร้อมกับเสียงเอฟเฟกต์เจ๋งๆ ก็จะมีอย่างเช่นวง The Ramones
    โฆษณา
ส่วน 3
ส่วน 3 ของ 3:

ฝึกฝนต่อไปเรื่อยๆ

ดาวน์โหลดบทความ
  1. มันจะมีจุดหนึ่งที่คุณรู้สึกว่าสิ่งต่างๆ ดูจะไม่เดินหน้าไปไหนเลย เพราะคุณไม่สามารถที่จะเล่นหรือเปลี่ยนคอร์ดได้เร็วเท่าที่คุณต้องการจะให้เป็น แถมนิ้วของคุณก็เจ็บเสียเหลือเกิน และดูเหมือนว่าการหยุดเล่นจะเป็นอะไรที่ง่ายกว่า นั่นเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมมือกีตาร์ส่วนใหญ่ถึงหยุดเล่นกีตาร์ไปช่วงหนึ่ง ซึ่งนั่นก็เพราะว่าพวกเขาเจ็บนิ้วนั่นเอง แต่จริงๆ แล้วถ้าเล่นไปเรื่อยๆ นานเป็นเดือนจนกลายไปเป็นปี นิ้วข้างที่ใช้จับคอร์ดของคุณก็จะเริ่มด้านขึ้นเอง และทำให้คุณเจ็บน้อยลงเวลาที่ต้องกดสายเป็นเวลานานๆ ฉะนั้น ให้จำไว้ว่า ทุกคนที่เล่นกีตาร์ต้องเจอกับการเจ็บนิ้วในช่วงแล้วอยู่แล้ว ฉะนั้น เรียนรู้ที่จะรักความเจ็บปวดนั้นและใช้สิ่งนั้นทุ่มเทไปกับสิ่งที่คุณรักในดนตรีและกีตาร์ซะ
    • ให้คุณแช่นิ้วในน้ำแข็งหลังจากเล่นเสร็จ หรือไม่ก็แช่ในน้ำส้มสายชูที่หมักจากแอปเปิล (apple cider vinegar) เพื่อบรรเทาอาการเจ็บนิ้ว
    • การล้างนิ้วด้วยแอลกอฮอล์เช็ดแผลหลังจากที่เล่นเสร็จ สามารถทำให้นิ้วคุณด้านเร็วขึ้นได้ แต่จำไว้ว่า คุณต้องไม่ล้างนิ้วด้วยแอลกอฮอล์ก่อนเล่นกีตาร์
  2. Watermark wikiHow to เล่นกีตาร์
    มันจะยิ่งสนุกขึ้นไปอีก หากคุณได้เล่นเพลงที่ตัวเองรู้จักที่ไม่ได้มีแค่ชุดคอร์ดหรือโน้ตต่างๆ เท่านั้น และที่ดียิ่งไปกว่านั้นก็คือ 90% ของดนตรีมักจะประกอบด้วยคอร์ดแค่ 3-4 คอร์ดเท่านั้น
    • เริ่มต้นจากช้าๆ ก่อน แล้วค่อยๆ เร่งสปีดให้เร็วขึ้นไปพร้อมๆ กับการทำความคุ้นเคยกับจังหวะดนตรี ในช่วงแรกๆ คุณอาจจะหงุดหงิดนิดหน่อยที่ตัวเองเล่นออกมาได้แข็งเหมือนหุ่นยนต์เสียเหลือเกิน แต่ยิ่งคุณเปลี่ยนคอร์ดได้คล่องแคล่วมากขึ้นเท่าไร คุณก็จะยิ่งเข้าใกล้ถึงจุดที่ตัวเองจะสามารถวาดลวดลายบนเวทีได้มากขึ้นเท่านั้น
    • เมื่อคุณเล่นเพลงง่ายๆ จนคล่องแล้ว ให้คุณลองเปลี่ยนไปเล่นเพลงที่มีความซับซ้อนมากกว่าเดิม ตัวอย่างเช่น เพลง "Sweet Home Alabama" ของ Lynyrd Skynyrd ที่มีชุดคอร์ดวน D C และ G และถึงแม้จะมีแค่ 3 คอร์ดวน แต่ว่าเพลงนี้ก็ฟังดูมีความซับซ้อนเหมือนกัน ซึ่งนั่นเป็นเพราะ lick กีตาร์ในท่อนอินโทรนั่นเอง
  3. คนที่เป็นมือกีตาร์มักจะใช้ระบบการบันทึกโน้ตเพลงที่เรียกว่า “แทป” ซึ่งไอเดียหลักๆ ของการอ่านแทปก็คือ ให้ดูที่แถวแต่ละแถวในแทป แบบเดียวกันกับที่คุณมองบนกีตาร์ โดยแต่ละแถวจะแทนสายแต่ละสายของกีตาร์ และตัวเลขแต่ละตัวคือสิ่งที่บอกว่าคุณจะต้องเล่นเฟรตไหนบ้าง ตัวอย่างเช่น หากคุณจะเล่น lick กีตาร์เพลง "Sweet Home Alabama" ของวง Lynyrd Skynyrd ด้วยการดูแทปนี้ คุณก็จะต้องเล่นโน้ต 2 ตัวบนสายเปิด D และเล่นสาย B เฟรต 3 จากนั้นก็เล่นสาย G เฟรต 2 ฯลฯ
    • E|-------------------------------------------------||
    • B|-------3---------3----------3--------------------||
    • G|---------2---------0--------0---------------2p0--||
    • D|-0-0------------------------0--0----0h2p0--------||
    • A|------------3-3-------------2---0p2-------0------||
    • E|-----------------------3-3--3--------------------||
    • การเปลี่ยนไปเปลี่ยนมาระหว่างการเล่น lick และคอร์ดนั้นเป็นเรื่องน่าตื่นตาตื่นใจ เพราะมันจะทำให้คุณรู้สึกว่าตัวเองได้สร้างดนตรีออกมาจริงๆ ไม่ใช่แค่ “เรียนกีตาร์” เฉยๆ ฉะนั้น ดูให้ดีว่าตัวเองจับรูปคอร์ดที่ถูกต้องแล้ว และพยายามอย่าเล่นค่อมจังหวะเวลาจะเล่น lick เร็วๆ
  4. Watermark wikiHow to เล่นกีตาร์
    กีตาร์คือเครื่องดนตรีที่เรียนรู้ได้ดีที่สุดด้วยการดู ฟัง และเลียนแบบเทคนิคต่างๆ จากคนอื่น โดยที่คุณไม่จำเป็นต้องลงเรียนในโรงเรียนสอนดนตรีเพื่อเรียนกีตาร์เลย แต่การมีเพื่อนๆ ไว้แจมด้วยกัน และคอยแลกเปลี่ยนเทคนิคและคำแนะนำต่างหาก ที่จะเป็นแหล่งความรู้ชั้นดีให้กับคุณได้
    • วิดีโอสอนใน YouTube อาจจะเป็นประโยชน์อย่างมากสำหรับมือใหม่ รวมถึงคนที่เล่นในขั้นแอดวานซ์ด้วย เพราะการได้ดูมือกีตาร์ระดับตำนานอย่างสตีวี เรย์ วอห์นโซโล่อย่างดุเดือด หรือการได้เห็นแจ็ค จอห์นสันเกากีตาร์เพลงที่คุณชอบนั้น อาจจะเป็นประสบการณ์การเรียนรู้ที่ยอดเยี่ยมให้กับตัวคุณได้
    • หากคุณอยากจะเล่นแนวคลาสสิกหรือแนวแจ๊ส หรืออยากจะเรียนวิธีการอ่านโน้ตเพลง การลงเรียนคอร์สดนตรีแบบทางการก็น่าจะเป็นไอเดียที่ดีเหมือนกัน จริงอยู่ที่การเรียนด้วยตัวเอง คือวิธีที่ดีในการพัฒนาสไตล์การเล่นในแบบของตัวเอง แต่ถ้าคุณไม่มีผู้รู้ที่คอยแนะนำให้คุณเลย สิ่งที่คุณจะได้เรียนรู้ก็คงจะถูกจำกัดอยู่แค่เพียงไม่กี่อย่าง
    โฆษณา

เคล็ดลับ

  • จำไว้เสมอว่ายังไงคุณก็ต้องมีเล่นผิดพลาดบ้าง และก็ไม่ใช่แค่คุณคนเดียวด้วย เพราะบางครั้งคนอื่นๆ ก็ทำสิ่งผิดพลาดได้เหมือนกัน
  • หากคอร์ดที่คุณเล่นออกมานั้น ให้เสียงที่ไม่ค่อยดีเท่าที่ควร ให้คุณลองเล่นคอร์ดนั้นทีละสาย เพราะบางทีคุณอาจจะจับคอร์ดบอดหรือเล่นคอร์ดนั้นแบบผิดๆ อยู่ก็ได้ ซึ่งการทำแบบนี้ก็เหมือนกับการเช็คดูว่าปัญหาในการเล่นคอร์ดของคุณคืออะไรนั่นเอง และที่สำคัญอย่าลืมใช้ปลายนิ้วกดคอร์ด เพราะมันจะช่วยทำให้เสียงออกมาใสและชัดเจนขึ้น
  • ในทุกๆ วัน ให้คุณฝึกฝนให้ได้อย่างน้อย 2 ชั่วโมงหรือมากกว่านั้น
  • หากคุณมีปัญหาเรื่องเจ็บนิ้วจากการกดสาย ให้ลองเปลี่ยนไปใช้สายที่นิ่มกว่านี้ แม้ว่าเสียงอาจจะไม่ดีเท่าแบบแรก แต่มันก็เล่นได้ง่ายขึ้นเยอะ และจะทำให้ปลายนิ้วคุณเจ็บน้อยลงด้วย
  • ให้คุณฝึกเกาสายด้วย โดยให้เสิร์ชหาแพทเทิร์นจากในอินเทอร์เน็ต หรือว่าจะลองแกะแพทเทิร์นการเกาจากเพลงที่ตัวเองชอบก็ได้
  • อย่าท้อแท้ไปก่อนหากคอร์ดที่คุณเล่นออกมานั้นเสียงไม่ค่อยดี และให้ฝึกความแข็งแรงของนิ้วต่อไปเรื่อยๆ เพราะมันจะทำให้คุณจะพัฒนาขึ้นได้เอง
  • ให้ปรินต์ตารางคอร์ดออกมา แล้วเอาไปติดไว้สักที่ที่คุณเห็นได้ง่ายๆ เพราะสิ่งนี้จะช่วยคุณได้เยอะมาก
  • ในช่วงแรกๆ คุณอาจจะยังไม่สามารถดีดให้เป็นเสียงที่ชัดเจนได้ แต่ไม่ต้องกังวลไป เพราะการที่นิ้วคุณจะแข็งแรงได้ ก็คงต้องใช้เวลาสักพักหนึ่ง ซึ่งถ้าหากคุณฝึกประมาณสองสามชั่วโมงในแต่ละวัน คุณก็จะสามารถพัฒนาไปถึงจุดนั้นได้ภายในระยะเวลาแค่สองสามสัปดาห์ แต่ถ้าหากคุณใช้เวลาฝึกน้อยกว่านี้ การที่จะไปถึงจุดนั้นได้ก็คงต้องใช้เวลานานขึ้นอีก
  • ดูว่าตัวเองอยากเล่นเพลงอะไร และเสิร์ชหาแทปเพลงนั้น และฝึกฝนเพลงนั้นไปเรื่อยๆ วิธีนี้จะช่วยทำให้การเล่นกีตาร์เป็นเรื่องที่น่าสนใจมากขึ้น
  • หากคุณรู้สึกว่าตัวเองบังคับนิ้วให้จับคอร์ดไม่ค่อยได้ บางทีมันอาจจะดีกว่าถ้าคุณเริ่มต้นสร้างความแข็งแรง ความคล่องแคล่ว และความเคยชินของนิ้วกับกีตาร์ก่อน
  • การดีดสายกีตาร์แข็งๆ อาจจะทำให้คุณเจ็บนิ้วได้ และเพื่อที่จะไม่ให้เกิดเหตุการณ์แบบนั้น ให้คุณใช้ปิ๊กแทนจะดีกว่า
โฆษณา

คำเตือน

  • ระวังอย่าพยายามเร่งฝึกเยอะจนเกินไปในช่วงแรกๆ ฝึกแค่วันละชั่วโมงก็พอ อย่าไปทำให้นิ้วคุณเจ็บโดยไม่จำเป็น
  • การพึ่งพาอยู่แต่กับตำราหรือวิดีโอสอนการเล่นกีตาร์โดยที่ไม่เคยขอคำแนะนำจากครูที่มีประสบการณ์ อาจจะทำให้คุณมีนิสัยการเล่นแบบผิดๆ จนยากจะแก้ไขได้ และถึงแม้ว่าจริงๆ แล้วคุณเรียนรู้ได้อย่างมีประสิทธิภาพโดยที่ไม่ต้องไปลงคอร์สเรียน แต่บางทีสิ่งที่ได้จากคนมีประสบการณ์อาจจะช่วยแก้ไขปัญหาการเล่นบางอย่างของคุณได้
โฆษณา

สิ่งของที่ใช้

  • กีตาร์ที่คุณรู้สึกว่าเหมาะที่จะเล่น
  • ปิ๊กกีตาร์ (จะใช้ก็ได้ ไม่ใช้ก็ได้)
  • จูนเนอร์ (แนะนำสำหรับมือใหม่)

ข้อมูลอ้างอิง

  1. Videos from GuitarLessons.com

เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้

มีการเข้าถึงหน้านี้ 52,827 ครั้ง

บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม

โฆษณา