ดาวน์โหลดบทความ ดาวน์โหลดบทความ

แน่นอนว่าช่วงมัธยมศึกษาเป็นสิ่งที่น่ากลัวถ้าหากคุณไม่รู้ว่าคุณกำลังทำอะไรอยู่ แต่ถ้าคุณรู้ว่าคุณต้องคาดหวังอะไรในช่วงมัธยมศึกษา คุณจะสามารถหาเพื่อนที่ดี เรียนให้เก่งและมีกิจกรรมทำหลังเลิกเรียนได้ง่ายขึ้น ในการเอาตัวรอดปีแรกของมัธยมศึกษาคุณจะต้องทำตัวเองให้คุ้นเคยกับแบบแผนและกฎเกณฑ์ของโรงเรียนก่อนที่จะเริ่มเรียน กล้าแสดงออกระหว่างและหลังคาบเรียน สร้างแผนการอ่านหนังสือและทำการบ้านที่แน่วแน่ มีส่วนร่วมในชั้นเรียนและต้านทานแรงกดดันจากผู้คนรอบข้าง มันอาจจะฟังหรือมากมายแต่เมื่อคุณทำไปเรื่อยๆ คุณก็จะสามารถทำเป็นขั้นตอนได้ในไม่ช้า

วิธีการ 1
วิธีการ 1 ของ 4:

การรู้เท่าทันเกม

ดาวน์โหลดบทความ
  1. งานนี้มักจะจัดขึ้นในช่วงท้ายของฤดูร้อนถึงแม้ว่าพวกเขาอาจจะจัดก่อนหน้านี้ ไม่เพียงแต่มันจะทำให้คุณรู้สึกสบายใจกับสภาพแวดล้อมของโรงเรียนใหม่และช่วยให้คุณรู้จักคุณครูแต่คุณยังสามารถใช้งานปฐมนิเทศให้เป็นโอกาสทางสังคม ใช่แล้ว แทนที่จะไปเที่ยวกับแม่ คุณสามารถออกมาเจอคนใหม่ๆ และเที่ยวกับเพื่อนเก่า
    • ดูฉลาด ใส่เสื้อผ้าธรรมดาของคุณแต่ใช้ความพยายามมากขึ้นกับรูปร่างหน้าตาและความสะอาด คุณต้องสร้างความประทับใจเมื่อแรกพบ
  2. ถ้าคุณโชคดีพอที่จะรู้จักคนในโรงเรียนก็ดี จากนั้นคุณสามารถคุยกับเพื่อนล่วงหน้า ถามตารางเรียนของพวกเขาและดูว่าใครจะสามารถทานมื้อกลางวันกับคุณได้ คุณสามารถทำตัวชัดเจน เป็นเพื่อนกับนักเรียนชมรมว่ายน้ำ ที่ห้างหรือจากการแข่งขันฟุตบอลในช่วงฤดูร้อน คุณจะรู้สึกสบายใจมากขึ้นในโรงเรียนถ้าคุณทำเช่นนั้น
    • ถ้าหากคุณเป็นนักเรียนใหม่ก็อย่ากังวล คุณไม่ได้อยู่ตัวคนเดียว
  3. ความสำเร็จในชั้นมัธยมศึกษาอีกอย่างหนึ่งคือการรู้จักรุ่นพี่ในโรงเรียน ถ้าหากคุณมีพี่ที่สามารถดูแลคุณได้ เพื่อนบ้านหรือแม้แต่ลูกของเพื่อนพ่อแม่ที่ไปโรงเรียนเดียวกัน บุคคลนี้สามารถช่วยเหลือคุณได้รวมไปถึงเพื่อนรักของคุณ รุ่นพี่สามารถช่วยให้คุณเข้าใจสิ่งเหล่านี้:
    • วิธีวางตัวเวลาที่อยู่กับครู
    • คนที่ควรหลีกเลี่ยง
    • ข้อเสียของชมรมหรือทีมกีฬาที่คุณสนใจเข้าร่วม
    • วิธีในการเรียนให้เก่ง
  4. สิ่งนี้อาจฟังดูแปลกแต่อย่าประเมินค่าความสบายใจที่คุณจะรู้สึกในโรงเรียนใหม่ถ้าหากคุณรู้ว่าคุณกำลังจะไปที่ไหนในวันแรกต่ำเกินไป คุณไม่เพียงแต่ควรใส่ใจงานปฐมนิเทศแต่คุณยังควรหยิบแผนที่ของโรงเรียนมาด้วยถ้าทำได้เพื่อที่คุณจะสามารถรู้ทางที่ดีที่สุดในการไปเรียนแต่ละวิชา การหาวิธีทำช่วงเวลา 3-4 นาทีที่มีค่าระหว่างเปลี่ยนห้องเรียนจะสามารถช่วยคุณลดความเครียดและเข้าเรียนตรงเวลา
  5. ก่อนที่คุณจะเริ่มเรียนวันแรก คุณต้องเตรียมทุกอย่างที่คุณต้องการเพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาในวันแรก คุณควรมีสำเนาตารางเรียนถ้าหากคุณมีแล้ว หนังสือ แฟ้ม สมุดโน๊ตและอุปกรณ์การเรียนทุกอย่างและชุดพละถ้าหากคุณมีเรียนวิชาพละศึกษาในวันนั้น อย่าเป็นคนที่ลืมชุดพละในวันแรกของการเรียนหรือคนที่ต้องยืมดินสอเพื่อนในทุกคาบเรียน
  6. บางโรงเรียนมีกฎระเบียบการแต่งตัวที่เคร่งครัดกว่าโรงเรียนอื่น กล่าวคือบางโรงเรียนมีคุณครูคอยตรวจระเบียบ ส่งคุณไปห้องพักครูและส่งคุณกลับบ้านถ้าคุณไม่มีชุดมาเปลี่ยนยิ่งแย่ไปกว่านั้นคือถ้าคุณใส่ชุดพละ ถ้าหากคุณมีชุดนักเรียน คุณก็ต้องใส่มันอย่างเหมาะสมแต่ถ้าไม่ก็คนมองหาสิ่งเหล่านี้:
    • กางเกงขาสั้นที่สั้นมาก หลายโรงเรียนบอกว่ากางเกงขาสั้นของคุณต้องยาวกว่าปลายนิ้ว สาวๆ ทั้งหลาย หลังจากที่ใส่กางเกงขาสั้นแล้ว ลองยืนขึ้นและปล่อยแขนลงด้านข้างเพื่อดูว่ากางเกงยาวกว่าปลายนิ้วหรือไม่
    • การเปิดเผยชุดชั้นใน สาวๆ หลีกเลี่ยงการโชว์สายเสื้อในและหนุ่มๆ ควรหลีกเลี่ยงกางเกงหลุดก้นและการเผยให้เห็นกางเกงใน หลายโรงเรียนมีกฎระเบียบการแต่งตัวที่ต่อต้านสิ่งเหล่านี้เพราะมันดูไร้ค่า
    • โลโก้ที่หยาบคาย อย่าใส่เสื้อยืดที่มีโลโก้หรือภาษาที่หยาบคาย สิ่งเหล่านี้จะทำให้คุณถูกทำโทษในกรณีที่ร้ายแรงที่สุด
    โฆษณา
วิธีการ 2
วิธีการ 2 ของ 4:

การเอาตัวรอดทางสังคม

ดาวน์โหลดบทความ
  1. ถึงแม้ปีแรกของช่วงมัธยมศึกษาอาจจะไม่น่าแสดงออกเท่ากับปีแรกของมหาวิทยาลัยแต่คุณควรพยายามเป็นมิตรมากที่สุดก่อนที่ผู้คนจะตกเข้าสู่วงจรทางสังคมแบบธรรมดาและไม่ค่อยเปิดใจมารับคนใหม่ เพราะฉะนั้นคุณควรทักทายผู้หญิงที่เรียนวิชาภาษาสเปนกับคุณ เป็นมิตรกับคู่ทดลองวิชา วิทยาศาสตร์และทำความรู้จักนักเรียนที่อยู่ในห้องของคุณ คุณอาจจะต้องนั่งข้างพวกเขาไปจนจบมัธยมศึกษาเลยก็ได้
    • ทำความรู้จักคนที่เรียนวิชาพลศึกษากับคุณ คุณอาจจะไม่เจอพวกเขาเหล่านี้ในวิชาเรียนทั่วไป
    • สร้างเพื่อนใหม่กับคนที่นั่งทานมื้อกลางวันกับคุณ
  2. ถึงแม้ว่าคุณอาจจะกังวลเกี่ยวกับการหาที่และกลุ่มคนที่คุณเข้ากันได้แต่คุณควรเสาะหาหลายทางเลือกให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ คุณจะเจอกับนักเรียนที่มีชื่อเสียง เด็กเรียน เด็กเรียนที่เจ๋ง เด็กกิจกรรมและอื่นๆ อีกมากมายแต่คุณไม่จำเป็นต้องติดอยู่กับกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง อย่าด่วนสรุปและทำความรู้จักผู้คนให้มากที่สุดที่คุณสามารถทำได้
    • ถึงแม้ว่าคนส่วนใหญ่จะคบกับคนกลุ่มเดิมตลอดช่วงมัธยมศึกษาแต่แรงขับเคลื่อนทางสังคมและเหตุการณ์ต่างๆ เปลี่ยนแปลงไป ถ้าหากคุณพบว่ากลุ่มเพื่อนใหม่ของคุณไม่เหมาะสมกับคุณหลังจากเวลาผ่านไปสองสามเดือนแต่คุณไม่พยายามทำความรู้จักคนอื่น คุณก็คงไม่มีทางเลือกอื่นแล้ว
    • การมีส่วนร่วมในชมรมและทีมกีฬามากมายให้มากที่สุดเท่าที่คุณจะสามารถทำได้จะช่วยขยายกลุ่มคนรู้จักและทำให้คุณเจอผู้คนมากมาย
    • ถึงแม้ว่าคุณต้องเปิดใจแต่คุณควรหลีกเลี่ยงคนที่จะทำให้คุณตกที่นั่งลำบากโดยการบังคับให้คุณสูบบุหรี่ โดดเรียนหรือโกงข้อสอบ
  3. ถึงแม้ว่าคุณอาจจะเจอคนรักในฝันในวิชาวิทยาศาสตร์กายภาพแต่คุณควรรอก่อนที่คุณจะส่งข้อความรักหาเขาคนนั้น ถ้าหากคุณมีความสัมพันธ์แบบคนรักในทันทีคุณจะไม่มีเวลาหาเพื่อนและหาว่าอะไรที่ทำให้คุณมีความสุขจริงๆ 98% ของความสัมพันธ์ในช่วงมัธยมศึกษาไม่ยั่งยืน เพราะฉะนั้นคุณอาจจะทำให้ตัวเองตกอยู่ในสถานการณ์ที่อึดอัดเมื่อคุณเลิกกันและมีเพื่อนกลุ่มเดียวกัน
  4. ถึงแม้ว่าคุณอาจจะคิดว่าคุณเจ๋งเกินไปที่จะไปงานเต้นรำหรืองานคืนสู่เหย้าของโรงเรียนแต่คุณควรไปงานเหล่านี้เพื่อหาเพื่อนใหม่และเพื่อให้คนรู้จักคุณ นักเรียนที่ชอบดราม่ามักจะไม่ไปงานแข่งฟุตบอลและนักเรียนที่เล่นกีฬามักจะไม่ไปดูละครเวทีแต่ถ้าหากคุณไปทั้ง 2 งาน คุณก็จะรู้จักคนมากขึ้นและตระหนักว่าโรงเรียนมีอะไรอีกมากมาย
    • คุณไม่จำเป็นต้องไปทุกงานแต่ในช่วง 2-3 เดือนแรกคุณต้องพยายามไปให้ได้หลายงานที่สุดเท่าที่คุณจะทำได้ก่อนที่คุณจะตัดสินใจว่าคุณชอบอะไร
  5. เพียงการรู้จักคนหนึ่งคนในทุกวิชาจะทำให้คุณรู้สึกเครียดน้อยลง ในวันแรกหรือวันที่ 2 ของโรงเรียน ทักทายคนที่นั่งข้างคุณและเริ่มบทสนทนา เขาจะจำคุณและอาจจะเดินไปเรียนวิชาต่อไปกับคุณและเมื่อถึงเวลาที่ต้องทำงานกลุ่ม คุณจะมีคนเตรียมพร้อมที่จะทำงานด้วย
    • และถ้าหากคุณมีเพื่อนอย่างน้อย 1 คน เพื่อนคนนั้นจะสามารถช่วยให้คุณรู้จักผู้คนมากขึ้นได้
    • เพื่อนที่อยู่ในห้องของคุณสามารถเป็นแรงผลักดันด้านการเรียนและเป็นบุคคลติดต่อถ้าหากคุณขาดเรียนหรือมีคำถาม
  6. กลุ่มทานมื้อกลางวันของคุณไม่จำเป็นต้องถูกกำหนดตายตัวในวันแรก มันไม่เป็นแบบนั้นในโรงเรียนส่วนใหญ่อยู่แล้ว อย่างไรก็ตาม คุณต้องจัดการกับสิ่งนี้ให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ ถ้าหากคุณรู้จักใครบางคนจากกลุ่มทานมื้อกลางวันโดยการเปรียบเทียบตารางเรียนก่อนโรงเรียนเปิดหรือในวันแรกก็ดีไป วางแผนนัดเจอกันเพื่อหาโต๊ะทานมื้อกลางวันด้วยกัน แต่ถ้าไม่ คุณก็ต้องทำตัวเป็นมิตร ไปพักเร็วพอที่จะหาที่นั่งได้และพยายามหาคนที่เป็นมิตรและยอมให้คุณนั่งด้วย
    • คุณยังสามารถถามคนที่คุณเจอในวันแรกๆ ว่าพวกเขานั่งโต๊ะไหน
    • อย่าอายเกินไปที่จะถามใครบางคนที่ดูเป็นมิตรและเจ๋งพอว่าคุณสามารถนั่งด้วยได้หรือไม่ มันดีกว่าการติดอยู่กับคนที่คุณไม่ชอบ
  7. สิ่งนี้อาจจะฟังดูเป็นไปไม่ได้ในช่วงปีแรกของมัธยมศึกษาแต่คุณควรจำไว้ว่าทุกคนหมกมุ่นกับสิ่งที่คนอื่นคิด พวกเขามีชื่อเสียงแค่ไหน พวกเขาดูเป็นอย่างไรกับรองเท้าคู่ใหม่และอื่นๆ จำไว้ว่าทุกคนรู้สึกไม่มั่นใจและไม่แน่ใจพอกับคุณและถือไพ่เหนือกว่าพวกเขาด้วยการเข้าใจว่าสิ่งเหล่านี้ไม่สำคัญ
    • อย่าใช้เวลาในการมองตัวเองในกระจกมากกว่าเวลาที่คุณใช้อ่านหนังสือ
    • ถึงแม้ว่าการดูดีจะทำให้คุณรู้สึกดีเกี่ยวกับตัวเองแต่การใช้เวลาทั้งหมดเพื่อหมกมุ่นเกี่ยวกับเสื้อผ้าใหม่จะไม่ช่วยอะไร
    • ถึงแม้ว่าคุณไม่รู้สึกมั่นใจแต่คุณสามารถดูมั่นใจได้ เดินเชิดหน้าและมองตรงแทนที่จะกอดอกและเดินหลังค่อม
    โฆษณา
วิธีการ 3
วิธีการ 3 ของ 4:

การเอาตัวรอดทางการเรียน

ดาวน์โหลดบทความ
  1. คุณอาจจะคิดว่ามันเจ๋งและตลกในการทำตัวไม่ดีกับคุณครูวิชาเคมีแต่เมื่อคะแนนกลางภาคของคุณตกต่ำ คุณจะคิดอีกแบบหนึ่ง ถึงแม้ว่าคุณจะไม่ชอบคุณครูทุกคนแต่มันจะเป็นประโยชน์กับคุณถ้าหากคุณทำตัวสุภาพกับพวกเขา เข้าเรียนตรงเวลาและอย่างน้อยทำเป็นสนใจในวิชาเรียน การนอนหลับในคาบเรียนเป็นสิ่งที่ไม่แนะนำอย่างสูง
    • เมื่อคุณสมัครเข้ามหาวิทยาลัย คุณจะต้องใช้จดหมายแนะนำจากคุณครู เพราะฉะนั้นคุณควรเริ่มสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับคุณครูไว้จะดีกว่า
  2. ถ้าหากคุณต้องการประสบความสำเร็จในปีแรกของมัธยมศึกษา คุณจะต้องรู้ว่าพฤติกรรมแบบไหนที่ได้ผลกับคุณในการอ่านหนังสือสำหรับการสอบ คุณอ่านหนังสือได้ดีในช่วงเวลาว่าง หลังเลิกเรียนหรือในตอนกลางคืนก่อนที่คุณเข้านอน? คุณชอบฟังเพลงหรือกินขนมในตอนอ่านหนังสือหรือคุณชอบอยู่กับความเงียบและดื่มชา? หาวิธีที่ได้ผลกับคุณล่วงหน้าและทำตามวิธีนั้น
    • ถ้าหากคุณอ่านหนังสือได้ดีเมื่ออยู่เป็นกลุ่ม คุณควรหากลุ่มอ่านหนังสือที่ประกอบไปด้วยนักเรียนที่ตั้งใจเรียนที่สามารถกระตุ้นกันและกัน ทำสิ่งนี้หากคุณคิดว่าคุณสามารถตั้งใจอ่านหนังสือได้ดีกว่าเดิมด้วยวิธีนี้เท่านั้น
    • เป็นคนที่จดโน๊ตได้เก่ง การจดโน้ตในคาบเรียนจะช่วยให้คุณอ่านหนังสือสอบได้ดีขึ้นเมื่อถึงเวลา
    • และแน่นอนว่าคุณต้องหลีกเลี่ยงการอ่านหนังสือทั้งคืน คุณจะรู้สึกตื่นตระหนกและแย่และเหนื่อยเกินไปที่จะทำได้ดีในวันสอบ หาเวลาอ่านหนังสืออย่างน้อยหลายวันล่วงหน้าก่อนที่จะสอบใหญ่
    • ลองทบทวนทีละเล็กทีละน้อยทุกวัน มันยากในการทบทวนเพียงครึ่งชั่วโมง 2 หรือ 3 สัปดาห์ก่อนสอบแต่ลองจินตนาการการเร่งอ่านหนังสือหลายชั่วโมงในคืนก่อนวันสอบ คุณจะสามารถจดจำข้อมูลได้ดีขึ้นด้วย
  3. เรื่องนี้ควรจะเป็นเรื่องชัดเจนแต่มันไม่ใช่ อย่าทำการบ้านบนรถโรงเรียนระหว่างไปโรงเรียนหรือในห้องเรียน หาเวลาเพื่อตั้งใจทำการบ้านหลังเลิกเรียนในทันทีในห้องสมุดหรือเมื่อคุณกลับบ้านหลังจากทำกิจกรรมนอกเหนือการเรียนเสร็จ คุณต้องทำให้เสร็จแทนที่จะปล่อยว่างและลืมข้อมูลที่สำคัญ วิธีนี้จะช่วยให้คุณอ่านหนังสือสอบได้ดีขึ้น
    • ถ้าหากคุณไม่สามารถทำการบ้านได้ก็อย่าอายที่จะขอความช่วยเหลือหลังเลิกเรียน
  4. การมีส่วนร่วมในห้องเรียนไม่เพียงแต่จะช่วยไม่ให้คุณหลับในห้องเรียนและทำให้คุณครูรักคุณแต่ยังช่วยให้คุณรู้สึกตื่นเต้นเกี่ยวกับเนื้อหาที่คุณกำลังเรียนและตื่นเต้นที่ได้มาเรียน คุณไม่จำเป็นต้องตอบทุกคำถามที่คุณครูถามหรือเสนอความคิดเห็นทุก 5 วินาทีแต่คุณควรตอบเป็นบางครั้งบางคราวเพื่อที่คุณครูจะได้รู้ว่าคุณเรียนรู้เรื่อง
    • การมีส่วนร่วมจะช่วยให้คุณทำข้อสอบได้ดีขึ้น ถ้าหากคุณใส่ใจกับเนื้อหา คุณก็จะเข้าใจได้ดีขึ้น
  5. เริ่มคิดเกี่ยวกับมหาวิทยาลัยแต่อย่ามากเกินไป. ถึงแม้ว่าคุณไม่ควรรู้สึกกดดันในการนึกถึงมหาวิทยาลัยที่คุณอยากเรียนในช่วงปีแรกของชั้นมัธยมศึกษาแต่คุณควรมีความเห็นว่ามหาวิทยาลัยแบบไหนที่คุณอยากเรียนหรือมหาวิทยาลัยนั้นมีการแข่งขันสูงมากแค่ไหน โดยทั่วไปในการสมัครเรียนมหาวิทยาลัย คุณจะต้องแสดงความสำเร็จด้านการเรียน หน่วยกิตภาษาต่างประเทศ จดหมายแนะนำจากคุณครู 2-3 ท่าน เรียงความส่วนตัวและการเข้าร่วมกิจกรรมนอกเหนือจากการเรียนจากทีมกีฬาไปจนถึงองค์กรอาสาสมัคร
    • ถ้าหากคุณเริ่มเข้าชมรมและร่วมทีมกีฬาในช่วงปีแรกของมัธยมศึกษา คุณจะมีเวลาพัฒนาทักษะและหาตำแหน่งผู้นำในปีถัดไป
    • ถ้าหากคุณไม่เคยทำสิ่งใดนอกเหนือจากการเรียนจนเกือบจบมัธยมศึกษาและคุณเข้าร่วมชมรม 5,000 ชมรม มหาวิทยาลัยจะสงสัยในตัวคุณ
    • คุณสามารถคิดเกี่ยวกับมหาวิทยาลัยแต่อย่าหมกมุ่นกับมัน เกรดเดียวของคุณจะไม่มีผลต่อการรับเข้ามหาวิทยาลัยและคุณยังมีอีกหลายวิชาที่ต้องเรียน
    • ถ้าหากมีมหาวิทยาลัยที่คุณรู้ว่าคุณต้องการเข้าเรียน คุณสามารถหาข้อมูลเกี่ยวกับสิ่งที่คุณต้องใช้เพื่อสมัครเพื่อให้รู้ว่าคุณต้องทำอะไร ทำสิ่งเหล่านี้ให้เสร็จก่อนที่จะต้องรีบเร่งในปีสุดท้าย
  6. คุณรู้จักแฟ้มที่คุณเก็บเอกสารของฉันม.2 ที่คุณใส่เอกสารของทุกวิชาไว้ในนั้นใช่ไหม? แฟ้มที่เปิดกระจายตอนสิ้นปี แฟ้มที่ทำหายใต้เตียง 1 สัปดาห์จนทำให้คุณสอบตก 2 วิชา? ช่วงเวลาเร่งด่วนเลย มันถึงเวลาที่คุณต้องปรับปรุงแล้ว
  7. แฟ้มที่คุณเก็บทุกอย่างไว้ในที่เดียวจะไม่อยู่รอดจนคุณจบมัธยมศึกษา เพราะฉะนั้นคุณต้องมีแฟ้มสำหรับเก็บเอกสารแต่ละวิชา (หรือ 2 วิชาใน 1 แฟ้ม) สมุดโน๊ตและแฟ้มสำหรับแต่ละคาบเรียน ติดฉลากทุกแฟ้มให้ดีและทบทวนบทเรียนทุกวันเพื่อให้รู้ว่าคุณไม่ได้ใส่เอกสารผิดที่
    • ส่วนหนึ่งของการจัดระเบียบคือการมีล็อกเกอร์ที่เป็นระเบียบ ทำให้มั่นใจว่าหนังสือของคุณเรียงเป็นระเบียบไม่ใช่ปนกันไปหมด
    • มีสมุดจดแผนงาน สิ่งนี้จะช่วยให้คุณรู้ล่วงหน้าว่าคุณจะมีสัปดาห์ที่ยุ่งและเพื่อวางแผนสำหรับการสอบและเหตุการณ์ต่างๆ บางโรงเรียนจะมีสมุดจดแผนงานให้คุณ เพราะฉะนั้นถ้าหากโรงเรียนของคุณมีให้ คุณก็ควรใช้มัน
    • ถ้าหากคุณครูขอให้ใช้ซองเอกสาร แฟ้มหรือสมุดโน๊ต คุณก็ควรทำตามคำขอและใช้มันอย่างน้อยในช่วง 2-3 เดือนแรกของปีการศึกษา ถ้าหากคุณคิดว่าวิธีนี้ไม่ได้ผล คุณสามารถปรึกษาคุณครูแล้วดูว่าคุณสามารถใช้วิธีอื่นสำหรับคาบเรียนนี้ได้หรือไม่
  8. ถูกต้องแล้ว อย่าเพียงแต่คบกับคนที่คิดว่า IQ เป็นญาติของเอเลี่ยน ถึงแม้ว่าเพื่อนของคุณจะไม่ฉลาดเท่าไอสไตน์แต่มันจะเป็นการดีถ้าหากคุณได้รับแรงกระตุ้นจากคนที่ฉลาดในวงจรทางสังคมของคุณ พวกเขาสามารถช่วยให้คุณอ่านหนังสือ ให้คำแนะนำเกี่ยวกับการบ้านและช่วยให้คุณจัดการความเครียดจากจำนวนงาน ในทางกลับกัน อย่าเพียงแต่เป็นเพื่อนกับคนที่ฉลาดเพราะคุณคิดว่าพวกเขาจะทำให้คุณมีผลการเรียนที่ดีขึ้นได้ ไม่มีใครชอบถูกหลอกใช้และพวกเขาจะรับรู้ได้อย่างรวดเร็วถ้าหากเป้าหมายเดียวของคุณคือการได้รับบางอย่างจากพวกเขา ลองหาความสัมพันธ์ที่สมดุลระหว่างพวกเขาและพวกเขาอาจจะเป็นเพื่อนที่ดีของคุณได้เช่นกัน
    • ยิ่งไปกว่านั้น การเป็นเพื่อนกับคนที่ฉลาดกว่าคุณจะทำให้คุณเป็นคนที่ฉลาดมากขึ้นและใครไม่ต้องการแบบนั้นล่ะ?
  9. เอาจริงๆ นะ นี่คือบางอย่างที่คุณจะรู้สึกผิดไปตลอดชีวิต แน่นอนว่าคุณอาจจะเป็นคนที่เก่งในโรงเรียนแต่เมื่อถึงเวลาที่ต้องสมัครเข้ามหาวิทยาลัยและคุณไม่สามารถสะกดชื่อข้อสอบได้ถูกต้องล่ะ? ถึงแม้ว่าชีวิตทางสังคมของคุณเป็นสิ่งสำคัญแต่อย่าลืมว่าชีวิตการเรียนของคุณก็สำคัญเช่นกันและบางทีอาจจะสำคัญกว่าด้วยเพราะมันจะส่งผลกับช่วงเวลาในชีวิตที่เหลืออยู่ของคุณ
    • อย่าซ่อนความฉลาดเพียงเพราะคุณคิดว่าผู้คนจะชอบคุณมากขึ้นถ้าหากคุณไม่รู้ประสีประสา มันไม่เป็นความจริงอีกต่อไป ยิ่งไปกว่านั้น ถึงแม้ว่ามันเป็นความจริงแต่คนที่ใช่จะชอบคุณไม่ว่าคุณจะได้รับรางวัลและมีผลการเรียนที่ดีหรือไม่ก็ตาม
    โฆษณา
วิธีการ 4
วิธีการ 4 ของ 4:

การเอาตัวรอดหลังจากโรงเรียน

ดาวน์โหลดบทความ
  1. หาบางสิ่งที่คุณชอบและเข้าร่วมชมรมที่สามารถช่วยคุณค้นหาความชอบของคุณ มันจะมีชมรมเป็นโหลที่คุณสามารถเลือกได้ เช่น ชมรมหนังสือพิมพ์ หนังสือรุ่น บทกวี ภาษาสเปน เล่นสกีและอื่นๆ เลือกหนึ่งหรือสองชมรมที่คุณสามารถตั้งใจและอุทิศเวลาให้ได้ดีกว่าการเลือก 5 หรือ 6 ชมรมที่คุณใช้เพื่อเขียนลงในเรซูเม่เท่านั้น ชมรมเหล่านี้ไม่เพียงแต่จะหล่อหลอมคุณแต่ยังจะช่วยให้คุณเจอเพื่อนที่ดีตลอดระยะทางด้วย
    • คุณสามารถเริ่มต้นด้วย 5 หรือ 6 ชมรมเพื่อดูว่าคุณชอบชมรมไหนมากที่สุดและลาออกจากชมรมที่คุณไม่ชอบ
    • ลองดูชมรมอาสาสมัครที่มีในโรงเรียนมัธยมศึกษาทั่วไป
    • จำไว้ว่าทุกชมรมไม่ได้จัดตั้งขึ้นอย่างเท่าเทียมกัน ตัวอย่างเช่น ชมรมหนังสือรุ่นอาจจะต้องใช้เวลาของคุณมากกว่าชมรมอื่นที่คุณต้องเข้าประชุมเพียง 1 ถึง 2 ครั้งต่อเดือน เพราะฉะนั้นคุณต้องมั่นใจว่าคุณมีเวลามากพอ
    • เลือกชมรมที่คุณสนใจจริงๆ ไม่ใช่แค่ชมรมที่คุณคิดว่าจะทำให้คุณดูเจ๋ง ถ้าหากคุณไม่สนใจในการ์ตูนก็อยากเข้าร่วมชมรมการ์ตูน คุณสามารถใช้เวลาเหล่านี้กับสิ่งที่คุณชอบจริงๆ
  2. ถ้าหากคุณไม่ใช่คนชอบเล่นกีฬาก็อย่ากังวลเกี่ยวกับการเข้าร่วมทีมกีฬา แต่ถ้าหากคุณเล่นกีฬาอยู่แล้วหรือมีกีฬาบางอย่างที่คุณอยากลองเล่น คุณก็สามารถเข้าร่วมทีมกีฬาได้ ไม่เพียงแต่คุณจะเจอเพื่อนใหม่แต่คุณยังจะมีสุขภาพดีและพัฒนากิจวัตรประจำวันที่มั่นคง งานวิจัยเผยว่านักเรียนที่เล่นกีฬาบางครั้งได้ผลการเรียนดีกว่านักเรียนที่ไม่เล่นกีฬา
    • จำไว้ว่ากีฬาคือพันธะสัญญาที่ยิ่งใหญ่มากกว่าพันธะสัญญาที่คุณต้องใช้ในการเข้าร่วมชมรม ถ้าหากคุณเล่นกีฬาหรือโดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าหากคุณเล่นกีฬาสามชนิดตลอดปี (1 ชนิดต่อฤดูกาล) ก็อย่าหักโหมมากเกินไปโดยการเข้าร่วมชมรมอีก 5 ชมรม
  3. ถึงแม้ว่าคุณอาจจะไม่ใช่เพื่อนรักกับพ่อและแม่ในช่วงปีแรกของมัธยมศึกษาแต่คุณควรปฏิบัติกับพ่อแม่เหมือนเป็นเพื่อนมากกว่าเป็นศัตรู ท้ายที่สุดแล้วพวกเขาทำอาหารให้คุณ ขับรถไปส่งคุณและให้เงินคุณเพื่อไปใช้ช้อปปิ้งที่ห้างกับเพื่อนของคุณ เพราะฉะนั้นอย่ามองย้อนกลับมาและรู้สึกผิดเพราะคุณทำตัวไม่ดีกับพ่อแม่เพียงเพราะคุณอารมณ์เสียหรือเพราะถูกคนที่ชอบปฏิเสธ
    • การมีพ่อแม่เคียงข้างจะทำให้ประสบการณ์ชีวิตในช่วงมัธยมศึกษาดีกว่าถ้าพ่อแม่ต่อต้าน
  4. ถึงแม้ว่านักเรียนปีแรกของมัธยมศึกษาอาจจะยังไม่เคยมีจูบแรกแต่เป็นความจริงที่ว่านักเรียนปีแรกของมัธยมศึกษาจำนวนมากเสียความบริสุทธิ์ คุณไม่ควรมีเพศสัมพันธ์จนกว่าคุณจะพร้อมและมีพันธะสัญญากับคนที่คุณรักจริงๆ ไม่ใช่แค่คนที่คุณเจอเมื่อคุณดื่มมากเกินไป กล่าวคืออย่ามีเพศสัมพันธ์จนกว่าคุณจะรู้สึกสบายใจกับตัวเองและบุคคลนั้นนอกเสียจากว่าคุณไม่ได้เมาหรือยอมแพ้ต่อแรงกดดันจากภายนอก ถ้าหากคุณมีเพศสัมพันธ์ คุณต้องป้องกัน (ใช้ถุงยางอนามัย เป็นต้น)
    • ถ้าหากคุณกำลังคบใครบางคนที่พยายามเกลี้ยกล่อมให้คุณนอนกับเขา เขาไม่ใช่คนที่ใช่สำหรับคุณ
    • อย่ามีเพศสัมพันธ์จนกว่าคุณถึงวัยที่สามารถมีเพศสัมพันธ์ได้ตามกฎหมายซึ่งแตกต่างกันตามสถานที่ที่คุณอาศัยอยู่
    โฆษณา

เคล็ดลับ

  • คุณต้องทำความคุ้นเคยกับกฎระเบียบของคุณครูแต่ละคนเกี่ยวกับหมากฝรั่ง น้ำและขนมในห้องเรียน
  • อย่าลืมสมุดจดแผนงาน สมุดเหล่านี้เล็กและสามารถพกพาได้ง่าย มันจะช่วยไม่ให้คุณปวดหัวในอนาคต
  • อย่าพกหนังสือมากเกินไป พกแฟ้มของวิชาที่คุณเรียนในแต่ละวันและอุปกรณ์การเรียนก็พอ
  • ปล่อยให้ตัวเองมีความสุข ทำหนึ่งสิ่งที่คุณรักทุกวันเป็นเวลา 20 นาที การบ้านจะไม่ดูน่ากลัวหลังจากนี้
  • ใช้ล็อคเกอร์ของคุณ การพกหนังสือทุกเล่มไว้ในเป้ไม่ดีต่อสุขภาพหลังของคุณ หาเวลาที่ดีที่สุดในแต่ละวันเพื่อเดินไปที่ตู้ล็อคเกอร์
  • คุณต้องรู้วิธีการเปิดตู้ล็อคเกอร์ ลองฝึกเปิด 2-3 ครั้งก่อนโรงเรียนเปิด
  • อย่าจดจ่อกับสื่อโซเชียลมากเกินไป มันทำให้เกิดดราม่าที่คุณไม่มีเวลาให้ (ยิ่งไปกว่านั้นคุณคงไม่ต้องการเป็นคนที่ติดมือถือตลอดเวลา)
  • ลองฟังเพลงในขณะที่ทำการบ้าน
  • กล้าพูด ถ้าหากคุณต้องการความช่วยเหลือหรือคุณเห็นบางคนถูกกลั่นแกล้งก็อย่ากลัวที่จะบอกคุณครู
  • พกดินสอไว้หลายแท่ง มันมักจะมีใครบางคนที่ต้องการยืมดินสอ
โฆษณา

คำเตือน

  • ล็อคตู้ล็อคเกอร์ไว้ตลอดเวลา โจรในโรงเรียนมัธยมศึกษาพบได้ง่าย
  • เลือกเพื่อนอย่างฉลาด พวกเขาจะส่งผลต่อคุณในช่วงมัธยมศึกษาว่าคุณทำได้ดีแค่ไหน
  • ถ้าหากคุณเคยเป็นเป้าหมายของการถูกกลั่นแกล้งก็อย่ากลัวที่จะยืนหยัดเพื่อตัวเองหรือแจ้งให้คุณครูหรือคุณครูใหญ่ทราบ ถ้าหากคุณปิดบัง การกลั่นแกล้งจะคงอยู่และทำให้ปีแรกของคุณเป็นปีที่น่าหดหู่
  • อย่าเข้าเรียนสาย นี่คือสิ่งที่คุณครูไม่ชอบมากที่สุด โดยทั่วไปการมาสายเทียบเท่ากับการขาดเรียน
  • ทำความสะอาดตู้ล็อคเกอร์บ่อยๆ ถ้าหากตู้ล็อคเกอร์ของคุณไม่สะอาด คุณจะไม่สามารถหาของที่คุณต้องการได้รวดเร็วเท่าที่ควรซึ่งจะส่งผลให้คุณเข้าเรียนสาย
  • ถ้าหากคุณกังวลว่าจะถูกขโมยของ (มือถือราคาแพง เครื่องเล่น MP3 เป็นต้น) ก็ไม่ควรนำมาโรงเรียน
  • ถ้าหากคุณเลือกที่จะมีเพศสัมพันธ์ คุณต้องป้องกัน
โฆษณา

เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้

มีการเข้าถึงหน้านี้ 3,494 ครั้ง

บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม

โฆษณา