ดาวน์โหลดบทความ ดาวน์โหลดบทความ

หากแมวที่บ้านมีลูกแมวซึ่งคุณวางแผนจะส่งไปเลี้ยงที่อื่น หรือถ้าคุณเองคิดจะเริ่มเลี้ยงลูกแมว คุณคงต้องเข้ามาดูเพื่อความมั่นใจว่าทุกๆ ฝ่ายที่เกี่ยวข้อง ไม่ว่าตัวลูกแมว แม่แมว เจ้าของใหม่ และตัวคุณเอง ทุกฝ่ายล้วนมีความสุข สิ่งสำคัญที่สุดคือการรอจนกว่าลูกแมวจะโตพอ ส่วนใหญ่จะเลือกที่อายุ 12-13 สัปดาห์ ถ้าทำเช่นนั้น แม่แมวมักจะปรับตัวต่อการถูกแยกกับลูกน้อยได้เร็ว ในทางตรงข้าม ลูกแมวนั้นอาจจะต้องการเวลานานกว่า เพื่อที่จะทำให้การเปลี่ยนแปลงของลูกแมวแต่ละตัวเป็นไปอย่างราบรื่นเท่าที่จะทำได้ คุณจำต้องเตรียมตัวลูกแมวไว้ล่วงหน้า ให้แน่ใจว่ามันหย่านมแล้ว ค่อยๆ แนะนำให้มันได้คุ้นเคยกับบ้านใหม่ และเพิ่มความทะนุถนอมถ้าต้องนำมันเข้ามาในบ้านที่มีแมวเจ้าบ้านอยู่ก่อนแล้ว

วิธีการ 1
วิธีการ 1 ของ 5:

เตรียมตัวลูกแมวไว้สำหรับการแยกบ้าน

ดาวน์โหลดบทความ
  1. คาดการณ์ว่าจะแยกลูกแมวออกจากแม่ตอนที่พวกมันมีอายุราว 12 สัปดาห์. ลูกแมวส่วนใหญ่จะเริ่มหย่านมใน 8-10 สัปดาห์ ผู้เชี่ยวชาญส่วนใหญ่แนะนำให้ทิ้งลูกแมวอยู่ร่วมกับพี่น้องร่วมกรงของมันไปก่อนจนกระทั่ง 12-13 สัปดาห์ เพื่อมันจะได้รู้จักการเข้าสังคมกับแมวตัวอื่นๆ [1] [2] การปรับตัวเข้าสังคมเป็นกระบวนการที่ลูกแมวจะได้สำรวจสภาพแวดล้อมรอบตัวและยอมรับในสิ่งที่มันเห็นว่าปกติ ลูกแมวที่เข้าสังคมได้ดีจะกล้า มีความมั่นใจและเป็นมิตร ในทางตรงข้าม การแยกลูกแมวออกจากแม่เร็วเกินไปจะทำให้ลูกแมวยังเรียนรู้อะไรไม่เต็มที่และมีนิสัยก้าวร้าว [3]
    • ลูกแมวจะเริ่มเรียนรู้ตั้งแต่อายุประมาณ 3 สัปดาห์และยังคงซึมซับประสบการณ์จนกระทั่งอายุ 12-14 สัปดาห์ที่ความสามารถในการปรับตัวเข้ากับสิ่งที่ไม่คุ้นเคยเริ่มหายไป
    • ความหมายของเรื่องนี้ก็คือลูกแมวจะได้ประโยชน์มากกับการเรียนรู้จากแม่จนกระทั่งอายุ 12 สัปดาห์ อย่างไรก็ดี ถ้าหากการย้ายไปบ้านใหม่ถูกเลื่อนช้าออกไปมาก ลูกแมวมักจะเริ่มรู้สึกหวาดกลัวและแอบซ่อนจากเจ้าของใหม่
  2. ให้แน่ใจว่าลูกแมวได้เรียนรู้การใช้กระบะทรายแมวเป็นก่อนจะย้ายให้ห่างจากแม่. ลูกแมวเรียนรู้การใช้กระบะทรายแมวในอัตราความเร็วที่แตกต่างกัน แต่ส่วนใหญ่จะใช้เป็นในตอน 12 สัปดาห์ ให้แน่ใจว่าลูกแมวได้เรียนรู้ทักษะสำคัญนี้จากแม่ก่อนจะนำไปเลี้ยงที่ใหม่ [4]
  3. ลูกแมวเรียนรู้สภาพแวดล้อมได้อย่างมากผ่านทางกลิ่น พวกมันจะจดจำแม่ พี่น้องร่วมกระบะ และที่นอนด้วยกลิ่น ใช้ประโยชน์จากความรู้นี้เพื่อลดความเครียดในการปรับตัวของลูกแมวจากแม่ไปยังบ้านใหม่ ทำโดยการ:
    • ให้เจ้าของใหม่เอาเสื้อยืดเก่าที่มีกลิ่นเหมือนตัวเขา เพราะลูกแมวเน้นเรื่องกลิ่น การวางเสื้อผ้าของเจ้าของใหม่ในที่นอนของลูกแมวหรือที่โปรดเพื่อให้มันคุ้นชินกับกลิ่นตัวของคนๆ นั้น (นี่เรียกว่า ‘แนะนำตัวด้วยกลิ่น’) เวลาที่ลูกแมวย้ายมาบ้านใหม่ มันจะได้รู้สึกคุ้นกับกลิ่นหนึ่งในนั้นและจะรู้สึกปลอดภัยมากขึ้น
  4. แนะนำกลิ่นของลูกแมวให้แมวที่อยู่ในบ้านใหม่ได้คุ้นเคย. เช่นเดียวกัน ถ้าบ้านใหม่เลี้ยงแมวมาก่อน ให้นำชิ้นส่วนผ้าปูนอนที่มีกลิ่นลูกแมวติดอยู่ให้มันดม การทำเช่นนี้เหมือนกับได้ให้แมวเจ้าบ้าน ‘จับมือแนะนำตัว’ ก่อนจะได้เห็นลูกแมวใหม่ มันจะเริ่มสลายความตึงเครียดที่อาจก่อตัวขึ้นระหว่างสัตว์สองตัวนี้ได้
    โฆษณา
วิธีการ 2
วิธีการ 2 ของ 5:

ให้ลูกแมวหย่านม

ดาวน์โหลดบทความ
  1. เริ่มให้ลูกแมวหย่านมแม่ตอนอายุประมาณ 4 สัปดาห์. ลูกแมวจำเป็นต้องหย่านมแม่และมากินอาหารแข็งก่อนจะนำไปเลี้ยงเพื่อสุขภาพและเพื่อหลีกเลี่ยงพฤติกรรมแย่ๆ อย่างเช่น “การดูดเส้นด้าย” ซึ่งแมวจะเคี้ยวและดูดของจำพวกผ้า [5] แม่แมวจะเริ่มหยุดให้นมลูกเอง ปกติมักอยู่ในราว 8-10 สัปดาห์ ถ้าคุณคิดจะเลี้ยงลูกแมวตั้งแต่ก่อนหน้านั้น คุณจำต้องเร่งกระบวนการหย่านม: [6]
  2. ใน 4 สัปดาห์ คุณสามารถเริ่มแยกลูกแมวออกมาอยู่เองนานทีละสองสามชั่วโมง นำลูกแมวมาอยู่ในพื้นที่ที่มีกระบะทรายแมว ถ้วยอาหารและน้ำเป็นของตนเอง
  3. สอนลูกแมวให้เลียน้ำนมโดยใช้นมผงชนิดชงสำหรับลูกแมวในชามตื้น. ให้ใช้นิ้วจุ่มลงไปในชามนม ลูกแมวจะพยายามดูดนิ้วมือคุณ แต่จะพบ (โดยสัญชาตญาน) ว่าเลียนิ้วจะง่ายกว่าดูด [7]
    • อย่าให้นมวัวแก่ลูกแมว เพราะมันอาจมีผลต่อระบบย่อยอาหาร
  4. พอลูกแมวสามารถเลียนมได้ ก็ถึงเวลาแนะนำอาหารแข็งที่ทำให้แฉะ คุณอาจจะเริ่มจากให้อาหารเหลวแบบข้าวต้มอย่างต่อเนื่อง และค่อยๆ ลดความแฉะออกไปช้าๆ จนกระทั่งเมื่ออายุได้ 8-10 สัปดาห์ ลูกแมวจะกินอาหารแห้งได้ [8]
    • จะทำอาหารแมวแบบข้าวต้ม ให้ผสมอาหารแมวแห้งหรือชนิดกระป๋องกับนมผงชนิดชงจนกระทั่งมันข้นในระดับข้าวโอ๊ต
    • ในแต่ละวัน ค่อยๆ ลดปริมาณนมผงลงจนกระทั่งในสัปดาห์ที่ 6 อาหารจะแฉะเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
    • ในช่วงระหว่างสัปดาห์ที่ 8 กับ 10 ลูกแมวควรจะกินอาหารแห้งได้แล้ว
    โฆษณา
วิธีการ 3
วิธีการ 3 ของ 5:

ช่วยแม่แมวจัดการกับการแยกครอก

ดาวน์โหลดบทความ
  1. อย่าแยกลูกแมวทั้งหมดออกมาจากแม่แมวในคราวเดียว. จะดีกว่าถ้าให้น้ำนมแม่แมวได้ค่อยๆ หมดลง ถ้าคุณนำลูกแมวออกมาทั้งหมดในคราวเดียว ต่อมน้ำนมของแม่แมวอาจมีอาการเต้านมคัดที่สร้างความเจ็บปวดได้ขึ้นมา [9]
  2. กลิ่นที่ยังอบอวลของลูกแมวอาจทำให้แม่แมวหวนคิดถึงลูกๆ และอาจอยากตรวจดูลูก เธอเลยอาจจะเดินตระเวณไปรอบบ้านมองหาลูกน้อย พอแยกลูกแมวไปบ้านใหม่แล้ว ทางที่ดีจึงควรเอาทุกอย่างที่ติดกลิ่นของพวกมันออกและปูที่รองนอนแก่แม่แมวใหม่ เมื่อกลิ่นค่อยๆ จางหายไปจากสภาพแวดล้อม สัญชาติญานที่จะออกตามหาของแม่แมวก็พลอยลดตามไป และเธอจะกลับมาใช้ชีวิตตามปกติอีกครั้ง
  3. รู้ว่าแม่แมวจะฟื้นตัวจากการถูกจับแยกนี้ได้เร็ว. ธรรมชาติออกแบบมาให้แม่แมวมอบอิสระให้กับลูกเพื่อที่จะเอาชีวิตรอดได้ ตามกระบวนการนี้แม่แมวจะเริ่มห่างออกจากลูกแมวเพื่อให้พวกมันยืนได้ด้วยอุ้งเท้าของตนเอง การแยกบ้านลูกแมวจึงเป็นแค่การเร่งกระบวนการนี้เท่านั้น
    • ตราบเท่าที่ลูกแมวโตพอจะแยกออกไป (สมควรอยู่ที่ 12-13 สัปดาห์) และกลิ่นก็ถูกกำจัดออกไปหมด แม่แมวมักจะแสดงอาการกังวลเพียงวันสองวันก่อนจะกลับมาใช้ชีวิตตามปกติ [10]
    โฆษณา
วิธีการ 4
วิธีการ 4 ของ 5:

แนะนำลูกแมวให้รู้จักบ้านหลังใหม่

ดาวน์โหลดบทความ
  1. จัดเตรียมล่วงหน้านำผ้าขนหนูหรือผ้าห่มที่ปูให้ลูกแมวนอนจากบ้านเก่ามาใช้ การได้รับกลิ่นที่คุ้นเคยจะช่วยให้การปรับตัวเป็นไปได้ง่ายขึ้น ใช้ผ้าห่มหรือผ้าขนหนูนี้มาใช้ในกรงระหว่างนำออกจากบ้านและทิ้งไว้ให้ลูกแมวได้นอนในนั้น [11]
  2. กรงจะทำให้ลูกแมวปลอดภัยและช่วยให้รู้สึกปลอดภัยขึ้น ให้ปูผ้าขนหนูในกรงเพื่อความอบอุ่นและช่วยซับปัสสาวะหากลูกแมวเผลอปล่อยออกมา [12]
    • อย่าใช้กรงของสัตว์ชนิดอื่น เพราะกลิ่นของสัตว์อื่นจะทำให้ลูกแมวเครียด
  3. จัดเตรียมพื้นที่เล็กๆ เป็นของตัวเองให้ลูกแมว มันควรจะเงียบและไม่เกะกะขวางทาง พื้นที่นั้นควรมีที่นอน น้ำ อาหารแมว กระบะทราย เสาสำหรับลับเล็บ และของเล่นที่ปลอดภัย [13]
    • ไม่ว่าคุณจะใช้กล่องกระดาษหรือที่นอนที่ซื้อจากร้านขายสัตว์เลี้ยง ให้ลองนำเสื้อกล้ามเก่าๆ ของคุณมาปูรอง เผื่อลูกแมวจะคุ้นชินกับกลิ่นของคุณ
    • ให้แน่ใจว่าห้องหรือพื้นที่นั้นมีสถานที่ให้หลบซ่อน ถ้าเกิดไม่มีเฟอร์นิเจอร์ให้แอบซ่อนข้างหลัง ก็ใช้กล่องกระดาษในห้องมาตัดเป็นรูที่ลูกแมวสามารถมุดเข้าไปได้
  4. วางกรงไว้ในห้อง เปิดประตู และให้ลูกแมวออกมาเมื่อพร้อม ทิ้งกรงไว้ในห้องเผื่อเป็นจุดหลบซ่อนตัวอีกจุดหนึ่ง [14]
  5. จำกัดการเล่นโต้ตอบกับลูกแมวในช่วงสัปดาห์แรก. คุณอาจจะอยากอุ้มลูกแมวมาลูบเล่นอยู่เรื่อยๆ ห้ามทำเช่นนั้น ลูกแมวจำเป็นต้องใช้เวลาในการปรับตัวให้เข้ากับสภาพแวดล้อมใหม่ๆ รวมไปถึงผู้คนด้วยเช่นกัน แนะนำสมาชิกในบ้านทีละคน และอย่าเร่ง ให้ลูกแมวเข้ามาหาคุณเอง [15]
    • ให้แน่ใจว่าได้สอนเด็กเล็กในบ้านให้รู้จักวิธีการเล่นกับลูกแมวอย่างถูกต้อง รวมไปถึงวิธีการอุ้มที่ปลอดภัย
    • อย่าปล่อยให้เด็กอายุต่ำกว่า 5 ขวบเล่นกับลูกแมว มันไม่ปลอดภัยสำหรับแมว
  6. แนะนำลูกแมวให้รู้จักบ้านคุณหลังจากที่มันคุ้นเคยกับรังนอนแล้ว. เมื่อลูกแมวได้กิน ดื่มน้ำและใช้กระบะทรายขับถ่ายเป็นประจำแล้ว นั่นเป็นสัญญาณว่ามันรู้สึกปรับตัวกับห้องได้ดี คุณก็สามารถเริ่มแนะนำให้มันรู้จักส่วนอื่นของบ้านโดยทำครั้งละห้อง [16] วางลูกแมวในกรงที่เปิดประตูไว้ภายในห้องนั้นแล้วปล่อยให้มันได้ออกสำรวจด้วยตัวเอง หลังจากปล่อยให้สำรวจ นำลูกแมวกลับมาที่รังนอนของมันอย่างน้อยสักสองสามชั่วโมงก่อนไปสำรวจห้องใหม่ [17]
    • หากลูกแมวปีนป่ายข้าวของเครื่องใช้ อย่างเช่นตู้หนังสือ เตียง ซึ่งคุณไม่ต้องการให้มันทำเช่นนั้น ก็ให้อุ้มกลับมาวางที่พื้น ถ้าคุณทำเช่นนี้ตั้งแต่วันแรก คุณจะไม่เจอความยุ่งยากเท่าไหร่สำหรับการจำกัดขอบเขตให้ลูกแมว
  7. ยังคงให้อาหารแก่ลูกแมวแบบเดียวกับที่ให้ตอนหย่านมเพื่อหลีกเลี่ยงการเกิดปัญหาด้านสุขภาพในระหว่างย้ายบ้าน. การให้อาหารที่ลูกแมวคุ้นเคยเป็นส่วนหนึ่งของการอำนวยความสะดวกและยังเลี่ยงการปวดท้องที่อาจเกิดจากแบคทีเรียในกระเพาะที่ต้องปรับตัวกับอาหารชนิดใหม่ [18]
    • วางแผนล่วงหน้าและสอบถามคนที่คุณซื้อลูกแมวมาว่าเขาให้อาหารชนิดใดแก่พวกมัน เพื่อคุณจะได้เตรียมอาหารเหล่านั้นไว้พร้อมเวลานำลูกแมวมาที่บ้าน
  8. ลองพิจารณาการใช้เครื่องพ่นฟีโรโมนแบบเสียบปลั๊กเพื่อลดความกังวลของลูกแมว. แมวจะผลิตฟีโรโมนที่ใบหน้าซึ่งมันจะใช้ถูกับสิ่งของต่างๆที่พวกมันรู้ว่าปลอดภัย อย่างที่นอนของมัน เก้าอี้หรือแม้กระทั่งขาของคุณ มันมีเครื่องพ่นฟีโรโมนแบบเสียบปลั๊กที่จะปล่อยฟีโรโมนเหล่านี้ในแบบสังเคราะห์ขึ้น มันจะช่วยทำให้แมวรู้ว่าพวกมันอยู่ในสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัย เครื่องพ่นจะพ่นได้นานราว 30 วัน ซึ่งมากพอที่จะทำให้แมวรู้สึกสบายจนกว่าจะปรับตัวเข้ากับสภาพแวดล้อมใหม่นี้ได้ [19]
    • เครื่องพ่นฟีโรโมนชนิดที่แพร่หลายที่สุดคือ Feliway มันมีทั้งแบบสเปรย์หรือเป็นแบบอุปกรณ์ที่คุณใช้เสียบกับผนังและจะปล่อยฟีโรโมนออกมาโดยอัตโนมัติ
    โฆษณา
วิธีการ 5
วิธีการ 5 ของ 5:

แนะนำลูกแมวใหม่กับแมวตัวเดิมที่มีอยู่

ดาวน์โหลดบทความ
  1. ค่อยๆ แนะนำลูกแมวกับแมวที่อยู่ในบ้านอยู่แล้ว. ถ้าลูกแมวได้รับการฝึกเข้าสังคมมาอย่างถูกต้องและนำมาบ้านใหม่ในช่วงอายุระหว่าง 12 และ 13 สัปดาห์ มันจะสามารถปรับตัวเข้ากับบ้านใหม่ได้ง่าย อย่างไรก็ดี หากมีแมวตัวอื่นอาศัยอยู่ในบ้านอยู่ก่อนแล้ว คุณควรแนะนำแมวสองตัวให้คุ้นเคยกันอย่างช้าๆ
  2. จัดเตรียมรังนอนของลูกแมวในบริเวณที่แมวตัวที่อยู่เดิมไม่ค่อยได้ใช้. นี่จะทำให้แมวตัวเก่ามีโอกาสได้ตระหนักว่ามีแมวอีกตัวอยู่ในถิ่นของมันในแบบไม่ได้มาท้าทาย ด้วยมันไม่ได้มาแข่งขันแย่งอาหารหรือจุดที่ชอบใช้นอน (พูดง่ายๆ คือทรัพยากรของมันนั่นเอง) [20]
  3. แมวของคุณอาจดมกลิ่นของอีกฝ่ายจากใต้ประตูห้องลูกแมวใหม่ คุณยังอาจสลับผ้ารองนอนระหว่างแมวสองตัวนี้เพื่อที่พวกมันจะคุ้นเคยกับกลิ่นของอีกฝ่าย มันยังช่วยขีดเส้นแมวตัวหนึ่ง แล้วค่อยให้อีกตัวมาผสมกลิ่นเคล้ากัน [21]
    • ให้แน่ใจว่าได้เพิ่มความใส่ใจแก่แมวตัวเก่ามากขึ้นเพื่อลดความกังวลของมัน หากคุณเมินเฉยต่อมันและทุ่มความสนใจไปแต่ที่ลูกแมว มันจะเกิดปัญหาขึ้นได้ [22]
  4. ให้อาหารแมวทั้งสองฟากของประตูห้องลูกแมวใหม่. มันจะทำให้แมวแต่ละตัวเชื่อมโยงกลิ่นของอีกตัวกับอะไรดีๆ: อาหารนั่นเอง [23]
  5. ให้แมวได้สลับที่กันเมื่อลูกแมวปรับตัวกับรังนอนใหม่ได้แล้ว. ในระหว่างที่ทำการแนะนำลูกแมวไปยังส่วนอื่นๆ ของบ้าน ให้นำแมวตัวเก่ามาอยู่ในห้องลูกแมว นี่จะช่วยให้แมวทั้งคู่ได้สำรวจกลิ่นของอีกฝ่ายในพื้นที่ใหม่ [24]
  6. ให้แมวทั้งสองมาเจอกันเมื่อลูกแมวปรับตัวในบ้านใหม่ได้สบายแล้ว. วางแนวกั้นระหว่างแมวสองตัวหรือให้ลูกแมวอยู่ในกรงเพื่อที่มันจะไม่ข่วนหรือกระโดดใส่แมวตัวเก่าที่อาจมองการทำเช่นนี้เป็นการดูหมิ่น ปล่อยให้พวกมันสร้างความคุ้นเคยโดยการดมและแตะจมูกผ่านทางตะแกรงข้างกรง รอจนแมวตัวเก่ารู้สึกถึงการไม่มีอะไรแตกต่างจากเดิมและแค่เดินจากไป นี่เป็นสัญญาณว่ามันยอมรับในลูกแมวตัวนั้นแล้ว
    • หากแมวทั้งคู่แสดงสัญญาณของความเป็นปรปักษ์กันอย่างรุนแรง เช่น ส่งเสียงฟ่อ พยายามจะข่วนหรือกัดอีกฝ่าย ให้ใช้เวลาเพิ่มอีกสองสามวันให้พวกมันได้ทำความคุ้นเคยกับการปรากฏตัวของอีกฝ่ายก่อนจะนำมาอยู่ในห้องเดียวกันอีกครั้ง
  7. ลองให้อาหารแมวทั้งคู่ด้วยกันถ้ามันเข้ากันไม่ได้. ในตอนแรก ให้วางชามคนละฟากของห้อง แล้วค่อยๆ ขยับใกล้กันมากขึ้น ความคิดในที่นี้คือให้แมวทั้งสองได้เชื่อมการมีอยู่ของอีกฝ่ายกับประสบการณ์เชิงบวกของการกินอาหาร [25]
  8. แยกลูกแมวออกจากแมวอีกตัวถ้าลูกแมวดูมีความกระตือรือล้นมากไปสักหน่อย. พอแมวตัวเก่ายอมรับในลูกแมว คุณสามารถปล่อยลูกแมวให้ไปไหนมาไหนทั่วบ้านได้โดยอิสระ อย่างไรก็ตาม ยังคงจำเป็นต้องจับตามองลูกแมวไว้ โดยเฉพาะเวลามีแมวตัวเก่าอยู่ใกล้ๆ [26]
    • ถ้าลูกแมวเริ่มเล่นหยอกเย้าจนเริ่มทำให้แมวตัวเก่าหงุดหงิด ให้คว้าลูกแมวไปอยู่อีกห้องหนึ่งเพื่อที่แมวตัวเก่าจะยังได้รับเอกสิทธิ์ในถิ่นเดิมของมัน
    โฆษณา

เคล็ดลับ

  • จำไว้ว่า โดยสัญชาตญาณแล้ว แม่แมวจะปล่อยให้ลูกน้อยของมันออกไปเผชิญโลกกว้างในท้ายที่สุดอยู่แล้ว ฉะนั้นเมื่อลูกแมวออกไปอยู่บ้านใหม่ ในสายตาแม่แมวจะมองว่าเธอได้ทำหน้าที่สมบูรณ์แบบแล้ว
โฆษณา

เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้

มีการเข้าถึงหน้านี้ 65,516 ครั้ง

บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม

โฆษณา