บทความวิกิฮาวนี้จะแนะนำวิธีการใช้ฟีเจอร์ต่างๆ ที่มีใน iPad และปรับแต่ง settings ต่างๆ ให้ไม่เปลืองแบตเตอรี่ ใช้งานได้นานขึ้น แน่นอนว่าวันไหนใช้งาน iPad หนักๆ แบตก็จะหมดไวมาก ส่วนวันไหนไม่ค่อยหยิบมาเล่น ก็อยู่ได้นานเป็นวันๆ คุณแก้แบตหมดไวได้โดยปรับ data settings และหมั่นอัพเดทฟีเจอร์ต่างๆ ของ iPad อยู่เสมอ เท่านี้ก็จะใช้งานแบตได้คุ้มค่าเต็มประสิทธิภาพ
ขั้นตอน
-
เปิดแอพ Settings ใน iPad. หาแล้วแตะไอคอนฟันเฟืองสีเทาในหน้า home หรือในโฟลเดอร์ app เพื่อเปิดเมนู Settings
-
แตะ Wi&# 45;Fi ใน Settings. ที่เป็นตัวเลือกข้างไอคอน Wi-Fi สีฟ้าขาว ทางด้านบนของเมนู Settings เพื่อเปิดตัวเลือก Wi-Fi
- ถ้า iPad ใช้เน็ตมือถือ พวก 4G หรือ LTE ได้ด้วย ก็ให้เปิดเมนู Cellular แล้วปิดสวิตช์ Cellular Data เพื่อป้องกันไม่ให้ใช้เน็ตมือถือ ช่วยประหยัดแบตอีกทาง
-
เลื่อนสวิตช์ Wi&# 45;Fi ไปที่ Off. เพื่อปิดการใช้งาน Wi-Fi ใน iPad
- ถ้าไม่ได้ต่อเน็ตผ่าน Wi-Fi แล้วเปิดใช้ฟีเจอร์ Wi-Fi จะเปลืองแบตโดยใช่เหตุ
-
แตะปุ่ม back สีฟ้า ทางซ้ายบน. เพื่อกลับไปที่เมนู Settings
-
แตะ Bluetooth ใน Settings. ที่เป็นตัวเลือกข้างไอคอน สีฟ้าขาว ล่างตัวเลือก "Wi-Fi" เพื่อเปิดตัวเลือก Bluetooth
-
เลื่อนสวิตช์ Bluetooth ไปที่ Off. เพื่อปิดการใช้ฟีเจอร์ Bluetooth ของ iPad
- ปิด Bluetooth แล้วจะช่วยให้แบตหมดช้าลงเยอะ ถ้าปกติไม่ได้ใช้ Bluetooth แล้วเปิดฟีเจอร์นี้ไว้ ก็จะเปลืองแบตไปโดยปริยาย
-
แตะปุ่ม back สีฟ้า ทางซ้ายบน. เพื่อกลับไปที่เมนู Settings
-
เลื่อนลงไปแตะ Privacy . ที่เป็นตัวเลือกข้างไอคอนมือสีขาวในสี่เหลี่ยมสีฟ้า
-
แตะ Location Services ในหน้า Privacy. ที่เป็นตัวเลือกหัวลูกศรสีขาวในสี่เหลี่ยมสีฟ้า
-
เลื่อนสวิตช์ Location Services ไปที่ Off. ถ้าปกติไม่ได้ใช้แผนที่หรือแอพ location services ต่างๆ แนะนำให้ปิดตัวเลือกนี้ไป จะช่วยประหยัดแบตได้
- จะมีให้ยืนยันตัวเลือกใน pop-up ด้วย
-
แตะตัวเลือก Turn Off สีแดงใน pop-up. เพื่อยืนยันตัวเลือก และปิดการใช้งาน location services จะกลับมาเปิดเมื่อไหร่ก็ได้ที่ต้องการใช้แผนที่หรือ location services ต่างๆ
-
แตะปุ่ม back สีฟ้า. ที่ด้านซ้ายบนของหน้าจอ คุณใช้เมนู Settings เปิดและปิดตัวเลือกการเชื่อมต่อต่างๆ ได้ เมื่อต้องการใช้ Wi-Fi, Bluetooth หรือ Location Servicesโฆษณา
-
เปิดแอพ Settings ใน iPad. หาแล้วแตะไอคอนฟันเฟืองสีเทาในหน้า home หรือในโฟลเดอร์ app เพื่อเปิดเมนู Settings
-
แตะ Battery ในเมนู Settings. ที่เป็นตัวเลือกข้างไอคอนแบตเตอรี่สีขาวบนพื้นเขียว ปกติอยู่แถวๆ กลาง Settings
-
เลื่อนสวิตช์ Low Power Mode ไปที่ On. ถ้าเปิดใช้ตัวเลือกนี้ไว้ iPad จะลดกิจกรรมในเบื้องหลังลงโดยอัตโนมัติ เช่น การดึงข้อมูลอัตโนมัติ เพื่อให้แบตใช้ได้นานขึ้น
- ถ้าเป็น iPad รุ่นเก่าๆ บางทีก็ไม่มีตัวเลือกนี้
- เช็คว่า อัพเดท iOS แล้ว ค่อยไปดูว่าใน iPad มีฟีเจอร์นี้ไหม
-
แตะปุ่ม back สีฟ้า. มุมซ้ายบนของหน้าจอ เพื่อกลับไปที่เมนู Settings
-
แตะ Control Center ใน Settings. ต้องเลื่อนขึ้นไปจากตัวเลือก "Battery" ก่อน ถึงจะเจอเมนูนี้
-
แตะ Customize Controls ในหน้า Control Center. แล้วจะปรับแต่งได้ ว่ามีตัวเลือกไหนใน Control Center ของ iPad บ้าง
-
เลื่อนลงไปแตะ ข้าง Low Power Mode . ปกติตัวเลือกนี้จะอยู่ในหัวข้อ "MORE CONTROLS" ของหน้า Customize
- แล้วสวิตช์ปิด/เปิด Low Power Mode จะโผล่มาใน Control Center
- ถ้าเพิ่มตัวเลือก Low Power Mode ไว้ใน Control Center อยู่แล้ว ก็จะอยู่ในหัวข้อ "INCLUDE" ทางด้านบน
-
ปัดหน้าจอขึ้นไปจากด้านล่าง. เพื่อเปิด Control Center
-
แตะไอคอนแบตเตอรี่สีเทาขาวใน Control Center. ไอคอนแบตเตอรี่นี้คือ quick switch ให้คุณปิด/เปิด Low Power Mode ได้ทันที
- ถ้าเปิด Low Power Mode ไว้ สวิตช์จะเป็นสีขาว โดยไอคอนแบตเตอรี่จะเป็นสีเหลือง
- iPad รุ่นเก่าๆ อาจจะไม่มีตัวเลือกให้เพิ่มฟีเจอร์นี้ใน Control Center ได้
โฆษณา
-
เปิดแอพ Settings ใน iPad. หาแล้วแตะไอคอนฟันเฟืองสีเทาในหน้า home หรือในโฟลเดอร์ app เพื่อเปิดเมนู Settings
-
แตะ General ในเมนู Settings. ปกติอยู่ที่ด้านบนของตัวเลือกก้อนที่ 3 ใน Settings
-
แตะ Background App Refresh . เพื่อเปิดรายชื่อแอพทั้งหมดที่รีเฟรชข้อมูลอัตโนมัติที่เบื้องหลัง
- แต่ละแอพที่เห็นตรงนี้จะใช้แบตทุกครั้งที่รีเฟรชข้อมูลที่เบื้องหลัง ถึงจะไม่ได้เปิดอยู่ก็เถอะ
-
แตะ Background App Refresh ทางด้านบน. เพื่อเปิดตัวเลือก refresh ในหน้าใหม่
-
เลือก Off . เพื่อไม่ให้แอพต่างๆ รีเฟรชข้อมูลโดยอัตโนมัติที่เบื้องหลัง แบตจะใช้ได้นานขึ้น เต็มประสิทธิภาพ
- ถ้าเลือกตัวเลือกนี้ไว้ ต้องคอยเปิดแอพเพื่อรีเฟรชข้อมูลเอง เช่น ต้องเปิด Twitter ถึงจะเจอทวีตใหม่ๆ
- ถ้าไม่อยากปิด background refresh ของทุกแอพ ให้เลื่อนลงไปที่แอพในหน้าก่อน แล้วเลื่อนสวิตช์ไปที่ Off เฉพาะแอพที่ไม่ต้องการให้รีเฟรช ส่วนแอพที่เหลือก็ปล่อยเป็น ไว้
โฆษณา
-
เปิดแอพ Settings ใน iPad. หาแล้วแตะไอคอนฟันเฟืองสีเทาในหน้า home หรือในโฟลเดอร์ app เพื่อเปิดเมนู Settings
-
เลื่อนลงไปแตะ Passwords & Accounts ใน Settings. ที่เป็นตัวเลือกข้างไอคอนกุญแจสีขาวบนพื้นเทา ปกติอยู่แถวๆ กลางเมนู Settings
-
แตะ Fetch New Data ทางด้านล่าง. ที่เป็นตัวเลือกทางด้านล่างของหน้า
-
เลื่อนสวิตช์ Push ไปที่ Off. เพื่อไม่ให้ Mail, Contacts, Calendar และบัญชีอื่นๆ ดึงข้อมูลอัตโนมัติตลอดที่เบื้องหลัง
- Data fetching ใช้อัพเดทข้อมูลบัญชีและแอพโดยอัตโนมัติที่เบื้องหลัง โดยจะไปดึงข้อมูลอย่างแจ้งเตือนอีเมลและฟีด RSS มา
- ถ้าเปิด Push ไว้ อัพเดทข้อมูลจะถูกส่งมาที่ iPad ตลอดที่เบื้องหลัง ทำให้เปลืองแบตได้
-
เลื่อนลงไปเลือก Manually ในหัวข้อ "FETCH". ถ้าเลือกข้อนี้ไว้ แอพต่างๆ อย่าง Mail, Contacts และ Calendars ก็จะหยุดดึงข้อมูลอัตโนมัติตามเวลาที่กำหนด
- Automatically จะเช็คอัพเดทใหม่เรื่อยๆ ตามเวลา
- Manually จะเช็คอัพเดทเฉพาะตอนเปิดแอพ Mail หรือ Calendar แบบนี้จะใช้แบตได้คุ้มค่ากว่า
- หรือจะเลือก Hourly หรือ Every 30 Minutes ก็ได้ เพื่อจำกัดช่วงเวลาที่แอพดึงข้อมูล
โฆษณา
-
เปิดแอพ Settings ใน iPad. หาแล้วแตะไอคอนฟันเฟืองสีเทาในหน้า home หรือในโฟลเดอร์ app เพื่อเปิด Settings
-
แตะ Display & Brightness ใน Settings. ที่เป็นตัวเลือกข้างไอคอน "AA" สีขาวบนพื้นฟ้า คุณเปลี่ยน display settings ทั้งหมดได้ที่นี่
-
แตะ Auto-Lock ในหน้า Display & Brightness. เพื่อตั้งค่าล็อคเครื่องรวมถึงปิดหน้าจอ iPad อัตโนมัติ หลังปล่อยเครื่องไว้เฉยๆ ครบตามเวลาที่กำหนด
-
เลือกระยะเวลาสั้นๆ เช่น 30 Seconds หรือ 1 Minute . ถ้าเลือกข้อไหนในนี้ไว้ หน้าจอก็จะดับไปอัตโนมัติ หลังปล่อยเครื่องไว้เฉยๆ ตามเวลาที่กำหนด ทำให้ประหยัดแบตได้ [1] X แหล่งข้อมูลอ้างอิงโฆษณา
-
เปิดแอพ Settings ใน iPad. หาแล้วแตะไอคอนฟันเฟืองสีเทาในหน้า home หรือในโฟลเดอร์ app เพื่อเปิด Settings
-
แตะ General ใน Settings. ปกติตัวเลือกนี้จะอยู่ด้านบนของตัวเลือกก้อนที่ 3
-
แตะ Accessibility ในหน้า General. เพื่อเปิดฟีเจอร์ accessibility ทั้งหมดในหน้าใหม่
-
แตะ Display Accommodations . เมนูนี้ให้คุณใช้และปรับแต่งฟีเจอร์ display ต่างๆ ได้
-
เลื่อนสวิตช์ Auto&# 45;Brightness ไปที่ On. ถ้าเปิดตัวเลือกนี้ไว้ iPad จะลดความสว่างของหน้าจอโดยอัตโนมัติถ้าอยู่ในที่มืดๆ ช่วยประหยัดแบตได้
-
ปัดหน้าจอ iPad ขึ้นมาจากด้านล่าง. เพื่อเปิด Control Center
- คุณยังปรับความสว่างของหน้าจอได้ตามต้องการตลอดเวลาใน Control Center
-
แตะแถบสีขาวที่มีไอคอนพระอาทิตย์ค้างไว้. แถบนี้ใช้ปรับความสว่างของหน้าจอ
-
ลากแถบ Brightness ลงไป. เพื่อลดความสว่างของหน้าจอเวลาอยู่ในที่มืดๆ ช่วยประหยัดแบตได้
- ถ้าเป็น iPad รุ่นเก่าๆ ให้ลากแถบเลื่อนไปทางซ้ายแทน ถ้าจะลดความสว่างของหน้าจอ
- ให้ลดความสว่างของหน้าจอมากที่สุดเท่าที่ยังสบายตา อย่าประหยัดแบตจนเสียสายตา หลักการก็คือยิ่งหน้าจอสว่าง ก็ยิ่งเปลืองแบตของ iPad มากขึ้นเท่านั้น
โฆษณา
-
อย่าพยายามใช้แอพเน้น 3D หรือกราฟิกเทพๆ. แอพที่ภาพคมชัด เน้น 3D จะกินแบตเร็วยิ่งกว่าอะไรดี
- อย่าลืม ปิดแอพที่ทำงานอยู่เบื้องหลังให้หมด จะช่วยประหยัดแบตได้
-
อย่าให้ iPad ร้อนหรือเย็นเกินไป. อุณหภูมิร้อนจัดหรือเย็นจัดก็ทำให้แบตหมดเร็วขึ้นได้ เพราะงั้นให้พยายามใช้ iPad ในอุณหภูมิระหว่าง 0ºC ถึง 35ºC (32ºF ถึง 95ºF) [3] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
- เวลาชาร์จแบตอย่าพยายามใส่เคส iPad ไว้ เพราะถ้าเป็นเคสห่วยๆ หน่อยจะทำให้ระบายอากาศได้ไม่ดี iPad จะร้อนง่าย แบตเสื่อมเร็ว
-
สลับไปใช้ Airplane Mode เวลาไม่ต้องต่อเน็ต. เป็นวิธีปิดการเชื่อมต่อแบบไร้สายทั้งหมดของ iPad เช่น เน็ตมือถือ, Wi-Fi, GPS และ location services แบบรวดเร็วทันใจที่สุด เพื่อประหยัดแบต
- เปิด Airplane Mode แล้วจะโทร-รับสายไม่ได้ เพราะปิดสัญญาณมือถือไว้
- ถ้าไม่แน่ใจว่าจะเปิด Airplane Mode ยังไง ให้ลองค้นหาเพิ่มเติมในเน็ตดู
โฆษณา
เคล็ดลับ
- ชาร์จแบตให้เต็มก่อนออกจากบ้าน โดยเฉพาะถ้าต้องเดินทางไกล ถ้าต้องค้างคืนหรือไปนาน ก็อย่าลืมเอาสายชาร์จติดไปด้วย ปกติแบต iPad จะอยู่ได้ประมาณ 10 ชั่วโมง แต่ถ้าใช้งานบ่อย แบตก็จะหมดเร็วกว่านั้น
- อันนี้เป็นความเชื่อผิดๆ ว่ารีสตาร์ทช่วยได้ แต่จริงๆ แล้วถ้าปิดแล้วเปิด iPad ขึ้นมาใหม่ จะทำให้เปลืองแบตหนักกว่าเดิม เพราะดึงแบตไปใช้ตอน iPad เปิด/ปิดเครื่อง
โฆษณา
ข้อมูลอ้างอิง
เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้
มีการเข้าถึงหน้านี้ 60,425 ครั้ง
โฆษณา