ดาวน์โหลดบทความ
ดาวน์โหลดบทความ
ข้อมูลในคอมนี่แหละสำคัญยิ่งชีพ ไม่ว่าจะรูปครอบครัว เอกสารภาษี งานศิลป์ชิ้นเอก เพลงเด็ดประจำวง ไปจนถึงงานวิจัยละเอียดอ่อนทั้งหลาย และอื่นๆ ถ้าหายแล้วก็หายเลย ข่าวร้ายก็คือคอมน่ะแฮงก์หรือเจ๊งได้ไม่เลือกเวลา การรู้จักวางแผน backup ข้อมูลแต่เนิ่นๆ นี่แหละจึงเป็นหน้าที่สำคัญของผู้ใช้คอมพิวเตอร์อย่างคุณ แต่โชคดีที่การ back up ข้อมูลนั้นแสนจะง่ายดาย แค่เลื่อนลงไปอ่านขั้นตอนแรกข้างล่าง แล้วเดี๋ยวรู้เอง
ขั้นตอน
-
ใส่อุปกรณ์หรือสื่อในการจัดเก็บข้อมูลเข้าไป. คุณสามารถ back up ไฟล์ต่างๆ ได้ทันทีแค่เสียบ external hard drive หรือ thumb drive กับคอม แล้ว copy ไฟล์เข้าไป หรือจะใช้แผ่น CD หรือ DVD ก็ได้ แต่ก็กินพื้นที่หน่อยเวลาเก็บ ที่สำคัญคือมีแนวโน้มจะข้อมูลสูญหายหรือผิดพลาดได้ง่ายกว่าใช้ external drive คุณต้องมานั่งไรท์ไฟล์ลงแผ่นเวลาจะเซฟ แต่ถ้าเป็น external drive ก็ลากไฟล์ไปหย่อนใส่ได้เลย
- ขนาดความจำนี่แหละจุดสำคัญเวลาจะ back up ข้อมูลด้วยตัวเอง โดยเฉพาะถ้าคุณเลือกใช้แผ่น CD, DVD หรือ thumb drive แต่ถ้าคุณใช้ external drive ที่ใหญ่พอ เรื่องความจำก็ไม่ใช่ปัญหาอีกต่อไป
- CD แผ่นนึงจะจุข้อมูลได้ประมาณ 700 MB ในขณะที่ DVD จุได้ประมาณ 4.7 GB ส่วน thumb drive นั้นมีหลายขนาด แต่น้อยอันที่จะจุเกิน 16 GB แต่ถ้าเป็น External hard drive สามารถจุได้มากถึงหลักหลาย terabytes (TB) กันเลยทีเดียว
- ถ้าคุณเชื่อมต่อเครือข่ายอยู่ คุณสามารถ back up ขึ้น network drive ของเครื่องอื่นได้เลย
-
คิดก่อนว่าจะ back up อะไรบ้าง. เวลาคุณ back up ด้วยตัวเอง คุณต้องคอยเช็คว่าได้ back up ครบถ้วนทุกไฟล์ที่ต้องการแล้ว เพราะฉะนั้นต้องกวาดต้อนให้หมดไม่เหลือแม้แต่ไฟล์เดียว
-
เรียงลำดับความสำคัญของข้อมูล. back up ข้อมูลสำคัญที่สุดก่อนเสมอ นั่นหมายรวมถึงเอกสารสำคัญที่ขาดไม่ได้ ไฟล์และรูปส่วนตัวที่มีคุณค่าทางจิตใจ และข้อมูลอื่นที่หาใหม่ไม่ได้แล้ว การ Copy ไฟล์นั้นใช้เวลาไม่น้อย เพราะฉะนั้นเลือกเซฟเฉพาะอะไรที่สำคัญหรือมีคุณค่าต่อคุณจะดีกว่า
- คุณ back up พวกโปรแกรมไม่ได้ ต้องติดตั้งใหม่ในภายหลังเวลาคอมเกิดเสียหาย แต่คุณสามารถเซฟพวกค่าและตัวเลือกต่างๆ ของโปรแกรมที่คุณตั้งไว้ได้ ให้ลองอ่านเอกสารประกอบของโปรแกรมนั้นๆ ดู ว่าจะหาไฟล์การตั้งค่าพวกนั้นได้ที่ไหน
-
เริ่ม Copy ข้อมูล. พอรู้แล้วว่าต้องเซฟอะไรบ้าง ก็เริ่ม copy ลงสื่อสำหรับ backup ข้อมูลได้เลย ถ้าคุณเลือกใช้ external drive, thumb drive หรือ network drive ก็แค่ลากไฟล์ไปหย่อนใส่ drive แล้วรอให้ไฟล์ถูก copy ลงไปจนเสร็จเท่านั้นเอง แต่ถ้าคุณเลือกไรท์ข้อมูลลงแผ่น disc ให้ทำตามขั้นตอนข้างล่างได้เลย
- เพื่อความปลอดภัยยิ่งขึ้นของข้อมูล ให้ back up ข้อมูลไว้ 2 ที่แยกกัน จะได้ป้องกันไว้ก่อนเวลาข้อมูลในที่นึงเกิดหายไป
-
อย่าลืมอัพเดทข้อมูลที่ backup อยู่เสมอ. เพราะว่าคุณเป็นคน back up เอง จึงไม่มีกำหนดการแน่ชัดว่าจะ copy ข้อมูลเมื่อไหร่ ก็ขึ้นอยู่กับตัวคุณเองว่าต้องหมั่น backup ข้อมูลเรื่อยๆ เพื่อความปลอดภัยโฆษณา
-
ดาวน์โหลดโปรแกรมสำหรับ backup มาซะก่อน. มีทั้งแบบฟรีและเสียเงิน แต่ส่วนใหญ่ฟังก์ชั่นพื้นฐานก็คล้ายๆ กัน แต่ข้อดีของคนที่ใช้โปรแกรมแบบเสียเงิน แทนที่จะมานั่ง back up ข้อมูลด้วยตัวเอง ก็คือคุณสามารถกำหนดตารางเวลาการ back up ข้อมูลให้เป็นไปโดยอัตโนมัติ ไม่ต้องมาเสียเวลาคอย backup ข้อมูลเป็นระยะด้วยตัวเองอีกต่อไป [1] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
- บางโปรแกรมจะย่อไฟล์เวลา back up เพื่อให้ประหยัดความจำ ในขณะที่โปรแกรมอื่นจะ copy มาแบบเป๊ะๆ ให้คุณใช้ได้ตลอดเวลา แค่เพิ่มความจำนิดๆ หน่อยๆ แต่อีกหลายโปรแกรมก็ให้คุณเลือกได้ทั้ง 2 แบบเลย
-
เลือกว่าคุณอยากจะ back up อะไร. ทุกโปรแกรมจะถามเหมือนกันหมด ว่าคุณจะ back up ไฟล์และโฟลเดอร์ไหน ขอให้แน่ใจว่าเลือกมาครบทุกโฟลเดอร์สำคัญ ไม่ได้มีอะไรหลงไปที่ไหน
-
เสียบสื่อสำหรับ backup เข้ามา. ถึงจะใช้โปรแกรมพวกนี้ คุณก็ยังต้องมี external หรือ network drive อยู่ดี ขอให้แน่ใจว่าเสียบกับคอมไว้แล้วก่อนเริ่ม backup
-
เลือกเลยจะให้ backup เมื่อไหร่. จะเลือก backup ถี่แค่ไหนขึ้นอยู่กับว่าคุณเข้าไปใช้งานและแก้ไขไฟล์บ่อยแค่ไหน ถ้ามีปรับปรุงเปลี่ยนแปลงให้ต้องเซฟอยู่ตลอด ก็ควรกำหนดให้ back up บ่อยๆ ถึงขนาดทุกชั่วโมงเลยก็ได้ สำคัญมากสำหรับพวกศิลปิน นักเขียน และคนที่ต้องเก็บบันทึกข้อมูลด้านการเงิน
- แต่ Back up บ่อยเท่าไหร่ คอมของคุณก็ทำงานหนักขึ้นเท่านั้นนะ หลายคนถึงได้เลือก backup เฉพาะนอกเวลาทำงานของคอมพิวเตอร์เท่านั้น
- เช็คให้ดีว่าคอมนั้นเชื่อมต่ออยู่กับตำแหน่งปลายทางที่จะเซฟข้อมูลลงไป ตอนถึงกำหนดที่ต้อง backup
โฆษณา
-
เปิดโปรแกรม File History ขึ้นมา. จะโหลดเวอร์ชั่นเก่าของไฟล์หรือโฟลเดอร์ได้ คุณต้องเปิดใช้ File History ซะก่อน ซึ่งต้องใช้ external hard drive หรือ network folder ด้วย เพราะ Windows จะเก็บเวอร์ชั่นเก่าของไฟล์ไว้ในนั้น ให้คุณสามารถกู้คืนมาได้เวลาเซฟข้อมูลผิดพลาดหรือเผลอเซฟทับเอกสารไหนไป ที่สำคัญคือมันจะกลายเป็น backup ของเอกสารส่วนตัวของคุณได้เป็นอย่างดีเวลาเกิดเหตุไม่คาดฝันให้ข้อมูลต้องสูญหายไปขึ้นมา
- คุณหา File History ได้ด้วยการพิมพ์หา “file history” ที่หน้า Start แล้วเลือก File History จากผลการค้นหาที่ปรากฏ
-
เปิดใช้ File History. ถ้าคุณเสียบ external hard drive ไว้แล้ว จะมีปุ่ม Turn On ขึ้นมาให้คลิก ถ้าอยากเปลี่ยนตำแหน่งปลายทางของ network drive ให้คลิก Select Drive button ในเมนูทางซ้าย จากนั้นคลิก “Add network location” คุณก็จะสามารถหาแล้วเลือก network drive ที่ต้องการได้เลย [2] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
- คุณเลือกได้ว่าจะให้ HomeGroup เชื่อมต่อกับ drive นั้นหรือไม่ ถ้าคุณมีคอมหลายเครื่องใน HomeGroup แล้วอยากให้ทุกเครื่องเซฟ backup ไปไว้ที่ส่วนกลาง ก็ให้คลิก Yes แต่จะเลือกคลิก No ก็ไม่เสียหายอะไร
-
ปรับค่า File History. พอเปิดใช้ File History แล้ว คุณก็สามารถปรับแต่งค่าขั้นสูงได้ด้วยการคลิกลิงค์ “Advanced settings” ในเมนูทางด้านซ้าย
- คุณเลือกได้ว่าจะให้เก็บไฟล์ไว้นานแค่ไหน โดยไปที่เมนู “Keep saved versions” ปกติค่า default จะอยู่ที่ “Forever” หรือตลอดไปนั่นเอง
- และเลือกได้ว่าจะเซฟไฟล์ถี่แค่ไหน โดยใช้เมนู “Save copies of files” ปกติค่า default จะอยู่ที่ “Every hour” หรือทุกชั่วโมง
-
เก็บไฟล์หรือโฟลเดอร์สำคัญลง libraries. ถ้าเป็น File History ของ Windows 8 คุณจะเลือกไม่ได้ว่าจะ back up อะไรบ้าง เพราะจะเป็นการ back up ทุกอย่างอัตโนมัติโดยดูจาก libraries (พวก Documents, Pictures และอื่นๆ) ของผู้ใช้ ถ้าคุณมีไฟล์อยู่ที่ตำแหน่งอื่นแล้วอยาก back up ให้ย้ายมาไว้ในโฟลเดอร์นึงใน libraries ของคุณซะก่อนโฆษณา
-
ต่อ external drive เข้ากับเครื่อง Mac ซะก่อน. ปกติ drive นี้ควรจะมีความจำพอสำหรับ backup ข้อมูลทุกอย่างในเครื่อง Mac แถมยังเหลือที่ว่างซะอีก เพราะ Time Machine นั้น copy ข้อมูลไว้เรื่อยๆ และจะได้ผลดีที่สุดถ้าคุณ copy ข้อมูลไว้ให้เลือกหลายชุดด้วยกัน
- คุณจะต่อ drive ด้วย USB, Thunderbolt หรือ FireWire ก็ได้
- ถ้ายังไม่ได้ฟอร์แมต external drive ให้ฟอร์แมตก่อนด้วย Disk Utility และต้องแน่ใจด้วยว่า Mac OS X Extended (Journaled) นั้นเป็นตัวเลือกของการฟอร์แมต
-
ปกติ Time Machine จะเปิดขึ้นมาโดยอัตโนมัติ. ถ้าคุณใช้ Time Machine เป็นครั้งแรก พอเสียบ external drive เข้าไปจะมีหน้าต่าง dialog box เปิดขึ้นมาถามว่าคุณจะใช้ drive นั้นกับ Time Machine ไหม ให้คลิก “Use as Backup Disk” เพื่อเริ่มใช้ drive นั้นกับ Time Machine ได้เลย [3] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
- ถ้า dialog box ไม่ปรากฏขึ้นมา คุณไปเปิด Time Machine ได้ที่หน้า System Preferences ในเมนู Apple
-
ปล่อย Time Machine ทำงานไป. พอเลือก drive ไว้ให้ Time Machine backup ข้อมูลแล้ว ไฟล์ต่างๆ ก็จะถูกเซฟอัตโนมัติทุกชั่วโมง Time Machine จะเซฟ hourly copy ของ 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา daily copy ของเดือนที่ผ่านมา และ weekly backup มากเท่าที่ความจำใน external drive ของคุณจะอำนวยโฆษณา
-
เลือก cloud ที่ใช่. มีเว็บไซต์มากมายที่ให้คุณเก็บข้อมูลบน cloud ได้ฟรี โดยคุณสามารถใช้เป็นที่ backup ข้อมูลออนไลน์ได้ตลอดเวลา เว็บที่ว่าก็เช่น Google Drive, Microsoft SkyDrive, Apple iCloud, DropBox และอื่นๆ อีกมากมาย บริการฟรีเหล่านี้มาพร้อมพื้นที่เก็บข้อมูลจำนวนหนึ่ง ที่คุณสามารถอัพเกรดเพิ่มได้ในภายหลังโดยเสียค่าใช้จ่าย
- นอกจากนี้ยังมีบริการ backup ข้อมูลบน cloud แบบคิดค่าบริการรายปีอีกด้วย ซึ่งเน้นให้บริการ back up ข้อมูลโดยเฉพาะ รวมถึงเลือกกำหนดเวลาในการ backup ได้ ผู้ให้บริการแนวนี้ก็มี CrashPlan+, Carbonite, Mozy, Backblaze และ Acronis เป็นต้น
-
Copy ไฟล์ของคุณไว้ใน cloud. ถ้าคุณเลือกใช้บริการฟรี คุณก็ต้องจัดการเรื่อง backup ข้อมูลด้วยตัวเอง โดยอัพโหลดแต่ละไฟล์ไปที่ cloud เหมือนเวลา backup ลงใน external hard drive บางเว็บอย่าง SkyDrive และ Google Drive จะมีโฟลเดอร์ไว้ให้คุณแปะที่หน้าจอ desktop แล้วอะไรที่คุณใส่ลงไปในโฟลเดอร์นั้น ก็จะซิงค์ไปอยู่ในพื้นที่จัดเก็บข้อมูลใน cloud เองเรียบร้อย
-
คอยเช็คให้ดีว่าเหลือพื้นที่ใน cloud อีกเท่าไหร่. ตอนสมัครใช้ cloud แรกๆ ก็มีพื้นที่เหลือเฟืออยู่หรอก แต่พอเริ่มอัพโหลดไฟล์รูปกับคลิปวิดีโอเข้าไปเท่านั้นแหละ โห ทำไมพื้นที่หมดเร็วจัง เราถึงได้เตือนว่าพยายาม backup ไว้เฉพาะไฟล์ที่จำเป็นสุดๆ เท่านั้นนะ ที่สำคัญอย่าลืมแวะไปดูไฟล์ใน cloud บ้าง อันไหนเก่า ไม่ใช้แล้ว ทิ้งๆ ไปบ้างก็ดีโฆษณา
เคล็ดลับ
- หมั่น Back up ข้อมูลในคอมบ่อยๆ จนติดเป็นนิสัย
- จะดีกว่าถ้า back up ข้อมูลไว้หลายที่หลายวิธีการ เวลาอันนึงเสีย อันนึงหาย อีกอันจะได้ยังอยู่ นอกจากนี้คุณอาจกำหนดไปเลยก็ได้ ว่าสื่อไหนสำหรับ backup ไฟล์ชนิดไหน อย่าง flash drive สำหรับเก็บงานเขียนปัจจุบัน แล้ว external hard drive สำหรับเก็บรูปไม่ก็ไฟล์เพลง
โฆษณา
คำเตือน
- ถึงจะตั้งให้เครื่อง backup เองถี่แค่ไหน คุณก็ยังต้องคอยเสียบสื่อสำหรับ backup เข้ากับคอมเองอยู่ดี
โฆษณา
ข้อมูลอ้างอิง
โฆษณา