ดาวน์โหลดบทความ ดาวน์โหลดบทความ

แม้ไม้เลื้อยมีพิษอาจดูไม่น่ากลัวนักแต่พิษของมันจะทำให้เกิดผื่นซึ่งเป็นสาเหตุของอาการคันที่รุนแรง อาการพอง และผิวเป็นพิษขึ้นได้ โดยพวกมันจะขึ้นตามพื้นที่รกร้าง เส้นทางเดินป่า และบริเวณในป่ารวมถึงบนต้นสนในฟาร์ม หากบริเวณบ้านหรือที่ทำงานของคุณมีไม้เลื้อยมีพิษเหล่านี้ขึ้นอยู่ใกล้ๆ คุณสามารถถอนออกได้ด้วยมือ ใช้ยากำจัดวัชพืช หรือใช้วิธีจากธรรมชาติ เริ่มจากดูที่ขั้นตอนแรกเพื่อหาวิธีกำจัด

วิธีการ 1
วิธีการ 1 ของ 3:

จัดการกับมันด้วยมือของคุณเอง

ดาวน์โหลดบทความ
  1. ไม้เลื้อยมีพิษจะมีสีเขียว ใบมีความมันเงาและจะเปลี่ยนเป็นสีแดงเมื่อเข้าสู่ฤดูใบไม้ร่วงก่อนที่จะตายลงในฤดูหนาว โดยใบของมันมีลักษณะที่หนาและย่นคล้ายกับใบต้นโอ๊ก แต่ละก้านจะมีใบขึ้นมาสามใบ ในที่แจ้งพวกมันจะเจริญเติบโตขึ้นในลักษณะเป็นพุ่มไม้และในที่ร่มจะอยู่ในลักษณะไม้เลื้อยคล้ายกับเถาวัลย์ขึ้นตามต้นไม้รวมถึงตอไม้
    • มองหาพวกมันได้ตามเส้นทางที่ใกล้กับขอบป่าและพื้นที่รกร้างต่างๆ
    • ไม้เลื้อยมีพิษที่ถูกปล่อยให้เติบโตขึ้นจะมีขนาดใหญ่แต่คุณสามารถสังเกตพวกมันได้จากต้นอ่อนเล็กๆ บริเวณพื้นดินโดยการมองลักษณะของใบพวกมัน
    • ถึงแม้ว่าไม้เลื้อยมีพิษจะสูญเสียใบของมันไปแต่ต้นของมันยังคงไว้ซึ่งพิษ คุณไม่ควรที่จะมองข้ามเพียงเพราะมันเป็นต้นที่ไร้ใบ
  2. การกำจัดไม้เลื้อยมีพิษด้วยมือจำเป็นต้องสัมผัสกับตัวต้นดังนั้นจึงคุณต้องมั่นใจว่าผิวของคุณจะถูกป้องกันจากอุรุชิออล (เป็นพิษต่อมนุษย์) ซึ่งเป็นน้ำมันพิษที่ไม้เลื้อยผลิตขึ้นมาได้ โดยสวมถุงมือหนา เสื้อเชิ้ตแขนยาวหลายๆ ชั้น กางเกงขายาว ถุงเท้า และรองเท้าบู๊ตหนา เนื่องจากบางคนอาจถูกพิษด้วยการหายใจเอาอากาศที่อยู่ใกล้กับไม้เลื้อยที่พิษเข้าไป ดังนั้นคุณควรสวมที่ปิดใบหน้าเพื่อป้องกัน วิธีนี้เป็นวิธีนำไม้เลื้อยมีพิษออกไปได้ดีที่สุดแต่ก็อันตรายที่สุดเช่นกัน
    • ไม่แนะนำวิธีนี้สำหรับผู้ที่แพ้พิษของไม้เลื้อยอย่างรุนแรงและคุณไม่ควรจะใช้วิธีนี้อีกหากคุณแพ้จนกว่าจะเจอคนที่มีภูมิต้านทานพิษได้ โดย 15 เปอร์เซ็นต์ของประชากรมีภูมิคุ้มกันพิษของไม้เลื้อย หรือลองวิธีอื่นในการกำจัดไม้เลื้อยมีพิษแทน
    • ระวังให้ดี หากคุณเคยเกิดผื่นขึ้นแม้เพียงเล็กน้อยมาก่อน ก็อาจเป็นไปได้ว่าการใช้วิธีนี้พิษอาจส่งผลต่อร่างกายคุณอย่างรุนแรง
    • ระวังเป็นอย่างมากในการถอดเครื่องป้องกันหลังนำไม้เลื้อยมีพิษออกเรียบร้อย เพราะน้ำมันพิษของไม้เลื้อยจะติดอยู่ที่ถุงมือ รองเท้าและเครื่องป้องกันต่างๆ คุณควรนำเครื่องป้องกันทั้งหมดไปซักน้ำร้อนด้วยเครื่องซักผ้า
  3. [1] ไม้เลื้อยที่มีขนาดเล็กอาจสามารถดึงได้ด้วยมือเปล่า แต่คุณอาจต้องใช้พลั่วขุดหลุมขนาดใหญ่กว่าเพราะจะได้นำไม้เลื้อยพิษทั้งต้นรวมถึงรากออก ขั้นตอนนี้ถือว่าสำคัญมากมิฉะนั้นไม้เลื้อยอาจกลับขึ้นมาเจริญเติบโตอีกได้
    • ฤดูใบไม้ผลิเป็นช่วงที่สามารถถอนไม้เลื้อยมีพิษได้ง่ายที่สุดเพราะเป็นช่วงที่พวกมันเขียวขจีและดินมีความนุ่ม หากรอจนดินแห้งหรือเย็นจะทำให้ยากต่อการถอนรากทั้งหมดทิ้งและมีแนวโน้มที่ไม้เลื้อยพิษจะแตกหน่อออกมา
  4. เมื่อคุณเก็บรวบรวมชิ้นส่วนของไม้เลื้อยและรากของพวกมันเสร็จแล้ว ควรกองมันไว้ให้ห่างจากทางคนเดินหรือเก็บมันใส่ถุงขยะและทิ้งมันออกไปให้ไกลเพราะถึงแม้ไม้เลื้อยจะตายแล้วแต่พิษของมันยังคงอยู่ ดังนั้นจึงไม่ควรทิ้งพวกมันไว้ในที่ๆ คนอื่นๆ สามารถเข้าเจอพวกมันได้
    • ห้ามใช้พืชคลุมดินหรือปุ๋ยหมักเพราะพวกมันเต็มไปด้วยน้ำมันซึ่งก่อให้เกิดความเสี่ยงที่จะเกิดผื่นขึ้นอย่างรุนแรง
    • ห้ามใช้วิธีกำจัดไม้เลื้อยด้วยการเผา เพราะพิษจากควันมีอันตรายร้ายแรงหากสูดดมเข้าไป
    โฆษณา
วิธีการ 2
วิธีการ 2 ของ 3:

จัดการด้วยสารเคมี

ดาวน์โหลดบทความ
  1. หากคุณไม่ต้องการเข้าใกล้ไม้เลื้อยมีพิษ มันคงเป็นทางเลือกที่ดีหากจ้างบางคนมาจัดการแทน ผู้เชี่ยวชาญด้านการกำจัดวัชพืชที่ถูกต้องตามกฎหมายจะใช้ยากำจัดวัชพืชที่มีประสิทธิภาพสูงอย่างอิมาซาเพอร์ในการกำจัดไม้เลื้อยมีพิษและมันจะได้ผลที่สุดในช่วงฤดูใบไม้ผลิหรือต้นฤดูใบไม้ร่วง
  2. เลือกยากำจัดวัชพืชที่ทำจาก “ไตรโคลเพอร์” โดยสารเคมีชนิดนี้จะมีประสิทธิภาพที่สุดในช่วงต้นฤดูกาลที่ไม้เลื้อยจะเจริญเติบโตอย่างรวดเร็วและมีดอกซึ่งก็คือช่วงฤดูใบไม้ผลิจนไปถึงกลางฤดูร้อน
    • ห้ามพ่นสารกำจัดวัชพืชในวันที่มีลมแรงเพราะจากสารเคมีจะไปกำจัดพืชที่อยู่ข้างเคียงแล้วยังอาจพัดเข้าหน้าของคุณได้อีกด้วย
    • ห้ามพ่นสารเคมีที่ต้นไม้โดยตรง
    • พ่นสารเคมีในช่วงที่ไม้เลื้อยมีพิษแห้ง และห้ามพ่นในช่วงที่ฝนตก โดยสารกำจัดวัชพืชจะใช้เวลาในการฆ่าไม้เลื้อยมีพิษอย่างน้อย 24 ชั่วโมง
  3. ใช้สเปรย์สำหรับช่วงปลายการเจริญเติบโตของพืช. ใช้ยากำจัดวัชพืชที่ทำมาจาก “ไกลโฟเสต” ในช่วงปลายชีวิตของไม้เลื้อยพิษ คุณสามารถใช้ไกลโฟเสตหลังจากที่ไม้เลื้อยออกดอกแต่ต้องอยู่ในช่วงที่พวกมันเขียวขจีอยู่ ใช้สารไกลโฟเสต 2 เปอร์เซ็นต์บริเวณไม้เลื้อยพิษ ฉีดโดยตรงไปที่ใบของพวกมันโดยสารไกลโฟเสตอาจจะทำลายและฆ่าพืชบริเวณข้างเคียง ดังนั้นควรใช้อย่างระมัดระวัง
    • โปรดระวัง: องค์การอนามัยโลกพิจารณาว่าไกลโฟเสตอาจเป็นสารก่อมะเร็ง บางประเทศจึงห้ามใช้สารตัวนี้ โปรดตรวจสอบด้านกฎหมายและใช้ด้วยความระมัดระวัง
    • ห้ามพ่นสารกำจัดวัชพืชในวันที่มีลมแรงเพราะจากสารเคมีจะไปกำจัดพืชที่อยู่ข้างเคียงแล้วยังอาจพัดเข้าหน้าของคุณได้อีกด้วย
    • ห้ามพ่นสารเคมีที่ต้นไม้โดยตรง
    • พ่นสารเคมีในช่วงที่ไม้เลื้อยมีพิษแห้ง และห้ามพ่นในช่วงที่ฝนตก โดยสารกำจัดวัชพืชจะใช้เวลาในการฆ่าไม้เลื้อยมีพิษอย่างน้อย 24 ชั่วโมง
  4. ใช้สารเคมีจัดการกับตอที่ไม้เลื้อยมีพิษขึ้น. คุณสามารถใช้ไกลโฟเสต ไตรโคลเพอร์ หรือสิ่งที่มีส่วนผสมของสารพวกนี้เพื่อฆ่าไม้เลื้อยพิษ ใช้สารเคมีจัดการช่วงที่ฤดูที่พวกมันกำลังเติบโต ขณะที่พวกมันยังมีสีเขียวอยู่ พืชจะดูดสารเคมีเข้าไปทางรากและจะตายลง จากนั้นคุณต้องกลับมาเพื่อขุดนำพวกมันไปทิ้ง [2]
    • ใช้กรรไกรตัดกิ่งไม้ด้ามยาวตัดไม้เลื้อยพิษให้กิ่งก้านอยู่เหนือพื้นดินประมาณ 2.5 - 5 เซนติเมตร
    • หลังจากตัดมันแล้ว ให้ใช้สารเคมีด้วยแปรงทาสีขนาด 1 นิ้วหรือขวดบีบสารเคมีใส่ทันที
    • ใส่สารเคมีบริเวณรอบๆ อย่างทั่วถึงและคุณจะต้องใส่ซ้ำทุกๆ ครั้งที่มีกิ่งก้านใหม่งอกขึ้นมาจากตอไม้
  5. 5
    ขุดรากไปทิ้งเมื่อก้านของไม้เลื้อยมีพิษตายลงในหลายวันถัดมา ห้ามนำไม้เลื้อยที่ตายแล้วไปคลุมด้วยหญ้าหรือไปเผา นำมันไปทิ้งไกลๆ เพราะมันยังมีฤทธิ์ทำให้คุณเกิดอาการแพ้ขึ้นผื่นได้ [3]
    โฆษณา
วิธีการ 3
วิธีการ 3 ของ 3:

เทคนิคทางธรรมชาติ

ดาวน์โหลดบทความ
  1. ใช้แผ่นพลาสติกคลุมไม้เลื้อยมีพิษที่อยู่ในพื้นที่ โดยวิธีการนี้จะมีประสิทธิภาพที่สุดโดยการตัดไม้เลื้อยออกไปก่อน ให้อยู่เหนือพื้นดินไม่กี่นิ้ว รากที่ตายจะถูกนำออกและถูกทิ้งอย่างเหมาะสมหรือพวกมันอาจจะกลับมาเจริญเติบโตขึ้นอีก
  2. ต้มน้ำในกาของคุณให้เดือด จากนั้นนำมันไปราดบริเวณรากของไม้เลื้อยมีพิษซึ่งน้ำร้อนจะทำให้ไม้เลื้อยตายแต่หลังจากนั้นคุณจำเป็นต้องกำจัดรากของพืชชนิดนี้ออกไปด้วย วิธีนี้เหมาะสำหรับไม้เลื้อยมีพิษขนาดเล็ก หากมีขนาดใหญ่วิธีนี้อาจใช้ไม่ได้ผล
    • หากคุณใช้วิธีนี้ต้องระวังเป็นอย่างมากในการไม่สูดดมนำเอาควันต่างๆ เข้าไปเพราะมันอาจมาจากไม้เลื้อยมีพิษที่ถูกต้ม
  3. แพะชอบที่จะกินไม้เลื้อยมีพิษเป็นอาหาร โดยพวกมันไม่ได้รับผลกระทบจากน้ำมันพิษของพืชชนิดนี้และพวกมันยังหิวตลอดเวลาทำให้สามารถกินไม้เลื้อยได้จนหมด นี่เป็นวิธีที่ดีในการกำจัดไม้เลื้อยมีพิษออกไป มองหาบริเวณรอบๆ ว่ามีฟาร์มแพะอยู่หรือไม่ ซึ่งการให้เช่าแพะเพื่อให้พวกมันจัดการกับพื้นที่ธรรมชาติถือเป็นที่นิยมของเจ้าของฟาร์มแพะ
    • หากคุณใช้วิธีนี้คุณจำเป็นต้องถอนรากออกเพื่อให้มั่นใจว่ามันจะไม่กลับมาเจริญเติบโตอีก อย่างไรก็ตามคุณสามารถจ้างแพะทุกๆ ฤดูใบไม้ผลิมาจัดการกับไม้เลื้อยมีพิษแทนได้
    • เป็นเรื่องน่าสนใจว่าน้ำนมที่ผลิตจากแพะที่กินไม้เลื้อยพิษกลับไม่มีสารพิษใดๆ เจือปนเลย
  4. วิธีนี้คุ้มค่าที่จะลองโดยเฉพาะกับไม้เลื้อยขนาดเล็ก กรอกน้ำส้มสายชูใสลงในขวดสเปรย์และฉีดมันบริเวณใบและกิ่งก้านของไม้เลื้อยที่อยู่ในพื้นที่ของคุณ เพียงไม่กี่วันไม้เลื้อยมีพิษจะตายลงและหลังจากนั้นคุณต้องถอนรากมันออกหากไม่ต้องการให้มันกลับมาอีกครั้ง
  5. 5
    ฉีดน้ำยาฟอกขาวเป็นทางเลือก. ใส่น้ำอุ่นลงในขวดสเปรย์ครึ่งขวด เติมเกลือ 1/2 ถ้วย (136.5 ก.) ไฮโดรเจน เปอร์ออกไซด์ 1/2 ถ้วย และน้ำยาฟอกขาว 2 ถ้วย เขย่าให้ส่วนผสมเข้ากัน แล้วฉีดที่ไม้เลื้อยพิษ
  6. ปลูกพืชคลุมดินที่แข็งแรงบริเวณสนามหญ้าของคุณ. ตั้งแต่ไม้เลื้อยมีพิษมีแนวโน้มที่จะเจริญเติบโตได้ดีในพื้นที่ “ที่ถูกรบกวน” ที่เป็นดินเปล่า คุณสามารถปลุกพืชอื่นๆ บริเวณพื้นที่ว่างเพื่อป้องกันไม่ให้มันเข้ามาบุกรุกพื้นที่ของคุณได้
    โฆษณา

เคล็ดลับ

  • คุณสามารถป้องกันการแพร่กระจายของไม้เลื้อยมีพิษได้โดยการปล่อยให้แกะหรือแพะออกมากินพวกมันรวมถึงม้าและกวางก็สามารถกินต้นอ่อนของไม้เลื้อยได้เช่นกัน (ก่อนที่พวกมันจะออกดอก)
โฆษณา

คำเตือน

  • การใช้รถแทรกเตอร์เกลี่ยดินและรถกำจัดวัชพืชไม่สามารถใช้กำจัดไม้เลื้อยมีพิษออกได้เพราะบางครั้งรากของพวกมันยังคงฝังอยู่ใต้พื้นดินพร้อมที่จะแตกหน่อออกมาอีกครั้ง นอกจากการตัดและไถไม่สามารถควบคุมปัญหาไม้เลื้อยพิษได้ มันยังทำให้ชิ้นส่วนต่างๆของพืชชนิดนี้กระจายไปรอบๆ อีกด้วย
  • การใช้ยากำจัดวัชพืชอาจเป็นอันตราย คุณต้องมั่นใจว่าปฏิบัติตามฉลากวิธีการใช้ รวมถึงเก็บรักษาและการทำลายอย่างเหมาะสม
  • ซากของไม้เลื้อยพิษยังสามารถทำให้คุณเกิดอาการแพ้ขึ้นผื่นเพราะฤทธิ์ของพิษอุรุชิออลคงอยู่ได้ยาวนานแม้มันจะตายไปแล้วเป็นเวลานาน
  • พิษอุรุชิออลสามารถทะลุเข้าไปในถุงมือยางและสามารถติดอยู่กับเครื่องแต่งกายที่ยังไม่ได้ชำระล้างรวมถึงเครื่องมือต่างๆ ได้เป็นปีหรือมากกว่านั้น
  • ห้ามอยู่ในบริเวณที่มีการเผาไม้เลื้อยพิษ เพราะควันจากการเผามีสารอุรุชิออลผสมอยู่ (สารที่ก่อให้เกิดผื่น) ซึ่งหากสูดดมเข้าไปจะทำให้ได้รับอันตรายอย่างรุนแรงและอาจถึงเสียชีวิตได้ โดยการเผาพืชชนิดนี้เลวร้ายยิ่งกว่าการสัมผัสกับมันโดยตรงด้วยซ้ำ
โฆษณา

เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้

มีการเข้าถึงหน้านี้ 6,200 ครั้ง

บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม

โฆษณา