ดาวน์โหลดบทความ ดาวน์โหลดบทความ

มนุษย์ทุกคนล้วนเผชิญกับความรู้สึกไม่มั่นใจ ณ จุดหนึ่งของชีวิต เป็นเรื่องปกติที่ความรู้สึกเช่นนี้เกิดขึ้น ซึ่งชี้ให้เห็นว่าเรากำลังประเมินการเผชิญหน้าสิ่งต่างๆ ว่าจะจบลงอย่างงดงามหรือพังไม่เป็นท่า ในกรณีที่คุณคิดจะกระทำการบ้าบิ่นเป็นอันตราย ก็เป็นเรื่องสมเหตุผลที่จะเกิดความรู้สึกดังกล่าว ปัญหาคืออาการขาดความมั่นใจลุกลามไปถึงสิ่งเล็กน้อยในชีวิตประจำวัน เช่น เมื่อพูดกับเพื่อนด้วยความจริงใจ ซึ่งเป็นอุปสรรคในการใช้ชีวิตในระดับหนึ่ง ต้องเข้าใจว่าแท้จริงแล้วชีวิตนั้นไม่แน่นอน มีการเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ สิ่งใดที่ดูเหมือนมั่นคงในวันนี้ภายภาคหน้าอาจเปลี่ยนเป็นเลวร้าย ไม่เหมือนเดิมอีก แต่หากคุณฝึกฝนจิตใจให้เข้มแข็ง ก็จะก้าวข้ามผ่านปัญหานี้ได้และสร้างสิ่งที่สูญเสียไปขึ้นมาใหม่ตามที่คาดหวัง ซึ่งจะนำความสุขสบายใจมาให้ทุกครั้ง หากอยากทราบเคล็ดลับที่จะช่วยส่งเสริมคุณให้แข็งแกร่งขึ้น อย่ารอช้า อ่านวิธีการด้านล่างเพื่อเริ่มต้นดีๆ ได้เลย

ส่วน 1
ส่วน 1 ของ 2:

ปรับมุมมอง

ดาวน์โหลดบทความ
  1. หากเชื่อว่าตนเองไม่มีความสามารถที่จะทำสิ่งต่างๆ ให้สำเร็จได้ ลองหยุดคิดสักพักหนึ่ง จินตนาการว่าเราเป็นคนใหม่ และจะให้คำแนะนำคนอื่นที่ตกอยู่ในสถานการณ์เดียวกับเราอย่างไร ยกตัวอย่างเช่น คุณรู้สึกกังวลที่จะเข้าร่วมงานสังสรรค์โดยไม่รู้จักใครเลย หรือ กำลังจะไปสัมภาษณ์งาน ลองคำนึงถึงสิ่งที่อยากแนะนำให้เขาทำตาม การมองสถานการณ์ในลักษณะนี้จะช่วยให้คุณเข้าใจว่าความจริงแล้ว ไม่มีสิ่งใดน่ากลัวและหากพยายามก็จะผ่านไปได้แน่นอน
  2. เขียนความกังวลและสาเหตุที่ก่อให้เกิดความรู้สึกว่าคุณไม่สามารถทำสิ่งใดสำเร็จได้ อ่านทบทวนหลายๆ รอบแล้วถามตัวเองว่า จากที่เขียนไปทั้งหมดนั้นมีข้อไหนบ้างที่มีเหตุผลจริงๆ และสิ่งใดมีรากมาจากความคิดด้านลบ ใช้เวลาใคร่ครวญหาต้นตอของความกลัว เช่น กลัวเสียหน้า กลัวทำครอบครัวผิดหวังหรือกลัวไม่ได้ใช้ชีวิตในแบบที่ต้องการ ประเมินดูว่าคุณจะสามารถกำจัดความกลัวไหนได้บ้างและมีวิธีการแก้ไขที่สร้างสรรค์เพื่อจัดการกับปัญหาของคุณได้มากน้อยแค่ไหน
    • อาการกลัวความล้มเหลวหรือเสียหน้าเป็นเรื่องปกติ ทุกคนล้วนมีความรู้สึกนี้เป็นครั้งคราว แต่จะเริ่มไม่ปกติเมื่อคุณยึดติดกับความกลัวจนรู้สึกว่าทำอะไรให้สำเร็จไม่ได้แม้แต่อย่างเดียว
  3. แทนที่จะมานั่งตอกย้ำตัวเองถึงความอับอายหรือล้มเหลวที่เคยเกิดขึ้น คุณควรพุ่งความสนใจไปที่ความสำเร็จแทน ไม่ว่าจะเป็นด้านการเรียน ความสัมพันธ์ที่ดีกับเพื่อนฝูงหรือเมื่อคนอื่นขำกับมุกตลกที่คุณเล่า ยิ่งนึกถึงเวลาที่ดีมากเท่าไหร่ ก็จะเกิดความมั่นใจว่าเราสามารถทำสิ่งเหล่านั้นได้อีกในอนาคต
    • การบันทึกทันทีหลังจากเหตุการณ์แห่งความสำเร็จมีประโยชน์มาก ให้วางสมุดบันทึกไว้ที่โต๊ะใกล้มือเพื่อบันทึกความสำเร็จ ความภาคภูมิใจและความทรงจำที่ดี
  4. ถามตัวเองว่า จะแย่ที่สุดได้แค่ไหน จงซื่อสัตย์กับคำตอบของตัวเอง. หากคุณเปลี่ยนทรงผมใหม่แล้วมีคนไม่ชอบ โลกจะแตกเสียเมื่อไหร่ ถ้าคุณเกลียดสถานการณ์แบบนี้ เตือนตัวเองว่า เดี๋ยวผมก็งอก อย่าให้ความกังวลไร้สาระมาเป็นอุปสรรคในการลองทำสิ่งใหม่ๆ เมื่อคุณทราบว่า มันก็แย่สุดได้ไม่เท่าไหร่ คุณก็จะมีความเข้าใจถึงความเป็นไปของชีวิตและกล้าลองมากขึ้น
    • หากตอบไม่ได้ว่าคุณขาดเหตุผลและเริ่มงี่เง่าเมื่อไหร่ ให้ปรึกษาใครสักคนที่ไว้ใจได้พวกเขาจะช่วยเตือนสติคุณว่าสิ่งแย่ๆ นั้นจัดการได้ หรือไม่คุณก็คิดมากไปเอง
  5. คราวนี้ถามตัวเองว่า ดีที่สุดได้แค่ไหน คนที่ไม่มั่นใจในตนเองไม่ถามคำถามนี้เท่าที่ควร. เช่น คุณนัดเดทกับใครสักคนเป็นครั้งแรก ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดคือคุณสองคนเข้ากันได้และมีโอกาสสร้างความสัมพันธ์ที่น่าพอใจและมีความหมาย มันไม่คุ้มหรอกหรือที่จะลองดูสักตั้ง แม้ว่าอาจไม่สมหวังเสมอไปแต่การนึกภาพด้านบวกไว้ก็ไม่เสียหายอะไร
    • ก่อนจะเริ่มต้นทำอะไรใหม่ๆ ลองเขียนสิ่งที่ดีที่สุดที่มีโอกาสเกิดขึ้นหรือสามสิ่งที่ดีที่สุดก็ได้เพื่อจะได้มีแนวคิดที่ดีอยู่ในหัวเมื่อต้องเผชิญสถานการณ์จริง
  6. นึกถึงข้อดีของตนเองเสมอ.เพื่อจะเป็นคนมั่นใจคุณต้องเห็นข้อดีของตัวเองก่อน ทำรายการว่าคุณชอบตัวเองตรงไหน จะเป็นอะไรก็ได้เช่น มนุษย์สัมพันธ์ดี ฉลาด ฯลฯ เรียกข้อดีเหล่านี้ขึ้นมาเมื่อคุณตัองปฏิสัมพันธ์กับคนอื่น คนที่ขาดความมั่นใจจะย้ำคิดถึงแต่ข้อเสียของตัวเองซึ่งก่อให้เกิดความไม่พอใจในตัวตนขึ้น
    • จำไว้ว่าการพุ่งเป้าไปที่ข้อเสีย หมายความว่าคุณกำลังละทิ้งข้อดีอยู่ หากคุณกดดันตัวเองอย่างมากมาตลอดจะทำให้การมองเห็นคุณค่าของตนเองเป็นเรื่องยากตั้งแต่แรก
  7. หากพูดถึงตนเองในด้านลบมานานจนเป็นนิสัยก็จะไม่ค่อยสังเกตสิ่งใดเท่าที่ควร ยิ่งตอกย้ำตัวเองเป็นประจำว่าช่างขี้แพ้ ทำอะไรไม่สำเร็จ ไม่ดีสักอย่าง ก็จะทำให้คุณถูกผูกมัดกับความรู้สึกนั้นตลอดไป พยายามคิดแง่บวกเพื่อที่จะมีกำลังใจเผชิญสิ่งใหม่ๆ ด้วยท่าทีที่ถูกต้อง
    • เคล็ดลับที่ทำให้คุณรู้สึกดีขึ้นกับการคิดบวกคือ ทุกครั้งที่รู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจให้นึกเรื่องดีสองเรื่องที่เป็นจริงเกี่ยวกับตัวเองมาไม่จำเป็นต้องเกี่ยวข้องกับเรื่องที่รู้สึกแย่ก็ได้
      • ตัวอย่างเช่น หากดื่มกาแฟที่ร้อนจนลวกลิ้น แทนที่จะตำหนิตัวเองว่าช่างโง่สิ้นดี ให้นึกสิ่งดีขึ้นมาเลยเช่น แต่ฉันก็เล่นเทนนิสได้ดีแล้วก็เป็นคนตลกด้วยนะ อาจฟังดูแปลกแต่คุณต้องปรับแนวคิดให้รู้สึกดีกับตัวเองมากขึ้นให้ได้
  8. ตอบตกลงให้บ่อยขึ้น แทนที่จะชักแม่น้ำทั้งห้ามาปฏิเสธประสบการณ์ใหม่ๆ พยายามนึกว่าอะไรจะเกิดขึ้นหนอหากเราตกลงทำ ถึงแม้ว่าสาเหตุที่ปฏิเสธเป็นจริงแต่การตอบตกลงสามารถนำไปสู่สิ่งใหม่ที่ไม่คาดฝันได้ หากรู้สึกแย่หลังจากตอบตกลงคุณสามารถทำให้ตัวเองรู้สึกดีขึ้นได้ แถมยังได้ประสบการณ์ใหม่มาให้จดจำมากกว่าตอนที่ตอบปฏิเสธ ถ้าไม่มีอะไรน่าจดจำเกิดขึ้นเลย คุณก็สบายใจได้ว่าอย่างน้อยคุณก็เป็นคนที่มองโลกในแง่บวก ชอบเข้าสังคมและกล้าริเริ่มทำสิ่งใหม่ๆ
    • สมมติมีเพื่อนจากชั้นเรียนดนตรีของคุณมาบอกว่าจะตั้งวงดนตรี อยากให้คุณมาเข้าร่วมด้วย คุณอาจปฏิเสธไปโดยอัตโนมัติโดยอ้างสารพัดว่า ไม่เคยอยู่ในวงดนตรีมาก่อน ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรให้ออกมาดีได้ ไม่คิดว่าตัวเองจะเป็นนักดนตรีได้ ไม่มีเวลา เรียนหนัก ฯลฯ
      • การคิดแบบนี้เป็นการปิดโอกาสที่จะค้นหาตัวเองก่อนที่จะเริ่มต้นเสียอีก คุณอาจมีโอกาสสร้างความสัมพันธ์กับเพื่อนที่มาชวนและอีกหลายคนที่อยู่ในวง ได้ประสบการณ์ที่ดีมาเล่าให้คนอื่นฟัง ลองตอบตกลงแล้วรอดูผลลัพธ์จะดีกว่า
    โฆษณา

เมื่อรู้สึกไม่มั่นใจในความสัมพันธ์ ให้ลองทำตามคำแนะนำด้านบน การแสวงหาความสุขก็ช่วยคุณได้เช่นกัน หากคุณมีความสุขเป็นปกติวิสัยก็มีโอกาสที่จะทำให้คนอื่นที่เข้ามาในชีวิตมีความสุขไปด้วย ดังนั้นอย่าจมอยู่กับความไม่มั่นใจเลย

ส่วน 2
ส่วน 2 ของ 2:

ลงมือปฏิบัติ

ดาวน์โหลดบทความ
  1. ใส่ใจกับเพื่อนที่คุณคบ พิจารณาทัศนคติของเพื่อนเกี่ยวกับผู้อื่น ตัวเขาเองและตัวคุณ หากสังเกตว่าเพื่อนส่วนใหญ่เป็นคนช่างตัดสิน ชอบวิจารณ์การแต่งตัว ร่างกาย การตัดสินใจ การพูดหรือพฤติกรรมของชาวบ้านจนเป็นนิสัย คุณอาจต้องคบเพื่อนที่นิสัยดีกว่านี้ พยายามหาคนที่พูดถึงข้อดีของคนอื่นและไม่รีบตัดสินจนเกินไป
    • การคบเพื่อนที่มีอิทธิพลด้านลบไม่ใช่เรื่องเสียหาย แต่ต้องยอมรับว่าการขลุกอยู่กับสิ่งใดมากๆ แม้จะไม่ส่งผลกระทบต่อเราโดยตรงเราก็ซึมซับสิ่งนั้นเข้าไปโดยปริยาย เมื่อเพื่อนคุณวิจารณ์ทรงผมของคนอื่นแต่คุณกลับชอบทรงผมนั้น คุณอาจรู้สึกสูญเสียความมั่นใจในความคิดเห็นของตนเองแล้วหลอกตัวเองว่าคิดผิด
  2. อย่าเป็นคนช่างตัดสิน ถึงการยกตนข่มท่านอาจทำให้รู้สึกดีขึ้นแต่ทุกครั้งที่ทำแบบนั้นคุณก็กำลังวิจารณ์ตัวเองอยู่ซึ่งจะทำให้ตัวคุณแย่ลงเอง หัดให้กำลังใจคนอื่น นอกจากจะทำให้มีเพื่อนเพิ่มแล้ว ความสัมพันธ์ก็จะมีความหมาย คุณก็ได้ยกระดับจิตใจไปในตัว
    • หากพบว่ากำลังวิพากษ์วิจารณ์ความล้มเหลวหรือการตัดสินใจของคนอื่น ให้หาเหตุผลว่าทำไมจึงทำเช่นนั้น ถ้าความคิดแรกที่ผุดขึ้นมาในหัวคือ เพราะว่าพวกเขาทำผิดพลาด จงคิดให้หนักขึ้นอีก ทำไมเขาถึงผิด ในกรณีไหน เป็นเพราะการเลี้ยงดูหรือวัฒนธรรมที่แตกต่างหรือเปล่าที่ทำให้คุณตัดสินแบบนั้น
    • คนอื่นที่มีปูมหลังทางวัฒนธรรมแตกต่างกันหรือมาจากคนละประเทศคิดแบบเดียวกันหรือเปล่า การที่ผู้อื่นใช้ชีวิตต่างจากคุณไม่ได้หมายความว่าเขาผิด
  3. ไม่จำเป็นต้องเป็นกิจกรรมผาดโผน ลองไปเขตต่างๆ ของเมืองที่ยังไม่เคยไปดู เยี่ยมชมร้านค้าไปเรื่อยๆ ลุ้นว่าจะพบอะไร พูดคุยกับพ่อค้าแม่ค้า ยิ่งเก็บเกี่ยวประสบการณ์ได้มากเท่าไหร่ ความกลัวการเผชิญหน้ากับสิ่งใหม่ๆ หรือเจอผู้คนจะลดน้อยลง หากคุณสามารถทำสิ่งใหม่ได้ทุกวัน ก็เลิกคิดได้แล้วว่าทำอะไรก็ล้มเหลวไม่เป็นท่า
    • ถ้าคุณไม่มั่นใจเรื่องรูปลักษณ์ให้เข้าร้านขายเสื้อผ้าที่ไม่เคยไปดู ไปลองเสื้อผ้าที่คุณไม่ชอบเหล่านั้นแล้วยืนขำตัวเองในกระจกก็สนุกดี ไม่แน่อาจเจอชุดที่เหมาะกับคุณอย่างไม่เคยคาดคิดมาก่อนก็ได้ หากไม่เจออะไรเป็นพิเศษก็นับว่าคุณได้เสื้อผ้าใหม่ที่ดูดีขึ้น พยายามลองอะไรใหม่ๆ ให้บ่อยที่สุดเท่าที่จะทำได้
  4. หากคุณเกลียดใบหน้าตกกระหรือเสียงของตัวเองอาจจะทำอะไรไม่ได้มากนัก ข้อเสียที่แก้ไม่ตกก็ต้องยอมรับกันไป อะไรที่เปลี่ยนได้ เช่น เป็นคนเครียดง่าย ไม่เห็นอกเห็นใจผู้อื่น ขาดความมั่นใจ คุณต้องพยายามแก้อย่างสุดความสามารถ เป็นเรื่องจริงว่าคนเราเกิดมาพร้อมกับอุปนิสัยเฉพาะตัวและไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะผลิกโฉมเป็นคนละคนโดยสิ้นเชิงแต่คุณสามารถแก้ไขบางอย่างที่เปลี่ยนแปลงได้
    • หากคุณลงมือแก้ไขนิสัยที่ไม่ชอบ คุณก็กำลังก้าวสู่การเป็นคนที่มั่นใจขึ้น
    • ไม่ได้บอกว่าการแก้ไขตนเองเป็นเรื่องกล้วยๆ แต่มันก็ยังดีกว่าปล่อยไว้แล้วก็จมอยู่กับความรู้สึกไม่ชอบตัวเองโดยที่ไม่ทำอะไรสักนิดเดียว
  5. การเปรียบเทียบกับคนรอบตัวทำให้คุณเกิดความไม่มั่นใจอย่างแน่นอน แม้จะเปรียบกับคนในทีวีก็ไม่ควร หากคิดเปรียบเทียบอยู่เรื่อยก็จะรู้สึกว่าฉันช่างอัปลักษณ์ จน ล้มเหลว และอีกสารพัดที่ทำให้คิดว่าทำอย่างไรก็เทียบเขาไม่ได้ มาเน้นพัฒนาชีวิตให้ได้ตามเป้าหมายของเราจะดีกว่า ไม่ใช่ไปวิ่งไล่ตามเป้าหมายของคนอื่น
    • แม้ว่าคุณได้พยายามเคี่ยวเข็ญตัวเองเต็มที่แล้ว แต่ก็จะเจอคนที่สุขภาพดีกว่า รวยกว่าและฉลาดกว่าคุณอยู่วันยังค่ำ แต่ก็มีแนวโน้มว่าคนอื่นจะต้องการเป็นเหมือนคุณในบางด้านเช่นกัน จงพอใจในสิ่งที่คุณมีอยู่ คนที่คุณคิดว่าสมบูรณ์แบบเพรียบพร้อมไปเสียหมดแล้ว เขาอาจอยากเป็นเหมือนคนอื่นก็ได้ ใครจะรู้
  6. อีกวิธีในการก้าวข้ามความไม่มั่นใจในตนเองคือเล่าให้เพื่อนสนิทฟัง การมีใครสักคนที่รู้จักเราดี เข้าใจเรา ทำให้คุณประเมินตัวเองอย่างไม่ลำเอียง อีกทั้งยังทำให้เห็นว่าความกังวล ความกลัวต่างๆ ที่มีช่างไร้เหตุผล เพื่อนที่ดีจะให้กำลังใจบอกว่าคุณทำสำเร็จตามเป้าหมายได้แน่ อีกทั้งยังช่วยปัดเป่าความคิดด้านลบและความลังเลใจที่ปกคลุมชีวิตคุณ
    • บางครั้งการเล่าให้คนอื่นฟังก็ไม่ช่วยแก้ปัญหาทั้งหมดอยู่ดี คุณอาจรู้สึกแย่ลงเนื่องจากต้องเปิดเผยความรู้สึกไม่มั่นใจที่ฝังรากอยู่ภายใน
  7. การทำอะไรสักอย่างได้ดีทำให้รู้สึกมั่นใจในตนเองมากขึ้น อาจจะเป็นฝึกเต้น เขียนเรื่องสั้น วาดรูป คิดมุกตลก หรือพูดภาษาต่างประเทศ จะเป็นกิจกรรมอะไรไม่สำคัญ หัวใจของมันคือคุณได้ลงทุนใช้เวลาและกำลังในการพัฒนาทักษะเพื่อว่าวันหนึ่งจะได้พูดได้เต็มปากว่า ฉันทำสิ่งนี้ได้ดีจริงๆ ความพยายามทำสิ่งใดให้สำเร็จ อุทิศตนทำเป็นประจำจะทำให้คุณรู้สึกดีกับตัวเองมากขึ้น
    • คุณไม่ควรพยายามเป็นนักฟุตบอลที่ดีที่สุดหรือนักเรียนคณิตศาสตร์ที่เก่งที่สุดในห้องเพื่อทำให้คนอื่นเห็นความสามารถ เน้นให้ตัวเองภูมิใจเป็นหลักจะดีกว่า
  8. โดยปกติแล้วคนที่ขาดความมั่นใจจะเคร่งเครียดมาก คอยกังวลอยู่ตลอดเวลาว่าจะทำอะไรผิดพลาดหรือขายหน้า คนที่ขำกับความผิดพลาดได้และเข้าใจว่าทุกคนล้วนเคยพลาดทำอะไรงี่เง่าเป็นครั้งคราวอยู่แล้วจะมีความมั่นใจมากกว่า เนื่องจากพวกเขารับได้ว่ามีโอกาสทำพลาด แทนที่จะกังวลว่าทุกอย่างต้องออกมาสวยงามทุกครั้งคุณควรหัดหัวเราะกับความผิดพลาดบ้าง มองให้เป็นเรื่องตลกหากผลลัพธ์ไม่ตรงกับที่หวังไว้ จะดีกว่าถ้าดำเนินชีวิตในแต่ละวันอย่างสบายใจ เต็มไปด้วยเสียงหัวเราะและไร้ความกังวลว่าทุกอย่างต้องออกมาสมบูรณ์แบบ
    • อย่างไรก็ตาม ไม่ได้หมายความว่าคุณจะทำให้ตัวเองเป็นตัวตลกที่เอาแต่หัวเราะกับความผิดพลาดตลอดเวลา แต่เรากำลังบอกว่าคุณต้องผ่อนปรนและให้อภัยตัวเองบ้าง หากคุณหัวเราะได้คนอื่นจะรู้สึกสบายใจที่จะอยู่กับคุณมากขึ้นเนื่องจากเขาไม่ต้องระวังว่าจะทำร้ายน้ำใจคุณเข้าและในทางกลับกันคุณก็จะรู้สึกดีกับตัวเองมากขึ้นด้วย
  9. สิ่งหนึ่งที่ทำให้ขาดความมั่นใจคือคุณต้องจัดการกับความไม่แน่นอน คุณอาจไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นที่งานเลี้ยงสังสรรค์ ในชั้นเรียนใหม่หรือระหว่างการเดินทางไปยังที่ใหม่โดยไม่รู้จักคนมากนัก คุณไม่สามารถคาดคะเนได้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นในสถานการณ์เหล่านั้นก็จริง แต่คุณสามารถทำให้ตัวเองรู้สึกดีขึ้นได้โดยการหาข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องเหล่านั้นเพื่อให้รู้สึกว่าควบคุมสถานการณ์ได้บ้างซึ่งจะทำให้คุณมีความมั่นใจกับสิ่งที่จะเกิดขึ้น
    • ตัวอย่างเช่น หากคุณจะไปงานเลี้ยง ให้หาข้อมูลว่ามีใครไปบ้าง เขาทำอะไรกันที่นั่น แต่งตัวอย่างไร ฯลฯ จะได้รู้ว่าจะเจออะไร
    • หากคุณกังวลเมื่อต้องนำเสนอผลงาน ให้หาข้อมูลว่ามีผู้ฟังกี่คน ลักษณะของห้องเป็นอย่างไร มีใครอีกบ้างที่นำเสนอผลงานในวันนั้น และข้อมูลอื่นๆ ที่คุณพิจารณาว่ามีประโยชน์เพื่อลดเหตุให้กังวล
  10. ระลึกไว้เสมอว่าคุณไม่ได้อยู่อย่างโดดเดี่ยว. คุณอาจรู้สึกว่าเป็นคนเดียวในโลกที่ต้องเผชิญหน้ากับความไม่มั่นใจในตนเองหรือรู้สึกว่าตัวเองไม่ได้มาตรฐานเอาเสียเลย แต่คุณต้องรู้ว่าทุกคนล้วนเผชิญกับความไม่มั่นใจสักจุดหนึ่งของชีวิต แม้แต่นางแบบดังหรือนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จ ความไม่มั่นใจในตนเองเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต ถ้าคุณหยุดรู้สึกไม่มั่นใจในความอ่อนแอของตนเอง คุณกำลังจะดีขึ้น ทุกคนมีสิ่งที่ทำให้รู้สึกไม่มั่นใจ การที่คุณเป็นแบบนี้ปกติธรรมดามาก การตระหนักถึงความจริงข้อนี้จะทำให้คุณก้าวสู่เส้นทางแห่งความสบายใจ
  11. 11
    ลองการทำสมาธิ. นั่งหรือนอนสบายๆ พร้อมหลับตา เพ่งลมหายใจเป็นเวลา 10 นาที ลองสลัดความคิดทุกอย่างในหัวที่ทำให้คุณเครียดและปลดปล่อยความตึงเครียดของร่างกายออกไป [1]
    • การทำสมาธิสามารถเบี่ยงจุดสนใจของคุณออกไปจากความรู้สึกไม่มั่นคงและความกังวล เหลือไว้เพียงความสงบนิ่ง
    โฆษณา

เคล็ดลับ

  • หางานอดิเรกที่สนใจทำและใช้เวลากับมันให้บ่อยที่สุด อาจเป็นสิ่งที่ทำคนเดียวได้หรือทำร่วมกับเพื่อนก็ดีหมด แม้ว่าอาจจะยังไม่เก่งในตอนแรกหรือยังไม่ดีขึ้นเมื่อผ่านไปพักหนึ่งแล้วก็อย่าท้อใจ คุณกำลังอุทิศตนทำสิ่งใหม่อยู่ หากทำเป็นกลุ่มก็ได้สร้างความสัมพันธ์ ไม่ว่าคุณจะเล่นกีฬาเป็นประจำ เย็บปักถักร้อย อ่านหนังสือ ถ่ายภาพ เขียนภาพ เล่นดนตรี สะสมแมลง เรียนภาษาหรือหัดใช้โปรแกรมคอมพิวเตอร์หรืออาจอาสาทำประโยชน์ให้ชุมชนก็เป็นเรื่องดีทั้งนั้น
  • หากมีใครวิจารณ์คุณ ให้ถอยหลังสักก้าวมาพิจารณาว่าสิ่งที่เขาพูดนั้นมีเหตุผลที่ดีไหม เขามองเราอย่างเป็นธรรมจากทุกแง่มุมหรือยัง เขาเข้าใจปัญหาจากมุมมองของเราหรือไม่ ได้พยายามช่วยเราหาทางแก้ไขหรือแค่พยายามทำให้เรารู้สึกด้อยค่า ลองมองจากมุมของเขาดู
  • ถ้ารู้สึกขายหน้าให้หัวเราะกับสิ่งนั้นแล้วพยายามทำตัวเองให้มีความสุข ไม่มีประโยชน์ที่จะโกรธเคืองหรือทรมานตัวเองไปอีกนานด้วยความรู้สึกดังกล่าวซึ่งจะปิดกั้นโอกาสชื่นชมกับสิ่งที่ทำอยู่อีกทั้งยังสร้างบาดแผลเกี่ยวกับเหตุการณ์นั้น หากคุณหัวเราะคุณจะก้าวไปข้างหน้าและมีความสุข สนุกสนานได้
  • พยายามช่วยเหลือผู้อื่นแม้จะเป็นเรื่องง่ายๆ เพราะจะทำให้คุณมีความมั่นใจในตนเองและรู้สึกมีคุณค่ามากขึ้น การสื่อสารกับคนอื่น ทำงานร่วมกันทำให้เกิดแรงบันดาลใจและชื่นชมยินดี จงทำตัวมีคุณค่าสำหรับตนเองและผู้คนอื่น
โฆษณา

คำเตือน

  • การเสริมสร้างความมั่นใจในตนเองใช้เวลาพอสมควร บางครั้งก็มีปัญหาเกิดขึ้น อาจเป็นปี กว่าคุณจะเริ่มเห็นการเปลี่ยนแปลง ให้มีความเชื่อว่าเรากำลังเปลี่ยนและพยายามทำให้ดีที่สุด
โฆษณา

เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้

มีการเข้าถึงหน้านี้ 33,197 ครั้ง

บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม

โฆษณา