ดาวน์โหลดบทความ ดาวน์โหลดบทความ

คนเราอาจเห็นแก่ตัวเป็นบางเวลา ถึงแม้ว่าสิ่งรอบตัวจะผลักดันให้เราเห็นแก่ตัว แต่การเห็นแก่ตัวนั้นทำร้ายผู้อื่นเสมอและสุดท้ายอาจไม่มีใครได้อะไรเลย คนที่เห็นแก่ตัวไม่ว่าจะมีเสน่ห์หรือน่าสนใจเพียงใดก็จะสูญเสียเพื่อนและคนที่รักในที่สุด เนื่องจากความสัมพันธ์ไม่อาจตั้งอยู่บนความเห็นแก่ตัวได้ คนที่เห็นแก่ตัวอย่างแท้จริงจะไม่เคยรู้เลยว่าตนเห็นแก่ตัว ส่วนมากมักคิดว่าการเห็นแก่ตัวและความเย่อหยิ่งเป็นสิ่งที่ดีและการเสียสละเป็นสิ่งที่ไร้สาระ หากคุณกำลังกังวลว่าคุณเห็นแก่ตัวมากเกินไปและคุณต้องการที่จะเป็นคนที่กตัญญูและมีน้ำใจ อ่านขั้นตอนที่หนึ่งเพื่อเริ่มต้นได้เลย จัดการอารมณ์ความรู้สึก

วิธีการ 1
วิธีการ 1 ของ 3:

ปรับเปลี่ยนมุมมอง

ดาวน์โหลดบทความ
  1. หากคุณเป็นคนเห็นแก่ตัวคุณจะมองหาโอกาสที่จะได้เป็นที่หนึ่งอยู่เสมอ ดังนั้นอย่างแรกที่คุณต้องทำคือคุณต้องเปลี่ยนตัวเองเป็นคนที่มีความสุขและไม่มีความเห็นแก่ตัว หลังจากนั้นไม่ว่าคุณจะทำอะไรอยู่ อาจเป็นต่อแถวซื้ออาหารหรือกำลังต่อแถวขึ้นรถบัส ให้คุณหยุดและให้คนอื่นไปก่อน อย่าเป็นคนที่คิดเสมอว่าต้องเป็น “ฉัน ฉัน ฉันก่อน” และต้องได้ทุกอย่างเป็นคนแรก จำไว้ว่าทุกคนก็สำคัญเท่าๆ กันกับคุณ และพวกเขาก็ควรจะได้อะไรที่พวกเขาอยากได้เช่นกัน
    • ตั้งเป้าหมายว่าต้องเอาตัวเองไว้ทีหลังอย่างน้อยสามสถานการณ์ในสัปดาห์นี้ ลองดูว่าคุณรู้สึกดีแค่ไหนเมื่อคุณเริ่มรู้จักการให้ทุกครั้งที่มีโอกาส
    • แน่นอนว่าเมื่อคุณเข้าที่แล้ว คุณไม่ควรให้ตัวเองอยู่หลังเสมอเพราะคุณจะถูกผู้อื่นเอาเปรียบได้ แต่มันจะเป็นการฝึกที่ดีหากคุณมักจะเอาตัวเองมาก่อนเสมอ
  2. การลองไปอยู่ในสถานะเดียวกันกับผู้อื่นจะเปลี่ยนชีวิตคุณไปตลอดกาล แน่นอนว่าคุณทำแบบนั้นจริงๆ ไม่ได้ แต่คุณสามารถลองคิดดูได้ว่าพวกเขาจะรู้สึกอย่างไรในสถานการณ์ต่างๆ ลองคิดว่าแม่ของคุณ เพื่อนของคุณ หรือหัวหน้าของคุณ หรือใครก็ตามตามท้องถนนจะรู้สึกอย่างไรก่อนที่คุณจะตัดสินใจลงมือทำอะไรสักอย่าง คุณอาจพบว่าโลกนี้ไม่ได้สวยงามอย่างที่คุณคิด เมื่อคุณได้ฝึกการเข้าอกเข้าใจและตระหนักว่าผู้อื่นผ่านอะไรมาบ้าง คุณก็จะเลิกนิสัยเห็นแก่ตัวของคุณได้
    • เช่น ก่อนที่คุณจะตะคอกใส่พนักงานเสิร์ฟอาหารที่นำอาหารมาผิด คิดว่าเขาจะอยุ่สึกอย่างไร เธออาจเหนื่อยจากการเดินมานานกว่าสิบชั่วโมง ต้องคอยดูแลโต๊ะอื่นเป็นสิบๆ โต๊ะ หรือกำลังมีเรื่องเศร้ากับเรื่องอื่นๆ อยู่ แล้วมันจำเป็นจริงๆ หรือที่คุณต้องทำให้เขารู้สึกแย่มากกว่าเดิมเพื่อที่จะได้สิ่งที่คุณต้องการ
  3. คนเห็นแก่ตัวจะเห็นตัวเองเป็นศูนย์กลางของจักรวาลและทั้งจักรวาลจะโคจรรอบพวกเขา ดังนั้นคุณควรเลิกความคิดแบบนี้เสีย ไม่ว่าคุณจะเป็นมาดอนน่า หรือช่างตัดผมดอนน่า คุณควรคิดว่าตัวเองเท่าเทียมกับผู้อื่น และไม่ดูถูกผู้อื่นเพียงเพราะว่าคุณมีเงินมากว่า ดูดีกว่า หรือมีความสามารถมากกว่าคนที่อยู่ตรงหน้าคุณ
    • ฝึกถ่อมตัว โลกนี้กว้างใหญ่นัก คุณเป็นเพียงแค่จุดเล็กๆ ที่เป็นส่วนหนึ่งของมัน อย่าคิดว่าคุณสมควรได้รับอะไรที่พิเศษเพียงเพราะนี่คือ “คุณ”
  4. อาจเป็นไปได้ว่าเพื่อน เพื่อนร่วมงาน และเพื่อนบ้านของคุณคิดว่าคุณเป็นคนที่เห็นแก่ตัวที่สุดในโลก และอาจเป็นเรื่องยากที่จะเปลี่ยนความคิดเหล่านี้ หรืออาจเป็นเรื่องยากที่จะทำให้พวกเขามองคุณใหม่ อย่างไรก็ตามคุณควรหยุดคิดเช่นนั้นและเริ่มต้นเปลี่ยนตัวเองเป็นคนใหม่ แน่นอนว่าคนอื่นที่รู้จักคุณจะต้องประหลาดใจที่คุณเสียสละหรือที่คุณเลิกหลงตัวเองสักที นี่จะเป็นโอกาสให้คุณมีแรงบันดาลใจที่จะเป็นคนที่มีน้ำใจ
    • คนอื่นอาจสงสัยในความเป็นมาในการเสียสละของคุณ สิ่งนี้จะเป็นกำลังใจให้คุณเห็นแก่ตัวน้อยลง อย่ายอมแพ้และคิดว่าคุณเกิดมาเห็นแก่ตัวและไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงคุณได้
  5. ถามตัวเองว่าอะไรที่คุณอยากได้ และ อะไรที่คุณต้องการจริงๆ. คนที่เห็นแก่ตัวจะพูดซ้ำๆ ว่า “จะเอา จะเอา จะเอา...” พวกเขาจะคิดว่าทุกอย่างบนโลกควรเป็นของเขาและพวกเขาจะต้องได้ทุกอย่างที่พวกเขาต้องการ หยุดและถามตัวเองว่าคุณต้องการเสื้อกันหนาวห้าตัวจริงหรือ? หรือคุณจำเป็นต้องเป็นคนเลือกร้านอาหารหรือภาพยนต์เวลาที่คุณไปเที่ยวกับเพื่อนๆ จริงหรือ? หากคุณคิดดีๆ แล้วสิ่งที่คุณคิดว่าว่าจำเป็นต่อชีวิตมากอาจเป็นสิ่งที่ไม่จำเป็นเลยก็ได้
    • การทำให้ชีวิตง่ายขึ้นและเสียสละบางสิ่งที่คุณคิดว่าคุณต้องการจะทำให้คุณมีความสุขมากขึ้น หากคุณต้องการแค่ซื้อเสื้อกันหนาวใหม่สักตัว แทนที่จะเป็นห้าตัว คุณก็จะกังวลว่าจะไม่ได้เสื้อแค่ตัวเดียว ไม่ใช่ห้าตัว
    • นี่คือทักษะที่ดีมากเมื่อคุณเรียนรู้ที่จะประณีประณอม คุณจะยอมรับผู้อื่นได้หากคุณคิดว่าสิ่งที่คุณต้องการจริงๆ นั้นอาจเป็นแค่ของที่คุณคิดว่าสักวันหนึ่งมันควรจะเป็นของคุณ
  6. คนเห็นแก่ตัวจะไม่พอใจเมื่อใครก็ตามเด่นดังกว่าตนเอง เพราะว่าพวกเขาต้องการที่จะได้ยืนตรงนั้น ดังนั้นหากคุณต้องการที่จะเลิกเห็นแก่ตัว คุณควรเลิกอยากเด่นดังและยินดีกับผู้อื่นเมื่อพวกเขาเด่นดัง หยุดพยายามจะเป็นเจ้าสาวของทุกงานแต่งและเป็นผู้ตายในทุกงานศพ และให้เจ้าสาวตัวจริงมีเวลาที่ดีของเธอ ควรยินดีกับผู้อื่นที่พวกเขาประสบความสำเร็จแทนที่จะอิจฉาที่มันไม่ใช่คุณ
    • อย่าอิจฉาริษยาและยินดีกับความสำเร็จของผู้อื่น หากคุณต้องการที่จะเป็นคนที่ประสบความสำเร็จในทุกเรื่อง ลองคิดดูว่าคุณขาดอะไรอยู่ที่ทำให้คุณไม่สามารถประสบความสำเร็จได้
  7. คนเห็นแก่ตัวมักคิดว่าสิ่งที่พวกเขาทำอยู่นั้นดีที่สุดแล้ว และใครก็ตามที่มาวิพากย์วิจารณ์เป็นผู้ที่มีจุดประสงค์ร้ายหรืออิจฉาพวกเขา แต่แน่นอนว่าคุณไม่สามารถเชื่อทุกคำวิจารณ์ได้ แต่หากคุณสังเกตดีๆ คุณจะรู้ว่ามีบางอย่างที่เหมือนกันที่หลายๆ คนเตือนคุณ หากคุณต้องการปรับปรุงตัวเอง คุณจะทำไม่ได้เลยหากคุณเชื่อมั่นเสมอว่าคุณดีไปหมด
    • คุณสามารถถามความคิดเห็นผู้อื่นได้เมื่อคุณกำลังลำบากดีกว่าทนอยู่อย่างนั้น คนที่จะทำเช่นนี้ได้จะต้องเข้มแข็งมาก
  8. ทำให้เป็นนิสัยการเขียนสิ่งที่คุณรู้สึกขอบคุณทุกๆ วันอาทิตย์ หรือทุกๆ สัปดาห์ ใช้เวลาคิดเวลาสิ่งใดที่ทำให้คุณรู้สึกดีและอย่าใช้เวลาไปกับสิ่งที่คุณไม่มี หรือสิ่งที่อยากมี หากมีสิ่งใดสิ่งหนึ่งที่ทำให้คุณรู้สึกแย่ให้คิดถึงแต่สิ่งที่ทำให้คุณรู้สึกดีไม่ว่าจะเป็นสุขภาพของคุณ จากเพื่อนๆ มากมายของคุณ และหันไปมีความสุขกับสิ่งที่คุณมี
    • คนเห็นแก่ตัวจะไม่เคยพอใจและต้องการเพิ่มมากขึ้นเสมอ หากคุณต้องการหยุดเห็นแก่ตัว คุณต้องรู้สึกว่าคุณมีเพียงพอแล้ว และสิ่งที่เหลือที่เข้ามาเป็นแค่โบนัสเพิ่มเติม
    โฆษณา
วิธีการ 2
วิธีการ 2 ของ 3:

ใส่ใจผู้อื่น

ดาวน์โหลดบทความ
  1. การช่วยเหลือผู้อื่นโดยหวังผลตอบแทนเป็นสิ่งเห็นแก่ตัว การช่วยเหลือเพื่อนของคุณเพียงเพราะว่าพวกเขาต้องการความช่วยเหลือหรือเพื่อให้คุณรู้สึกดีที่ได้ช่วยเหลือคือสิ่งที่ถูกต้อง หากคุณต้องการเลิกเห็นแก่ตัว ให้ลองหาโอกาสช่วยเหลือเพื่อนของคุณเมื่อพวกเขาต้องการ ไม่ใช่เพื่อสิ่งอื่น คุณคงไม่อยากเป็นคนที่มีชื่อเสียงไม่ดีว่าคุณจะช่วยผู้อื่นก็ต่อเมื่อคุณต้องการความอะไรตอบแทนเท่านั้น การทำเช่นนี้แย่กว่าการไม่ช่วยเหลืออะไรเลย
    • ใช้เวลาฟังเพื่อนของคุณและสังเกตุพวกเขา พวกเขาอาจต้องการความช่วยเหลือแต่อายเกินกว่าจะขอจากคุณ
  2. คนเห็นแก่ตัวมักจะไม่ใช่ผู้ฟังที่ดี เนื่องจากพวกเขาจะเอาแต่พูดถึงเรื่องของตัวเอง ปัญหาของตัวเองและไม่ฟังว่าเพื่อนๆ ของพวกเขากำลังจะพูดอะไร หากคุณเป็นคนที่ชอบหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรหาใครสักคนแล้วพูดเกือบชั่วโมงแล้วก็วางสาย คุณคือคนที่ไม่ฟังว่าคนอื่นกำลังจะพูดอะไรกับคุณ
    • บทสนทนาควรแลกเปลี่ยนไอเดียกันคนละครึ่ง และหากปกติแล้วคุณเป็นคนพูดฝ่ายเดียว คุณควรฝึกฟังให้มากขึ้นในครั้งต่อไปที่คุณพูดคุยกับผู้อื่น
    • คนเห็นแก่ตัวไม่สนใจผู้อื่น ซึ่งจะทำให้พวกเขาไม่สนใจว่าใครจะพูดว่าอย่างไร
  3. แสดงความสนใจในผู้อื่น การรับฟังก็เป็นวิธีที่ยอดเยี่ยมในการแสดงความสนใจต่อพวกเขา อีกอย่างที่คุณสามารถทำได้คือการถามคำถามเกี่ยวกับความคิดเห็นของพวกเขาต่อข่าวต่างๆ คุณไม่จำเป็นต้องซักไซร้เพื่อให้เขารู้ว่าคุณสนใจ หรือถามลึกไปถึงเรื่องราวความลำบากหรือความคิดของเขาเพื่อให้เขารู้ว่าคุณแคร์ แค่เวลาคนอื่นพูด อย่าเพียงแค่พยักหน้าและรอเวลาที่จะถึงตาคุณพูด แต่ให้ถามคำถามพวกเขาถ้าพวกเขาพูดถึงบางอย่างที่พวกเขาสนใจ
    • คุณสามารถแสดงว่าสนใจในตัวผู้อื่นโดยไม่เกินความพอดีไป ครั้งหน้าที่คุณคุยกับใครให้ตั้งเป้าว่าจะพูดให้น้อยลง 20% และถามคำถามเพิ่มมากขึ้นกว่าเดิมแล้วลองดูว่าคุณรู้สึกอย่างไร
  4. การทำอาสาจะช่วยให้คุณเห็นโลกมากขึ้น รู้ว่ามีคนมากมายข้างนอกที่ด้อยโอกาสกว่าคุณ คุณอาจคิดว่าคุณยังไม่พร้อมจนกระทั่งคุณสามารถสอนคนอื่นทำอาหารหรือสอนผู้ใหญ่อ่านหนังสือแล้ว อย่างไรก็ตามคุณไม่ควรอาสาเพื่อให้ตัวเองรู้สึกดี แต่ควรทำเพื่อให้เกิดความสัมพันธ์ที่ดีต่อผู้อื่นและเห็นโลกกว้างที่ไม่ได้มีแค่ตัวคุณเพียงคนเดียว
    • คุณอาจพบว่าคุณเสพติดกับการช่วยเหลือผู้อื่น อีกไม่นานคุณก็จะเลิกคิดเกี่ยวกับสิ่งที่คุณไม่มี และคุณจะเริ่มคิดว่าอะไรบ้างที่คุณสามารถทำให้คนอื่นได้
  5. ถึงแม้ว่าคุณไม่ควรหาสัตว์มาเลี้ยงเพราะว่าคุณเพิ่งจะทำให้ปลาทองของคุณตายไป แต่การเลี้ยงสัตว์จะทำให้คุณรู้ว่ายังมีใครที่ต้องพึ่งคุณอยู่เพื่อเอาชีวิตรอดและคุณสามารถช่วยพวกเขาได้ ออกไปรับเลี้ยงลูกสุนัขหรือแมวน่ารักๆ สักตัวและดูแลให้ดี คุณจะพบว่าเมื่อคุณต้องวางแผนให้อาหาร พาไปเดินเล่น หรือทำให้มันคุ้นเคยกับบ้านใหม่ จะทำให้คุณไม่มีเวลามานั่งคิดเรื่องเห็นแก่ตัวอีก
    • สุนัขต้องการการดูแลเอาใจใส่สูง การดูแลรับผิดชอบมันจะทำให้คุณหยุดเห็นแก่ตัวได้
  6. เมื่อเพื่อน คนในครอบครัว หรือเพื่อนบ้านที่กำลังลำบาก คุณควรเข้าไปช่วยเหลือพวกเขา เพื่อนร่วมงานของคุณอาจเพิ่งญาติเสียไป หรือเพื่อนบ้านของคุณป่วยมาเป็นเดือนแล้ว ลองทำอาหารไปให้พวกเขา โทรหา หรือส่งการ์ดไปถามว่าคุณจะช่วยได้อย่างไรบ้าง
    • คนจะไม่ค่อยยอมที่จะขอความช่วยเหลือถึงแม้ว่ามันจะชัดเจนว่าพวกเขาต้องการเป็นอย่างมากก็ตาม มันขึ้นอยู่กับคุณแล้วว่าคุณจะช่วยโดยไม่ได้ถูกร้องขอหรือไม่
  7. คนเห็นแก่ตัวจะเกลียดการแบ่งปันตั้งแต่เด็ก ดังนั้นถึงเวลาแล้วที่ความเห็นแก่ตัวนั้นจะออกไปจากตัวคุณ เรียนรู้ที่จะแบ่งปันสิ่งของ อาจเป็นการแบ่งแซนวิชให้เพื่อนครึ่งหนึ่ง หรือให้เพื่อนของคุณยืมเสื้อผ้าเพื่อเขาหรือเธอจะได้ใส่ชุดสวยๆ ในเดทครั้งแรก หาอะไรที่คุณชอบมากๆ จนคุณไม่คิดว่าจะแบ่งปันให้ผู้อื่นได้ และให้แบ่งสิ่งนั้นให้เพื่อนของคุณ การให้สิ่งของแบบนี้อาจดูเป็นเรื่องน่ากลัวในครั้งแรก แต่มันจะง่ายขึ้นเรื่อยๆ เมื่อคุณเริ่มเลิกนิสัยเห็นแก่ตัวแล้ว
    • อาหารคือเรื่องใหญ่ คนเห็นแก่ตัวจะไม่ชอบการแบ่งอาหาร ถึงแม้ว่าคุณจะมีมากพอสำหรับตัวเองแล้วก็ตาม ถามตัวเองว่าจำเป็นต้องมีมากขนาดนั้นไหม ถามตัวเองว่าต้องกินคุ้กกี้ห้าชิ้นเลยหรือ หรือจะดีกว่าไหมถ้าแบ่งให้เพื่อนหรือรูมเมท
  8. การเป็นส่วนหนึ่งของทีมคือทางที่ดีเยี่ยมเพื่อลดความเห็นแก่ตัว ไม่ว่าคุณจะทำโปรเจค เป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มโต้วาทีของโรงเรียน หรือทีมเล่นโบว์ลิ่งในชุมชน แค่เป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มอะไรก็ได้เพื่อเรียนรู้ที่จะทำให้ความต้องการของคุณและความต้องการของผู้อื่นสมดุลกัน จะทำให้คุณเข้าใจความสำคัญของการเลิกเห็นแก่ตัว
    • การเป็นหัวหน้าของทีมยิ่งจะทำให้คุณเลิกเห็นแก่ตัวได้เร็วขึ้น คุณจะเห็นความต้องการของลุ่มต่างๆ ที่มีความสำคัญมากกว่าของตัวคุณเอง และมีหลายเรื่องที่ต้องประณีประณอมเพื่อให้ทุกคนมีความสุข
  9. คนเห็นแก่ตัวจะพูดถึงแต่ความต้องการ ความลำบาก และความปรารถนาของตัวเอง ครั้งต่อไปที่คุณพูดคุยกับผู้อื่น ลองทบทวนตัวเองและคำนวนออกมาว่าคุณพูดไปกี่เปอร์เซ็นต์ที่เกี่ยวกับตัวคุณ และตัวคุณ หากคุณรู้สึกว่าทุกอย่างที่คุณพูดเป็นเรื่องเกี่ยวกับคุณแทนที่จะเป็นเรื่องอื่นๆ รอบตัว และเพื่อนของคุณแทบจะไม่ได้เปิดปากพูดเลย ก็ถึงเวลาแล้วที่จะเปลี่ยนพฤติกรรมนั้น
    • การขอคำแนะนำ พูดเกี่ยวกับตัวเอง หรือบอกสิ่งที่ตัวเองต้องการไม่ใช่เรื่องเลวร้าย แต่ต้องพูดให้ถูกที่ แต่คุณไม่ควรเป็นที่รู้จักด้วยความไม่มีกาลเทศะของคุณ หากคุณมีชื่อเสียเรื่องการพูดถึงแต่ตัวเอง ก็คงจะไม่มีใครอยากคุยหรืออยากไปไหนกับคุณ
  10. ให้ของขวัญกับเพื่อน คนสำคัญ คนในครอบครัว หรือเพื่อนบ้าน หรือให้ความรู้ทั่วๆ ไปกับพวกเขาเลิกความคิดที่ว่าหากคุณไม่ได้ทำเพื่อตัวเอง คุณก็เหมือนไม่ได้ทำอะไรเลย การให้ของขวัญเพื่อนเล็กๆ น้อยๆ ถึงแม้จะไม่ใช่วันเกิดของเขา หรือไม่ใช่วันสำคัญอะไรเลย จะทำให้เพื่อนของคุณยิ้มได้ ที่จริงแล้วของขวัญที่ผู้รับไม่ได้คาดหวังจะทำให้ผู้รับมีความสุขมากกว่าของขวัญที่ผู้รับคาดหวังไว้อยู่แล้ว
    • ตั้งเป้าหมายว่าจะให้ของขวัญกับผู้อื่นหนึ่งครั้งต่อเดือนเพื่อให้ผู้อื่นรู้ว่าคุณชื่นชมเขามากเพียงใด และยังทำให้คุณรู้สึกดีอีกด้วย
    โฆษณา
วิธีการ 3
วิธีการ 3 ของ 3:

คิดไตร่ตรอง

ดาวน์โหลดบทความ
  1. หากคุณต้องการเลิกเห็นแก่ตัว คุณควรเรียนรู้ที่จะยอมบ้าง หมายความว่าการมีความสุขดีกว่าการได้ในสิ่งที่คุณต้องการ ของที่คนอื่นก็อยากได้เหมือนกัน และที่ผ่านมาคุณจะต้องได้ในสิ่งที่คุณต้องการเท่านั้น คุณคงไม่อยากได้ชื่อเสียงที่ไม่ดีเกี่ยวกับการเป็นคนหัวรั้นที่คนไม่อยากเข้าใกล้ หัดฟังผู้อื่น เพื่อตระหนักถึงข้อดีและข้อเสีย และสามารถมองสถานการณ์ต่างๆ จากมุมมองคนอื่นได้
    • อย่ามองแต่มุมตัวเอง ให้มองทั้งสองมุม
    • ถามตัวเอง “ต้องการอะไรอีก?” คุณต้องการสิ่งนั้นจริงๆ หรือแค่หัวรั้น ไม่ใช่ทุกอย่างที่จะเป็นเรื่องสำคัญจริงๆ สำหรับคุณหรอก
  2. คนเห็นแก่ตัวจะคิดว่าพวกเขาต้องได้รับสิ่งที่ดีที่สุด และพวกเขาต้องได้รับการปรนนิบัติที่ดี แต่นี่เป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง หากใครสักคนทำสิ่งที่ดีต่อคุณ ไม่ว่าจะเป็นการชมหรือว่าพาคุณไปส่งที่ห้องเรียน คุณควรซาบซึ้งและขอบคุณพวกเขา แทนที่จะทำเป็นเรื่องปกติที่พวกเขาช่วยเหลือคุณ อย่าคาดหวังความมีน้ำใจหรือความใจและเมื่อมีคนทำดีให้ ต้องขอบคุณ
    • คนเห็นแก่ตัวจะคิดว่าพวกเขาสมควรได้รับสิ่งที่ดีที่สุดตลอดเวลา ถึงเวลาแล้วที่จะหยุดและคิดถึงคนที่ทำให้ชีวิตคุณดีขึ้น
  3. คนเห็นแก่ตัวจะชอบเลือกหนังทุกเรื่อง จัดตารางทุกวันหยุด และทำทุกอย่างที่ต้องการในงานหรือการบ้าน ถึงเวลาแล้วที่คุณต้องถอยออกมาและให้คนอื่นตัดสินใจบ้าง แน่นอนว่าอาจเป็นเรื่องน่ากลัวเพราะคุณอาจจะได้ไปร้านอาหารไทยแทนที่จะเป็นร้านอาหารอิตาเลี่ยน และแน่นอนว่าคุณอาจจะไม่ชอบให้เพื่อนของคุณมีสิทธิ์ตัดสินใจในงานมากกว่าคุณ แต่คุณต้องเชื่อใจว่าผู้อื่นรู้ว่ากำลังทำอะไรอยู่ และปล่อยให้พวกเขาทำด้วยวิธีของพวกเขา
    • การปล่อยให้เป็นไปจะช่วยลดความเครียดและทำให้มีความสุขมากขึ้น คิดว่าชีวิตจะง่ายขนาดไหนถ้าคุณไม่ต้องมานั่งวางแผนทุกๆ อย่างเพื่อให้เป็นไปอย่างที่คุณต้องการ
  4. เข้าร่วมคนที่มีน้ำใจและส่งต่อความมีน้ำใจ การอยู่กับคนที่เห็นแก่ตัวไม่ช่วยให้คุณเป็นคนที่ดีขึ้น เรามักจะเป็นเหมือนคนใกล้ตัวของเรา หากคุณใช้เวลาส่วนใหญ่ของคุณกับคนที่เห็นแก่ตัว คุณก็จะเป็นคนที่ไม่คิดถึงความรู้สึกผู้อื่น แต่หากคุณใช้เวลากับคนที่ให้แรงบันดาลใจ รู้จักให้ คุณจะมีแรงบันดาลใจให้เลิกเห็นแก่ตัว
  5. ให้พวกเขาพูดให้จบ จำไว้ว่าเรื่องของคุณรอได้ หากเป็นเรื่องสำคัญมาก(เช่น คุณต้องไปแล้ว) ให้บอกว่า “ขอตัวก่อนนะ ต้องไปแล้ว” คนเห็นแก่ตัวมักจะคิดว่าสิ่งที่พวกเขาจะพูดนั้นสำคัญที่สุด และสิ่งที่ผู้อื่นพูดนั้นไม่สำคัญ พวกเขาจึงแทรกคนอื่นตลอดเวลา ดังนั้นจึงไม่ใช่เรื่องที่ดีที่จะทำ ที่จริงแล้วความคิดเห็นของคุณจะได้รับการตอบรับที่ดีกว่าหากคุณรอให้ถึงตาคุณพูด ยิ่งไปกว่านั้นความคิดเห็นของคุณอาจเปลี่ยนไปหากคุณฟังคนอื่นพูดบ้าง
  6. ความรู้สึกของบางคนอาจเสียไป หากคุณลืมวันสำคัญของเขา โชคยังดีที่คุณสามารถชดใช้คืนได้หากคุณลืมไป อย่างไรก็ตามการจำไว้เกิดเป็นมากกว่าการจำวันสำคัญ มันคือการจดจำและบอกให้ผู้อื่นรู้ว่าเขาสำคัญต่อคุณเพียงใด
    • ในอีกแง่หนึ่ง อย่าเป็นคนที่โมโหหากใครลืมวันเกิดคุณ เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นได้ แต่ก็ไม่จำเป็นต้องทำเหมือนกับว่าทุกคนต้องรู้ทุกเรื่องของคุณ
  7. คนเห็นแก่ตัวมักจะเลิกติดต่อกับผู้อื่นง่ายๆ เพราะว่าพวกเขาเชื่อว่าคนเหล่านั้นจะกลับมาหาพวกเขาเอง อย่าคิดว่าเวลาของคุณมีความสำคัญมากจนไม่สามารถโทรหายายของคุณได้ หรือไปทานอาหารกลางวันกับเพื่อนสักคน และคาดหวังคนอื่นจะมาหาหรือโทรหาคุณเวลาที่คุณต้องการ ทำให้คนอื่นรู้ว่าคุณต้องการรู้ว่าพวกเขาเป็นอย่างไรบ้าง
  8. อย่าโอ้อวดว่าตัวเองเก่งเพียงใด ให้เวลาเป็นตัวบอกพวกเขาเอง ไม่ว่าคุณจะชมเรื่องการแต่งกาย นิสัย หรือสิ่งที่พวกเขาได้ทำมา หรือแค่ชมคนแปลกหน้าที่ต่อแถวอยู่หน้าคุณเกี่ยวกับเสื้อโค้ทของเขา แต่อย่าชมจนดูปลอม ให้ชมก็ต่อเมื่อพวกเขาสมควรได้รับมันจริงๆ
  9. หากคุณเห็นคนที่อยู่บนทางเดินหรือคนที่นั่งรถเข็น อย่ารีบแทรกแถวให้เดินให้ช้าลงแล้วไปช่วยพวกเขา ไม่มีอะไรที่คุณจำเป็นจะต้องทำเป็นคนแรก รอจนกว่าจะถึงตาของคุณและอย่าทำตัวเหมือนกับว่าสิ่งที่คุณต้องทำนั้นสำคัญมากจนทำให้คุณต่อแถวรอไม่ได้
  10. หากเป็นไปได้ให้โทรแจ้งหากคุณกำลังจะไปสาย คนเห็นแก่ตัวจะชอบทำให้คนอื่นต้องรอและไม่แคร์หากทำให้ใครเสียเวลา ในทางกลับกันพวกเขาคิดว่าเวลาของพวกเขาสำคัญมากจนไม่มีใครสามารถทำให้พวกเขารอได้ ดังนั้นแสดงความเคารพต่อผู้อื่นด้วยการไปให้ตรงเวลาตามที่คุณได้นัดหมาย
    โฆษณา

เคล็ดลับ

  • การเปลี่ยนตัวเองต้องใช้เวลา แต่การตระหนักรู้ว่าคุณกำลังมีปัญหาคือก้าวที่ยิ่งใหญ่
  • กอดผู้อื่นเมื่อพวกเขาต้องการ อย่ากลั้นน้ำตาหรืออารมณ์เพียงเพราะว่าความทะนงตัวของคุณ
  • เลิกตัดสินผู้อื่นและทำความเข้าใจกับพวกเขาแทน
  • ให้กำลังใจผู้อื่นเพราะทุกคนต้องการกำลังใจ
  • อย่าเกลียดตัวเองเพราะว่าคุณคิดว่าคุณเปลี่ยนไม่ได้ คุณทำได้
  • อย่าคาดหวังจะได้ลาภยศชั่วข้ามคืน
  • ใช้คำว่า “ฉัน” ให้น้อยลง
  • หากเหลือคุ้กกี้ชิ้นสุดท้ายในงานปาร์ตี้และมีคนอื่นต้องการมัน ให้เขาไปหรือแบ่งกันกับเขาก็ได้
  • บริจาคให้ผู้ยากไร้เมื่อมีโอกาส เช่น วันคริสต์มาส
โฆษณา

คำเตือน

  • อย่าอวดว่าทำอะไรดีๆ มาต่อหน้าผู้อื่น เหตุผลเดียวในการอาสาทำดีคือการได้ทำในสิ่งที่ถูกต้อง ไม่ใช่ได้หน้า
  • อย่าพาลใส่ผู้อื่นเพียงเพราะว่าคุณกำลังเครียด
โฆษณา

เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้

มีการเข้าถึงหน้านี้ 31,842 ครั้ง

บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม

โฆษณา