ดาวน์โหลดบทความ ดาวน์โหลดบทความ

ภาพที่คุณมีต่อตัวเองเป็นสิ่งที่ซับซ้อนมาก เช่นเดียวกับการที่คุณไม่สามารถมองเห็นจมูกของตัวเองได้ บ่อยครั้งที่คุณก็มองไม่เห็นสิ่งที่คุณสามารถทำได้ดีที่สุด การหาความสามารถที่โดดเด่นที่สุดของคุณให้เจอไม่ใช่เรื่องง่าย และมันมักอยู่ในสิ่งที่คุณคิดไม่ถึง คุณอาจจะเก่งมากแม้ในเรื่องที่คุณมองว่าตัวเองไม่เอาไหน มีเหตุผลดีๆ มากมายในการค้นหาความสามารถพิเศษของคุณ แต่มันต้องอาศัยการลงมือทำอะไรสักหน่อย

ส่วน 1
ส่วน 1 ของ 2:

ไตร่ตรองตัวเอง

ดาวน์โหลดบทความ
  1. เนื่องจากเป็นไปได้ว่าคุณกำลังมองข้ามความสามารถพิเศษที่แท้จริงของตัวเองไป มันจึงเป็นการดีที่คุณจะเริ่มต้นประเมินความสามารถต่างๆ ของคุณด้วยการเปิดกว้างต่อทุกความเป็นไปได้ อย่าลืมว่าความสามารถพิเศษไม่ได้จำกัดอยู่กับแค่การเล่นกีตาร์เป็น หรือการเต้นได้แบบมืออาชีพ ความสามารถพิเศษมีหลากหลายรูปแบบ และมีอยู่ในส่วนต่างๆ มากมายของชีวิต [1]
    • ยกตัวอย่างเช่น ความสามารถในการอ่านอารมณ์ได้อย่างแม่นยำก็ถือว่าเป็นความสามารถพิเศษที่มีประโยชน์มาก
  2. ขณะที่คุณสะท้อนตัวเองเพื่อค้นหาความสามารถพิเศษของคุณ ให้เริ่มด้วยการมองไปยังอดีตที่ผ่านมา มองไปยังสิ่งที่คุณเคยทำ [2] มองไปยังสิ่งที่คุณเคยชื่นชอบ มองไปยังช่วงเวลาที่คุณทำอะไรได้อย่างดีเลิศ ตั้งคำถามกับตัวเองประมาณว่า “ฉันภูมิใจที่สุดกับสิ่งใดที่เคยทำมา?” หรือ “เวลาไหนที่ฉันรู้สึกภูมิใจมากจนไม่สนว่าคนอื่นจะคิดอะไร?”
    • สิ่งหนึ่งที่น่านึกถึงคือวัยเด็กของคุณเอง ตอนเด็กๆ คุณมักจะทำอะไร? ตอนนั้นคุณชอบอะไร? คุณเป็นที่รู้จักในด้านไหน? บางครั้งการนึกเช่นนี้ก็สามารถเผยให้คุณเห็นถึงความสามารถพิเศษของคุณที่ซ่อนเร้นอยู่ได้ และที่แน่ๆ มันจะช่วยให้คุณมองเห็นความสามารถที่นำไปสานต่อได้ นึกถึงงานอดิเรกของคุณเพราะว่ามันบ่งบอกถึงความเป็นคุณได้ดี มันคือสิ่งที่คุณทำเป็นประจำ และความสามารถพิเศษที่ซ่อนเร้นอยู่ของคุณก็คือสิ่งที่คุณสามารถทำได้ดีกว่าใครๆ ดังนั้นให้มุ่งความสนใจไปที่งานอดิเรกของคุณและสังเกตให้ละเอียดว่าคุณทำมันอย่างไร
    • อีกสิ่งหนึ่งที่คุณสามารถนึกถึงได้คือช่วงเวลาที่คุณเผชิญกับความท้าทาย นึกถึงสถานการณ์ยากลำบากที่คุณต้องจัดการ บ่อยครั้งที่ความยากลำบากทำให้คุณเห็นความสามารถที่ซ่อนอยู่ในตัวคุณได้ ตัวอย่างเช่น เมื่อตอนที่คุณพ่อของคุณเผชิญภาวะหัวใจวาย คุณอาจจะตั้งสติได้ดีแล้วโทรเรียกเบอร์ฉุกเฉิน การตื่นตัวและควบคุมสติได้ดีในภาวะฉุกเฉินถือว่าเป็นความสามารถพิเศษที่มีประโยชน์มากๆ
  3. สิ่งที่คุณทำแล้วมีความสุขเป็นตัวบ่งบอกถึงความสามารถพิเศษของคุณได้ นึกถึงสิ่งที่คุณชอบทำมากๆ มีใครเคยชมคุณว่าทำสิ่งนั้นได้ดีไหม? มีคนเคยขอให้คุณช่วยทำสิ่งนั้นให้หรือเปล่า? คุณอาจจะไม่ได้คิดว่าสิ่งนั้นคือความสามารถพิเศษ แต่มันเป็นไปได้มากทีเดียว [3]
    • คุณเคยทำอะไรเพลินจนลืมเวลาไหม? คุณเคยเริ่มต้นทำอะไรสักอย่างแล้วก็ไม่ได้สังเกตว่าเวลามันผ่านไปนานเท่าไหร่แล้วหรือไม่? สิ่งนั้นอาจจะกำลังบอกเป็นนัยว่าความสามารถพิเศษของคุณคืออะไร [4] ตัวอย่างเช่น คุณอาจจะชอบง่วนไปกับการดัดแปลงวิดีโอเกมชิ้นโปรดของคุณ มันอาจจะเป็นความสามารถอันหนึ่งของคุณก็ได้นะ
    • สังเกตว่าคุณชอบพูดถึงเรื่องอะไร คุณเคยร่ายยาวให้คนในครอบครัวหรือเพื่อนสนิทฟังเกี่ยวสิ่งที่มีความหมายกับคุณมากๆ ไหม? มันอาจจะเป็นอีกสิ่งหนึ่งที่บ่งบอกถึงความสามารถพิเศษที่คุณมี
    • เขียนทุกสิ่งที่คุณชอบทำออกมา มันจะช่วยให้เห็นว่าคุณชอบทำอะไรจริงๆ และเป็นโอกาสที่คุณจะได้ขบคิดว่าทำไมคุณถึงชอบทำสิ่งเหล่านั้น ยกตัวอย่างเช่น คุณอาจจะชื่นชอบการเล่นฟุตบอลแฟนตาซีหรือเดินเล่นท่ามกลางธรรมชาติ การทำสิ่งเหล่านี้อาจจะช่วยให้คุณนำความรู้เกี่ยวกับมันไปใช้งานได้
  4. ก่อนอื่น สิ่งที่คุณชอบกับสิ่งที่คุณทำได้ดีมันแตกต่างกัน คุณอาจจะคิดว่าความสามารถพิเศษของคุณคือสิ่งที่คุณรักที่จะทำเท่านั้น แต่คุณต้องไม่ลืมว่าบ่อยครั้งที่ความสามารถของคุณกลับอยู่ในสิ่งที่คุณไม่ได้ชอบทำหรือไม่เคยแม้แต่จะนึกถึง มันจึงสำคัญที่คุณจะขบคิดถึงสิ่งที่คุณทำได้ดีจริงๆ
    • นึกถึงสิ่งที่คุณทำได้อย่างเป็นธรรมชาติ สิ่งที่คุณทำได้อย่างไม่ยากเย็น คุณเคยพูดกับใครไหมว่า “ไม่เป็นไร เดี๋ยวฉันทำเองดีกว่า” หรือ “ให้ฉันช่วยคุณเถอะ” ? คุณพบว่าตัวเองชอบแก้ไขคนอื่นหรือไม่? โดยปกติแล้ว พฤติกรรมเหล่านี้จะบ่งบอกถึงสิ่งที่คุณทำได้ดีและมีความรู้เกี่ยวกับมัน
  5. มองย้อนไปยังชีวิตที่ผ่านมาแล้วนึกถึงเวลาที่คุณประสบความสำเร็จจริงๆ เวลาที่คุณแทบจะเก็บความภาคภูมิใจในความสำเร็จของคุณเอาไว้ไม่อยู่ มันอาจบ่งชี้ถึงความสามารถพิเศษที่คุณมีก็ได้
    • ยกตัวอย่างเช่น คุณอาจจะเคยช่วยหัวหน้าของคุณจัดระบบออฟฟิสใหม่ และช่วยให้ที่ทำงานของคุณดำเนินการได้อย่างราบรื่นมากขึ้น การจัดการระบบเป็นความสามารถพิเศษที่มีประโยชน์มาก
  6. การทำเช่นนี้ไม่เพียงแต่จะช่วยให้คุณเห็นความสามารถพิเศษที่คุณมี แต่มันยังช่วยให้คุณได้เห็นถึงความสามารถที่ควรได้รับการพัฒนาต่อ เขียนออกมาว่าตอนเด็กๆ คุณเป็นยังไง คุณชอบทำอะไรตอนก่อนเข้าเรียนและหลังเลิกเรียน วิชาโปรดของคุณมีอะไรบ้าง เขียนเกี่ยวกับช่วงเวลาที่คุณเติบโตขึ้นมา เขียนเกี่ยวกับชีวิตปัจจุบันของคุณ แล้วก็เขียนถึงอนาคตของคุณ คุณอยากไปในทิศทางไหน เขียนออกมาว่าคุณต้องการให้คนอื่นพูดถึงคุณอย่างไรในงานศพของคุณ
    • บางที คุณอาจจะเขียนออกมาด้วยว่าคุณอยากใช้เวลาที่มีไปกับสิ่งใดถ้าเงินไม่เป็นปัญหา คุณอยากทำอะไรที่สุดถ้าไม่ต้องกังวลเรื่องเงินทอง การครุ่นคิดถึงสิ่งเหล่านี้สามารถช่วยให้คุณเจอความสนใจและความสามารถพิเศษได้
    • แบบฝึกหัดนี้จะเผยให้เห็นถึงการจัดลำดับความสำคัญของคุณ และทำให้เห็นด้วยว่าอะไรที่คุณคิดว่าสำคัญกับตัวคุณเองจริงๆ บ้าง
    • มันยังสามารถทำให้เห็นว่าคุณต้องการอะไรในชีวิต ซึ่งจะช่วยให้คุณจดจ่อกับความสามารถที่คุณควรฝึกฝนเพื่อทำฝันของคุณให้เป็นจริง
  7. หามุมมองจากคนอื่นบ้าง พวกเขาอาจจะเห็นความสามารถของคุณได้มากกว่าคุณเอง ลองถามคนอื่นๆ ดู โดยส่วนใหญ่พวกเขายินดีอยู่แล้วที่จะช่วยบอกคุณว่า พวกเขาคิดว่าคุณถนัดในเรื่องอะไร ถามทั้งคนที่รู้จักคุณเป็นอย่างดีและคนที่แทบไม่รู้จักคุณเลย พวกเขาจะมีมุมมองต่อคุณที่แตกต่างกันไป และมุมมองที่แตกต่างเหล่านี้จะยิ่งช่วยให้คุณรู้จักตัวเองมากขึ้นไปอีก. [5]
    โฆษณา
ส่วน 2
ส่วน 2 ของ 2:

สร้างประสบการณ์ชีวิต

ดาวน์โหลดบทความ
  1. ชีวิตต้องมีพื้นที่ให้กับการค้นพบความสามารถพิเศษของคุณ! ถ้าคุณมัวแต่นั่งแช่อยู่บนโซฟาหลังเลิกเรียนหรือหลังเลิกงาน หรือมัวแต่ใช้เวลาสุดสัปดาห์ไปกับการปาร์ตี้ละก็ คุณจะแทบไม่มีเวลาเหลือสำหรับการค้นพบตัวเอง ความสามารถพิเศษของคุณมักซ่อนตัวอยู่ในสิ่งที่คุณยังไม่เคยลองทำ และถ้าคุณไม่ให้เวลากับสิ่งเหล่านั้น คุณก็จะไม่มีทางพัฒนาไปมากกว่าที่เป็นอยู่ตอนนี้เลย
    • คิดทบทวนว่าคุณใช้เวลาที่มีอยู่อย่างไร จัดลำดับความสำคัญ และตัดสิ่งที่ไม่จำเป็นออกไปเพื่อที่คุณจะได้มีเวลาเพิ่มขึ้นสำหรับประสบการณ์ใหม่ๆ
  2. ในขณะที่คนอื่นสามารถช่วยหาความสามารถของคุณได้ การให้เวลากับตัวคุณเองก็เป็นสิ่งสำคัญ การค้นพบตัวเองต้องอาศัยการทบทวนตัวเองอยู่มาก และถ้าคุณใช้เวลาทั้งหมดไปกับการดูหนังกับเพื่อนๆ คุณก็คงไม่มีเวลาสำหรับการทำความเข้าใจตัวเอง จัดให้มีวันเงียบๆ สำหรับตัวคุณเองบ้าง และใช้วันเหล่านั้นไปกับการทำกิจกรรมใหม่ๆ [6]
  3. คุณน่าจะมีทักษะพื้นฐานบางอย่างอยู่แล้ว ทักษะอะไรก็ตามที่คุณมีสามารถกลายเป็นสิ่งที่คุณเก่งกาจได้ทั้งนั้น แต่คุณต้องให้เวลาในการพัฒนามันและหาประสบการณ์เกี่ยวกับสิ่งเหล่านั้นให้ครบถ้วน คุณอาจจะเคยได้ทำความรู้จักกับสิ่งเหล่านั้นแค่เพียงเล็กน้อย คุณต้องมีประสบการณ์กับมันให้มากๆ ถ้าหากคุณต้องการที่จะฝึกฝนมันจริงๆ
    • ยกตัวอย่างเช่น สมมุติว่าคุณค่อนข้างเก่งในเรื่องออกแบบตกแต่งภายใน คุณคงตกแต่งห้องของคุณได้สวย ทีนี้ ก็พัฒนาทักษะนั้นให้เป็นความเชี่ยวชาญของคุณไปเลย ศึกษาการออกแบบภายใน แล้วทำพินเทอร์เรสต์เจ๋งๆ ถ้าคุณลงทุนฝึกฝนทักษะนี้และทำความรู้จักมันให้มากๆ คุณก็จะสามารถทำให้ทักษะธรรมดาๆ ของคุณกลายเป็นความสามารถที่โดดเด่นขึ้นมาได้
  4. [7] บางครั้ง คุณอาจจะบอกตัวเองว่าคุณทำอะไรๆ ไม่ได้ แต่คุณไม่มีทางรู้ว่าคุณทำอะไรได้บ้างนอกจากคุณจะยอมก้าวออกไปทำสิ่งใหม่ๆ ที่คุณไม่เคยลอง บางทีคุณอาจจะคิดว่าคุณไม่เก่งพอหรือไม่ฉลาดพอ โดยส่วนใหญ่ คุณมักจะมองว่าตัวเอง “ไม่ใช่คนประเภทนั้น” อย่างไรก็ตาม คุณไม่รู้หรอกว่าคุณเป็นคนประเภทนั้นหรือเปล่าจนกว่าคุณจะได้เริ่มลองเป็นคนประเภทนั้นดู คุณต้องให้โอกาสชีวิตในการสร้างความประหลาดใจให้กับคุณ คุณเป็นคนที่เหลือเชื่อและน่าสนใจมากกว่าที่คุณให้ค่าตัวเองนัก ลองเสี่ยงทำอะไรๆ ที่ต่างไปจากสิ่งที่คุณเคยลองทำดู [8]
    • ตัวอย่างเช่น ลองไปปีนเขาหรือดำน้ำลึก เขียนหนังสือ เริ่มทำธุรกิจ สิ่งเหล่านี้ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ แต่สำหรับหลายๆ คน มันคือความเป็นตัวพวกเขาเลยทีเดียว
    • เป็นไอเดียที่ดีถ้าคุณจะพยายามรวมสิ่งที่คุณมีทักษะอยู่แล้วเข้ามาด้วย ตัวอย่างเช่น สมมุติว่าคุณชอบอยู่กับเด็กเล็กๆ คุณก็อาจจะเป็นคนที่สบายๆ และสนุกสนาน คุณสมบัตินี้อาจจะหมายความว่าคุณเหมาะที่จะทำงานกับสัตว์ ซึ่งเป็นงานที่มีความคล้ายคลึงกันและต้องการคุณสมบัติที่เหมือนๆ กัน
  5. ถ้ามีวิชาไหนที่คุณสนใจและคิดว่าอยากจะพัฒนาให้เป็นความสามารถพิเศษ ก็ลองลงเรียนวิชานั้นดู การหาข้อมูลเพิ่มเติมและทำความรู้จักกับมันจริงๆ จะช่วยให้คุณรู้ว่ามันเป็นสิ่งที่คุณจะสามารถทำได้ดีจริงๆ ไหม มันจะยังช่วยให้คุณได้ทักษะพื้นฐานที่จำเป็นอีกด้วยถ้าคุณตัดสินใจว่ามันคือสิ่งที่คุณต้องการทำจริงๆ
    • ถ้าคุณไม่มีเวลาหรือเงินสำหรับไปลงคลาสเรียน คุณก็สามารถเรียนออนไลน์ได้ฟรีจากเว็บไซต์อย่างคอร์สเซอราหรือจากมหาลัยฯ ต่างๆ ที่เปิดสอนฟรีออนไลน์ แต่ถ้าคุณมีทั้งเงินและเวลาสำหรับการเรียน ก็ลองไปดูสถาบันที่เปิดสอนใกล้บ้าน วิทยาลัยเทคนิค หรือศูนย์ชุมชนท้องถิ่นก็ได้
    เคล็ดลับจากผู้เชี่ยวชาญ

    Tracey Rogers, MA

    ไลฟ์โค้ชที่มีใบรับรอง
    เทรซี่ แอล. โรเจอร์สเป็นไลฟ์โค้ชที่มีใบรับรองและหมอดูอาชีพในวอชิงตัน ดีซ๊ เทรซี่มีประสบการณ์ในด้านเหล่านี้มากว่า 10 ปี งานของเธอถูกพูดถึงในรายการวิทยุที่ออกอากาศทั่วประเทศ เช่นเดียวกับในออนไลน์เช่น Oprah.com เธอได้รับใบรับรองจาก the Life Purpose Institute และได้ปริญญาโทด้านการศึกษานานาชาติจากมหาวิทยาลัยจอร์จ วอชิงตัน
    Tracey Rogers, MA
    ไลฟ์โค้ชที่มีใบรับรอง

    ผู้เชี่ยวชาญของเราเห็นด้วย: ถ้าคุณอยากรู้ว่าคุณถนัดเรื่องอะไร ก็อยู่กับความสนใจนั้นให้มากๆ และลองเรียนดู บางทีคุณอาจจะสนใจเรื่องการทำอาหารและอยากรู้ว่าคุณเป็นเชฟที่ดีได้หรือเปล่า หรือบางทีคุณอาจจะสงสัยว่าคุณจะเป็นนักเขียนที่ดีได้หรือไม่ ถ้าคุณเจอคลาสเรียนที่ตรงกับความสนใจของคุณ ก็ลองลงเรียนดูเลย

  6. การเดินทางเป็นประสบการณ์หนึ่งที่มีอิทธิพลต่อคุณได้มาก มันจะท้าทายคุณและสอนคุณได้มากกว่าที่คุณคิด อย่างไรก็ตาม คุณต้องไม่เลือกแค่ทางที่ง่ายๆ เช่นไปล่องเรือสำราญหรือไปเที่ยวกับทัวร์ แต่คุณต้องไปเองเลย ไปที่ซึ่งไม่เหมือนที่ไหนที่คุณเคยไปมาก่อน เต็มที่กับประสบการณ์นั้น ลองสิ่งใหม่ๆ คุณจะพบบางสิ่งที่ไม่ง่าย แต่คุณก็จะได้พบด้วยว่ามีสิ่งอื่นๆ ที่คุณสามารถทำได้อย่างง่ายดาย หรือที่ทำให้คุณมีความสุขมากๆ [9]
    • การเดินทางอาจดูเป็นเรื่องที่ต้องใช้เงินมาก แต่มันขึ้นอยู่กับว่าคุณไปที่ไหน เมื่อไหร่ และไปทำอะไร มันไม่จำเป็นต้องเป็นประสบการณ์ที่มีราคาสูงหรอก คุณสามารถไปที่ใกล้ๆ บ้านแล้วได้ประโยชน์เหมือนๆ กันได้ ตัวอย่างเช่น คุณสามารถไปเที่ยวน้ำตกธรรมชาติสวยๆ แถวหลวงพระบาง หรือแบกเป้ไปเที่ยวเวียดนามก็ยังได้
  7. เวลาที่คุณต้องฟันฝ่าสิ่งท้าทาย เวลาที่คุณออกมาจากสภาพแวดล้อมที่คุ้นชิน คือช่วงเวลาที่คุณจะได้เรียนรู้เกี่ยวกับตัวเองมากที่สุด เวลาที่คุณปิดกั้นตัวเองจากความท้าทายต่างๆ โดยการอยู่เงียบๆ ที่บ้านแบบไม่ยอมออกไปไหน หรือถอยหนีไปจากความยากลำบากและปัญหาต่างๆ คุณก็กำลังปฏิเสธโอกาสที่คุณจะได้เปล่งประกายขึ้นมา ยอมให้ความท้าทายเกิดขึ้น พยายามแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นให้ได้ ออกไปใช้ชีวิตให้มากขึ้นสักหน่อยเพื่อที่คุณจะได้มีโอกาสเอาชนะความท้าทายที่คุณเผชิญ [10]
    • ตัวอย่างเช่น คุณยายของคุณอาจจะกำลังป่วยและต้องการความช่วยเหลือ ลองเข้าไปช่วยท่าน คุณอาจจะพบว่าตัวเองสามารถสื่อสารกับคนชราและช่วยเหลือพวกเขาได้ดีมากๆ
  8. ทำงานอาสาสมัครเพื่อช่วยเปลี่ยนมุมมองของคุณ. การที่คุณรู้จักแต่เพียงชีวิตและโลกของคุณเอง มันก็ง่ายที่คุณจะไม่เปิดใจต่อความเป็นไปได้ที่มีอยู่มากมาย ซึ่งก็คือความเป็นไปได้ในสิ่งที่คุณเป็นและสิ่งที่คุณสามารถกลายมาเป็น เมื่อคุณได้ช่วยเหลือผู้อื่นอย่างจริงจังและมีประสิทธิภาพ คุณจะมองตัวเองเปลี่ยนไป การจัดลำดับความสำคัญในชีวิตของคุณก็จะเปลี่ยนไป คุณอาจจะได้แสดงออกซึ่งความสามารถพิเศษที่คุณไม่รู้ว่าตัวเองมีมาก่อน หรือคุณอาจจะได้สร้างความสามารถพิเศษใหม่ๆ ผ่านงานที่คุณทำ
    • ตัวอย่างเช่น กรมอุทยานท้องถิ่นมักต้องการความช่วยเหลือในการกำจัดพืชต่างถื่นรุกรานหรือก่อสร้างอะไรใหม่ๆ เช่นสนามเด็กเล่น คุณก็สามารถเข้าไปทำงานอาสาได้ และอาจจะได้พบว่าตัวเองมีความสามารถในการจำแนกแยกแยะพืชพันธุ์ต่างๆ ทำงานไม้ได้ดี อ่านแบบแผนการก่อสร้างได้เก่ง หรือจัดการและสร้างแรงบันดาลใจให้คนได้
    โฆษณา

เคล็ดลับ

  • มั่นใจในตัวเองเข้าไว้และไม่ต้องกังวลว่าคนอื่นจะคิดกับคุณยังไง แสดงความสามารถที่คุณมีให้ทุกคนเห็นไปเลย!
  • คุณคือตัวของคุณเอง และนั่นคือสิ่งเดียวที่คุณต้องเป็น ถ้าคุณอยากมีความสามารถ ก็ไม่ต้องไปเลียนแบบมืออาชีพหรอก
  • พูดคุยกับเพื่อนๆ ของคุณและถามว่าพวกเขาชื่นชอบอะไรในตัวคุณ
  • ช่วยเพื่อนๆ ของคุณหาความสามารถพิเศษของพวกเขา คุณอาจจะได้ค้นพบความสามารถของตัวเองไปด้วยก็ได้!
  • ที่สำคัญที่สุดคือ เป็นตัวของตัวเอง อย่ากังวลว่าคนอื่นจะคิดยังไงกับคุณ
  • ขยันเข้าไว้ และลองทำสิ่งใหม่ๆ !
โฆษณา

คำเตือน

  • ไม่ว่าคุณจะทำอะไร ก็อย่าไปเบียดเบียนผู้อื่น
โฆษณา

เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้

มีการเข้าถึงหน้านี้ 39,072 ครั้ง

บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม

โฆษณา