ดาวน์โหลดบทความ ดาวน์โหลดบทความ

ความหนาแน่นของประชากร (Population density) บอกให้คุณทราบว่าในหนึ่งหน่วยพื้นที่นั้นๆ โดยเฉลี่ยแล้วมีคนอยู่กันหนาแน่นแค่ไหน มันจะช่วยคุณคำนวณได้ว่าพื้นที่ใดพื้นที่หนึ่งนั้นต้องการทรัพยากรเท่าไหร่ และทำให้เปรียบเทียบพื้นที่ต่างกันได้ คุณจำต้องรวบรวมข้อมูลของพื้นที่และขนาดประชากร จากนั้นใส่ตัวเลขนั้นลงไปในสูตรการหาความหนาแน่นของประชากร: ความหนาแน่นของประชากร = จำนวนประชากร / จำนวนพื้นที่

ส่วน 1
ส่วน 1 ของ 3:

รวบรวมข้อมูล

ดาวน์โหลดบทความ
  1. หาขอบเขตของอาณาบริเวณที่คุณต้องการจะทราบความหนาแน่นของประชากร ลองคิดดูว่าทำไมคุณถึงต้องการตัวเลขนี้ บางทีคุณต้องการหาความหนาแน่นของประชากรของประเทศ เมืองหรือในย่านที่คุณอาศัยอยู่ คุณจำเป็นต้องหาพื้นที่โดยรวมทั้งหมดของบริเวณนั้น: มักจะใช้หน่วยเป็นฟุต ไมล์ เมตร หรือกิโลเมตร
    • มีทางเป็นไปได้มากว่าน่าจะมีใครเคยสำรวจรังวัดพื้นที่บริเวณนั้นไปแล้ว มองหาข้อมูลการสำรวจสำมะโนประชากร หาดูในสารานุกรม หรือหาดูในเน็ต
    • หาดูว่าพื้นที่นั้นมีการกำหนดอาณาเขตหรือไม่ หากไม่มี คุณก็ต้องกำหนดขอบเขตให้ด้วยตัวเอง เช่น ย่านที่อาศัยอยู่อาจไม่มีข้อมูลในการสำรวจสำมะโนประชากร คุณจึงต้องวาดอาณาเขตของบริเวณนั้นขึ้นมาเอง
  2. ในเมื่อคุณจะไปนับจำนวนประชากรด้วยตัวเองคงไม่ไหว จึงจำต้องหาข้อมูลตัวเลขที่ทันสมัยที่สุดว่ามีคนอาศัยอยู่ในพื้นที่นั้นๆ กี่คน ให้เริ่มจากการค้นหาจำนวนประชากรในสถานที่หนึ่งๆ เช่น เชียงใหม่ มองหาข้อมูลที่ทันสมัยที่สุดเพื่อตัวเลขที่แม่นยำขึ้น หากคุณกำลังมองหาตัวเลขประชากรในแต่ละจังหวัดของประเทศไทย หาที่ รายงานจากสำนักงานสถิติแห่งชาติ จะให้ข้อมูลได้ ส่วนที่สหรัฐนั้น CIA World Factbook ก็เป็นแหล่งข้อมูลที่ดี [1]
    • หากคุณกำลังคำนวณความหนาแน่นของประชากรในพื้นที่ซึ่งไม่ได้มีการจัดเก็บบันทึกข้อมูลเอาไว้ คุณอาจต้องลงมือนับเอง เช่น หาจำนวนคนที่อาศัยอยู่ในย่านใจกลางเมืองอย่างไม่เป็นทางการ หรือการหาจำนวนประชากรจิงโจ้ในเขตเอาท์แบ็คของออสเตรเลีย เป็นต้น พยายามหาตัวเลขให้ได้ใกล้เคียงที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ [2]
  3. ถ้าคุณวางแผนจะเปรียบเทียบพื้นที่หนึ่งกับอีกที่ ให้แน่ใจว่าตัวเลขที่ได้มาใช้หน่วยการวัดที่เหมือนกัน เช่น หากประเทศหนึ่งใช้หน่วยเป็นตารางไมล์ในขณะที่อีกประเทศวัดเป็นตารางกิโลเมตร คุณก็ต้องแปลงหน่วยพื้นที่ทั้งสองประเทศให้เป็นแบบเดียวกันว่าจะเป็นตารางกิโลเมตรหรือตารางไมล์ [3]
    • สำหรับการแปลงหน่วยอิมพีเรียลเป็นเมตริกอย่างง่าย ไปที่ http://www.metric-conversions.org
    โฆษณา
ส่วน 2
ส่วน 2 ของ 3:

คำนวณความหนาแน่นของประชากร

ดาวน์โหลดบทความ
  1. ในการคำนวณความหนาแน่นของประชากร คุณจะต้องหารจำนวนประชากรด้วยขนาดของพื้นที่ ดังนั้น ความหนาแน่นของประชากร = จำนวนประชากร/ขนาดพื้นที่ [4]
    • หน่วยของขนาดพื้นที่ควรเป็นตารางกิโลเมตรหรือตารางไมล์ คุณสามารถใช้ตารางฟุตหรือตารางเมตรถ้าต้องการหาความหนาแน่นของพื้นที่ขนาดเล็กก็ได้ กระนั้น สำหรับวัตถุประสงค์การสำรวจเชิงวิชาการหรือแบบมืออาชีพนั้น จำเป็นต้องใช้ตารางกิโลเมตรหรือตารางไมล์มากกว่า
    • หน่วยของความหนาแน่นของประชากรคือจำนวนคนต่อหนึ่งหน่วยพื้นที่ เช่น 2000 คนต่อตารางกิโลเมตร
  2. คุณควรทราบจำนวนประชากรกับพื้นที่ เช่น: หากมีประชากรอาศัยอยู่ในเมื่องออเบิร์นจำนวน 145,000 คน และชุมชนนั้นกินพื้นที่ 9 ตารางไมล์ ก็ให้เขียนไปว่า 145,000/9 ตารางไมล์
  3. ใช้การหารยาว , หรือใช้เครื่องคิดเลข ในตัวอย่างของเรานั้น 145,000 หารด้วย 9 จะได้ความหนาแน่นของประชากรเท่ากับ 16,111 คน/ตารางไมล์
    โฆษณา
ส่วน 3
ส่วน 3 ของ 3:

แปลข้อมูลความหนาแน่นของประชากร

ดาวน์โหลดบทความ
  1. เปรียบเทียบข้อมูลจากพื้นที่แตกต่างกัน แล้วใช้ความหนาแน่นที่ตรงข้ามกันมาตั้งเป็นข้อสังเกตเกี่ยวกับพื้นที่เหล่านั้น เช่น: หากเมืองบูนส์วิลล์มีประชากร 60,000 คนในพื้นที่ 8 ตารางไมล์ ความหนาแน่นของประชากรจะเป็น 7,500/ตารางไมล์ คุณจะเห็นว่าความหนาแน่นประชากรของเมืองออเบิร์นนั้นสูงกว่าความหนาแน่นประชากรของบูนส์วิลล์มาก ลองพิจารณาดูว่าคุณจะใช้ความแตกต่างนี้มาใช้สรุปเกี่ยวกับเมืองสองเมืองนี้อย่างไร [5]
    • ถึงแม้ว่าคุณจะคำนวณความหนาแน่นของประชากรในพื้นที่ที่หนาแน่นอย่างในเมืองใหญ่ ผลที่ได้ก็ยังไม่ได้บอกคุณมากนักถึงความแตกต่างระหว่างย่านที่แยกออกมาสองย่าน คุณอาจจำเป็นต้องหาความหนาแน่นสำหรับขนาดพื้นที่ที่หลากหลายกันเพื่อจะได้เข้าใจในสถานที่ได้เต็มที่มากขึ้น
  2. คำนวณอัตราความเติบโตของประชากรของพื้นที่ดังกล่าว แล้วมาเปรียบเทียบความหนาแน่นประชากรในปัจจุบันกับความหนาแน่นประชากรที่ทำนายไว้ในอนาคต หาข้อมูลสำมะโนประชากรจากอดีต แล้วลองเปรียบเทียบกับตัวเลขในตอนนี้ พยายามทำความเข้าใจว่าสถานที่นั้นเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างไรและจะเปลี่ยนไปอย่างไรในอนาคต [6]
  3. การคำนวณความหนาแน่นของประชากรแบบนี้มันอาจดูเรียบง่ายและตรงๆ ทว่ามันอาจไม่ได้เผยให้เห็นถึงรายละเอียดที่ซับซ้อนกว่าของพื้นที่นั้นๆ ตรงนี้จะขึ้นอยู่กับขนาดและประเภทของพื้นที่ซึ่งคุณกำลังจะคำนวณความหนาแน่นประชากร สูตรนี้บางทีก็ใช้ได้ผลสำหรับพื้นที่ขนาดเล็กกว่าและมีคนอาศัยเต็มพื้นที่ มากกว่าขนาดพื้นที่ซึ่งใหญ่กว่าจนรวมไปทั้งพื้นที่ซึ่งมีคนอาศัยกับพื้นที่ซึ่งไม่มีคนอยู่อาศัย
    • สมมติว่าคุณคำนวณความหนาแน่นประชากรของประเทศที่มีพื้นที่โล่งและพื้นที่ป่าไม้มากมาย แต่ก็มีเมืองใหญ่อยู่ด้วย ความหนาแน่นของประชากรของประเทศนี้จะไม่ได้บอกคุณมากถึงความหนาแน่นของเมือง ซึ่งเป็นพื้นที่จริงที่มีผู้อาศัยอยู่กัน
    • จำไว้ว่าความหนาแน่นของประชากรนั้นเป็นเพียงค่าเฉลี่ย มันอาจจะไม่ไปในทิศทางเดียวกับการนับประชากรจริงในพื้นที่ ซึ่งถ้าไม่ใช่ก็ให้หาสาเหตุดู ลองคำนวณความหนาแน่นในพื้นที่ที่เล็กลงมาภายในพื้นที่ดั้งเดิม [7]
  4. ลองทำนายความเป็นไปของพื้นที่เมื่อคุณทราบความหนาแน่นของประชากรว่าสูงหรือต่ำ เช่น พื้นที่ซึ่งมีอัตราความหนาแน่นของประชากรสูงมักมีอัตราการเกิดอาชญากรรมหรือราคาอสังหาริมทรัพย์และสินค้าที่สูงกว่า พื้นที่ซึ่งมีความหนาแน่นของประชากรต่ำมักจะเป็นพื้นที่กสิกรรมมากกว่า หรือไม่ก็เป็นที่โล่งหรือป่าไม้ บทสรุปที่คุณจะตีวงสรุปมานั้นขึ้นอยู่กับจุดประสงค์ของคุณ ลองคิดว่าคุณจะนำข้อมูลที่ได้ไปใช้ประโยชน์อะไรได้บ้าง [8]
    โฆษณา

เคล็ดลับ

  • เปรียบเทียบข้อมูลที่คุณพบกับรายงานด้านความหนาแน่นของประชากรอื่นๆ หากข้อมูลของคุณมีความแตกต่างออกไป ลองตรวจดูความผิดพลาดที่อาจเกิดขึ้นได้หรือแนวโน้มความเปลี่ยนแปลงทางประชากรเมื่อระยะเวลาผ่านไป
  • ใช้สูตรเดียวกันในการหาความหนาแน่นของประชากรสัตว์ เช่น ในคอกปศุสัตว์
โฆษณา

สิ่งของที่ใช้

  • สารานุกรมหรือข้อมูลทางอินเทอร์เน็ต
  • แผนที่
  • เครื่องคิดเลข
  • ดินสอ
  • กระดาษ

เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้

มีการเข้าถึงหน้านี้ 81,986 ครั้ง

บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม

โฆษณา