ดาวน์โหลดบทความ ดาวน์โหลดบทความ

มันไม่ง่ายเลยที่จะต้องมาจัดการกับคนที่ชอบบงการ นักบงการอาจจะชอบจัดการ เป่าหูคุณ และทำให้คุณรู้สึกแปลกแยกจากคนอื่น ยังดีที่มันยังมีอีกมากมายหลายวิธีที่จะจัดการกับคนเหล่านี้ ตอนนี้ให้คุณพยายามทำใจให้สงบและอย่าโต้ตอบใดๆ หลังจากนั้นจึงค่อยขีดเส้นกั้นขอบเขตเพื่อที่คนๆ นั้นจะไม่ผลักคุณออกไปนอกเขตที่คุณสบายใจอีกครั้ง รู้จักจัดการกับอารมณ์ของคุณ และคุณจะต้องพยายามดูแลตัวเองไม่ให้นักบงการนี้มาทำให้คุณรู้สึกเหนื่อยจนหมดแรงด้วย

ส่วน 1
ส่วน 1 ของ 3:

จัดการกับการเผชิญหน้าที่ยาก

ดาวน์โหลดบทความ
  1. พวกนักบงการมักจะอยากเห็นการโต้ตอบ และพวกเขายังอาจไม่สามารถรับมือได้ดีกับปฏิกิริยาต่อต้านหรือการวิจารณ์ใดๆ สมมติ ถ้าคุณเกิดตอบโต้ด้วยความโมโหหรือก้าวร้าว นี่อาจจะส่งผลตรงข้ามกับที่คุณคิดไว้ แทนที่จะเอาไฟเข้าสู้กับไฟ ให้พยายามทำใจเย็นๆ ไว้ [1]
    • ตัวอย่างเช่น แฟนที่อยู่ด้วยกันกับคุณเริ่มที่จะไม่พอใจที่คุณไม่ได้นำผ้าเช็ดตัวไปแขวนไว้ในที่ที่เขาต้องการหลังจากอาบน้ำ เช่นนั้นมันสำคัญที่คุณจะยืนยันความต้องการตัวเอง และพูดคุยกันเกี่ยวกับเรื่องนี้ พยายามอย่าให้ตัวเองเสียการควบคุมอารมณ์ไป
    • ลองพูดประมาณว่า “ฉันเข้าใจนะว่าคุณอยากให้แขวนผ้าเช็ดตัวไว้ที่ไหน แต่ฉันก็ชอบที่จะแขวนมันไว้ที่นี่มากกว่าเพราะ ______ แต่ถ้าเราเปลี่ยน _____ ฉันจะไปแขวนมันที่นั่นก็ได้ หรือไม่งั้นฉันจะแขวนมันไว้ที่ที่ฉันต้องการและเหลือพื้นที่นั้นไว้ให้คุณ”
    • อย่างไรก็ตามคุณอาจจะต้องพยายามใจเย็นและยืนยันจุดยืนของคุณถ้าหากเขาพยายามที่จะเปลี่ยนอะไรที่มันมีขอบเขตไว้อยู่แล้ว ตัวอย่างเช่น “เราตกลงกันอาทิตย์ที่แล้วว่า _____ จำได้มั้ย?”
  2. คุณไม่ควรที่จะกล่าวโทษพฤติกรรมแย่ๆ ของใครสักคน อย่างน้อยบางครั้งมันอาจจะช่วยได้ว่าทำไมพวกเขาถึงเป็นเช่นนั้น. คนที่ชอบควบคุมสิ่งต่างๆ อาจมีปัญหาการจัดการอารมณ์ที่ซ่อนอยู่ก็ได้ การเข้าใจเรื่องนี้อาจช่วยให้คุณรู้ถึงความจำเป็นของบุคคลนั้นที่ต้องการควบคุม ขณะเดียวกันให้พยายามหาว่าพวกเขาไปเจอกับอะไรมาเวลาที่พวกเขาพยายามจะบงการ [2]
    • เช่น คุณอาศัยอยู่กับแฟนของคุณที่พยายามจะควบคุมทุกอย่าง เธออาจจะเห็นว่าคุณทิ้งห่อกระดาษไว้บนเคาท์เตอร์ครัวสักพักขณะที่คุณรับโทรศัพท์ เธอพูดประมาณว่า “ทำไมคุณต้องไปคุยโทรศัพท์ก่อนที่จะทำความสะอาดสิ่งที่คุณทิ้งไว้ด้วย?”
    • ขยะเหล่านั้นอาจจะไม่ใช่ปัญหาจริงๆ บ่อยครั้งที่มันมักจะเป็นอย่างอื่นที่มากกว่านั้น เช่น เขาอาจจะเป็นคนที่มีพ่อแม่จอมบงการ หรือขี้กังวล หรือมีความหลังกับการให้ค่าอะไรบางอย่างที่พฤติกรรมนั้นสื่อออกมา
    • ให้ลองถามว่าทำไมการทำอะไรก่อนหลังถึงสำคัญกับเธอมากนักเพื่อทำความเข้าใจให้มากขึ้นเกี่ยวกับปัญหา และให้ข้อมูลที่อาจจำเป็น อีกฝ่ายอาจจะไม่ได้เห็นอะไรที่คุณคิดว่ามันชัดเจน
    • ตัวอย่างเช่น คุณอาจจะพูดประมาณ “มันมีเหตุผลอะไรเป็นพิเศษหรือเปล่าที่คุณอยากให้ผมทำความสะอาดก่อนที่จะรับโทรศัพท์?”
    • หรือ “ผมรู้นะว่าคุณไม่ชอบเห็นห่อขยะอยู่ข้างนอก แต่โทรศัพท์ผมดัง และผมก็รับสาย ผมจะเอามันไปทิ้งทันทีเมื่อผมเสร็จ”
  3. นักบงการส่วนมากมักจะตื่นเต้นกับการได้เห็นคนพยายามจะสู้กลับ นักบงการเพียงแค่ต้องการที่จะนำผู้อื่นมาพัวพันกับการถกเถียงปัญหาที่ไม่มีวี่แววว่าจะจบอย่างไร พวกเขาต้องการที่จะรู้สึกว่าพวกเขาชนะ เพื่อหลีกเลี่ยงที่จะให้ความพึงพอใจนั้นกับพวกเขา ให้ห้ามตัวเองจากการไปสู้กับพวกเขา [3]
    • คุณสามารถที่จะไม่เถียงกลับได้ง่ายๆ เช่น ถ้าคนสำคัญของคุณกำลังจะเริ่มที่จะทะเลาะอะไรสักอย่างกับคุณ คุณอาจจะพูดว่า “ฉันคิดว่าเราควรคุยกันเรื่องนี้นะ แต่ฉันอยากจะคุยตอนที่เราทั้งคู่ใจเย็นกว่านี้ดีกว่า ไว้เราคุยกันคืนพรุ่งนี้แทนได้มั้ย?”
    • ในระยะยาว คุณจะต้องพูดคุยกันถึงปัญหาที่ซ่อนอยู่นั้นในความสัมพันธ์ของคุณ และการตั้งขอบเขต
  4. สิ่งสุดท้ายที่คุณต้องการที่จะทำกับจอมบงการคือการโมโห หรือรู้สึกไม่พอใจ นักบงการทั้งหลายชอบที่ยั่วโมโหผู้คน และหวังว่าพวกเขาจะสามารถทำให้บุคคลนั้นหลุดโมโหเพื่อที่พวกเขาจะได้สิ่งที่ต้องการ จำกัดว่าคุณจะโต้ตอบกลับไปได้มากแค่ระดับไหน การโต้ตอบแบบรุนแรงมีแต่จะยิ่งกระตุ้นให้พวกเขาทำมากขึ้นเท่านั้น [4]
    • พยายามหายใจเข้าลึกๆ เวลาต้องจัดการกับคนที่ชอบควบคุม คุณสามารถที่จะพยายามปรับอารมณ์พวกเขาโดยการพูดคุยอะไรเบาๆแทน เช่น การไปนอนอาบแดดที่ชายหาดสบายๆ ขณะที่พวกเขากำลังคุยกับคุณ
    • ถ้าคุณจำเป็นต้องตอบ ให้พูดอะไรที่ไม่ทำให้ตัวเองถูกผูกผัดเพื่อต่อเวลาเพิ่ม เช่น “ฉันก็ไม่แน่ใจนะ เดี๋ยวขอฉันคิดก่อนแล้วกัน”
    โฆษณา
ส่วน 2
ส่วน 2 ของ 3:

สร้างขอบเขตที่ชัดเจน

ดาวน์โหลดบทความ
  1. ไม่ว่าจะอยู่ในสถานการณ์ใดก็ตาม คุณมีสิทธิ์ของคุณ อย่ายอมละทิ้งสิทธิ์เหล่านั้นเพียงเพราะคุณต้องเผชิญหน้ากับบุคคลที่จัดการได้ยาก นักบงการจะมีวิธีการเข้าไปอยู่ในหัวของคุณและทำให้คุณลืมสิทธิ์พื้นฐานต่างๆ ที่คุณควรมีในฐานะมนุษย์คนหนึ่ง จำไว้ว่าคุณควรได้รับการปฏิบัติต่ออย่างเหมาะสม [5]
    • ทุกคนมีสิทธิ์พื้นฐานที่จะได้รับการปฏิบัติด้วยความเคารพ ได้แสดงความเห็น และสามารถที่จะพูด “ไม่” โดยไม่จำเป็นต้องรู้สึกผิด และมีความเห็นที่ต่าง
    • ถ้าคุณต้องเผชิญกับนักบงการเป็นเวลานานๆ คุณอาจจะลืมไปว่าคุณมีสิทธิ์เหล่านี้อยู่ ก่อนที่จะทำอะไรกับใคร เตือนตัวเองเสมอว่าคุณมีสิทธิ์ของคุณ จำใส่ใจไว้เวลาที่จะสร้างขอบเขต
    • ตัวอย่างเช่น แฟนจอมบงการของคุณอาจจะคาดหวังว่าคุณต้องใช้เวลากับเขาแทนที่จะออกไปเที่ยวกับเพื่อนๆ ถ้าคุณไม่ต้องการนั่งอยู่บ้านเฉยๆ และดูหนังสักคืนหนึ่ง แฟนจอมบงการอาจจะทำให้คุณรู้สึกผิดกับเรื่องนี้ก็ได้ เมื่อคุณพร้อมที่จะยืนยันขอบเขตของคุณแล้ว ให้คิดว่า “ฉันมีสิทธิ์ที่จะบอกว่า ‘ไม่’ กับเขาโดยไม่จำเป็นต้องรู้สึกแย่”
  2. ก้าวแรกในการจะตั้งขอบเขตคือคุณต้องนำอำนาจการควบคุมของคุณกลับคืนก่อน คุณไม่สามารถที่จะควบคุมการกระทำด้านลบของอีกคนได้ แต่คุณสามารถควบคุมได้ว่าจะตอบสนองกับพวกเขาอย่างไร คุณมีตัวเลือกว่าคุณจะตั้งขอบเขตของคุณ [6]
    • บ่อยครั้งที่คนมักจะยิ้มและยอมทนกับคนที่ชอบบงการ คุณอาจจะพยายามหลีกเลี่ยงคนๆ นั้นไปด้วยก็ได้ เช่นคุณอาจจะไม่ไปร่วมงานครอบครัวถ้าคุณต้องเจอพ่อจอมบงการของคุณ
    • ปล่อยตัวเองให้เป็นอิสระจากรูปแบบเหล่านี้. ให้คิดซะว่า “ฉันจะเป็นคนควบคุมเองว่าฉันจะปล่อยให้มันเกิดขึ้นหรือไม่ ฉันจะไม่ยอมเป็นเหยื่อ” ตัดสินใจว่าคุณจะเป็นคนที่เลือกกำหนดเองเพื่อยืนยันจุดยืนอิสรภาพของคุณและเรียกหาความเคารพ
  3. นักบงการมักจะพยายามทำเกินข้อจำกัดของบุคคลรอบตัวพวกเขา นักบงการชอบที่จะได้รู้ว่าพวกเขาได้ทำลายกำแพงของใครบางคน ปล่อยให้นักบงการได้อยู่แค่ในเขตพื้นที่ส่วนตัวที่คุณจำกัดไว้เท่านั้น บอกให้ชัดเจนว่าอะไรที่คุณโอเค และอะไรที่คุณจะไม่ทน [7]
    • รู้ว่าอะไรที่คุณสามารถทนได้ ไม่ได้ และยอมรับได้ มันอาจจะมีเรื่องพฤติกรรมเล็กๆ บางอย่าง เช่นการมีกฎเกี่ยวกับให้เก็บจานใช้แล้ว หรือเสื้อผ้าใส่แล้วไว้ที่ไหน ซึ่งเป็นสิ่งที่คุณอาจจะเต็มใจทำตามได้ อย่างไรก็ตามปัญหาเรื่องอื่นๆ อาจจะเป็นสิ่งที่ยากที่จะทนได้
    • คิดเกี่ยวกับสิ่งที่คนๆ นั้นทำที่ดูห่างไกลจากคำว่าเหตุผล เช่น คุณอาจจะไม่สนใจเรื่องที่ห้ามคุณไม่ให้เล่นโทรศัพท์ขณะที่ไปออกเดทกับแฟนของคุณ แต่เขาอาจจะคาดหวังว่าคุณต้องปิดเครื่อง และเอาไว้ให้พ้นสายตาแม้ว่าคุณทั้งคู่จะเพียงแค่นั่งเล่นใช้เวลาร่วมกันที่อพาร์ธเมนท์ของเขาเท่านั้น บอกให้เขารู้ว่ากฎนี้มันไม่สมเหตุสมผลเลยสำหรับคุณ
  4. คุณต้องทำให้ตัวเองชัดเจนเวลาที่กั้นขอบเขต มันอาจจะช่วยอีกด้วยถ้าคุณเขียนขอบเขตของคุณลงบนกระดาษสักแผ่น และยื่นมันให้กับนักบงการคนนั้น บอกขอบเขตของคุณให้ชัดเจนเท่าที่ทำได้ บอกเขาให้ทราบถึงสิ่งที่คุณจะทน และไม่ทนในอนาคตโดยไม่มีเวลาจำกัด [8]
    • นักบงการเป็นคนที่ยากอยู่แล้วโดยทั่วไป พวกเขาจะทำทุกอย่างที่สามารถเพื่อละเลยและตีความขอบเขตของคุณให้ผิดไป ดังนั้นเวลากำหนดขอบเขตของคุณ ให้ทำให้ตรงไปตรงมาที่สุดเท่าที่ทำได้
    • เช่น สมมติว่าคุณมีแฟนที่ชอบควบคุมสิ่งต่างๆ มาก เมื่อคุณตั้งขอบเขตให้บอกว่า “ฉันจะไม่เอาโทรศัพท์ของฉันไปเก็บไว้ตลอดเวลาที่เราอยู่ด้วยกันนะ โดยเฉพาะเวลาที่คุณอยากให้ฉันใช้เวลาหลายๆ คืนที่อพาร์ธเมนท์ของคุณ ฉันโอเคที่จะปิดโทรศัพท์เวลาที่เราไปเดทกัน หรือดูหนังด้วยกัน แต่ฉันจะไม่ปิดโทรศัพท์ตลอดเวลาที่เราอยู่ด้วยกันหรอกนะ กฎนั้นจบที่นี่”
  5. นักบงการมักจะไม่ชอบที่จะยอมรับขอบเขตในทันที จำไว้ว่าพวกเขาชอบที่จะผลักให้ผู้คนออกจากขอบเขตของพวกเขาเพื่อที่จะได้สิ่งที่เขาต้องการ เมื่อจำเป็น คุณจะต้องเตือนพวกเขาถึงขอบเขตของคุณ ชัดเจนและยืนหยัดเวลาที่คุณถูกล้ำเส้น [9]
    • การยืนกรานไม่ใช่การก้าวร้าว มันคือการบอกให้ใครบางคนทราบอย่างสุภาพว่าพวกเขากำลังก้าวก่ายขอบเขตอยู่ ทำใจเย็นและยืนหยัดจุดยืนคุณเองเมื่อเกิดปัญหาขึ้นมา
    • เช่น แฟนของคุณนั่งอยู่ในห้อง คุณทั้งคู่กำลังดูโทรทัศน์ด้วยกันเหมือนปกติ คุณส่งข้อความตอบกลับเพื่อนของคุณและแฟนของคุณก็เกิดโกรธขึ้นมาทันที เขาเริ่มพูดว่า “นั่นมันหยามกันมากเลยนะ ผมนั่งอยู่นี่นะ”
    • อย่าตอบกลับด้วยความโกรธ การพูดประมาณว่า “หยุดทีได้มั้ย ฉันกำลังคุยกับบางคนอยู่” มีแต่จะยิ่งทำให้สถานการณ์แย่ลง ให้ใจเย็นๆ และตอบกลับดีๆ ว่า”เราคุยกันเรื่องนี้ไปแล้วนะวันก่อน คุณไม่จำเป็นต้องได้ความสนใจเต็มๆ จากชั้นตอนนี้ ดังนั้นฉันมีสิทธิ์ที่จะตอบข้อความนี้ ขอให้ฉันส่งข้อความนี้ให้เสร็จก่อนนะ และฉันจะกลับไปดูโชว์”
    โฆษณา
ส่วน 3
ส่วน 3 ของ 3:

การจัดการอารมณ์

ดาวน์โหลดบทความ
  1. นักบงการมักจะไม่ได้เปลี่ยนกันง่ายๆ หรืออาจจะไม่เลย แม้ว่าคุณจะยืนยันขอบเขตของคุณไปแล้วก็ตาม คุณอาจจะรู้สึกว่าตัวเองตกอยู่ในการดิ้นรนต่อสู้อยู่บ่อยๆ พยายามตรวจดูความคาดหวังของคุณ คุณอาจจะต้องมีปัญหากับนักบงการตลอดเวลา ดังนั้นอย่าคาดหวังการเปลี่ยนแปลงมากมาย [10]
    • คุณไม่สามารถเปลี่ยนอีกคนได้ แม้ว่าคุณจะพยายามอย่างดีที่สุดแล้วที่จะบอกว่าพฤติกรรมของพวกเขานั้นอันตรายอย่างไร นักบงการจะไม่เปลี่ยนถ้าพวกเขาไม่ได้ต้องการที่จะเปลี่ยน เวลาที่คุณต้องอยู่กับนักบงการ จำไว้ว่าคุณอาจจะต้องบอกขอบเขตของคุณใหม่และพูดคุยปรับกัน
  2. นักบงการมักจะมีอะไรบางอย่างอยู่ใต้จิตใจ ปัญหาการเข้ากับผู้อื่นที่ซ่อนอยู่ เช่นแนวโน้มที่รู้สึกว่าไม่มั่นคง มักจะแสดงออกมาเป็นความต้องการที่จะควบคุม เมื่อจะต้องเผชิญหน้ากับคนที่ชอบควบคุม ให้เตือนตัวเองว่ามันไม่ใช่เพราะคุณ คุณอาจจะไม่ได้ทำอะไรผิดเลยในสถานการณ์นั้น อีกฝ่ายเพียงแค่รู้สึกจำเป็นอย่างมากที่จะต้องควบคุม [11]
    • ถ้าคุณรู้ว่าทำไมอีกฝ่ายจึงเป็นเช่นนั้น ให้พยายามเตือนตัวเองเรื่องนี้ในสถานการณ์นั้น นี่จะช่วยให้คุณจำได้ว่ามันไม่ได้เป็นเพราะคุณ
    • เช่น “ฉันรู้ว่าพ่อของฉันเรียกร้องมากเกี่ยวกับอาชีพที่ฉันเลือก แต่พ่อของเขาก็เป็นแบบนี้เหมือนกัน เขาแค่ไม่รู้วิธีที่จะเชื่อใจฉันให้ฉันตัดสินใจเองได้ มันไม่ได้เกี่ยวกับฉันหรอก”
  3. นี่เป็นสิ่งสำคัญมากเวลาต้องเผชิญกับนักบงการเป็นปกติ ตัวอย่างเช่น ถ้าคุณอาศัยอยู่กับคนที่ชอบควบคุม หรือแฟนสุดโรแมนติกจอมบงการ การเตือนให้ดูแลตัวเองเป็นสิ่งที่จำเป็น เมื่อคุณพยายามจะเอาใจคนที่มักจะเป็นฝ่ายควบคุมอยู่เสมอ คุณอาจจะลืมสนใจความต้องการของตนเองไปก็ได้ [12]
    • คุณมีสิทธิ์ที่จะใส่ใจตัวเองบ้าง คุณสามารถที่จะให้เวลาตัวเองไปออกกำลังกาย กินดีๆ ทำงานอดิเรกที่คุณชอบ และทำอะไรที่ทำให้คุณมีความสุข
    • พยายามจัดสรรเวลาให้ตัวเอง แม้ว่าคุณอาจจะต้องพูดคุยปรับความเข้าใจกันก็ตาม เช่น คุณต้องทำงานแต่เช้าและต้องการที่จะได้นอนเต็มอิ่ม แต่แฟนจอมบงการของคุณต้องการให้คุณเข้านอนพร้อมกับเขา แล้วเขาก็อยู่ถึงดึก ให้เข้านอนเมื่อคุณต้องการ ถ้าหากเขาทำให้คุณรู้สึกลำบากใจ ปรับความเข้าใจกัน และเตือนให้เขารู้ว่าคุณจะต้องตื่นแต่เช้า
  4. บางครั้งวิธีที่ง่ายที่สุดในการรับมือกับนักบงการคือการหนีให้พ้นจากพวกเขา พยายามหลีกเลี่ยงบุคคลนั้นถ้าการต้องเจอกับพวกเขาทำให้คุณรู้สึกอึดอัดลำบากใจ นี่จะทำให้ชีวิตของคุณง่ายขึ้นอีกเยอะ [13]
    • ถ้าคุณต้องอยู่กับคนชอบควบคุมล่ะก็ ให้พยายามจำกัดการใช้เวลาของคุณกับพวกเขาแค่ช่วงมื้ออาหาร และการออกกำลังสั้นๆ อื่นๆ ด้วยกัน
    • ถ้าคุณทำงานกับนักบงการ ให้พยายามจำกัดการใช้เวลากับบุคคลนั้นในที่ทำงาน เช่น คุณอาจจะพูดคุยเล็กๆ น้อยๆ ด้วยและพยายามเลือกโปรเจคที่ไม่ต้องทำร่วมกับบุคคลนั้น
    • ถ้าสมาชิกในครอบครัวของคุณเป็นคนที่ชอบควบคุม ให้จำกัดการมีปฏิสัมพันธ์กับพวกเขาในกิจกรรมของครอบครัว พยายามคุยโทรศัพท์ให้สั้นเท่าที่ทำได้
  5. ถ้าความสัมพันธ์มันเริ่มจะทำให้ความเป็นอยู่ของคุณมันแย่ลง ให้เดินออกมาซะ บางคนก็เป็นพิษเกินกว่าที่จะสามารถแก้ได้ ถ้าหากใครบางคนคอยรบกวนคุณ ก้าวข้ามเส้นคุณเรื่อยๆ ให้จบความสัมพันธ์นั้นซะ ชีวิตนั้นสั้นเกินกว่าที่จะมานั่งใช้เวลากับคนที่ชอบทำร้ายและควบคุมผู้อื่น [14]
    โฆษณา

เคล็ดลับ

  • อย่าปล่อยให้ใครคนอื่นบอกคุณว่าควรจะจัดการหรือใช้เงินของคุณอย่างไร เว้นเสียแต่ว่าเขาจะจ้างคุณให้ทำเช่นนั้น ในการแต่งงาน คนทั้งคู่จะต้องมีสิทธิ์ตัดสินใจเท่าๆ กันว่าจะจัดสรรการใช้เงินอย่างไร และจะสามารถคุยตกลงกันได้เสมอ
  • มองโลกในแง่บวกไว้ เพราะมันจะช่วยให้คุณผ่านมันไปได้
  • วิธีการตอบกลับเพื่อรับมือกับคนที่ชอบควบคุมคือการควบคุมกลับและการไม่ใช้อารมณ์ก้าวร้าว มันดีกว่าที่จะยอมทำตามที่อีกฝ่ายต้องการโดยไม่ไปนั่งวินิจฉัยคนนั้น ความต้องการแต่ละอย่างควรจะมีการพิจารณาก่อนว่ามีเหตุผลหรือไม่ มันไม่สมเหตุสมผลที่เพื่อนของคุณจะห้ามไม่ให้คุณใช้โทรศัพท์สำหรับอะไรที่ไม่สำคัญขณะที่อยู่ด้วยกัน แต่การส่งข้อความกลับหาเพื่อนขณะที่คุณกำลังนั่งดูหนังอยู่ด้วยกันก็เป็นเรื่องที่ไม่สุภาพและไม่จำเป็นสุดๆ

คำแนะนำบางอย่างในบทความนี้เป็นสิ่งที่ขัดแย้งกับคริสเตียน ถ้าหากคุณเป็นชาวคริสเตียน ให้ปรึกษากับที่ปรึกษาของทางคริสเตียนดีกว่า

โฆษณา

คำเตือน

  • ความสัมพันธ์ที่มีการบังคับ และ/หรือ ควบคุมกันสามารถจัดการได้บางครั้ง อย่างไรก็ตามถ้าคุณไม่สามารถที่จะต้านทานการควบคุมได้ตลอดเวลา หรืออีกฝ่ายเป็นคนที่ดื้อดึงมาก และมั่นคง ความสัมพันธ์เหล่านี้อาจจะทำลายความสัมพันธ์อื่นๆ กับครอบครัวและเพื่อนๆ ของคุณก็ได้


โฆษณา

บทความวิกิฮาวอื่น ๆ ที่่เกี่ยวข้อง

เริ่มความสัมพันธ์แบบ Friends with Benefits
ทำให้แฟนเก่ากลับมารักคุณอีกครั้ง
รู้ว่าเมื่อไหร่ที่อีกฝ่ายไม่อยากคุยกับคุณแล้ว
รู้ว่าแฟนสาวของคุณแอบไปนอนกับคนอื่นหรือเปล่า
ทำให้ใครบางคนรู้สึกผิด
พิชิตหัวใจแฟนเก่ากลับมา หลังจากการเลิกรา
ทำให้แฟนเก่าคิดถึงคุณ
หาเสี่ยเลี้ยง
ปลอบโยนแฟนสาวของคุณเมื่อเธอรู้สึกแย่
ดูว่าเพื่อนอิจฉาคุณหรือไม่
ฟื้นฟูความสัมพันธ์ให้กลับมาดีเหมือนเดิม
จบความสัมพันธ์
เรียกความเชื่อใจจากเขาหรือเธอกลับมา
ดูว่าผู้ชายกำลังหลอกใช้คุณเพื่อเซ็กส์หรือไม่
โฆษณา

เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้

มีการเข้าถึงหน้านี้ 4,022 ครั้ง

บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม

โฆษณา