ดาวน์โหลดบทความ ดาวน์โหลดบทความ

แม้จะไม่มีทางลัดในการกำจัดรอยฟกช้ำตามจุดต่างๆ ให้หายไปในพริบตา แต่ก็มีหลากหลายวิธีที่คุณสามารถนำไปใช้เพื่อให้รอยหายไปเร็วขึ้น และถ้าจัดการดีๆ ล่ะก็ รอยช้ำสุดน่าเกลียดนั่นจะหายวับไปภายในไม่กี่วัน เพียงหมั่นนำเทคนิคด้านล่างไปใช้อย่างขะมักเขม้น ไม่รอช้า เลื่อนลงไปอ่านเพื่อค้นหาว่าคุณจะนำวิธีการรักษาด้วยตัวเองและครีมตัวยาต่างๆ มาใช้เพื่อให้รอยฟกช้ำจางลงได้อย่างไรบ้าง

วิธีการ 1
วิธีการ 1 ของ 3:

ดูแลอาการอักเสบ

ดาวน์โหลดบทความ
  1. นำน้ำแข็งมาถูบริเวณที่ฟกช้ำประมาณ 15 นาที ทุกๆ 2-3 ชั่วโมงในช่วง 2-3 วันแรกหลังจากที่เกิดรอย การถูด้วยน้ำแข็งจะช่วยลดการอักเสบและอาการบวม และทำให้รอยช้ำหายไปอย่างรวดเร็ว
  2. หลังจากใช้น้ำแข็งลดการอักเสบเรียบร้อยแล้ว คุณสามารถใช้ผ้าอุ่นๆ (หรือร้อน) กดลงไปบนแผลโดยตรง เพื่อให้เลือดไหลเวียนไปยังเนื้อเยื่อมากขึ้นและทำให้รอยช้ำหายเร็วขึ้นนั่นเอง
  3. หากรอยฟกช้ำอยู่ในบริเวณที่สามารถยกขึ้นได้ เช่น บนแขนขาข้างใดข้างหนึ่ง อย่าลืมยกรอยฟกช้ำขึ้นเหนือระดับหัวใจเพื่อให้เลือดไหลเวียนไปยังจุดฟกช้ำน้อยลง การทำเช่นนี้จะช่วยลดอาการบวม ทำให้เลือดไหลไปยังจุดที่ฟกช้ำช้าลงและน้อยลงและทำให้สีผิวไม่เปลี่ยนไปอีก แต่การยกจะได้ผลดีที่สุดเมื่อทำทันทีหลังจากเกิดรอยฟกช้ำ
  4. ในช่วง 1-2 วันแรกหลังจากเกิดรอยฟกช้ำรุนแรง ควรพักจากการออกกำลังกายหนักๆ ที่ทำให้เลือดสูบฉีดไปทั่วร่างกาย เพราะยิ่งเลือดไหลไปที่รอยฟกช้ำมากเท่าไหร่ รอยก็จะดูแย่ขึ้นเท่านั้น
  5. ใช้นิ้วโป้งนวดเบาๆ บริเวณขอบนอกของรอยช้ำ แต่ต้องระวังอย่ากดแรงเกินไปหรือพยายามนวดเข้าไปกลางรอยฟกช้ำ เพราะอาจทำให้รู้สึกเจ็บได้ และอย่าลืมนวดวนเป็นวงกลมเล็กๆ วิธีการนี้จะช่วยกระตุ้นการทำงานของระบบน้ำเหลืองเพื่อให้ร่างกายของคุณเริ่มปฏิบัติการกำจัดรอยฟกช้ำเองตามธรรมชาติ
  6. หากรอยช้ำได้รับแสงแดดโดยตรงได้สัก 10-15 นาทีต่อวัน รังสียูวีจะทำให้สารบิลิรูบินเริ่มแตกสลายไป เจ้าสารตัวนี้คือตัวการที่ทำให้รอยช้ำกลายเป็นสีเหลือง การได้รับแสงแดดจึงช่วยเร่งกระบวนการนี้และทำให้รอยช้ำหายไปเร็วขึ้นนั่นเอง
    โฆษณา
วิธีการ 2
วิธีการ 2 ของ 3:

รักษาด้วยตัวเอง

ดาวน์โหลดบทความ
  1. ผสมน้ำส้มสายชูเข้ากับน้ำอุ่น และถูลงบริเวณที่เป็นรอยช้ำ น้ำส้มสายชูจะทำให้เลือดไหลเวียนไปยังผิวหนังชั้นบนมากขึ้น และช่วยให้บริเวณที่ฟกช้ำเยียวยาตัวเองได้เร็วขึ้นนั่นเอง
  2. สับปะรดและมะละกอมีเอนไซม์ย่อยอาหารที่เรียกว่าบรอมีเลน ซึ่งมีคุณสมบัติในการย่อยสลายโปรตีนที่ดักจับเลือดและของเหลวไว้ในเนื้อเยื่อในร่างกาย คุณสามารถทานสับปะรดได้มากเท่าที่ต้องการเพื่อช่วยดูดซับเจ้าสารบรอมีเลนนี้ เพื่อให้ร่างกายขับไล่รอยฟกช้ำออกไปได้ในที่สุด
  3. ลองใช้ 2 วิธีการต่อไปนี้เพื่อให้ร่างกายได้รับวิตามินซีในระดับที่เพียงพอให้รอยฟกช้ำหายไปอย่างรวดเร็ว
    • อันดับแรก ต้องแน่ใจว่าคุณทานวิตามินซีเพียงพอ โดยการทานอาหารอย่างส้ม มะม่วง บร็อคโคลี่ พริกไทย และมันเทศ คุณสามารถทานวิตามินซีเสริมได้เช่นเดียวกันเพื่อให้มั่นใจว่าได้รับสารอาหารเพียงพอในแต่ละวัน
    • บดวิตามินซีเม็ดและผสมน้ำลงไปเล็กน้อยพอให้ได้เป็นยาแต้ม แต้มลงไปบริเวณที่ฟกช้ำโดยตรง และทิ้งให้แห้งก่อนล้างออกเบาๆ ด้วยน้ำสะอาด
  4. สารสกัดจากบิลเบอร์รี่มีสารแอนโทไซยาโนไซด์ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระคุณภาพสูงที่ช่วยให้รอยฟกช้ำจางลงได้โดยการรักษาระดับคอลลาเจนและทำให้หลอดเลือดฝอยแข็งแรงขึ้น คุณสามารถหาซื้อสารสกัดจากผลบิลเบอร์รี่ได้ในรูปแบบเม็ดที่ร้านจำหน่ายอาหารเพื่อสุขภาพเกือบทุกแห่ง
  5. พาร์สลีย์อาจมีคุณสมบัติแก้อักเสบซึ่งช่วยให้รอยฟกช้ำจางลงเร็วขึ้นได้
  6. ขิงสดมีคุณสมบัติแก้อักเสบได้เหมือนใบพาร์สลีย์ อีกทั้งยังทำหน้าที่เป็นผู้ช่วยชั้นดีให้กับระบบภูมิคุ้มกันของคุณ สับขิงเป็นชิ้นๆ แช่ลงในน้ำร้อนประมาณ 2-3 นาทีก่อนนำมาดื่ม คุณสามารถทานขิงชนิดแคปซูลหรือบดขิงเพื่อนำมาแต้มลงบนรอยฟกช้ำโดยตรงได้เช่นเดียวกัน
  7. แต้มส่วนผสมที่ได้ลงบนจุดฟกช้ำทิ้งไว้หลายๆ ชั่วโมง และเช็ดออกด้วยกระดาษทิชชู่ถ้าจำเป็น โดยควรทา 1 ครั้งต่อวันจนกระทั่งรอยฟกช้ำหายไป
  8. บดรากคอมฟรีย์และเติมน้ำลงไปเล็กน้อยเพื่อทำยาแต้ม หรือจุ่มสำลีก้อนลงไปในชารากคอมฟรีย์ และแต้มยาหรือสำลีลงบนจุดที่เป็นรอยช้ำ 1 ครั้งต่อวันจนกว่ารอยฟกช้ำจะหายไป
  9. เคลือบรอยฟกช้ำด้วยน้ำมันสกัดจากต้นวิชฮาเซล. ต้นวิชฮาเซลสามารถเร่งกระบวนการเยียวยาและเชื่อกันว่าสามารถลดการอักเสบได้อีกด้วย โดยให้ทาน้ำมันลงบนจุดฟกช้ำทิ้งไว้หลายๆ ชั่วโมง และทำซ้ำอย่างน้อยวันละครั้งจนกว่ารอยฟกช้ำจะหายไป
  10. ใช้อาหารเสริม bromelain แบบรับประทานเพื่อเร่งให้หายไวขึ้น. รับประทาน bromelain ซึ่งเป็นเอ็นไซม์สกัดจากสับปะรดราว 200-400 มก. ให้ได้ 3 ครั้งต่อวันเพื่อเร่งการฟื้นตัวและช่วยร่างกายหายจากการฟกช้ำหลังบาดเจ็บ [1]
    • ควรเลี่ยงอาหารเสริมบางชนิดที่จะทำให้แผลฟกช้ำแย่ลง น้ำมันตับปลา, กรดไขมันโอเมกา 3, กระเทียม, วิตามิน E, กิงโกะ บิโลบา ทั้งหมดล้วนแต่เพิ่มการฟกช้ำ ให้หลีกเลี่ยงจนกว่าอาการจะกลับมาเป็นปกติ [2]
  11. ใช้ด้านในของเปลือกกล้วยถูลงไปบนรอยฟกช้ำ ตามด้วยทานกล้วยให้เกลี้ยง (เพราะมันอร่อยนั่นเอง)
    โฆษณา
วิธีการ 3
วิธีการ 3 ของ 3:

ใช้ยาหรือครีมทา

ดาวน์โหลดบทความ
  1. ทานยาอะเซตามิโนเฟนหรือไอบูโพรเฟน และหลีกเลี่ยงแอสไพริน. ยาแก้ปวดบางชนิดมีคุณสมบัติแก้อักเสบและช่วยบรรเทาความเจ็บปวดและอาการบวมได้ แต่ต้องพยายามหลีกเลี่ยงแอสไพรินเข้าไว้ เพราะอาจทำให้เลือดเจือจางลงและทำให้รอยฟกช้ำแย่ขึ้นนั่นเอง
  2. ทาขี้ผึ้งหรือเจลสกัดจากดอกอาร์นิกาเป็นประจำทุกวัน. อาร์นิกาเป็นพืชสมุนไพรที่มีคุณสมบัติลดการอักเสบและทำให้รอยฟกช้ำจางลงเร็วขึ้น สามารถหาซื้อได้จากร้านขายยาเกือบทุกแห่งในรูปแบบของครีมหรือเจล โดยให้ทาเคลือบบนบริเวณที่ฟกช้ำ 2 ครั้งต่อวันจนกว่ารอยฟกช้ำจะหายไป
  3. ทาวิตามิน K8 ปริมาณประมาณเหรียญบาทเมื่อถูกกระแทก นี่จะช่วยไม่ให้ผิวเกิดฟกช้ำหรือช้ำม่วงจนเกินไป [3]
  4. ถ้ากล้าพอและสามารถหาร้านขายยาครบวงจรที่มีปลิงตัวเป็นๆ จำหน่าย คุณสามารถเอาน้องปลิงตัวเป็นๆ นี่ล่ะวางลงบนรอยฟกช้ำได้โดยตรง ปลิงจะช่วยดูดเลือดออกจากผิวชั้นบนของรอยฟกช้ำได้ในทันที และเพราะน้ำลายของปลิงทำให้คุณรู้สึกชา คุณจึงไม่รู้สึกเจ็บแม้แต่น้อยตลอดทั้งกระบวนการนี้
    โฆษณา

เคล็ดลับ

  • ระวังอย่าให้เกิดรอยฟกช้ำเสียตั้งแต่ต้น!
  • แต่ไม่ต้องกังวลไป โดยปกติรอยฟกช้ำมักไม่ค่อยแย่เท่าไหร่ และจะจางหายไปเองโดยที่เราไม่ต้องทำอะไรเลย
  • โดยปกติรอยฟกช้ำจะหายไปอย่างรวดเร็ว จึงควรพบแพทย์หากรอยช้ำไม่หายไปภายใน 2 สัปดาห์


โฆษณา

เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้

มีการเข้าถึงหน้านี้ 35,848 ครั้ง

บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม

โฆษณา