ดาวน์โหลดบทความ ดาวน์โหลดบทความ

พอเราได้พัฒนาศักยภาพอย่างเต็มที่แล้ว ก็ได้เวลาบรรลุศักยภาพเสียที ถึงแม้การบรรลุศักยภาพสูงสุดของตนเองนั้นต้องมีการวางแผน ต้องใช้เวลา และความพยายาม แต่เราทำได้แน่! การบรรลุถึงศักยภาพสูงสุดของตนเองคือการให้โอกาสตนเองได้ปรับปรุงตัว แต่การทำแบบนี้ไม่ใช่ภารกิจที่ทำครั้งเดียวแล้วสำเร็จทันที เราจึงต้องหมั่นพัฒนาตนเองไปเรื่อยๆ ถึงจะไม่รู้ว่าต้องเดินไปให้ไกลแค่ไหนก็ตาม

ส่วน 1
ส่วน 1 ของ 3:

เตรียมตัวมุ่งสู่ความสำเร็จ

ดาวน์โหลดบทความ
  1. หัวใจสำคัญในการบรรลุถึงศักยภาพสูงสุดของตนเองคือการเป็นบุคคลที่ดีที่สุดเท่าที่เราจะเป็นได้ แต่เพราะคนเราต่างแตกต่างกัน เราจึงต้องหาเงื่อนไขความสำเร็จสำหรับตัวเราเอง ฉะนั้นการรู้จักตนเองเป็นเรื่องสำคัญ
    • เขียนว่าเรามีคุณสมบัติ จุดแข็ง และจุดอ่อนอะไรบ้าง [1]
    • มีอะไรไหมที่เราเคยอยากทำ อยากทำให้ได้ หรืออยากทำให้สำเร็จ ตัวอย่างเช่น การเต้นรำ การร้องเพลง การเขียน หรือการเล่นกีฬา
    • เราคิดว่ามีอะไรไหมที่สามารถปรับปรุงได้บ้าง ตัวอย่างเช่น เป็นคนใจดีมากกว่านี้ได้ไหม สุภาพมากกว่านี้ได้ไหม หรือกล้าแสดงออกมากกว่านี้ได้ไหม
    • มีวิธีการปรับปรุงรูปร่างตนเองที่เราสามารถทำได้บ้างไหม ตัวอย่างเช่น การลดน้ำหนัก การเพิ่มน้ำหนัก หรือการสร้างกล้ามเนื้อ
  2. การตั้งเป้าหมายเป็นส่วนสำคัญของการประสบความสำเร็จ ผลวิจัยแสดงให้เห็นว่าการตั้งเป้าหมายที่เฉพาะเจาะจงจะช่วยทำให้ผู้คนได้ในสิ่งที่ต้องการ [2] ฉะนั้นจงใช้ความจริงข้อนี้ให้เป็นประโยชน์โดยการตั้งเป้าหมายทั้งระยะสั้นและระยะยาวให้แก่ตนเอง
    • เขียนทุกอย่างที่เราต้องการทำให้สำเร็จ
    • ตรวจสิ่งที่เราเขียนและคิดให้ดีๆ ว่าเป็นจริงได้หรือไม่
    • กล่าวถึงเป้าหมายในทางที่ดี แทนที่จะเขียนว่า “ฉันอยากกังวลเรื่องรูปลักษณ์ของตนเองน้อยลง” ให้เขียนว่า “ฉันอยากมั่นใจในรูปลักษณ์ของตนเอง” [3]
    • ตั้งเป้าหมายให้เฉพาะเจาะจง ยิ่งเฉพาะเจาะจงมากเท่าไร ก็ยิ่งเห็นความสำเร็จได้ง่ายขึ้น
  3. พอเห็นว่าเป้าหมายของเราเป็นอะไรที่สามารถทำสำเร็จได้และเป็นไปตามความจริง ให้ลงมือทำตามเป้าหมาย เราอาจต้องใช้เวลาไปให้ถึงเป้าหมาย แต่เราต้องลงมือทำก่อน
    • เน้นกระบวนการเป็นสำคัญ เมื่อมุ่งทำตามกระบวนการมากกว่ามุ่งที่ผล เราก็จะพบว่าการทำตามเป้าหมายนั้นง่ายขึ้น [4]
    • จำไว้ว่าเป้าหมายระยะยาวต้องไม่ตายตัวจนถึงกับต้องทำตามทุกกระเบียดนิ้ว เวลาเปลี่ยน ผู้คนเปลี่ยน ฉะนั้นเป้าหมายของเราก็ต้องเปลี่ยน เป้าหมายไม่ใช่ความจริงที่มีอยู่เพียงหนึ่งเดียว ฉะนั้นจึงไม่จำเป็นต้องยึดติดกับเป้าหมายเดียว ยอมปรับเปลี่ยนเป้าหมายบ้างตามความเหมาะสม
    • เขียนรายการสิ่งที่เราควรทำทุกวันเพื่อจะได้ทำตามเป้าหมาย ทำทุกสิ่งที่ควรทำทุกวัน อย่าได้ขาด
    โฆษณา
ส่วน 2
ส่วน 2 ของ 3:

ออกเดินทางสู่เป้าหมาย

ดาวน์โหลดบทความ
  1. แหล่งของแรงบันดาลใจอาจเป็นบุคคล เหตุการณ์สำคัญในชีวิต หรือเครื่องรางนำโชคของเรา ไม่ว่าจะเป็นอะไร แหล่งของแรงบันดาลใจนั้นจะทำให้เรายิ้มเมื่อตื่นนอนในตอนเช้า และเป็นสิ่งสุดท้ายที่เราอยากมองก่อนนอน หาแรงบันดาลใจให้พบและรักษาไว้
    • ลองหยุดการทำกิจวัตรประจำวันตามปกติสักพักเพื่อหาแรงบันดาลใจดูสิ [5]
    • ฟังดนตรี
    • ใช้เวลาอยู่กับธรรมชาติ [6]
    • นำสมุดบันทึกติดตัวไปด้วย บันทึกช่วงเวลาที่สร้างแรงบันดาลใจลงไป เราจะสามารถย้อนกลับมาดูได้ภายหลัง
  2. การแตกเป้าหมายออกเป็นขั้นตอนยังช่วยให้เรามีโอกาสไปถึงเป้าหมายได้มากขึ้น การทำเป้าหมายระยะสั้นสำเร็จจะช่วยให้เรายังคงมีแรงใจทำตามเป้าหมายระยะยาวต่อไป [7]
    • เขียนเป้าหมายระยะสั้นลงบนปฏิทิน ใช้ปฏิทินเพื่อเราจะได้เห็นและยังคงทำตามเป้าหมายระยะสั้นให้สำเร็จ
    • เราต้องทำให้เป้าหมายระยะสั้นสำเร็จง่ายขึ้นเพื่อจะได้เห็นความสำเร็จของตนเอง [8]
    • อย่างไรก็ตามพอเราเริ่มทำต่อไปได้เรื่อยๆ ลองเพิ่มความท้าทายให้ตนเองมากขึ้นอีกสักหน่อย เมื่อรู้สึกว่าเริ่มทำอะไรสักอย่างง่ายขึ้น ให้เพิ่มความท้าทายลงไปอีกนิด พอเราได้กระตุ้นตนเองจนเป็นนิสัยแล้ว เราก็จะยังคงทำตามเป้าหมายไปเรื่อยๆ
  3. การมีความมั่นใจจะช่วยให้เราบรรลุเป้าหมาย ถึงแม้การมีความเชื่อมั่นอย่างเดียวนั้นไม่เพียงพอ แต่ความคิดเชิงลบ “จะ”เป็นอุปสรรคขัดขวางเราให้เดินไปสู่เป้าหมายช้าลง
    • ดูแลตนเอง แต่งกายให้ดี หวีผมให้เรียบร้อย นั่งด้วยท่าทางที่สง่า และทำให้ตนเองดูดีอยู่เสมอ [9]
    • จงคิดบวก เมื่อเรามีความคิดลบ ปรับความคิดให้เป็นบวกเสีย
    • อย่าเปรียบเทียบตนเองกับผู้อื่น แทนที่จะเอาแต่คิดหาวิธีอยู่เหนือกว่าผู้อื่น ให้มุ่งมองตัวเราและคิดถึงเป้าหมายเป็นสำคัญ [10]
  4. ระหว่างที่เรากำลังพัฒนาศักยภาพตนเองให้สูงสุด สิ่งต่างๆ ในชีวิตย่อมเปลี่ยนแปลงไป ถ้าเราไม่ยอมรับการเปลี่ยนแปลงที่อาจเกิดขึ้น การพัฒนาตนเองก็จะหยุดชะงักไป
    • ให้มุ่งทำสิ่งที่เรา “ทำได้”และ “ทำเสีย”
    • อย่างที่เอ่ยไปข้างต้น จงจำไว้ว่าเราสนใจแต่กระบวนการ
    • จงปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์ใหม่ๆ ด้วยการตั้งเป้าหมายใหม่ๆ
    • จงเปิดใจเพื่อเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ [11]
    โฆษณา
ส่วน 3
ส่วน 3 ของ 3:

บรรลุศักยภาพในระยะยาว

ดาวน์โหลดบทความ
  1. ความพ่ายแพ้และความล้มเหลวย่อมเกิดขึ้น เพราะทั้งสองอย่างนี้เป็นส่วนหนึ่งของชีวิตเรา ความล้มเหลวเป็นวิธีการหนึ่งที่แสดงให้เรารู้ว่าทำอะไรถึงจะได้ผลและทำอะไรถึงไม่ได้ผล ทั้งสองอย่างนี้จะช่วยเราให้รู้ว่าเราทำอะไรได้และต้องทำอะไรเพื่อจะได้บรรลุเป้าหมาย
    • อย่าคิดว่าเราเป็นคนล้มเหลว การทำตามเป้าหมายไม่สำเร็จไม่ได้หมายความว่าเราเป็น “คนล้มเหลว”
    • เดินหน้าต่อ หลังจากได้เรียนรู้อะไรจากความล้มเหลวแล้ว ให้ปล่อยความล้มเหลวนั้นผ่านไป
    • ทางหนึ่งที่จะรักษาสภาพจิตใจของเราให้ยังคงดีอยู่คือมองความพ่ายแพ้เป็นโอกาสที่จะได้เรียนรู้ การพลาดครั้งเดียวไม่ได้หมายความว่าเราจะพลาดอีกในอนาคต ความจริงแล้ว หลังจากที่เราพบความล้มเหลว ตอนนี้เป็นโอกาสที่ดีที่เราจะได้เตรียมตัวเองให้พร้อมเพื่อจะทำให้สำเร็จคราวหน้า
    • นึกภาพความสำเร็จที่ผ่านมา วิธีนี้ทำให้เรามีกำลังใจในการก้าวผ่านความเครียดที่เกิดจากความล้มเหลวไปได้ [12]
  2. ไม่ว่าเรากำลังจัดการปัญหาของตน ตัวอย่างเช่น เราอาจติดยา เป็นโรคย้ำคิดย้ำทำ หรือเผชิญวิกฤติอะไรก็ตาม การมีแรงสนับสนุนภายนอกนั้นช่วยเราได้ แรงสนับสนุนภายนอกนี้อาจเป็นเพื่อน ครอบครัว เพื่อนร่วมงาน หรือคู่หูที่เล่นยิมด้วยกัน เราไม่ต้องรับมือกับปัญหาเพียงลำพัง
    • บอกคนใครสักคนที่เรามักพบเจอบ่อยๆ ถึงเป้าหมายที่เรากำลังมุ่งไปอยู่
    • เมื่อคนในชีวิตของเรารู้จักเป้าหมายของเราแล้ว พวกเขาจะช่วยให้เราไปถึงเป้าหมายได้และเป็นแรงใจให้เรายืนหยัดต่อไป บางครั้งกำลังใจจากตัวเราเองก็ไม่เพียงพอ ต้องได้กำลังใจจากคนรอบข้างด้วย [13]
  3. ลางสังหรณ์มาจากประสบการณ์และสัญชาตญาณ ถึงแม้เราต้องเปิดรับการเปลี่ยนแปลง แต่เราก็ควรเชื่อมั่นในประสบการณ์และความรู้ของเราด้วย
    • เชื่อในประสบการณ์ที่เรามี แต่เปิดรับประสบการณ์ใหม่ด้วย
    • ลางสังหรณ์ช่วยให้เราตัดสินใจได้ดีขึ้น
    • จำไว้ว่าลางสังหรณ์และการไตร่ตรองนั้นไม่เกิดขึ้นพร้อมกัน เราใช้ลางสังหรณ์เพื่อช่วยให้ข้อมูลแก่กระบวนการตัดสินใจของเรา แม้แต่ตอนที่เราไม่ได้พึ่งลางสังหรณ์เต็มที่ก็ตาม [14]
    • ลางสังหรณ์มีประโยชน์เวลาต้องตัดสินใจอะไรอย่างรวดเร็ว วิธีนี้ทำให้เรามีเวลาไปทำตามเป้าหมายที่สำคัญอื่นๆ ต่อไป เราไม่จำเป็นต้องใช้เวลาคิดใคร่ครวญนาน เมื่อต้องตัดสินใจเรื่องอะไรสักอย่าง แต่การใช้ลางสังหรณ์ไม่ได้หมายความว่าเราตัดสินใจเรื่องอะไรก็ตามอย่างผิวเผิน
    • ในบันทึกของเรา ให้จดบันทึกช่วงที่ลางสังหรณ์ช่วยเราไว้ จะได้ใช้เป็นหลักอ้างอิงได้เมื่อกำลังแก้ปัญหาอะไรสักอย่างอยู่
  4. การบรรลุศักยภาพสูงสุดของตนเองเป็นกระบวนการที่ต้องทำตลอดชีวิต เราจะบรรลุเป้าหมายมากมายตลอดทาง แต่ก็ต้องพัฒนาตนเองอย่างสม่ำเสมอ เพราะความสามารถของเรานั้นไม่แน่นอนและเปลี่ยนแปลงได้
    • ถึงแม้เราจะทำตามเป้าหมายได้สำเร็จ ก็ขอให้ทำตามเป้าหมายที่เราเขียนไว้ต่อไป วิธีนี้จะช่วยให้เรายังคงก้าวต่อไปไกลกว่าที่เราคิดไว้
    • ความล้มเหลวไม่ใช่จุดสิ้นสุด ซามูเอล เบ็คเค็ทท์เขียนไว้ว่า “ลองไปเรื่อยๆ พลาดไปเรื่อยๆ จนกว่าจะทำสำเร็จ” [15] ลองทำตามถ้อยคำที่เรียบง่ายนี้ดู แล้วเราจะยังคงทำตามเป้าหมายไปสู่การบรรลุศักยภาพสูงสุดของตนเองได้
    โฆษณา

เคล็ดลับ

  • รักตัวเอง อย่าหวังให้ผู้อื่นมาเคารพและยอมรับเรา ถ้าเราไม่สามารถเคารพและยอมรับตนเองให้ได้ก่อน!
  • จำไว้ว่านี้เป็นแนวทางเท่านั้น เราจะต้องนำมาปรับให้เข้ากับเป้าหมายของตนเอง ตามที่กล่าวไว้ข้างต้น ทุกคนมีศักยภาพสูงสุดที่แตกต่างกัน ฉะนั้นหาศักยภาพของเราให้พบและใช้ศักยภาพที่มีให้ดีที่สุดเท่าที่ทำได้
  • ยิ้มและมองโลกในแง่ดี นี้เป็นถ้อยคำที่ถูกนำไปใช้มากเหลือเกิน แต่ก็เป็นความจริง ยิ้มให้กับคนแปลกหน้าที่เราพบเจอ แล้วเราจะรู้สึกอารมณ์ดีขึ้น ไม่ว่าเราจะอยู่ระหว่างไปศาลหรือไปสำนักงาน การแสดงความมีน้ำใจและการยอมรับทัศนคติจะเป็นแรงบันดาลใจให้เราและทุกคนรอบตัวเรา
  • รู้จักความแตกต่างระหว่างพัฒนาศักยภาพและบรรลุศักยภาพ เราจะพัฒนาศักยภาพตอนที่รู้ว่าศักยภาพนั้นคืออะไรและเริ่มใช้ศักยภาพนั้น การบรรลุศักยภาพคือการทำให้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้เพื่อให้ใกล้เคียงกับศักยภาพที่เราหวังไว้
โฆษณา

เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้

มีการเข้าถึงหน้านี้ 5,936 ครั้ง

บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม

โฆษณา