ดาวน์โหลดบทความ ดาวน์โหลดบทความ

โรคแผลในกระเพาะอาหารหรือแผลเพ็ปติก (Peptic ulcers) คืออาการเจ็บหรือแผลที่พบในกระเพาะอาหารหรือลำไส้เล็ก [1] แม้ว่าบางคนที่เป็นโรคแผลในกระเพาะอาหารนั้นอาจจะไม่รู้เลยว่าพวกเขาเองเป็นโรคนี้อยู่ แต่คนอื่นๆ อาจจะรู้เพราะต้องประสบกับอาการต่างๆ ที่ทำให้เจ็บปวด สำหรับผู้ที่มีอาการนั้น กล้วยนั้นเป็นการรักษาโดยธรรมชาติที่ได้ผล กล้วยนั้นยังสามารถช่วยป้องกันแผลในกระเพาะอาหารตั้งแต่แรกเลยได้ด้วย

วิธีการ 1
วิธีการ 1 ของ 3:

ใช้กล้วยและอาหารอื่นๆ ป้องกันแผลในกระเพาะอาหาร

ดาวน์โหลดบทความ
  1. การทานกล้วย 3 ผลต่อวันจะช่วยป้องกันแผลและลดความเจ็บปวด คุณอาจจะทานกล้วยเปล่าๆ เลย หรือจะใส่มันเพิ่มลงไปในสมูทตี้ หรือจะทานในแบบใดก็ได้ที่คุณชอบ กล้วยนั้นใช้ได้ผลเพราะว่ามันมีโพแทสเซียม แมกนีเซียม แมงกานีส ไฟเบอร์ วิตามินบี 6 วิตามินซี และโฟเลต ในปริมาณสูง งานวิจัยบางชิ้นชี้ว่ามันยังมีเอนไซม์ที่ช่วยหยุดการเติบโตของแบคทีเรียที่ทำให้เกิดแผลในกระเพาะอาหารอยู่สูงด้วย
    • ขอแนะนำให้คุณทานกล้วย 3 ผลต่อวันทันทีที่คุณรู้สึกว่ามีอาการแผลในกระเพาะ คุณควรทานกล้วย 3 ผลต่อวันจนกว่าอาการจะเริ่มทุเลาลง [2]
  2. ในการเพิ่มการทานกล้วยเพื่อการใช้ชีวิตอย่างสุขภาพดี คุณก็จะป้องกันแผลในกระเพาะอาหารได้ดีขึ้น คุณควรทานกล้วยกับผลไม้ที่ไม่มีกรดอื่นๆ ผลไม้ที่ไม่มีกรดนั้นได้แก่ กีวี มะม่วง และมะละกอ หรือลองทานกับผักต้มนิดหน่อย อย่าง บล็อคโคลี่ หรือแครอท คุณควรทานกระเทียมต้น หัวหอม ข้าวโอ๊ต เมล็ดวีต และโฮลเกรนมากขึ้นด้วย [3]
    • อาหารเหล่านี้มีวิตามินอยู่สูงและจะช่วยเร่งระยะเวลาในการสมานของแผล [4]
    • กล้วยนั้นมีคาร์โบไฮเดรตสูง ดังนั้นการจับคู่มันกับโปรตีนและไขมันที่มีประโยชน์จะช่วยป้องกันระดับน้ำตาลในเลือดไม่ให้สูงขึ้นหรือต่ำเกินไป
  3. ผลไม้ที่มีกรดนั้นได้แก่ ส้ม พีช เบอร์รี่ และเกรปฟรุต ผลไม้ที่มีกรดนั้นจะเพิ่มกรดในกระเพาะอาหารและจะทำให้แผลระคายเคืองโดยการย่อยเยื่อเมือกที่กระเพาะให้ทานผลไม้ที่ไม่มีกรดแทน!
  4. ผักดิบๆ นั้นอาจจะเป็นกรด โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ข้าวโพด ถั่วเมล็ดแบน ฟักทองเทศ และมะกอก อย่างที่กล่าวไป อาหารที่เป็นกรดจะทำให้แผลในกระเพาะอาหารระคายเคือง
  5. การดื่มแอลกอฮอล์มากเกินไปซึ่งก็คือมากกว่า 2-3 ดริ๊งต่อวันก็จะทำให้แผลเป็นหนักขึ้นเพราะมันจะมีปฏิกิริยากับแบคทีเรียที่ทำให้เกิดแผลที่มีชื่อว่า Helicobacter pylori (H. pylori) [5] ในการลดปริมาณแอลกอฮอล์นั้นให้ลองดื่มช้าๆ หรือบอกเพื่อนหรือคนที่คุณรักว่าคุณจะดื่มแค่ 2 ดริ๊งต่อวันเพื่อทำให้แผลดีขึ้น [6]
    • อย่าดื่มขณะที่ท้องว่างเพราะมันจะทำให้แผลระคายเคือง
  6. มีความเชื่อกันอย่างแพร่หลายว่ากาแฟนั้นทำให้เกิดแผล แม้ว่างานวิจัยทางการแพทย์ไม่ได้แสดงให้เห็นถึงความเกี่ยวข้องนี้ [7] [8] อย่างไรก็ตาม กรดที่อยู่ในกาแฟนั้นก็มีส่วนทำให้กระเพาะระคายเคืองได้ [9] ในความเป็นจริงแล้ว เครื่องดื่มใดก็ตามที่มีคาเฟอีนนั้นอาจจะทำให้แผลที่เป็นอยู่ระคายเคือง [10] คุณอาจจะรู้สึกดีขึ้นเมื่อเป็นแผลในกระเพาะอาหารหากคุณลองลดการดื่มกาแฟ
  7. การสูบบุหรี่มากๆ นั้นเหมือนกับการดื่มแอลกอฮอล์ซึ่งก็จะทำให้แผลนั้นเป็นหนักขึ้นโดยการมีปฏิกิริยากับแบคทีเรียที่ทำให้เกิดแผลหรือ Helicobacter pylori (H. pylori) การสูบบุหรี่นั้นจะเพิ่มโอกาสของคุณที่จะเป็นแผล [11] หากคุณสูบบุหรี่หนัก ให้ลองค่อยๆ ลดปริมาณที่คุณสูบต่อวัน [12]
  8. ลองเปลี่ยนการใช้ยาแอสไพรินเป็นอะเซตามิโนเฟน. หากคุณรู้สึกปวดหัวหรือมีความจำเป็นต้องใช้ยาแก้ปวด ให้เปลี่ยนไปใช้ยาอะเซตามิโนเฟน เช่นเดียวกับแอลกอฮอล์และการสูบบุหรี่ แอสไพรินจะทำให้แผลเป็นหนักกว่าเดิมโดยเฉพาะอย่างยิ่งกับผู้ที่มีแบคทีเรีย H. pylori ในกระเพาะอยู่แล้ว [13]
    • พูดคุยกับแพทย์เกี่ยวกับการเปลี่ยนยาแก้ปวด
    โฆษณา
วิธีการ 2
วิธีการ 2 ของ 3:

ทานกล้วยให้ได้ผลมากที่สุด

ดาวน์โหลดบทความ
  1. การทำเช่นนี้จะช่วยให้คุณปลดล็อคการรักษาที่ได้ผลที่สุดสำหรับการรักษาแผลในกระเพาะอาหาร กล้วยตากแห้งนั้นมีสาร sitoindosides ซึ่งจะช่วยเพิ่มปริมาณเมือกในระบบย่อยอาหารและจะช่วยป้องกันและสมานแผลในกระเพาะอาหารตามลำดับ กล้วยที่ไม่สุกนั้นจะกระตุ้นเซลล์ให้เติบโตในลำไส้เล็ก และสุดท้ายกล้วยตากแห้งนั้นมีพอลิแซ็กคาไรด์ซึ่งพบในยาป้องกันการเกิดแผล [14]
  2. นำกล้วยมาปอกและรับประทานเพื่อเริ่มการรักษาด้วยธรรมชาติ กล้วยนั้นควรเป็นกล้วยที่ยังไม่สุก. คุณอาจจะปอกกล้วยโดยใช้มือหรือจะค่อยๆ บิที่ด้านบนและปอกเปลือกลงมา หรือจะใช้มีดตัดด้านบนออกจากนั้นก็ปอกเปลือกลงมา
  3. หั่นกล้วยที่ปอกเปลือกแล้วเป็นชิ้นประมาณ 1/8 นิ้ว จากนั้นนำไปตากแห้ง. นำกล้วยไปตากแห้งทั้งแบบตากไว้บนถาดและอบกลางแดดเป็นเวลา 7 วัน หรืออาจจะใช้เตาอบที่อุณหภูมิ 170 องศาฟาเรนไฮต์ (77 องศาเซลเซียส) เป็นเวลา 5 ชั่วโมง [15]
  4. หากคุณไม่มีครก คุณอาจจะใส่กล้วยไปในถุงพลาสติกและใช้ไม้โรลหรือของอื่นๆ ที่หนักบดกล้วย [16]
  5. ทานส่วนผสมนี้ 3 ครั้งต่อวันในตอนเช้า ตอนบ่าย และตอนกลางคืน คุณอาจจะเพิ่มนมหรือของเหลวอย่างอื่นลงไปในส่วนผสมตามต้องการ
    โฆษณา
วิธีการ 3
วิธีการ 3 ของ 3:

ระบุว่าคุณมีแผลในกระเพาะอาหารหรือไม่

ดาวน์โหลดบทความ
  1. หากคุณสุบบุหรี่หรือดื่มแอลกอฮอล์เยอะ คุณก็มีความเสี่ยงที่จะมีแผลในกระเพาะอาหาร [17] แอลกอฮอล์จะลดเยื่อเมือกในกระเพาะอาหารซึ่งจะเพิ่มกรดในกระเพาะ ขณะที่การสูบบุหรี่จะเพิ่มความเสี่ยงที่จะเป็นแผลสำหรับผู้ที่มีแบคทีเรียในกระเพาะแล้ว ครั้งหนึ่งเคยเชื่อว่าแผลในกระเพาะอาหารนั้นเกิดจากอาหารรสจัด อย่างไรก็ตาม มันไม่ได้เป็นตัวการในกรณีนี้
    • คุณอาจจะมีความเสี่ยงหากคนในครอบครัวของคุณนั้นมีประวัติว่าเป็นแผลในกระเพาะอาหาร ใช้แอสไพรินอย่างเป็นประจำ หรือมีอายุมากกว่า 50 ปี [18]
  2. อาการที่ไม่หนักมากของแผลในกระเพาะอาหารนั้นได้แก่จะรู้สึกแสบร้อนในกระเพาะในช่วงระหว่างมื้ออาหารหรือในตอนกลางคืน ท้องอืด จุกเสียด และคลื่นเหียน ในกรณีที่เลวร้ายคุณอาจจะมีอาการถ่ายสีดำ น้ำหนักลด เจ็บปวดอย่างรุนแรง และอาเจียนเป็นเลือด [19]
  3. แผลในกระเพาะอาหารนั้นเกิดจากแบคทีเรียในกระเพาะที่มีชื่อว่า H. pylori. หากคุณมีอาการรุนแรงใดๆ ก็ตาม คุณควรไปที่ห้องฉุกเฉินของโรงพยาบาลทันที หากอาการของคุณนั้นไม่หนักแต่ไม่หายไป คุณควรนัดแพทย์ แพทย์มักจะจ่ายยาปฏิชีวนะและยาลดกรดเพื่อบรรเทาอาการของแผล [20]
    โฆษณา

คำเตือน

  • การรักษานี้ไม่สามารถใช้แทนการรักษาของแพทย์ได้ หากคุณสงสัยว่าคุณอาจจะมีแผลในกระเพาะ คุณควรไปพบกับแพทย์
โฆษณา

เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้

มีการเข้าถึงหน้านี้ 2,178 ครั้ง

บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม

โฆษณา