ดาวน์โหลดบทความ ดาวน์โหลดบทความ

นีล เซดาก้าเคยร้องเพลงไว้ว่า “การเลิกราเป็นเรื่องยาก” ซึ่งเป็นคำพูดที่จริงที่สุดสำหรับใครหลายคน การตัดสินใจเลิกรากับคนรักเป็นสถานการณ์ที่ตึงเครียดและอาจสร้างเจ็บปวดให้แก่ทั้งคู่ แต่การได้ใช้เวลาคิดทบทวนว่านี่คือทางออกที่ดีที่สุดแล้วและการบอกเลิกอย่างมีเหตุผล สุภาพ และสงบอาจช่วยลดความเจ็บปวดและทำให้ความสัมพันธ์จบลงได้ด้วยดี

วิธีการ 1
วิธีการ 1 ของ 2:

ตัดสินใจ

ดาวน์โหลดบทความ
  1. การตัดสินใจในเวลาที่คุณไม่ได้กำลังอารมณ์เสียและสามารถใคร่ครวญได้อย่างรอบคอบนั้นสำคัญมาก เพราะจะช่วยป้องกันไม่ให้คุณด่วนตัดสินใจที่อาจทำให้คุณเสียใจในภายหลังหรือทำให้อีกฝ่ายเจ็บปวด [1]
    • การแก้ปัญหาในเวลาที่คุณอารมณ์เสียนั้นเป็นเรื่องยากและอาจนำไปสู่การตัดสินใจอย่างไม่มีเหตุผล [2]
  2. อธิบายให้ได้ว่าทำไมคุณถึงอยากยุติความสัมพันธ์. คุณต้องอธิบายให้ได้ว่าทำไมคุณถึงอยากเลิกรากับคนรัก เพราะจะช่วยให้คุณแยกแยะได้ว่าปัญหาระหว่างคุณกับคนรักเป็นความขัดแย้งทั่วไปในความสัมพันธ์หรือเป็นปัญหาใหญ่ๆ ที่ไม่อาจประนีประนอมได้ [3]
    • มีแต่คุณเท่านั้นที่จะบอกได้ว่าเรื่องไหนเป็นเรื่องใหญ่ที่ประนีประนอมไม่ได้ และเรื่องไหนเป็นเรื่องที่คุณพอจะหยวนได้บ้าง เช่น ถ้าคนรักของคุณทำไม่ดีกับคนอื่นหรือไม่อยากมีลูก ความขัดแย้งเหล่านี้เป็นปัจจัยสำคัญที่ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ แต่ถ้าปัญหาคือฝ่ายหนึ่งไม่เต็มใจที่จะช่วยงานบ้าน อันนี้อาจเป็นเรื่องที่พอจะยอมกันได้
    • ไม่ว่าคู่ไหนก็ต้องมีทะเลาะกันบ้าง แต่ถ้าเรื่องหยุมหยิมเรื่องไหนที่ทำให้ทะเลาะกันเป็นประจำหรือสุดจะทน มันก็อาจจะกลายเป็นปัญหาใหญ่และบ่งบอกว่าคุณเข้ากันไม่ได้ [4]
    • ถ้าคุณอยู่ในความสัมพันธ์ที่สร้างความเจ็บปวดทางร่างกายหรือจิตใจ นี่เป็นสัญญาณบ่งบอกว่าถึงเวลายุติความสัมพันธ์ได้แล้ว [5]
  3. ลองเขียนเหตุผลว่าทำไมคุณถึงอยากยุติความสัมพันธ์ คุณอาจจะเขียนข้อดีข้อเสียของคนรัก ปฏิสัมพันธ์ และความสัมพันธ์ที่คุณทั้งสองมีร่วมกันด้วยก็ได้ [6]
    • การได้เห็นด้านดีของความสัมพันธ์บนหน้ากระดาษอาจช่วยให้คุณมองเห็นสิ่งดีๆ ในความสัมพันธ์มากกว่าด้านลบที่ผ่านเข้ามาในความรู้สึกที่คุณมีอยู่ในตอนนี้ [7]
    • นอกจากนี้รายการข้อดีข้อเสียยังช่วยป้องกันไม่ให้คุณเลิกรากับแฟนเพราะอารมณ์ล้วนๆ อีกด้วย เช่นความรู้สึกที่ว่า “ฉันรู้สึกได้ว่านี่คือสิ่งที่ฉันควรทำ” [8]
    • จำไว้ว่าการทำร้ายทุกประเภทคือเหตุผลของการเลิกราที่สมเหตุสมผล [9]
    • อ่านรายการข้อดีข้อเสียและคิดให้ถี่ถ้วน ถามตัวเองว่าความสัมพันธ์ในครั้งนี้มันรังแต่จะทำให้ชีวิตคุณตกต่ำมากกว่าจะทำให้ชีวิตคุณดีขึ้นหรือเปล่า [10]
  4. ตัดสินใจว่าพอจะมีอะไรเปลี่ยนแปลงได้บ้างหรือไม่. ถ้าคุณแค่ไม่พอใจคนรักของคุณ ลองคิดดูว่าพอจะเปลี่ยนแปลงทิศทางความสัมพันธ์ได้บ้างหรือไม่ ก่อนที่จะตัดสินใจเลิกรากันเด็ดขาด คุณอาจจะต้องลองแก้ปัญหาดูก่อน ไม่ใช่ว่าเอะอะก็จะเลิกกันอย่างเดียว ถ้าคุณเห็นว่าพอจะเปลี่ยนแปลงอะไรได้บ้าง ให้ดูว่าคนรักของคุณเต็มใจและเปลี่ยนแปลงได้หรือไม่ [11]
    • ถ้าคุณสองคนเคยพูดคุยกันถึงปัญหาที่ว่ามานี้แล้ว แต่ก็ยังไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางที่ดีขึ้นและคุณก็ยังคงรู้สึกไม่พอใจ เจ็บปวด หรือถูกหักหลัง การเลิกกันอาจจะเป็นหนทางเดียวที่จะทำลายวงจรอุบาทว์นี้ได้ [12]
  5. ก่อนที่คุณจะตัดสินใจเลิกรากันอย่างเด็ดขาด บอกเล่าความอึดอัดใจและสิ่งที่คุณคิดให้คนรักของคุณฟัง ให้โอกาสเขาได้เปลี่ยนแปลงตัวเองให้ดีขึ้น แต่ถ้าสุดท้ายแล้วคุณก็ยังตัดสินใจที่จะเลิกกับเขา วิธีนี้ก็อาจจะทำให้การเลิกกันดูกะทันหันน้อยลงและนุ่มนวลขึ้นเพราะคุณได้ระบายความอึดอัดใจของคุณให้เขาได้รับรู้ไปแล้ว [13]
    • การเก็บความอึดอัดใจและความรู้สึกต่างๆ เอาไว้คนเดียวมีแนวโน้มที่จะทำให้คุณฟิวส์ขาดหรือแสดงอารมณ์อย่างไม่เหมาะสมในภายหลัง [14]
    • พยายามบอกคนรักของคุณอย่างสงบด้วยท่าทีที่ให้เกียรติว่าอะไรที่ทำให้คุณไม่พอใจ อย่าตะโกน ด่าทอ หรือว่ากล่าว
    • ถ้าคนรักของคุณนอกใจหรือทำร้ายคุณทางใดทางหนึ่ง คุณก็มีสิทธิ์ที่จะคิดได้ว่าความแตกต่างที่เข้ากันไม่ได้เหล่านี้ไม่ควรค่าแก่การระบายความอึดอัดใจหรือให้โอกาสเขาได้แก้ตัวใหม่
  6. คุณคงไม่อยากรอไปเรื่อยๆ ว่าเมื่อไหร่คนรักของคุณจะเปลี่ยนแปลงตัวเองสักที แล้วสุดท้ายก็ต้องมาน้ำตาเช็ดหัวเข่าด้วยความผิดหวัง การกำหนดเวลาให้คนรักของคุณได้เปลี่ยนแปลงตัวเองจะช่วยให้คุณตัดสินใจได้ง่ายขึ้นในระยะยาว
    • คุณอาจจะบอกหรือไม่บอกคนรักของคุณเรื่องกำหนดระยะเวลาก็ได้ การยื่น "คำขาด" ด้วยการพูดว่า "ฉันจะอยู่กับคุณต่อก็ต่อเมื่อคุณเลิกบุหรี่ได้ภายในเดือนหน้าเท่านั้น" อาจทำให้คนรักของคุณทำตามแค่ในระยะเวลาสั้นๆ แล้วหลังจากนั้นแป๊บเดียวก็กลับไปทำพฤติกรรมอย่างเดิมอีก
    • คุณต้องแน่ใจว่าการยื่นคำขาดช่วยรักษาความสัมพันธ์ไว้ได้จริงๆ เพราะส่วนใหญ่การยื่นคำขาดมักใช้ไม่ได้ผล แต่มันก็อาจจะจำเป็นสำหรับการประคับประคองความสัมพันธ์ของคุณทั้งคู่ให้ดำเนินต่อไปได้ เช่น คุณอาจจะพูดว่า “ถ้าจะคบกันต่อ คุณต้องทำให้ฉันเห็นว่าคุณพยายามเลิกหรือสูบบุหรี่น้อยลงอย่างเห็นได้ชัด” แต่การยื่นคำขาดเช่น “คุณต้องอยากมีลูก” นั้นแทบจะเป็นไปไม่ได้และรังแต่จะทำให้เกิดความร้าวฉานและทำให้อีกฝ่ายรู้สึกผิด [15]
    • สำหรับบางคน การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมที่ทำมานานอาจต้องใช้เวลานานสักหน่อย เช่น คนที่สูบบุหรี่อาจต้องใช้เวลาหลายเดือนหรือหลายปีกว่าจะเลิกบุหรี่ได้ ให้เวลาคนรักของคุณได้พยายามเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมอย่างแน่วแน่สักหน่อย
  7. ถ้าคุณมีปัญหาบางอย่างที่ยังคลุมเครือ เล่าความรู้สึกของคุณให้คนที่คุณไว้ใจฟัง วิธีนี้ช่วยให้คุณได้ระบายความรู้สึกของตัวเองและจะช่วยให้คุณมองเห็นจุดยืนของตัวเองได้อย่างแจ่มแจ้งและมีประสิทธิภาพมากขึ้น นอกจากนี้คนที่คุณไว้ใจเขาอาจจะช่วยเพิ่มมุมมองให้กับพฤติกรรมของคุณและคนรักได้ด้วย [16]
    • คนที่คุณไว้ใจอาจจะเป็นเพื่อน คนในครอบครัว ที่ปรึกษา หรือคนที่ทำงานด้านสุขภาพ
    • คุณต้องแน่ใจว่าคนที่คุณไว้ใจเขาจะไม่ทำลายความไว้เนื้อเชื่อใจของคุณด้วยการเอาเรื่องนี้ไปพูดกับคนอื่นลับหลัง และคุณต้องแน่ใจด้วยว่าเขาหรือเธอจะไม่ปฏิบัติกับคนรักของคุณต่างไปจากเดิมด้วยเช่นกัน [17]
  8. หลังจากที่คุณไตร่ตรองทิศทางหลายอย่างในความสัมพันธ์แล้ว คุยกับคนรักของคุณแล้ว และให้โอกาสคุณทั้งคู่ได้ปรับความเข้าใจกันอีกครั้งตามสมควรแล้ว ก็ถึงเวลาที่คุณจะต้องตัดสินใจแล้วว่า คุณจะเอาอย่างไรกับความสัมพันธ์ในครั้งนี้ [18] ซึ่งจะช่วยให้คุณได้เริ่มต้นใหม่และวางแผนที่จะเลิกรากับคนรักอย่างให้เกียรติและซื่อสัตย์ต่อกัน หรือว่าจะหาทางฟื้นฟูความสัมพันธ์กันต่อไป [19]
    • จำไว้ว่าการตัดสินใจของคุณนั้นมาจากการเลือกสิ่งที่ดีที่สุดให้กับตัวเอง ไม่ใช่คนอื่น [20]
    โฆษณา
วิธีการ 2
วิธีการ 2 ของ 2:

ยุติความสัมพันธ์

ดาวน์โหลดบทความ
  1. วิธียุติความสัมพันธ์ที่ดีที่สุดและให้เกียรติกันมากที่สุดก็คือ การบอกเลิกกันต่อหน้าและพูดคุยถึงเหตุผลที่ทำให้คุณเลือกที่จะยุติความสัมพันธ์ การเลือกเวลาและสถานที่เงียบๆ ที่คุณกับคนรักได้อยู่กันตามลำพังจะช่วยให้ขั้นตอนการยุติความสัมพันธ์ง่ายขึ้นและลดโอกาสที่จะมีอะไรมาขัดจังหวะ [21]
    • เลือกเวลาที่ไม่ใช่ช่วงสัปดาห์ที่ต้องไปทำงานหรือไปโรงเรียน เพื่อที่คนรักของคุณจะได้ฟูมฟายกับตัวเองได้โดยไม่ต้องออกไปพบปะผู้คนโดยทันที [22]
    • คุณอาจจะบอกเป็นนัยให้คนรักหรือสามีภรรยาของคุณทราบก่อนว่าคุณต้องการจะพูดคุยเรื่องอะไร เพื่อให้อีกฝ่ายได้มีโอกาสเตรียมตัวและไม่รู้สึกว่าคุณบอกเลิกโดยไม่ทันตั้งตัว [23] เช่น คุณอาจจะพูดทำนองว่า “ฉันอยากจะคุยกับคุณเรื่องสถานะความสัมพันธ์ของเรากันแบบดีๆ ที่เราจะไม่ทะเลาะกัน”
  2. คุณอาจจะพูดคุยกันเป็นการส่วนตัวเพื่อไม่ให้เสี่ยงต่อการทำให้ตัวคุณเองหรืออีกฝ่ายขายหน้า นอกจากนี้ เลือกสถานที่ที่คุณสามารถเดินออกมาได้ง่ายๆ เพื่อที่คุณจะได้ไม่ต้องติดแหง็กอยู่ในบทสนทนาที่ยืดเยื้อหรืออ้อมไปอ้อมมา [24]
    • ถ้าคุณรู้สึกไม่ไว้ใจคนรักของคุณ ให้บอกเลิกในที่สาธารณะหรือพาคนที่ปกป้องคุณได้โดยไม่ต้องใช้กำลังไปด้วย
    • ถ้าคุณกับคนรักอาศัยอยู่ด้วยกัน การเลิกราอาจกลายเป็นปัญหาใหญ่ที่สร้างความตึงเครียดได้ ขึ้นอยู่กับคุณว่าคุณอยากจะย้ายออกไปทันทีหรือขอเวลาสักหน่อย
    • ถ้าคุณรู้สึกไม่ปลอดภัยหรืออึดอัดที่จะต้องอยู่บ้านเดียวกันกับคนรักของคุณ คุณต้องมีที่ไปด้วย คุณอาจจะย้ายข้าวของออกไปจากบ้านให้หมดตอนที่เธอไม่อยู่บ้าน แล้วค่อยบอกเลิกเธอเมื่อเธอกลับมา หรืออาจจะบอกเลิกแล้วฝากข้าวของบางอย่างไว้ที่บ้าน แล้วตั้งใจว่าจะกลับมาเอาทีหลังเมื่อสถานการณ์สงบลง
  3. ลองคิดว่าคุณอยากจะพูดอะไรกับอีกฝ่ายบ้าง การเตรียมบทสนทนาไว้คร่าวๆ จะช่วยป้องกันไม่ให้คุณใช้อารมณ์มากเกินไปและช่วยดึงสติเวลาคุยกัน นอกจากนี้ยังช่วยไม่ให้คุณทำร้ายอีกฝ่ายมากเกินไปได้ง่ายขึ้นอีกด้วย [25]
    • บทสนทนาตอนที่คุณบอกเลิกกับคนรักอาจกินเวลามากกว่าที่ควร โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าอีกฝ่ายกำลังสิ้นหวังหรือไม่คาดคิดว่าคุณจะบอกเลิกกันมาก่อน บทสนทนาหลายเรื่องอาจจะพูดวนไปเวียนมา เพราะนั้นกำหนดระยะเวลาไว้ด้วยก็ดี [26]
    • ซื่อสัตย์กับคนรักของคุณ แต่ก็อย่าใจร้ายหรือทำร้ายจิตใจกันมากเกินไป คุณอาจจะบอกเขาว่าอะไรที่ทำให้คุณสนใจเขาตั้งแต่แรกหรือเน้นว่าเขามีอะไรดีบ้างขณะที่คุณให้เหตุผลว่าทำไมคุณถึงไม่อยากคบกับเขาอีกต่อไปแล้ว [27]
    • เช่น คุณอาจจะพูดว่า “ตอนที่เราคบกันแรกๆ ฉันประทับใจมากที่คุณเป็นคนเข้ากับคนง่ายแล้วก็ใจดี แต่ตอนนี้ฉันกลัวว่าเป้าหมายในชีวิตของเราสองคนมันต่างกันเกินกว่าที่จะทำให้เราคบกันต่อไปในฐานะคนรักได้”
  4. ถึงแม้ว่าการบอกเลิกกับคนรักโดยที่ไม่ต้องมองตากันด้วยการบอกเลิกทางโทรศัพท์ ส่งข้อความ หรืออีเมลนั้นจะง่ายกว่ากันเยอะ แต่มันดูเย็นชาและไม่ให้เกียรติกัน ถ้าคุณสองคนไม่ได้อยู่ไกลกันและคุณก็เลือกที่จะไม่รอจนกว่าจะเจอกันอีกครั้งค่อยบอกเลิก หรือถ้าคุณไม่ได้กลัวอีกฝ่าย ได้โปรดให้เกียรติเธอในฐานะคนรักเก่าของคุณด้วย เพราะเธอสมควรได้รับสิ่งนั้น [28]
    • นอกจากนี้ การบอกเลิกต่อหน้ายังช่วยให้อีกฝ่ายรับรู้ได้ว่า คุณตั้งใจที่จะยุติความสัมพันธ์ครั้งนี้จริงๆ [29]
  5. นั่งลงบนเก้าอี้พร้อมคนรักแล้วบอกให้เขารู้ว่าคุณตัดสินใจที่จะยุติความสัมพันธ์ บอกเลิกด้วยท่าทีที่สงบและสุภาพเท่าที่คุณจะทำได้ ทำให้เขารู้ว่าคุณได้ตัดสินใจอย่างเด็ดขาดแล้ว เพราะอาจจะช่วยให้สถานการณ์ที่เลวร้ายดูเป็นลบและน่าตกใจน้อยลงนิดนึง [30]
    • อย่าพูดถึงเขาในทางที่ไม่ดีหรือพูดในสิ่งที่คุณอาจจะต้องเสียใจในภายหลัง จำไว้ว่าการกระทำนี้อาจย้อนมาหาตัวคุณและทำร้ายคุณในระยะยาว [31] เช่น คุณไม่ควรพูดว่า “ฉันว่าสุขลักษณะส่วนบุคคลของคุณอยู่ในเกณฑ์ต่ำมาก อยู่กับคุณทีไรฉันขยะแขยงทุกที” แต่ให้พูดว่า “ฉันคิดว่าเรามีสไตล์การใช้ชีวิตที่ต่างกันมากจนมันไม่สามารถปรับเข้าหากันได้” แทน
    • ถ้าเป็นไปได้ อย่าใช้อารมณ์มากเกินไป วิธีนี้จะช่วยลดความรู้สึกผิดทั้งหลายแหล่ที่อาจจะโผล่เข้ามาในหัว และช่วยให้คุณไม่ลังเลกับการตัดสินใจของตัวเองด้วย [32]
    • คุณอาจจะพูดว่า “สำหรับฉัน คุณเป็นคนดีและมีคุณสมบัติมากมายหลายอย่างที่จะทำให้ใครสักคนมีความสุขได้ เพียงแต่ว่ามันไม่ใช่สิ่งที่ฉันมองหาในความสัมพันธ์”
  6. มุ่งประเด็นไปที่ปัญหาความสัมพันธ์ ไม่ใช่ปัญหาของอีกฝ่าย. บอกเขาว่าสำหรับคุณแล้วปัญหาอะไรที่มันทำให้ความสัมพันธ์ต้องสะดุด ไม่ใช่บอกอีกฝ่ายว่าเขาไม่ดีอย่างไร เพราะการบอกข้อเสียของเขาต่อหน้ายิ่งทำให้สถานการณ์ที่มันเลวร้ายอยู่แล้วยิ่งแย่ลงไปอีก [33]
    • เช่น แทนที่จะพูดว่า "คุณทำตัวติดหนึบกับฉันและไม่มั่นคงกับตัวเอง" ให้เปลี่ยนเป็นพูดว่า "ฉันอยากเป็นตัวของตัวเองและต้องการอิสระมากๆ เวลาที่ฉันคบกับใครสักคน" [34]
    • อย่าโทษอีกฝ่ายว่าเป็นสาเหตุที่ทำให้คุณสองคนต้องเลิกกัน เช่น การพูดว่า “คุณสมควรได้เจอใครที่ดีกว่านี้” เป็นการเปิดโอกาสให้อีกฝ่ายได้พูดว่า คุณคือคนที่ดีที่สุดแล้วสำหรับเขา เพราะฉะนั้นไม่มีเหตุผลอะไรที่เราจะต้องเลิกกัน [35] คุณควรพูดว่า “ฉันรู้สึกว่าเรากำลังเลือกทางเดินชีวิตกันคนละเส้นทาง ฉันอยากทำงานในสายวิชาการที่มันต้องเดินทางบ่อยและต้องใช้เวลาอยู่คนเดียวเยอะๆ” แทนจะดีกว่า
  7. ประโยคปลายเปิดบางประโยคและคำพูดบางคำพูดอาจเปิดช่องให้อีกฝ่ายสร้างความหวังลมๆ แล้งๆ ว่าอาจจะยังได้กลับมาคบกันใหม่ การเปิดประตูแง้มไว้ให้เธอมีแต่จะทำให้เธอกับคุณยิ่งเจ็บปวดเข้าไปอีก [36]
    • การที่คุณพูดว่า “เดี๋ยวไว้เราค่อยคุยกันนะ” หรือ“ผมยังอยากเป็นเพื่อนกับคุณอยู่นะ/ ผมไม่อยากให้คุณหนีหายไปจากชีวิตของผม” เป็นการเปิดประตูแง้มให้อีกฝ่ายมีความหวังว่าสุดท้ายแล้วปัญหาทุกอย่างจะคลี่คลายได้ในที่สุด แม้ว่าในใจของคุณนั้นความสัมพันธ์ทั้งหมดจะจบลงไปแล้วก็ตาม [37]
    • คุณอาจจะต้องบอกเธอดีๆ ว่าคุณไม่สามารถติดต่อกับเธอได้อีกต่อไป โดยให้เหตุผลว่านี่คือสิ่งที่ดีที่สุดที่จะช่วยเยียวยาคุณทั้งสองคนได้ [38]
    • ในกรณีที่คุณยังอยากเป็นเพื่อนกันอยู่จริงๆ ให้คุยเรื่องเส้นแบ่งความสัมพันธ์นี้ด้วย เพราะคุณทั้งคู่อาจจะรับรู้ได้ว่าการเลิกราคือทางออกที่ดีที่สุดของปัญหาความสัมพันธ์ แต่คุณก็ต้องชัดเจนว่าคุณคาดหวังและต้องการอะไรจากมิตรภาพระหว่างคุณทั้งคู่
  8. [39] เตรียมโต้ตอบกับข้อโต้แย้ง ปฏิกิริยา และการระเบิดอารมณ์ของอีกฝ่าย วิธีนี้จะช่วยให้คุณยึดมั่นในการตัดสินใจและลดโอกาสที่อีกฝ่ายจะปั่นหัวให้คุณลังเลได้ เตรียมใจไว้เลยว่าคุณจะต้องเจอกับ:
    • คำถาม คนรักของคุณน่าจะอยากรู้ว่าทำไมคุณถึงไม่อยากคบกับเขาอีกต่อไปแล้ว และมีอะไรที่เขาพอจะทำได้เพื่อรักษาความสัมพันธ์เอาไว้ได้บ้างไหม ตอบคำถามนี้ อย่างซื่อสัตย์ เท่าที่จะทำได้ [40]
    • ร้องไห้ คนรักของคุณอาจจะเสียใจมากและแสดงออกให้คุณเห็น คุณปลอบใจเธอได้ แต่อย่าให้ตัวเองถูกปั่นหัวจนทำให้คุณเปลี่ยนใจ [41]
    • เถียง คนรักของคุณอาจเถียงทุกเรื่องที่คุณพูดระหว่างบอกเลิก รวมถึงวิเคราะห์ตัวอย่างสาเหตุที่คุณนำมาใช้เป็นเหตุผลในการบอกเลิกด้วย อย่าหลงติดกับดักการโต้เถียงเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ที่ไม่ได้กระทบภาพรวมของความสัมพันธ์ ทำให้คนรักของคุณรู้ว่าถึงเถียงไปคุณก็ไม่เปลี่ยนใจอยู่ดี ถ้าคนรักพยายามจะหาเรื่องเถียงคุณ คุณก็พูดแค่ว่า “ฉันจะไม่ทะเลาะกับคุณหรอกนะ และถ้าคุณยังขืนพูดต่อละก็ ฉันจะลุกออกไปเดี๋ยวนี้”
    • ต่อรองหรือขอร้อง คนรักของคุณอาจจะบอกว่าเขาจะเปลี่ยนแปลงตัวเองหรือทำอะไรที่ต่างไปจากเดิมเพื่อรักษาความสัมพันธ์เอาไว้ ถ้าคนรักของคุณไม่เปลี่ยนตัวเองตั้งแต่ตอนที่คุณคุยกับเขาก่อนบอกเลิกแล้ว ตอนนี้มันก็สายเกินไปที่จะมาคาดหวังว่าเขาจะเปลี่ยนแปลงตัวเองจริงๆ
    • ด่าทอ คนรักของคุณอาจจะพูดในสิ่งที่มันทำร้ายจิตใจคุณและ "แทงใจดำคุณ" เพื่อให้ตัวเองรู้สึกดีขึ้น เช่น ถ้าคนรักของคุณเรียกคุณด้วยคำหยาบคาย ก็แค่รับรู้และเดินหน้าต่อไป คุณอาจจะพูดว่า “ฉันรู้นะว่าคุณโกรธฉันมาก แต่ฉันจะไม่ยอมทนให้คุณมาเรียกฉันเสียๆ หายๆ แบบนี้ เพราะฉะนั้นฉันว่าเราคุยกันจบแล้ว” การข่มขู่ว่าจะทำร้ายร่างกายหรือทำให้เรื่องบานปลายเป็นเรื่องที่คุณต้องระวัง เพราะฉะนั้นถ้ามีการข่มขู่เกิดขึ้น ให้เดินออกมาทันที
  9. วิธีนี้เป็นหนึ่งในวิธีที่ยากที่สุด แต่ก็เป็นส่วนสำคัญของการบอกเลิกเช่นเดียวกัน พยายามลดการติดต่อกับคนรักเก่าและเพื่อนๆ ของเขาให้น้อยที่สุดเพื่อช่วยลดความรู้สึกผิดหรือให้ความหวังลมๆ แล้งๆ กับอีกฝ่าย
    • ถ้าคุณสองคนมีลูกด้วยกัน คุณก็อาจจะไม่สามารถทำตัวห่างเหินไปเลยได้ พยายามทำตัวสุภาพกับอีกฝ่ายให้มากที่สุดเท่าที่จะทำให้และให้ความสำคัญกับความเป็นอยู่ของลูกมาเป็นอันดับหนึ่ง
    • การลบเบอร์โทรศัพท์ของคนรักออกจากมือถือของคุณและลบอีเมลออกจากคอมพิวเตอร์อาจช่วยได้
    • ถ้าคุณอยู่ด้วยกัน ให้ย้ายออกมาให้เร็วที่สุด ถ้าคุณยังหาที่อยู่ใหม่ถาวรไม่ได้ ให้หาที่ไว้เก็บของหรือหาที่อยู่ชั่วคราวไปพลางๆ ก่อน การยื้อความยุ่งเหยิงไว้ด้วยเรื่อง "ข้าวของ" อาจยิ่งทำให้การเลิกกันยุ่งยากเข้าไปอีก
    • ผ่านไปสักพัก คุณอาจจะพบว่าคุณสามารถเป็นเพื่อนกับอีกฝ่ายได้ ถ้าเป็นอย่างนี้ คุณต้องขีดเส้นแบ่งสำหรับมิตรภาพและความสัมพันธ์อื่นๆ ในอนาคตให้ชัดเจน
    โฆษณา

เคล็ดลับ

  • ถ้าคุณแน่ใจแล้วว่าคุณอยากเลิกกับอีกฝ่าย คุณควรบอกตั้งแต่เนิ่นๆ ดีกว่าปล่อยไว้ให้มันคาราคาซัง แต่ถ้าคนรักของคุณเขาเพิ่งผ่านวันแย่ๆ มาหมาดๆ คุณควรจะรอหาจังหวะที่ดีกว่านี้ เพราะการบอกเลิกตอนที่คนรักกำลังรู้สึกแย่อยู่แล้วจะทำให้การเลิกรายากขึ้นกว่าเดิมสำหรับคุณทั้งสองคน
  • อย่าบอกเลิกตอนที่กำลังทะเลาะกันถึงจุดเดือด ถ้าความสัมพันธ์มันแตกหักเกินแก้ไข พอเลิกทะเลาะกันแล้วและความโกรธหายไปมันก็ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงอยู่ดี การบอกเลิกตอนที่คุณทั้งคู่มีสติและสามารถคุยกันได้อย่างราบรื่นต่างหากคือโอกาสที่ดีที่สุดที่คุณจะได้ปิดฉากความสัมพันธ์
โฆษณา

คำเตือน

  • คุณต้องระลึกไว้เสมอว่าการข่มขู่ว่าจะทำร้ายร่างกายและการถูกคนรักทำร้ายนั้นเป็นเรื่องสำคัญมาก ถ้าเป็นไปได้ให้เอาตัวเองออกจากสถานการณ์ตรงนั้นหรือติดต่อเจ้าหน้าที่ในกรณีที่จำเป็น
โฆษณา

บทความวิกิฮาวอื่น ๆ ที่่เกี่ยวข้อง

เริ่มความสัมพันธ์แบบ Friends with Benefits
ทำให้แฟนเก่ากลับมารักคุณอีกครั้ง
รู้ว่าเมื่อไหร่ที่อีกฝ่ายไม่อยากคุยกับคุณแล้ว
รู้ว่าแฟนสาวของคุณแอบไปนอนกับคนอื่นหรือเปล่า
ทำให้ใครบางคนรู้สึกผิด
พิชิตหัวใจแฟนเก่ากลับมา หลังจากการเลิกรา
ทำให้แฟนเก่าคิดถึงคุณ
หาเสี่ยเลี้ยง
ฟื้นฟูความสัมพันธ์ให้กลับมาดีเหมือนเดิม
ดูว่าเพื่อนอิจฉาคุณหรือไม่
ปลอบโยนแฟนสาวของคุณเมื่อเธอรู้สึกแย่
จบความสัมพันธ์
เลิกชอบเพื่อนรัก
จิตวิทยาการรับมือเพื่อเอาชนะคนหลงตัวเอง
โฆษณา
  1. https://www.psychologytoday.com/blog/pieces-mind/201502/deciding-leave-relationship
  2. https://www.psychologytoday.com/blog/pieces-mind/201502/deciding-leave-relationship
  3. http://kidshealth.org/teen/your_mind/problems/break-up.html#
  4. https://www.psychologytoday.com/blog/pieces-mind/201502/deciding-leave-relationship
  5. https://docs.google.com/document/d/1I79TsZtWbACaCxi3jm2_2Efq0JfcrmrFE9heU7rwcN0/edit?usp=drivesdk
  6. https://www.psychologytoday.com/blog/compassion-matters/201404/5-rules-more-trustworthy-relationship
  7. http://kidshealth.org/teen/your_mind/problems/break-up.html#
  8. http://kidshealth.org/teen/your_mind/problems/break-up.html#
  9. http://kidshealth.org/teen/your_mind/problems/break-up.html#
  10. http://kidshealth.org/teen/your_mind/problems/break-up.html#
  11. https://www.psychologytoday.com/blog/pieces-mind/201502/deciding-leave-relationship
  12. https://www.psychologytoday.com/blog/pieces-mind/201502/deciding-leave-relationship
  13. http://www.huffingtonpost.com/phoebe-fox/how-to-break-up-with-a-really-nice-guy_b_7615572.html
  14. http://www.huffingtonpost.com/phoebe-fox/how-to-break-up-with-a-really-nice-guy_b_7615572.html
  15. http://www.huffingtonpost.com/phoebe-fox/how-to-break-up-with-a-really-nice-guy_b_7615572.html
  16. http://www.huffingtonpost.com/phoebe-fox/how-to-break-up-with-a-really-nice-guy_b_7615572.html
  17. http://www.huffingtonpost.com/phoebe-fox/how-to-break-up-with-a-really-nice-guy_b_7615572.html
  18. http://kidshealth.org/teen/your_mind/problems/break-up.html#
  19. http://kidshealth.org/teen/your_mind/problems/break-up.html#
  20. http://kidshealth.org/teen/your_mind/problems/break-up.html#
  21. http://kidshealth.org/teen/your_mind/problems/break-up.html#
  22. http://kidshealth.org/teen/your_mind/problems/break-up.html#
  23. http://kidshealth.org/teen/your_mind/problems/break-up.html#
  24. http://kidshealth.org/teen/your_mind/problems/break-up.html#
  25. http://www.huffingtonpost.com/phoebe-fox/how-to-break-up-with-a-really-nice-guy_b_7615572.html
  26. http://www.huffingtonpost.com/phoebe-fox/how-to-break-up-with-a-really-nice-guy_b_7615572.html
  27. http://www.huffingtonpost.com/phoebe-fox/how-to-break-up-with-a-really-nice-guy_b_7615572.html
  28. http://www.huffingtonpost.com/phoebe-fox/how-to-break-up-with-a-really-nice-guy_b_7615572.html
  29. http://www.huffingtonpost.com/phoebe-fox/how-to-break-up-with-a-really-nice-guy_b_7615572.html
  30. http://cmhc.utexas.edu/fightingfair.html
  31. http://kidshealth.org/teen/your_mind/problems/break-up.html#
  32. http://kidshealth.org/teen/your_mind/problems/break-up.html#

เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้

มีการเข้าถึงหน้านี้ 7,746 ครั้ง

บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม

โฆษณา