ดาวน์โหลดบทความ
ดาวน์โหลดบทความ
การมีผิวพรรณเปล่งปลั่งเป็นสิ่งกระตุ้นความมั่นใจที่ดี แต่ก็ไม่ใช่สิ่งที่ขึ้นเองเกิดตามธรรมชาติเสมอไป การปฏิบัติตามขั้นตอนการบำรุงผิวหน้าอันได้แก่การทำความสะอาดและเติมความชุ่มชื้นให้ผิวหน้าเป็นเวลา 1 สัปดาห์อย่างเคร่งครัดช่วยให้คุณมีผิวเปล่งปลั่งได้ก็จริง แต่การบำรุงผิวที่ถูกต้องมีอะไรมากกว่าแค่การล้างหน้า การสร้างและรักษาผิวพรรณให้เปล่งปลั่งเกี่ยวข้องกับนิสัยประจำวันเป็นอย่างมาก และการควบคุมนิสัยเหล่านั้นจะช่วยให้คุณรักษาผิวพรรณอันเปล่งปลั่งนี้ให้อยู่กับคุณได้นานๆ
ขั้นตอน
-
ศึกษาประเภทผิวขั้นพื้นฐาน. ผิวแบ่งออกเป็น 5 ประเภทได้แก่ ผิวแห้ง ผิวมัน ผิวผสม ผิวธรรมดา และผิวแพ้ง่าย คุณต้องรู้ว่าผิวของคุณจัดอยู่ในประเภทไหนก่อนดูแลบำรุงผิว เพราะผิวแต่ละประเภทต้องการการดูแลที่ไม่เหมือนกัน เพราะฉะนั้นการศึกษาวิธีดูแลผิวของตัวเองจะทำให้ผิวของคุณเปล่งปลั่งได้มากที่สุด
-
ทำความสะอาดผิว. ในการที่จะทดสอบเพื่อให้รู้ประเภทผิวของตัวเองนั้น คุณต้องทำความสะอาดด้วยผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดสูตรอ่อนโยนเพื่อกำจัดสิ่งสกปรกส่วนเกิน เครื่องสำอาง และน้ำมัน จากนั้นใช้ผ้าขนหนูซับให้แห้ง แต่อย่าถูเพื่อไม่ให้ระคายเคืองผิว
-
ใช้กระดาษทิชชู่หรือกระดาษเช็ดปากกดลงบน T โซน. หลังจากทำความสะอาดใบหน้าและปล่อยให้ผิวแห้งแล้ว ให้รอ 30 นาทีแล้วค่อยทดสอบผิวของคุณในบริเวณ T โซน ใช้กระดาษทิชชู่หรือกระดาษเช็ดปากกดลงบน T โซนเบาๆ และต้องให้ผิวบริเวณนั้นทั้งหมดสัมผัสกับกระดาษ
- บริเวณ T โซนได้แก่บริเวณหน้าผากและจมูก นึกภาพตัว T บนใบหน้า โดยที่เส้นแนวนอนอยู่เหนือคิ้วและเส้นแนวตั้งอยู่ตรงแนวจมูก
-
สังเกตที่ทิชชู่. เอากระดาษออกจากใบหน้าและดูสิ่งสกปรกและน้ำมันจากผิวหน้าที่ทิ้งคราบลงบนกระดาษเพื่อระบุประเภทของผิว ข้อแตกต่างที่คุณอาจสังเกตได้ก็คือ:
- ผิวแห้ง: ผิวคุณจะรู้สึกยืดและตึง มีผิวที่แตกเป็นขุยและผิวที่ตายแล้วหลังจากที่คุณทำความสะอาดใบหน้า และมีรูขุมขนเล็ก หากคุณมีผิวประเภทนี้ คุณจะต้องเน้นไปที่การบำรุงผิวหน้าให้ชุ่มชื้นมากเป็นพิเศษ
- ผิวมัน: หน้ามันวาวมีน้ำมันอยู่บนกระดาษทิชชู่และมีรูขุมขนกว้าง ในการที่จะให้ผิวหน้าประเภทนี้เปล่งปลั่งนั้น คุณจะต้องลดการผลิตน้ำมันลงด้วยการใช้ผลิตภัณฑ์ที่บางเบามากยิ่งขึ้น เพราะคุณคงไม่อยากให้ผิวหน้าของคุณเปล่งปลั่งจากน้ำมันหรอกใช่ไหม!
- ผิวผสม: กระดาษทิชชู่จะมีคราบมันเพราะผิวบริเวณ T โซนมัน แต่แก้มกับส่วนอื่นๆ บนใบหน้าอาจจะปกติหรือแห้ง ผิวประเภทนี้เป็นผิวที่พบได้บ่อยมากๆ และสามารถบำรุงรักษาได้ง่าย
- ผิวธรรมดา: กระดาษทิชชู่จะมีน้ำมันเล็กน้อยและไม่มีขุยผิวออกมา ซึ่งหมายความว่าผิวหน้าของคุณมีสุขภาพดีและผลิตน้ำมันในปริมาณที่เพียงพอ ไม่มากไป ไม่น้อยไป แต่คุณยังคงต้องบำรุงผิวหน้าทุกวันเพื่อรักษาความเป็นปกติของผิวหน้าเอาไว้
- ผิวแพ้ง่าย: ร่องรอยผิวประเภทนี้อาจจะไม่ได้ปรากฏลงบนกระดาษทิชชู่ แต่มันอาจจะแสดงออกบนใบหน้าหลังจากที่คุณเอาทิชชู่ออกแล้ว หน้าของคุณแดงหรือระคายเคืองไหม คุณมักจะรู้สึกแสบหน้าหลังจากใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวหน้าหรือเปล่า ถ้าเป็นอย่างนั้น คุณน่าจะมีผิวแพ้ง่ายและต้องการการดูแลมากเป็นพิเศษเวลาทำความสะอาดผิวหน้า เพื่อให้คุณแน่ใจว่าคุณไม่ได้ใช้ผลิตภัณฑ์ที่รุนแรงกับผิวหน้ามากเกินไป
โฆษณา
-
รู้จักขั้นตอนล้างเช็ดทา (ล้างทำความสะอาด เช็ดด้วยโทนเนอร์ และทามอยซ์เจอไรเซอร์). ปฏิบัติตามขั้นตอนบำรุงผิวหน้าในแต่ละวันอย่างเคร่งครัด คุณต้องทำตามขั้นตอนนี้ทุกวันเพราะจะทำให้ผิวของคุณชุ่มชื้นและสะอาดอย่างที่ผิวต้องการ การปฏิบัติตามขั้นตอนเหล่านี้ในตอนเช้าจะช่วยให้คุณเริ่มต้นวันใหม่ด้วยใบหน้าที่สดชื่นและสะอาด จากนั้นให้ทำขั้นตอนเหล่านี้ซ้ำอีกครั้งตอนกลางคืน [1] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
- คนที่มีผิวแพ้ง่ายหรือผิวแห้งควรทำตามขั้นตอนนี้แค่วันละครั้ง เพราะการทำความสะอาดผิวมากเกินไปอาจทำให้ผิวแห้งยิ่งกว่าเดิมและทำให้ผิวระคายเคืองมากยิ่งขึ้น ถ้าคุณมีผิวแห้ง ให้ทำตามขั้นตอนล้างเช็ดทาในตอนเช้า จากนั้นลบเครื่องสำอางและทามอยซ์เจอไรเซอร์ลงบนใบหน้าตอนกลางคืนก่อนนอน
- อย่าลืมว่าการขัดผิวก็สำคัญไม่แพ้กัน สำหรับผิวธรรมดาหรือผิวมันให้ขัดหน้าด้วยผลิตภัณฑ์สครับผิวหน้าหรือสารเร่งการผลัดเซลล์ผิว 2-3 ครั้งต่อสัปดาห์ และ 1-2 ครั้งสำหรับผิวแห้งหรือผิวแพ้ง่าย
-
ล้างทำความสะอาดผิวหน้า. ซื้อผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดใบหน้าที่นุ่มนวลและอ่อนโยนสำหรับการล้างหน้าในแต่ละวัน เริ่มจากการล้างหน้าด้วยน้ำอุ่นเพื่อกำจัดสิ่งสกปรกออกจากผิว จากนั้นใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดกำจัดน้ำมันและทำความสะอาดใบหน้า เทผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดลงบนปลายนิ้วแล้วค่อยๆ ถูลงบนใบหน้าและลำคอเป็นวงกลมโดยเริ่มล้างจากกลางใบหน้าก่อน จากนั้นล้างด้วยน้ำอุ่นและใช้ผ้าขนหนูซับให้แห้ง [2] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
- คุณต้องแน่ใจว่าผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิวหน้าเหมาะกับประเภทผิวของคุณ เวลาซื้อผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดใบหน้ามันมักจะมีข้อมูลบนขวดที่อธิบายว่า ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิวขวดนั้นเหมาะกับผิวประเภทไหน นอกจากนี้คุณยังสามารถใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดใบหน้าที่มาจากธรรมชาติที่อาจระคายเคืองผิวหน้าคุณน้อยกว่าก็ได้
- ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดเนื้อครีมจะชุ่มชื้นมากกว่าจึงอาจทำให้ใบหน้าของคุณรู้สึกสดชื่นมากกว่าและอาจจะดีกว่าหากคุณมีผิวแห้ง แต่ถ้าคุณมีผิวมันหรืออยากจะลบเครื่องสำอางออก ก็สามารถใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดเนื้อเจลได้
- ล้างเครื่องสำอางก่อนนอนเสมอแม้ว่าคุณจะล้างหน้าตอนเช้าเป็นประจำอยู่แล้วก็ตาม การทิ้งเครื่องสำอางไว้บนใบหน้าขณะหลับจะทำให้ใบหน้าของคุณรู้สึกมันเยิ้มมากกว่าเดิมในตอนเช้าและอาจอุดตันรูขุมขน คุณสามารถใช้ผลิตภัณฑ์เช็ดเครื่องสำอางหรือแผ่นเช็ดเครื่องสำอางลบเครื่องสำอางที่แต่งตาหรือแต่งหน้าได้
-
เช็ดด้วยโทนเนอร์. หยิบสำลีก้อนกลมและเทโทนเนอร์ลงบนสำลี หรือจุ่มสำลีก้อนกลมลงในโทนเนอร์และเช็ดบริเวณ T โซนและบริเวณอื่นๆ ที่ต้องการทำความสะอาดเป็นพิเศษ ถ้าคุณมีผิวมัน โทนเนอร์เป็นตัวช่วยที่ดีในการแก้ไขผิวบริเวณที่มีปัญหา [3] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
- ถ้าคุณมีผิวแห้งหรือผิวแพ้ง่าย ให้ระวังเวลาใช้โทนเนอร์เพื่อไม่ให้ผิวแห้งมากกว่าเดิมและทดสอบโทนเนอร์ในจุดเล็กๆ เพื่อดูว่ามีผลกับผิวอย่างไรก่อนเสมอ โทนเนอร์บางตัวอาจจะแรงกว่าตัวอื่นๆ เพราะฉะนั้นคุณต้องอ่านข้างขวดและศึกษาก่อนว่าโทนเนอร์ตัวไหนเหมาะกับผิวแห้งหรือผิวแพ้ง่ายมากที่สุด
-
ทามอยซ์เจอไรเซอร์ลงบนผิว. พอคุณทำความสะอาดใบหน้าแล้ว ให้ทามอยซ์เจอไรเซอร์เพื่อให้ผิวของคุณชุ่มชื้นและสุขภาพดี มอยซ์เจอไรเซอร์แบ่งออกเป็นประเภทต่างๆ ให้เลือกมากมาย คุณจึงสามารถเลือกอันที่เหมาะกับผิวของคุณได้ ถึงคุณจะมีผิวมันคุณก็ต้องเติมความชุ่มชื้นให้ผิวอยู่ดี เพียงแต่ต้องเลือกอันที่บางเบาและเหมาะสำหรับผิวมันเป็นพิเศษ การซื้อมอยซ์เจอไรเซอร์ที่มี SPF เป็นความคิดที่ดีในการป้องกันการทำร้ายจากแสงแดดระหว่างวัน
-
ใช้อายครีม. เนื่องจากบริเวณใต้ตาเป็นผิวส่วนที่บางที่สุด ผิวบริเวณนี้จึงขาดความชุ่มชื้นเป็นอย่างมาก ป้ายอายครีมปริมาณเท่าเมล็ดถั่วบริเวณใต้ดวงตารอบๆ กระดูกเบ้าตาและให้ครีมซึมลงในผิว วิธีนี้ยังมีประโยชน์หากคุณมีรอยคล้ำใต้ตา ริ้วรอย หรือตาบวม [4] X แหล่งข้อมูลอ้างอิงโฆษณา
-
คิดถึงเรื่องที่ทำให้เครียดในชีวิต. คุณรู้สึกเหมือนมีเรื่องต่างๆ ถาโถมเข้ามาเต็มไปหมด ทำงานหนักเกินไป หรือเครียดเรื่องอะไรหรือเปล่า ความเครียดอาจทำให้เกิดสิวเพิ่มขึ้นได้ เพราะฉะนั้นให้สังเกตสิ่งเหล่านี้ที่ทำให้คุณรู้สึกเหนื่อยล้าและพยายามหาวิธีตัดมันออกไปจากชีวิตหรือลดผลกระทบเพื่อให้สุขภาพของคุณดีขึ้น
- เวลาที่คุณเครียด ร่างกายจะหลั่งฮอร์โมนความเครียดได้แก่คอร์ติซอล ซึ่งจะไปกระตุ้นการผลิตน้ำมันของผิวหนัง ทำให้สิวเพิ่มขึ้น [5] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
- การนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอสามารถลดระดับความเครียดได้ เวลาที่คุณเสียชั่วโมงนอนไป 1 ชั่วโมง คุณจะเสี่ยงต่อการเกิดความเครียดทางจิตใจเพิ่มขึ้นถึง 14% ลองคิดดูว่าถ้าคืนนึงคุณเสียชั่วโมงการนอนไป 4 ชั่วโมง นั่นเท่ากับว่าคุณเพิ่มโอกาสเสี่ยงถึง 50%! พยายามตั้งเป้านอนหลับให้ได้ 7 ชั่วโมงต่อวันเพื่อที่คุณจะได้ไม่เสี่ยงกับการมีสิวขึ้นจากความเครียดที่เกิดจากการพักผ่อนไม่เพียงพอ [6] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
-
หลีกเลี่ยงอาหารที่ทำลายสุขภาพ. อาหารการกินของคุณเป็นหนึ่งในส่วนที่สำคัญที่สุดของการรักษาผิวให้สะอาด ถ้าคุณกินอาหารที่มันเลี่ยนหรืออาหารขยะ ผิวของคุณก็จะทำปฏิกิริยากับอาหารนั้นๆ และทำให้มีโอกาสเกิดสิวมากขึ้น ใส่ใจประเภทของอาหารที่คุณกินและดูว่าอาหารสัมพันธ์กับการเกิดสิวบนใบหน้าหรือไม่
- อาหารที่มีน้ำตาลทรายสูงที่เรียกกันว่าอาหารค่าดัชนีน้ำตาลสูงนั้นสามารถก่อให้เกิดสิว เพราะฉะนั้นให้อ่านฉลากโภชนาการและพยายามหลีกเลี่ยงอาหารที่มีน้ำตาลเหล่านี้สูง [7] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
-
กินอาหารที่มีสารต้านอนุมูลอิสระ วิตามิน และสารอาหารที่ดีอื่นๆ. แม้ว่าจะมีอาหารต่างๆ มากมายที่ทำให้ผิวของคุณแย่ลง แต่ก็มีอาหารมากมายที่มอบคุณประโยชน์ให้ผิวเช่นกันเนื่องจากมีสารอาหารดีๆ ที่จำเป็นต่อการกักเก็บความชุ่มชื้นและทำให้ผิวมีสุขภาพดี สิ่งที่คุณควรเน้นเวลาเลือกอาหารสำหรับรับประทานได้แก่ : [8] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
- ซีลีเนียม เป็นแร่ธาตุที่ช่วยปกป้องผิวของคุณจากอนุมูลอิสระที่อาจทำให้เกิดริ้วรอย ผิวแห้ง และโรคบางโรค คุณสามารถพบแร่ธาตุเหล่านี้ได้ในอาหารเช่น ถั่วบราซิล กุ้ง เนื้อแกะ ปลาทูน่า ปลาแซลมอน โฮลวีตพาสต้า เครื่องในสัตว์ และเนื้อวัวปรุงสุก
- สารต้านอนุมูลอิสระ ซึ่งช่วยไม่ให้สารอนุมูลอิสระเข้าสู่ร่างกายของคุณเช่นเดียวกัน ผักและผลไม้สีสันสดใสอย่างเบอร์รี มะเขือเทศ ผักโขม บีทรูม บร็อกโคลี และมันเทศล้วนมีสารต้านอนุมูลอิสระทั้งสิ้น
- โคเอนไซม์คิวเทน เป็นสารต้านอนุมูลอิสระตัวหลักในร่างกายที่ลดลงเมื่อคุณแก่ขึ้น โคเอนไซม์คิวเทนสามารถพบได้ในปลาแซลมอน ปลาทูน่า สัตว์ปีก ตับ และธัญพืชเต็มเมล็ด ผลิตภัณธ์บำรุงผิวบางอย่างก็มีโคเอนไซม์คิวเทนเพื่อป้องกันการเกิดริ้วรอย
- วิตามินเอ -- ป้องกันไม่ให้ผิวแห้งแตกเป็นขุย สามารถพบได้ในแคร์รอต แคนตาลูป ส้ม ผักใบเขียว ไข่ และผลิตภัณฑ์นมไขมันต่ำ นอกจากนี้คุณยังสามารถซื้อผลิตภัณฑ์รักษาสิวตามแพทย์สั่งที่มีส่วนผสมของวิตามินเอที่เรียกว่าเรตินอยด์ที่จะช่วยลบเลือนริ้วรอยและจุดด่างดำได้อีกด้วย
- วิตามินซี -- ช่วยปกป้องคุณจากดวงอาทิตย์และป้องกันการทำลายจากแสงแดด คุณสามารถพบวิตามินซีได้ในพืชตระกูลส้ม พริกหวานสีแดง มะละกอ กีวี่ บร็อกโคลี และกะหล่ำดาว
- วิตามินอี -- เป็นสารต้านอนุมูลอิสระอย่างหนึ่งที่ช่วยปกป้องผิวจากการทำลายของแสงแดดและป้องกันการอักเสบ รับประทานอาหารจำพวกถั่วเปลือกแข็ง เมล็ดพืช น้ำมันพืช มะกอก ปวยเล้ง หน่อไม้ฝรั่ง และผักใบเขียวเพื่อให้ได้วิตามินอี
- ไขมันดี -- ใช่แล้ว ไขมันบางอย่างนั้นดีกับตัวคุณ! มองหาโอเมก้า 3 และโอเมก้า 6 ที่ช่วยสร้างตัวกักเก็บน้ำมันธรรมชาติในผิว ซึ่งจะทำให้ผิวของคุณไม่แห้งและปราศจากจุดบกพร่อง และยังทำให้ผิวของคุณดูอ่อนเยาและเรียบเนียนขึ้นด้วย คุณสามารถพบกรดไขมันได้ในน้ำมันมะกอกและน้ำมันดอกคาโนลา เมล็ดแฟล็กซ์ วอลนัต และปลาทะเลในเขตหนาวจัดเช่นแซลมอน ซาร์ดีน และแม็กเคอเรล
- ชาเขียว -- ชาเขียวเปรียบเหมือน "ยาวิเศษ" สำหรับผิวเพราะช่วยยับยั้งการอักเสบ ชะลอความเสียหายของ DNA และป้องกันการทำลายจากแสงแดด
-
ดื่มน้ำมากๆ. น้ำสำคัญต่อสุขภาพของคุณหลายประการด้วยกัน และการดื่มน้ำอย่างเพียงพอระหว่างวันจะช่วยให้ผิวของคุณดูแวววาวฉ่ำน้ำ ดื่มน้ำมากขึ้นจนถึงวันละ 8 แก้วเพื่อให้ร่างกายและผิวของคุณปราศจากสารพิษ [9] X แหล่งข้อมูลที่เชื่อใจได้ University of Wisconsin Health ไปที่แหล่งข้อมูล
- เช่นเดียวกับอวัยวะอื่นๆ ในร่างกาย ผิวหนังเกิดจากเซลล์หลายๆ เซลล์ที่ถ้าปราศจากน้ำก็จะไม่สามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ผิวหนังเป็นอวัยวะสุดท้ายที่จะได้รับน้ำที่คุณดื่มเข้าไป ดังนั้นคุณต้องดื่มน้ำให้เพียงพอเพื่อที่น้ำจะได้ไปหล่อเลี้ยงผิวของคุณ [10] X แหล่งข้อมูลที่เชื่อใจได้ University of Wisconsin Health ไปที่แหล่งข้อมูล
-
ออกกำลังกายบ่อยๆ. การออกกำลังกายเป็นประจำไม่เพียงช่วยลดระดับความเครียดเท่านั้น แต่ยังเพิ่มการไหลเวียนของเลือดที่ส่งออกซิเจนไปยังเซลล์ผิวของคุณมากขึ้นและลำเลียงของเสียจากเซลล์ออกไปด้วย แต่อย่าลืมว่าเหงื่ออาจทำให้เป็นสิวได้ เพราะฉะนั้นคุณต้องรักษาความสะอาดของผิวหลังออกกำลังกาย [11] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
-
ใช้ครีมกันแดด. เรื่องนี้ย้ำกันเท่าไหร่ก็ไม่พอ หนึ่งในวิธีที่ทำลายผิวของคุณมากที่สุดก็คือการให้ผิวเจอกับแสงแดดมากเกินไป คุณอาจจะคิดว่าคุณกำลังได้ "ความเปล่งปลั่งแบบธรรมชาติ" จากการทำผิวแทน แต่การให้ผิวได้รับแสงแดดโดยไม่ปกป้องผิวของคุณเพิ่มความเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งผิวหนัง อาจเกิดจุดด่างดำจากแสงแดด และยังทำให้สิวแย่ลงอีกด้วยเนื่องจากการอักเสบจากการไหม้แดด [12] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
- เมื่อไหร่ก็ตามที่ออกไปข้างนอก ให้ทาครีมกันแดด ครีมกันแดดก็ถูกออกแบบมาเพื่อผิวประเภทต่างๆ กัน เพราะฉะนั้นถ้าคุณมีผิวมัน ให้หาครีมกันแดดเนื้อบางเบาที่มีส่วนผสมอย่าง avobenzone, oxybenzone, methoxycinnamate, octocrylene และ zinc oxide นอกจากนี้คุณยังสามารถหาฉลากที่บอกว่า noncomedogenic ได้อีกด้วย ซึ่งหมายความว่าไม่อุดตันรูขุมขน [13] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
-
อย่าจับหน้า. อาจดูเป็นคำแนะนำไร้สาระ แต่สิวอาจเกิดจากน้ำมันที่อยู่บนมือของคุณ ตลอดทั้งวันให้สังเกตดูว่าคุณเอามือไปไว้ตรงไหนบ้าง คุณเท้าคางหรือแก้มบนฝ่ามือของคุณหรือเปล่า คุณคอยเอามือลูบคลำจุดบกพร่องบนผิวหรือเอามือปัดผมออกจากใบหน้าตลอดเวลาหรือไม่ ทั้งหมดนี้ทำให้เกิดน้ำมันบนใบหน้า ซึ่งถ้าหากมีมากเกินไปก็อาจทำให้เกิดสิวได้
- โทรศัพท์มือถือของคุณก็มีเชื้อโรคและน้ำมันที่ติดใบหน้าคุณได้ง่าย ความร้อนจากโทรศัพท์มือถือสามารถเพิ่มจำนวนแบคทีเรียได้ และพอคุณเอาโทรศัพท์มาแนบหน้าตอนคุยโทรศัพท์ก็เป็นการให้ผิวหน้าสัมผัสกับเชื้อโรคจากแบคทีเรียมากมาย ให้ทำความสะอาดโทรศัพท์ของคุณด้วยกระดาษเปียกหรือผลิตภัณฑ์ฆ่าเชื้อที่มือวันละครั้ง [14] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
โฆษณา
-
ปรับสีผิวให้สม่ำเสมอ. หลายคนมีผิวกะดำกะด่างหรือมีรอยจ้ำแดง เพราะฉะนั้นการปรับโทนสีผิวให้เสมอกันเพื่อลบเลือนรอยแดงจึงเป็นขั้นตอนสำคัญในการมีผิวเปล่งปลั่งดูสุขภาพดี ทาครีมบำรุงผิวที่มีสี เกลี่ยให้เท่ากันทั่วผิวหน้า อย่าลืมเลือกครีมที่โทนสีเดียวกับผิวของคุณ (อย่าเลือกใช้ครีมสีบรอนซ์ถ้าคุณมีผิวขาวเหลือง) และอย่าโบ๊ะหนาจนเกินไป หามอยซ์เจอไรเซอร์ปรับสีผิวที่เนื้อค่อนข้างบางเบา [15] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
- ถ้าผิวของคุณก้ำกึ่งระหว่าง 2 เฉดสี ให้เลือกครีมที่มีเฉดสีขาวกว่าผิวของคุณเล็กน้อย
-
ทาคอนซีลเลอร์. ใช้คอนซีลเลอร์ที่ขาวกว่าผิวของคุณเล็กน้อย ซึ่งจะช่วยอำพรางจุดบกพร่อง รอยแดง และรอยคล้ำใต้ตา แตะคอนซีลเลอร์ปริมาณเล็กน้อยลงบนผิวบริเวณที่มีปัญหาและใช้นิ้วเกลี่ยเบาๆ ทาคอนซีลเลอร์ใต้ดวงตาเพื่อให้ดวงตาดูสดใสและปกปิดรอยบวมหรือรอยคล้ำ หรือคุณจะใช้คอนซีลเลอร์กับผิวบริเวณไหนก็ได้ที่มีรอยแดงหรือมีสีผิวไม่สม่ำเสมอ [16] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
- คุณต้องใช้ในปริมาณที่พอดี ถ้าคุณใช้คอนซีลเลอร์มากไปและเกลี่ยไม่ดี ก็จะกลายเป็นว่าคุณดึงความสนใจมาที่จุดบกพร่องนั้น ในขณะเดียวกันถ้าคุณใช้น้อยเกินไป คุณก็จะไม่สามารถปกปิดจุดบกพร่องหรือบริเวณที่มีปัญหาได้มิด
-
ปัดบรอนเซอร์. เลือกบรอนเซอร์ที่สีเข้มกว่าเฉดสีผิวของคุณ 1 หรือ 2 เฉด และใช้แปรงคาบูกิปัดบรอนเซอร์ที่ใบหน้า คอ และหน้าอกเพื่อเกลี่ยให้ทั่ว แตะแปรงลงบนบรอนเซอร์ ปัดบรอนเซอร์ส่วนที่เกินออก และปัดเป็นวงกลม [17] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
- แปรงคาบูกิสามารถหาซื้อได้ในร้านขายยาส่วนใหญ่ในแผนกเครื่องสำอาง เป็นแปรงทรงพุ่มกลมๆ ขนแปรงหนาสั้น [18] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
-
เติมสีสัน. ในการสร้างความสว่างให้กับแก้มนั้น ให้เลือกบลัชออกสีชมพูอ่อนหรือส้มพีชแล้วปัดขนานไปกับโหนกแก้ม ยิ้มในกระจกแล้วปัดบริเวณกลมๆ บนแก้ม ปัดบลัชออนขึ้นไปทางขมับ ใช้ในปริมาณที่แค่ให้หน้าพอดูสว่างเล็กน้อย บลัชออนช่วยทำให้หน้าดูไม่แบนจนเกินไป [19] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
-
ทาไฮไลต์เนื้อครีม. ขั้นตอนนี้จะทำหรือไม่ทำก็ได้ แต่จะช่วยเน้นกรอบหน้าให้ดูเด่นขึ้นและทำให้หน้าสว่างแบบขาวมุก ทาไฮไลต์เนื้อครีมลงบนโหนกแก้ม ปลายจมูก รอยหยักบนปาก (กลางริมฝีปากบนที่เป็นรอยเว้า) และตามแนวโค้งของคิ้ว จากนั้นใช้ปลายนิ้วเกลี่ยเพื่อให้ส่วนที่ไฮไลต์ดูเป็นธรรมชาติ [20] X แหล่งข้อมูลอ้างอิง
-
ชื่นชมผลลัพธ์. พอคุณแต่งหน้าเสร็จแล้ว ให้มองตัวเองในกระจกและชื่นชมความเปล่งปลั่งแบบธรรมชาติของตัวเอง! การแต่งหน้าสไตล์นี้ควรจะทำให้คุณดูเป็นธรรมชาติมากๆ เหมือนไม่ได้แต่งหน้าเลย เพราะฉะนั้นถ้าการแต่งหน้าของคุณมันชัดเจนจนสังเกตได้ คุณก็อาจจะลองทำให้มันดูเบาบางลงเล็กน้อยโฆษณา
เคล็ดลับ
- การเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นในชั่วข้ามคืนได้ยาก เพราะฉะนั้นให้อดทนกับกระบวนการนี้และสร้างนิสัยที่ดีต่อไป คุณต้องทำอย่างต่อเนื่องและสม่ำเสมอ การสร้างนิสัยที่ดีเหล่านี้ต้องอาศัยเวลาและความสม่ำเสมอ เพราะฉะนั้นถ้าคุณไม่ทำเลยตลอดทั้งสัปดาห์ คุณก็อาจจะกลับมาทำนิสัยเดิมใหม่ได้ยาก
- ซักเครื่องนอนเป็นประจำเพื่อไม่ให้น้ำมันสะสมบนปลอกหมอนมากเกินไป
- บางครั้งการใช้สบู่ก้อนธรรมดาก็ดีกับการทำความสะอาดผิว โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าผิวของคุณเกิดปฏิกิริยาระคายเคืองจากการใช้ผลิตภัณฑ์อื่นๆ
- ถ้าสิวของคุณเห่อมากๆ ให้ไปหาแพทย์ผิวหนังที่อาจจะให้คำแนะนำอื่นๆ หรือสั่งยาเฉพาะให้คุณ
โฆษณา
คำเตือน
- อย่าบีบสิวเด็ดขาด เพราะจะทำให้เป็นแผลเป็นและคุณก็เพิ่มน้ำมันบนใบหน้าให้มากขึ้นไปอีกจากการสัมผัสใบหน้าตัวเอง
- ถ้าคุณพบว่าคุณใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดใบหน้าแล้วแต่สิวก็ยังขึ้นอยู่ เป็นไปได้ว่าผลิตภัณฑ์ตัวนั้นอาจมีสารเคมีอันตรายที่ระคายเคืองผิวหน้าของคุณ ลองเปลี่ยนไปใช้ผลิตภัณฑ์อื่น และคุณก็อาจจะลองล้างหน้าด้วยผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดแค่วันละครั้งก็ได้
โฆษณา
ข้อมูลอ้างอิง
- ↑ http://www.stylishwalks.com/get-fair-glowing-skin-7-days-week-naturally/
- ↑ http://www.instyle.com/news/5-steps-correctly-washing-your-face
- ↑ http://www.instyle.com/news/5-steps-correctly-washing-your-face
- ↑ http://www.instyle.com/news/5-steps-correctly-washing-your-face
- ↑ http://www.webmd.com/beauty/skin/effects-of-stress-on-your-skin
- ↑ http://www.webmd.com/skin-problems-and-treatments/acne/features/lifestyle
- ↑ http://www.webmd.com/beauty/anti-aging-skin-care-11/diet-healthy-skin
- ↑ http://www.webmd.com/beauty/skin/ss/slideshow-skin-foods
- ↑ http://www.uwhealth.org/madison-plastic-surgery/the-benefits-of-drinking-water-for-your-skin/26334
- ↑ http://www.uwhealth.org/madison-plastic-surgery/the-benefits-of-drinking-water-for-your-skin/26334
- ↑ http://www.webmd.com/skin-problems-and-treatments/acne/features/lifestyle
- ↑ http://www.webmd.com/skin-problems-and-treatments/acne/features/lifestyle?page=2
- ↑ http://www.webmd.com/skin-problems-and-treatments/acne/features/lifestyle?page=2
- ↑ http://www.webmd.com/skin-problems-and-treatments/acne/features/lifestyle?page=2
- ↑ http://www.elle.com/beauty/makeup-skin-care/how-to/g26420/dewy-summer-glow-makeup-tutorial/?slide=2
- ↑ http://www.hhblife.com/beauty/makeup-tips/get-glowing-skin-and-even-tone-6-makeup-tricks.html
- ↑ http://www.health.com/health/gallery/0,,20366013_5,00.html
- ↑ http://www.health.com/health/gallery/0,,20366013_4,00.html
- ↑ http://www.hhblife.com/beauty/makeup-tips/get-some-color-and-glow-blush-vs-bronzer.html
- ↑ http://www.elle.com/beauty/makeup-skin-care/how-to/g26420/dewy-summer-glow-makeup-tutorial/?slide=6
- Videos provided by Kaushal Beauty
เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้
มีการเข้าถึงหน้านี้ 4,365 ครั้ง
โฆษณา