ดาวน์โหลดบทความ ดาวน์โหลดบทความ

รอยกระคือจุดบนผิวหนังที่มีสีเข้มกว่า บางคนมีรอยกระทั่วบริเวณจมูกและแก้มและบางคนมีรอยกระตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า รอยกระเป็นกรรมพันธุ์เพราะฉะนั้นคุณอาจจะมีหรือไม่มีก็ได้ ถ้าหากผิวของคุณมีรอยกระได้ง่ายการได้รับแสงแดดจะยิ่งทำให้คุณมีรอยกระที่เป็นธรรมชาติมากขึ้น ถ้าหากคุณไม่มีรอยกระที่เป็นธรรมชาติคุณก็ยังสามารถมีรอยกระปลอมโดยใช้เครื่องสำอางหรือการสัก

วิธีการ 1
วิธีการ 1 ของ 4:

การมีรอยกระอย่างเป็นธรรมชาติ

ดาวน์โหลดบทความ
  1. รอยกระมาจากกรรมพันธุ์ซึ่งเกิดจากการผลิตเม็ดสีที่ไม่เท่ากัน รอยกระเกิดขึ้นเมื่อเม็ดสีรวมตัวกันอย่างเข้มข้นภายใต้บริเวณใดบริเวณหนึ่งของผิวหนัง [1]
    • รอยกระที่เป็นธรรมชาติส่วนใหญ่มีขนาดเล็กและไม่เป็นอันตราย รอยกระเหล่านี้มักจะเกิดขึ้นบริเวณที่สัมผัสแสงแดด เช่น ใบหน้าและเป็นรอยกระประเภทที่คุณต้องการ พวกมันมีสีที่แตกต่างกัน เช่น สีแทน น้ำตาล ดำ เหลืองหรือแดง
    • บางครั้งรอยกระก่อตัวขึ้นจากการถูกแดดเผา รอยกระเหล่านี้มีขนาดใหญ่และมีขอบเขตที่ไม่ปกติ ถึงแม้ว่ารอยกระไปมักจะจางหายไปเมื่อคุณสัมผัสแสงแดดน้อยลงแต่รอยกระที่เกิดจากการถูกแดดเผาจะยังคงอยู่
  2. ถ้าหากคนในตระกูลของคุณไม่มีรอยกระ คุณก็จะไม่สามารถมีรอยกระที่เป็นธรรมชาติได้ ผู้คนที่มักมีรอยกะคือคนที่มีผมสีแดงและผิวสีขาวซีดแต่ไม่จำเป็นเสมอไป ผู้คนที่มีผมสีเข้มมักจะไม่มีรอยกระแต่พวกเขายังสามารถมีรอยกระได้ คนที่มีผมและสีตาอ่อนมักจะมีรอยกระ
    • ตรวจสอบครอบครัวของคุณเพื่อดูว่าคุณมีกรรมพันธุ์ที่มีรอยกระหรือไม่ คุณควรพิจารณาถึงพี่น้อง พ่อแม่ ปู่ย่าตายายและบรรพบุรุษของคุณและคุณควรพิจารณาคนในตระกูลคนอื่นๆ ที่มีพันธุกรรมแบบเดียวกับคุณอีกด้วย
  3. รอยกระเกิดจากการสัมผัสรังสียูวี ถ้าหากคุณมีรอยกระที่เป็นธรรมชาติการอยู่ท่ามกลางแสงแดดจะช่วยทำให้รอยกว่าชัดเจนมากขึ้นแต่คุณควรระวังและห้ามอยู่ท่ามกลางแสงแดดนานเกินไปจนคุณถูกแดดเผา การทาครีมกันแดดที่มีค่า SPF 20-30 จะยังทำให้ผิวมีสีแทนในขณะที่ปกป้องผิวของคุณไม่ให้ถูกแดดเผา
    • เมื่อรังสียูวีสัมผัสเอพิเดอร์มิส (ผิวชั้นนอก) ก็จะทำให้ผิวชั้นนอกหนาขึ้นเล็กน้อยทำให้เซลล์ในร่างกายผลิตเม็ดสีมากขึ้นเป็นผลให้สีของรอยกระเข้มขึ้นจนสังเกตเห็นได้
    • ถ้าหากคุณต้องการข้ามขั้นตอนการอาบแดดก็ควรสัมผัสรังสียูวีที่ร้านเสริมสวย ทำตามคำแนะนำของร้านเสริมสวยเกี่ยวกับเวลาที่ต้องใช้เพื่อทำให้ผิวสีแทนเพราะการทำให้ผิวสีแทนมากเกินไปในร้านเสริมสวยอาจนำไปสู่การเป็นโรคมะเร็งผิวหนัง
  4. การสัมผัสรังสียูวีมากเกินไปอาจเป็นปัจจัยหลักที่ทำให้ผิวเสี่ยงกับการเป็นโรคมะเร็งผิวหนัง ถึงแม้ว่ารังสียูวีอาจเป็นเหมือนเพื่อนรักถ้าหากคุณต้องการมีรอยกระแต่มันสามารถทำให้คุณมีผลข้างเคียงที่ไม่ค่อยดีนัก คุณควรกำหนดเวลาที่คุณอยู่ท่ามกลางแสงแดดโดยไม่ทาครีมกันแดดหรือสวมเสื้อผ้าเพื่อป้องกันรังสียูวี
    โฆษณา
วิธีการ 2
วิธีการ 2 ของ 4:

การวาดรอยกระด้วยอายไลเนอร์

ดาวน์โหลดบทความ
  1. เริ่มด้วยสีน้ำตาลเฉดเดียวกับพื้นสีผิวของคุณเช่น อายไลเนอร์สีแทนจะได้ผลดีกว่าถ้าหากคุณมีผิวสีเย็นและมีอันเดอร์โทนสีเหลือง อายไลเนอร์สีน้ำตาลประกายเบอร์กันดีจะดูดีกว่าถ้าหากคุณมีผิวสีอุ่นและมีอันเดอร์โทนสีแดง คุณจะต้องใช้อายไลเนอร์สีน้ำตาลทองอ่อนและอีกสีที่เข้มกว่าเดิม 1 เฉด
    • สีน้ำตาลประกายทองเข้าได้กับสีผิวทุกชนิด
    • ถ้าหากคุณไม่แน่ใจว่าสีใดที่จะดูเป็นธรรมชาติก็ควรเปรียบเทียบเฉดสีกับสีคิ้วของคุณ เฉดสีอ่อนควรมีสีเข้มกว่า 2 เฉดและเฉดสีเข้มควรมีสีเข้มกว่านั้นอีก 1 เฉด
  2. ใช้ดินสอเพื่อวาดจุดเล็กๆ ที่ไม่เท่ากันทั่วบริเวณจมูกและด้านบนของแก้ม อย่าวาดเยอะเกินไปเพราะรอยกระจะดูไม่เป็นธรรมชาติถ้าคุณวาดเยอะจนเกินไป
    • ทำให้จุดมีขนาดไม่เท่ากัน รอยกระควรมีขนาดเท่ากับหัวเข็มหมุดแต่บางจุดควรมีขนาดเล็กกว่าจุดอื่นและควรมีขนาดไม่เท่ากัน
    • อย่าพยายามทำให้อีกด้านหนึ่งเหมือนกับอีกด้านหนึ่ง
  3. [2] ใช้เฉดสีที่เข้มกว่าเพื่อวาดรอยกระ คนที่มีรอยกระตามธรรมชาติมักจะมีรอยกระมากกว่า 1 สีเพราะรอยจะมีสีเข้มขึ้นตามอายุ
    • ดูในกระจกเพื่อให้มั่นใจว่าจุดไม่ทับกัน
    • ชั้นที่ 2 ของรอยกระควรมีปริมาณน้อยกว่าชั้นแรก
  4. ถ้าหากคุณต้องการทำรอยกระให้นุ่มนวลเพื่อให้ดูเป็นธรรมชาติก็ควรใช้ปลายนิ้วหรือสำลีค่อยๆ แตะบริเวณนั้น คุณยังสามารถใช้แปรงเกลี่ยอายแชโดว์เพื่อปัดรอยกระ
  5. ขั้นตอนนี้เป็นตัวเลือกของคุณแต่การฉีดสเปรย์หรือทาแป้งจะช่วยให้รอยกระติดทนมากขึ้นและยังทำให้ผิวดูวาวและมีสุขภาพดีขึ้น
    โฆษณา
วิธีการ 3
วิธีการ 3 ของ 4:

การสร้างลุคอิ่มแดด

ดาวน์โหลดบทความ
  1. ใช้แปรงแต่งหน้าขนาดใหญ่เพื่อปัดบรอนเซอร์บนสันจมูกและด้านบนของแก้มตามแนวโหนกแก้ม [3] บรอนเซอร์ช่วยให้ผิวของคุณมีพื้นสีที่เข้มขึ้นเพื่อวาดรอยกระปลอม คุณควรมีผิวสีแทนภายใต้รอยกระนั้นเพราะรอยกระที่เป็นธรรมชาติเกิดจากการสัมผัสแสงแดด
    • คุณไม่จำเป็นต้องปัดบรอนเซอร์ทั่วใบหน้าเพราะการทำเช่นนั้นจะทำให้สีผิวโดยรวมของคุณดูเข้มอย่างไม่เป็นธรรมชาติ
    • ใช้บรอนเซอร์เนื้อแมทแทนเนื้อชิมเมอร์เพื่อให้ดูเป็นธรรมชาติมากขึ้น
  2. คุณควรเลือกดินสอเขียนคิ้วที่มีสีอ่อนกว่าที่คุณมักจะใช้วาดคิ้วตามปกติ 2 เฉด ดินสอเขียนคิ้วแห้งกว่าอายไลเนอร์และสีจะไม่เข้มเท่าซึ่งเป็นสิ่งที่คุณต้องการสำหรับลุค
  3. ปลายดินสอของคุณต้องคมเมื่อเริ่มวาด ใช้ดินสอวาดจุดเล็กๆ บริเวณสันจมูกและด้านบนของแก้มที่คุณปัดบรอนเซอร์เอาไว้
    • วาดรอยกระให้แน่นบริเวณด้านบนของจมูกและใต้ดวงตา กระจายรอยกระในบริเวณอื่นๆ
    • วาดรอยกระเล็กๆ แต่มีขนาดไม่เท่ากัน รอยกระเหล่านี้ควรมีขนาดไม่เท่ากันโดยบางจุดมีขนาดใหญ่กว่าและไม่จำเป็นต้องมีรูปแบบที่ตายตัว
  4. ถอยห่างและดูกระจกเพื่อตรวจสอบว่ารอยกระของคุณดูเป็นอย่างไร ใช้โอกาสเพื่อเติมจุดในช่องว่างที่ดูไม่เป็นธรรมชาติหากจำเป็น ซับรอยกระด้วยปลายนิ้วหรือสำลีชิ้นเล็กเพื่อทำให้รอยกระดูนุ่มนวล
  5. ถ้าหากคุณต้องการมีรอยกระที่ดูชัดเจนก็ไม่ควรใช้รองพื้นแต่ถ้าหากดินสอที่คุณใช้มีสีเข้มจนเกินไปหรือคุณอยากทำให้รอยกระดูเนียนกว่าเดิมก็สามารถใช้แป้งผสมรองพื้นปัดทับบางๆ
    • อย่าใช้รองพื้นชนิดเหลวเพราะจะทำให้รอยกระปลอมของคุณเลือนหายไป
    โฆษณา
วิธีการ 4
วิธีการ 4 ของ 4:

การสักรอยกระเพื่อความงาม

ดาวน์โหลดบทความ
  1. การสักเพื่อความงามใช้เข็มไฟฟ้าที่ปล่อยหมึกสีลงไปยังผิวชั้นใน [4] การสักเพื่อความงามเป็นที่รู้จักในชื่อของเครื่องสำอางถาวร ขั้นตอนเหล่านี้ใช้เพื่อสักคิ้ว ขอบตาหรือริมฝีปากแต่การสักเพื่อสร้างรอยกระซึ่งเป็นที่นิยมเมื่อไม่นานมานี้
    • เข็มที่กลวงและสั่นจะเจาะผ่านชั้นผิวของคุณและปล่อยหมึกสี
    • ถึงแม้ว่าคุณสามารถลบรอยสักเพื่อความงามแต่มันทำได้ยากและผิวของคุณอาจจะดูไม่เหมือนเดิมอีก
  2. ปรึกษาช่างมืออาชีพที่มีเครื่องมือสำหรับการสักเพื่อความงาม. คุณต้องมั่นใจว่าช่างมืออาชีพที่คุณจ้างรู้ว่าเขากำลังทำอะไรอยู่เพื่อลดความเสี่ยงของผลข้างเคียงที่ไม่ดี เช่น การติดเชื้อ
    • ตรวจสอบความน่าเชื่อถือของช่างสักแต่ละคน ทำให้มั่นใจว่าพวกเขาได้รับการฝึกฝนและมีใบอนุญาต
    • ขอคำแนะนำจากศัลยแพทย์หรือลูกค้าคนก่อนๆ พูดคุยกับลูกค้าคนก่อนๆ และขอดูรูปก่อนและหลังการสักรอยกระ
  3. ช่างมืออาชีพอาจจะมีแนวคิดแต่ถ้าหากคุณต้องการได้ลุคที่คุณหวังไว้ก็ควรอธิบายให้ชัดเจน ถ้าหากเป็นไปได้ก็ควรเตรียมรูปเพื่อตัดสินใจว่ารอยกระแบบไหนที่เหมาะสมกับคุณ
    • ช่างสักจะช่วยหาสีและเฉดสีของรอยกระที่ดูดีที่สุดสำหรับคุณ
    • คุณควรอธิบายบริเวณที่คุณต้องการมีรอยกระ
  4. เมื่อถึงเวลาก็ควรนัดช่างและทำการสัก ก่อนเริ่มขั้นตอนช่างสักจะวาดสเก็ตบริเวณที่จะทำการสักโดยใช้ปากกาสำหรับการผ่าตัดที่ฆ่าเชื้อแล้ว ช่างสักจะทาเจลยาชาเพื่อทำให้บริเวณนั้นชา คุณอาจจะรู้สึกอาการตึงระหว่างขั้นตอน
    • ทำให้มั่นใจว่าช่างสักสวมถุงมือและใช้อุปกรณ์ที่ผ่านการฆ่าเชื้อแล้วระหว่างขั้นตอน
  5. คุณจะต้องลดอาการบวมด้วยการประคบเย็นและทายาฆ่าเชื้อเพื่อลดความเสี่ยงของการติดเชื้อ [5] ทำตามคำแนะนำของช่างสักเกี่ยวกับวิธีการดูแลบริเวณนั้นในระหว่างที่ฟื้นตัว
    • จำไว้ว่ารอยกระจะมีสีเข้มหลังจากการสักทันที คุณไม่ควรกังวลเพราะสีจะจางลงไปยังเฉดสีจริงหลังการสักประมาณ 2-3 สัปดาห์
    • ถ้าหากบริเวณที่สักนั้นบวม เจ็บหรือมีอาการแดงผิดปกติหลังจาก 2-3 วันก็เป็นไปได้ว่าคุณอาจจะติดเชื้อหรือมีอาการแพ้
    โฆษณา

คำเตือน

  • อย่าใช้เวลาท่ามกลางแสงแดดนานเกินไปโดยไม่สวมเสื้อผ้าป้องกันหรือทาครีมกันแดดการสัมผัสรังสียูวีมากเกินไปอาจทำให้เกิดปัญหากับผิวหนังรวมไปถึงความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นของการเป็นโรคมะเร็งผิวหนัง
โฆษณา

สิ่งที่คุณต้องใช้

  • อายไลเนอร์หรือดินสอเขียนคิ้วสีน้ำตาล
  • บรอนเซอร์
  • สเปรย์หรือแป้งเซ็ตเครื่องสำอาง

เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้

มีการเข้าถึงหน้านี้ 1,868 ครั้ง

บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม

โฆษณา