ดาวน์โหลดบทความ ดาวน์โหลดบทความ

การเป็นคนลึกลับทำให้คุณมีเสน่ห์น่าค้นหา ไม่ว่าจะเพศอะไร การรักษาองค์ประกอบที่ลึกลับไว้กับตัวเองอาจทำให้คนอื่นอยากรู้จักคุณมากขึ้นและทายโน่นนี่มากมาย แม้ว่าบางครั้งการทำตัวลึกลับอาจทำให้คุณดูถือตัวหรือเป็นคนแปลกๆ แต่การทำตัวลึกลับอย่างสง่างามพร้อมกับใส่ใจคนรอบข้างก็เป็นวิธีเริดๆ ที่จะทำให้เพื่อนๆ คนรัก และคนที่คุณพบเจอคลั่งไคล้ไปกับตัวตนของคุณที่อาจซ่อนอยู่ข้างในได้แล้ว

วิธีการ 1
วิธีการ 1 ของ 2:

เข้าใจพื้นฐานก่อน

ดาวน์โหลดบทความ
  1. หรือพูดอีกอย่างก็คือหุบปากไว้นั่นเอง ถ้าคุณเป็นคนเปิดเผย ไม่กังวลเรื่องอนาคต พูดเป็นต่อยหอย มันก็ยากที่จะนิ่งเฉยไม่พูดอะไร แต่การบอกให้ทุกคนรู้เรื่องราวในชีวิตตั้งแต่ครั้งแรกที่พบกันหรือไปเดตกันก็อาจทำให้คนอื่นหมดความสนใจในตัวคุณก็ได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้ารายละเอียดนั้นมีข้อมูลมากเกินไป ทำตัวสบายๆ เงียบๆ นิ่งๆ มาเป็นนักสังเกตให้มากขึ้นดีกว่า
    • การบอกคนอื่นทุกเรื่องมักทำให้คนอื่นกลัว เพราะพวกเขาจะสงสัยว่าทำไมคุณถึงเปิดเผยเรื่องราวในชีวิตได้ง่าย ขนาดนั้น และพวกเขาก็จะกังวลว่าคุณต้องการให้ พวกเขา เปิดเผยแค่ไหนด้วย เรียนรู้ที่จะแยกแยะว่าคุณควรเล่าอะไรให้คนที่คุณแทบไม่รู้จักฟัง และเว้นที่ว่างไว้ให้พวกเขาจินตนาการกันบ้าง
    • รู้ว่าเมื่อไหร่ควรพูด เพลโตบอกไว้ว่าไงจำได้มั้ย "คนฉลาดพูดเพราะมีเรื่องต้องพูด แต่คนโง่พูดเพราะต้องหาเรื่องพูด" [1] เพราะฉะนั้นจงเป็นคนฉลาด อย่าเป็นคนโง่
  2. มั่นใจในตัวเอง . การเป็นคนลึกลับต้องอาศัยความมั่นใจมากพอที่จะไม่รู้สึกว่าต้องพูดเพื่อไม่ให้เกิดช่องว่างในบทสนทนา นอกจากนี้คุณยังต้องไม่หวั่นไหวกับความเงียบตามธรรมชาติที่เกิดขึ้นในปฏิสัมพันธ์ประจำวันระหว่างผู้คนด้วย ใช้ช่องว่างในบทสนทนาให้เป็นประโยชน์มากยิ่งขึ้นเพื่อขยายความหมายของสิ่งที่คุณพูด จริงๆ ยิ่งไปกว่านั้นการเป็นคนมั่นใจจากภายในยังแสดงออกผ่านท่าทาง ความนิ่งสงบ และสีหน้าด้วย
    • เพื่อให้คุณประสบความสำเร็จในทำตัวลึกลับ คุณจะต้องแสดงท่าทีที่เหมือนว่าคุณไม่ได้ต้องการอะไรจากใครทั้งนั้น คุณไม่ต้องการการยืนยันจากใคร และคุณก็ไม่ได้อยากให้ใครมาจูงมือเพื่อเอาชนะความยากลำบาก เจมส์ บอนด์ต้องให้ใครมายืนยันอะไรมั้ย แองเจลีน่า โจลี่ล่ะ ไม่ทั้งนั้นแหละ
  3. เป็นนักสรุปสุดเจ๋งแต่ไม่เก่งเรื่องให้รายละเอียด. อย่าให้ข้อมูลมากเกินไปเวลาพูดเรื่องส่วนตัว เช่น ถ้าคนที่คุณสนใจเขาอยากจะรู้เรื่องอดีตของคุณ ก็ให้พูดตรงไปตรงมาแต่อย่าเจาะจง อย่าเล่ารายละเอียดเพิ่มเติมเด็ดขาดหรืออย่าเล่าให้เขาฟังทั้งหมด พยายามสรุปทุกอย่าง แล้วเขาจะรู้สึกเหมือนว่าเขารู้ทั้งที่จริงๆ แล้วไม่รู้
    • คุณต้องเด็ดขาด เวลาที่ตอบคำถาม คุณก็ตอบไปธรรมดาๆ และตอบตรงประเด็น อย่ามัวเอ่อๆ อ่าๆ อีกคนเขาไม่รู้หรอกว่าจะต้องสืบสาวราวเรื่องต่อมั้ย เพราะคุณเองก็เล่าจบทั้งเรื่อง (แม้ว่าจะมีรายละเอียดเพียงเล็กน้อยก็ตาม) พวกเขาจะมาต่อล้อต่อเถียงอะไรกับสิ่งที่คุณต้องพูดออกมาล่ะ พวกเขามีสิทธิ์อะไรถึงจะมารู้ลายละเอียด คนส่วนใหญ่ไม่อยากล้ำเส้นนักหรอก
  4. ไม่ว่าจะมีพายุอะไรโหมกระหน่ำรอบตัวคุณในโลกที่ทุกสิ่งเกี่ยวพันกันหมดอย่างไม่มีข้อยกเว้น อย่าแสดงปฏิกิริยาทางอารมณ์ต่อเหตุการณ์หรือผู้คนมากเกินไป ความนิ่ง เกี่ยวข้องแน่นแฟ้นกับการแสดงความมั่นใจ และปฏิกิริยาที่สงบจะช่วยยืนยันว่าคุณเป็นคนมีเหตุผล และยังช่วยเปล่งออร่าแห่งความลึกลับออกมาด้วย คนจะสงสัยว่าคุณสามารถนิ่งได้อย่างไรในสถานการณ์ที่คนอื่นพากันตกอกตกใจ เจ็บแค้น หรือตื่นตระหนก
    • วิธีนี้อาจจะต้องฝึกฝน แต่คุณสามารถเริ่มได้ด้วยการฝึกหายใจลึกๆ เรียนรู้ที่จะไตร่ตรองก่อนแสดงปฏิกิริยาต่อเหตุการณ์ข่าวและข่าวลือเกี่ยวกับครอบครัว/เพื่อน จากนั้นค่อยๆ เรียนรู้ว่า ท่าทางที่สงบที่คุณแสดงออกไปนั้นช่วยให้คุณรับมือกับมันได้ดีขึ้นจริงๆ
    • เวลาที่แสดงอารมณ์อย่าง อารมณ์โกรธ หรืออารมณ์รัก ให้ทำเฉยๆ และนิ่งไว้ แสดงอารมณ์ทางสายตา ไม่ใช่ทางปากหรือสีหน้าหรือการกระทำ ถ้าโกรธเรื่องอะไรอย่าตวาด และอย่ากระโดดไปจูบเขาถ้าคิดว่าตกหลุมรักเขาเข้าแล้ว คนรักจะคาดหวังให้คุณแสดงอารมณ์ทั้งสองอย่าง เพราะฉะนั้นอย่าแสดงปฏิกิริยาที่ชัดเจน ฝึกตัวเองให้นิ่งและคิดให้เยอะ พูดเสียงราบเรียบและผ่อนคลาย
  5. เสื้อผ้าที่เราสวมใส่มักตีกรอบเราเอาไว้ ไม่ว่าจะ H&M หรือ Topshop หรือยี่ห้อไหนก็แล้วแต่ล้วนอ้างว่าเขาจะทำให้เรารู้ว่าสไตล์ไหนที่ใช่สำหรับเรา เสื้อยืดกับกระเป๋าเป้ Star Wars และของอย่างอื่นก็จะพูดแบบนี้เหมือนกัน เพราะฉะนั้นไม่ว่าภายนอกคุณจะดูเป็นยังไง ก็ให้หาสไตล์ที่ใช่สำหรับตัวเอง คนอื่นจะไม่รู้หรอกว่าคุณเหมาะกับตรงไหน
    • นอกจากเรื่องรสนิยมด้านแฟชั่นแล้ว สิ่งนี้สามารถนำไปประยุกต์ใช้กับการกระทำได้เช่นกัน การทำอะไรที่ตรงข้ามกับบุคลิกภาพของคุณอย่างสิ้นเชิงจะทำให้คนสงสัยว่า "มาจากไหนวะเนี่ย" เพราะฉะนั้นเอาเลย ซ้อมบอลเสร็จปุ๊บก็โชว์พรสวรรค์ด้านการร้องเพลงลูกทุ่งให้เขาเห็น หลังจากประกอบคอมเสร็จก็ไปทำหน้าสักหน่อย กลับจากพิพิธภัณฑ์ให้ทันดูแข่งฟุตบอลที่บ้าน อย่าให้ใครมาเดาทางคุณได้
  6. 6
    อย่าให้ใครอ่านคุณออก. เวลาที่เจมส์ บอนด์ทำอะไรแบบเจมส์ บอนด์ เขาจะทำแบบกระจัดกระจาย เพราะฉะนั้นเลยไม่มีใครอ่านเขาได้ ถ้าเขาจีบผู้หญิง เขาก็จะจริงจังและนิ่งเฉย ไม่กระตือรือร้นหรือแสดงท่าทางชัดเจนเกินไป ถ้าเขาเล่นมุก ก็จะไม่มีใครรู้ว่าเป็นมุกจนกว่าเขาจะพูดจบ ทำแบบเดียวกันนี้ แสดงท่าทางที่ไม่เข้ากับบรรยากาศรอบข้าง ร่าเริงเวลาเจออุปสรรค ไม่ทุกข์ร้อนเมื่อสถานการณ์มืดมน ทำให้คนอื่นรู้สึกว่าคุณ ดูไม่เป็นเหตุเป็นผลเอาซะเลย
    • วิธีนี้ถ้าทำดีๆ คุณจะไม่ถูกแปะป้ายว่าเป็นพวก "หมองหม่น" ซึ่งมักมาพร้อมกับอะไรที่ลึกลับ คนที่ไม่ค่อยพูด เก็บตัวหน่อยๆ และไม่ต้องการใครมักถูกใครเข้าใจผิดคิดว่าเป็นโรคซึมเศร้าได้ง่ายๆ ซึ่งนั่นไม่ใช่สิ่งที่คุณต้องการ การมีบางสิ่งในตัวคุณที่ไม่เป็นไปตามความคาดหวังเป็นการเลี่ยงไม่ให้คนอื่นเหมารวมคุณเข้ากับความคิดเฉิ่มๆ แบบนั้น
    โฆษณา
วิธีการ 2
วิธีการ 2 ของ 2:

ใช้เทคนิคสร้างความลึกลับ

ดาวน์โหลดบทความ
  1. อย่าเผยข้อมูลเพียงเพื่อจะให้บทสนทนาดำเนินต่อไป. แต่ให้ย้อนประเด็นกลับมาที่อีกฝ่ายเสมอด้วยการ ถามคำถาม เกี่ยวกับพวกเขา และให้พวกเขาเปิดเผยเรื่องชีวิตและความสนใจของพวกเขามากกว่าแทน ทำให้เขาเห็นว่าคุณสนใจสุดๆ และตั้งใจฟัง
    • ถ้าเขาถามคำถามปลายเปิดที่จงใจจะได้ข้อมูลจากคุณ สุภาพ เข้าไว้และให้ข้อมูลเพียงเล็กน้อย แต่อย่ามากเกินไป ทำเหมือนว่าการพูดคุยกันครั้งนี้เป็นเรื่องของอีกฝ่ายล้วนๆ ไม่ใช่เรื่องของคุณ ถ้าคุณทำได้ดี ความสนใจที่คุณมีให้เขาจะทำให้เขารู้สึกเหมือนได้รับการเยินยอ กว่าจะรู้ตัวว่าเขาแทบไม่รู้อะไรเกี่ยวกับคุณเลยก็ตอนคุยกันเสร็จแล้ว
      • ถ้าคุณทำได้ดี สุดๆ อีกฝ่ายจะ ไม่มีวัน รู้เลยว่าพวกเขาแทบไม่รู้อะไรเกี่ยวกับคุณเลย คนเราชอบพูดเรื่องของตัวเอง เพราะฉะนั้นมันก็อาจจะผ่านเลยไปจนเขาไม่ทันสังเกตด้วยซ้ำ แต่ก็อย่าทำเหมือนว่าคุณเคลิบเคลิ้มไปกับสิ่งที่เขาพูดแบบสุดๆ เพราะคุณจะดูเป็นคนชอบเอาตัวติดกับคนอื่นและหัวอ่อนมากกว่าจะเป็นผู้ฟังที่ดี
  2. เวลาที่มีคนถามคำถาม สืบสาว หรือเสนอแนะคำตอบเสียเอง บางครั้งการปล่อยให้พวกเขาคิดเองเออเองก็ดีเหมือนกัน ถามพวกเขาว่า "แล้วคุณว่าไงล่ะ" หรือ "คุณรู้สึกว่าฉันพรีเซนต์แบบนั้นจริงๆ เหรอคะ" เป็นต้น แต่อย่าแนะพวกเขามากเกินไป แต่ก็แน่ละว่าถ้าเป็นเรื่อง การคาดเดา ฉาวโฉ่เกี่ยวกับคุณที่พวกทึกทักขึ้นมา คุณก็ต้องเคลียร์ให้พวกเขาเข้าใจด้วยนะ!
    • ถ้าคนรักถามถึงความรักในอดีต ก็ไม่จำเป็นต้องเล่ารายละเอียดมากนัก แค่บอกไปว่าจำไม่ได้เพราะมันไม่เคยสำคัญกับคุณขนาดนั้น อีกวิธีที่ดีก็คือบอกไปว่า ถ้าคุณตัดสินใจที่จะเดินหน้าต่อไปแล้ว คุณจะเดินหน้าออกมาจริงๆ และคุณก็จะไม่จำเรื่องราวในอดีตที่ไม่มีผลต่อชีวิตปัจจุบันอีกต่อไป คำพูดนี้ค่อนข้างหนักแน่นเพราะมันเป็นการบอกว่า คุณไม่ได้แค้น สุมไฟรักคุกรุ่นที่มีต่อคนที่จากไปแล้ว หรืออยากจะเปรียบเทียบคนปัจจุบันกับคนในอดีต
      • การพูดเรื่องคนรักในอดีตแบบคลุมเครืออาจยิ่งกระตุ้นความอยากรู้อยากเห็นให้กับบางคน แต่เดี๋ยวมันก็หายไปเมื่อเขารู้ว่าคุณจะไม่มีวันเปลี่ยนใจมาเล่าให้ฟัง แต่ถ้าเขายังเซ้าซี้เรื่องนี้ไม่หยุด ก็ลองทบทวนดูว่า ความรู้สึกไม่มั่นคง ที่เขายังมีอยู่ในตอนนี้อาจเป็นสัญญาณที่บอกว่า ความสัมพันธ์ครั้งนี้ไม่คุ้มค่าแก่การไขว่คว้า
  3. คุณต้องทำให้เขารู้ว่า คุณสบตาเขาได้ถ้าจำเป็น แต่ให้เลิกสบตาเมื่อคุณไม่พร้อมที่จะเปิดเผยบางสิ่งที่ลึกซึ้งและมีความหมายในความสัมพันธ์ วิธีนี้ไม่เหมือนกับการโกหก แต่เป็นการเบี่ยงเบนความสนใจมากกว่า และควรใช้วิธีนี้ก็ต่อเมื่อมีการพูดถึงประเด็นอ่อนไหวที่ว่านี้ อีกฝ่ายจะรู้ว่าคุณไม่เต็มใจที่จะให้ข้อมูลและควรถอยหากเขายังอยากให้คุณชอบเขาอยู่
    • แทนที่จะทำลับๆ ล่อๆ และกังวล ให้ใช้เทคนิคนี้ควบคู่การทำเป็นไม่แคร์ ห่างเหิน และไม่สนใจสถานการณ์ที่คุณเผชิญอยู่ แล้วให้รางวัลอีกฝ่ายด้วยการสบตาเขาให้มากๆ เมื่อเปลี่ยนเรื่องแล้ว
    • มองเข้าไปในดวงตาของอีกฝ่ายโดยตรงขณะที่คุยกัน มองด้วยแววตาที่เฉียบแหลมหรือผ่อนคลายแต่อย่าจ้อง วิธีนี้จะทำให้คุณมีอำนาจเหนือกว่าและทำให้คนอื่นเคารพคุณ สายตาที่ทรงพลังและมั่นใจจะทำให้คุณมีเสน่ห์น่าดึงดูดสุดๆ
  4. ใช้การตอบสนองที่ไม่ได้บอกอะไรมาก แต่รู้ได้ว่าข้างในกำลังคุกรุ่น. ถ้ามีใครถามว่าเป็นอะไรหรือเปล่า หรือเกิดอะไรขึ้น แทนที่จะใช้คำพูดนี้เป็นสัญญาณระบายความในใจทั้งหมด ให้พูดอย่างร่าเริงว่า "อ๋อ กำลังคิดอะไรอยู่น่ะจ้ะ" หรือ "อ๋อ แค่กำลังสงสัยอะไรอยู่น่ะ" หรือ "ฉันแค่คิดทบทวนเรื่องที่ต้องทำความเข้าใจให้กระจ่างน่ะ" และอย่าอธิบายอะไรเพิ่มเติม ถ้าเขาเซ้าซี้ ก็แค่บอกไปว่า "อ๋อ ตอนนี้ยังรวบรวมเป็นคำพูดไม่ได้หรอกจ้ะ แค่คิดอยู่ในหัวเฉยๆ"
    • ระวังอย่าให้ตัวเองดูเหมือนเป็นคนเก็บเนื้อเก็บตัว มากนัก คุณคงไม่อยากให้ใครมองว่าคุณเป็นพวกซึมเศร้าตลอดเวลา ถ้าคุณชอบ "ครุ่นคิด" คุณต้องไม่หลบตาลงต่ำ เดินอย่างมั่นใจ และดูตื่นตัว ถ้าคุณหมกมุ่นอยู่แต่ในความคิดและวาดอายไลน์เนอร์สีดำหนาเกินไป คนก็อาจจะมองว่าคุณเป็นพวกไม้ประดับที่ถูกเข้าใจผิดก็เป็นได้
  5. ใช้อารมณ์ขัน การยิ้ม และเสียงหัวเราะสร้างความลึกลับ. อารมณ์ขันเป็นวิธีซ่อนความรู้สึกที่ดี ทำให้ทุกอย่างดูลึกลับมากขึ้นด้วยการปิดกั้นคำถาม แทนที่การเซ้าซี้ด้วยสำบัดสำนวนที่เบี่ยงเบนความสนใจ คำพูดตลกๆ และการลดความสำคัญของสถานการณ์โดยทั่วไปให้กลายเป็นเรื่องน่าหัวเราะแทน
    • ถ้ามีใครถามอะไรคุณ ก็ตอบแบบกำปั้นทุบดินไปเลย ถ้าถามว่า "ทำอะไรอยู่" คุณก็อาจจะตอบไปว่า "คุยกับเธออยู่นี่ไง" หรือ "นั่งอยู่บนเก้าอี้" คุณไม่จำเป็นต้องเล่นตามบทที่สังคมกำหนดถ้าคุณไม่อยากเล่น ตราบใดที่คุณคิดว่ามันตลก คุณก็ทำได้แน่นอน
  6. อย่าดื่มมากเกินไปหรือใช้ยาจน ควบคุมตัวเอง ไม่ได้. คนเราเมื่ออยู่ในสภาวะยาหรือเหล้าเข้าปากจนทำให้เราเปิดเผยทุกอย่างออกมาหมด ก็แทบไม่มีอะไรที่ดูลึกลับอีกต่อไป เนื่องจากคุณแทบควบคุมหรือควบคุมสิ่งที่คุณพูดไม่ได้เลยหลังจากที่เครื่องดื่มแอลกอฮอล์หรือยามีผลต่อคุณ คุณก็อาจจะพูดเกินจริง เล่าอะไรมากเกินไป ใส่ไข่จนเกินรับได้ และพูดในสิ่งที่ทำให้คุณรู้สึกเปราะบางและเผยตัวตนออกมา ในการเป็นคนลึกลับนั้น ให้ควบคุมตัวเองตั้งแต่แรกด้วยการคอยดูปริมาณเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่คุณดื่ม และหลีกเลี่ยงการใช้ยาที่ทำให้สับสนและควบคุมบุคลิกของคุณ
    • บทสนทนาที่มาจากความเมามักนำไปสู่การเผยความลับเรื่องแฟนเก่า คนที่คุณเคยรู้จัก และคนที่คุณไม่ชอบขี้หน้าอย่างหมดเปลือก ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นสิ่งที่คุณควรเก็บ ไว้ในใจ มากที่สุด เพราะฉะนั้นอย่าให้เกิดเหตุการณ์นี้กับคุณและอย่าเมา มันดีกับเซลล์สมองคุณเองด้วยนะ
  7. สุภาพ และนึกถึงคนอื่น ไม่หยิ่ง. รักษาการให้เกียรติและความเข้าอกเข้าใจผู้อื่น การเป็นคนลึกลับไม่ใช่การเป็นคนเหนือกว่าคนอื่น แต่เป็นการทิ้งบางสิ่งให้ค้างคาและทำให้คนอื่นรู้ว่า คุณให้คุณค่ากับความเป็นส่วนตัวและพื้นที่ส่วนตัว
    • อาจจะมีคนที่ไม่ชอบด้านนี้ของคุณ แล้วไงอ่ะ ถ้าเขาอึดอัดใจ นั่นก็เป็นปัญหาของเขา แต่ถ้าคนส่วนใหญ่ไม่ชอบ คุณอาจต้องพิจารณาว่าคุณดูเป็นอย่างไร
    โฆษณา

เคล็ดลับ

  • อย่าสนุกกับการเป็นคนลึกลับจนเห็นได้ชัดและอย่าพยายามมากเกินไป คนอื่นควรมองว่านี่เป็นส่วนหนึ่งของลักษณะพื้นฐานของคุณ เป็นแก่นแท้ตัวตนของคุณ มากกว่าจะมองว่าเป็นบทบาทที่คุณกำลังพยายามเล่นอยู่ ถ้าคุณบังเอิญดูเหมือนอย่างหลัง คนก็จะไม่มองว่าคุณลึกลับ แต่จะมองว่าคุณเป็นเด็กไม่รู้จักโตมากกว่า
  • บอกความลับให้คนที่คุณไว้ใจฟัง บางครั้งการเก็บงำทุกอย่างไว้กับตัวก็อาจจะหนักหนาเกินไป มีใครสักคนในชีวิตที่คุณไว้ใจอย่างสุดหัวใจและคนที่คุณบอกความลับอะไรก็ได้ ถ้าไม่มีการระบายออกแบบนี้เลย คุณก็จะเสี่ยงต่อการเป็นคนเลือดเย็น ขี้ระแวง และไร้ความรู้สึก
  • เวลาที่คุณอยู่กับใครอีก 1 หรือ 2 คนแค่ช่วงระยะเวลาสั้นๆ ให้ยิ้มให้เขาถ้าทำได้และถ้ามันเหมาะสมกับบทสนทนา รอยยิ้มของคุณจะทำให้พวกเขาประหลาดใจและดึงดูดใจพวกเขา แล้วคุณจะยิ่งดูมีเสน่ห์มากกว่าเดิม
  • ลดกำแพงลงกับคนที่คุณไว้ใจจริงๆ แต่ก็จำไว้ด้วยว่า การไม่บอกทุกสิ่งทุกอย่างทำให้มีเรื่องคุยกันมากมายแม้วันคืนจะผ่านไปนานแค่ไหน และมันจะน่าตื่นเต้นแค่ไหนถ้าได้เล่าให้คนรักฟังถึงความคิด ความฝัน ไอเดียที่คุณมีมาเป็นชาติให้แต่ไม่ได้บอกสักที! มันเป็นเรื่องแปลกมากที่คู่แต่งงานหลายคนต้องเชื่อว่า พวกเขาจะต้องบอกเรื่องของตัวเองให้คนรักฟังทุกอย่าง อย่างกับว่าถ้าไม่บอกแปลว่าไม่ซื่อสัตย์อย่างนั้นล่ะ ไม่ว่าจะยังไงก็ให้บอกคู่ครองของคุณในเรื่องที่เขาจำเป็นต้องรู้จริงๆ แต่ก็ให้เก็บบางสิ่งไว้เล่าเมื่อถึงช่วงชีวิตอื่นๆ ด้วย จะได้มีรสชาติหน่อยไง! การที่เราค้นพบกันและกันในมุมใหม่เสมอนำไปสู่ชีวิตแต่งงานที่ยืนยาวและสมบูรณ์
  • ลองดูว่าเจ้าแม่แห่งความลึกลับอย่าง Greta Garbo เข้าใช้การสบตาเพื่อแสดงความลึกลับอย่างไร
โฆษณา

คำเตือน

  • แม้ว่าการเป็นคนลึกลับจะน่าหลงใหล แต่การเหม่อลอยตลอดเวลาก็น่าโมโห เพราะฉะนั้นต้องรู้ความแตกต่างด้วย
  • การเป็นคนลึกลับไม่ใช่การเป็นคนหยาบคายหรือไม่นึกถึงคนอื่น อย่าเมินหรือปฏิเสธที่จะตอบคำถามคนอื่นอย่างโจ่งแจ้ง แม้ว่าการแสดงออกอย่างชัดเจนว่ามีบางเรื่องที่คุณจะไม่มีวันคุยด้วยจะเป็นสิ่งที่ทำได้ แต่ก็อย่าแสดงอาการหยาบคายในเรื่องนี้หรืออย่าทำเป็นไม่ให้ข้อมูลในสิ่งที่เขาสามารถไปหาใน Google เองได้
  • อย่ายิ้มเยาะหรือแสดงว่าตัวเองเหนือกว่า การทำเหมือนว่าคุณรู้ดีกว่าคนที่อยู่ตรงหน้าเป็นการไล่ให้พวกเขาออกไปจากชีวิตของคุณ
  • หลายบทความแนะนำวิธีการเป็นคนลึกลับว่า ให้คุณยิ้มแบบมีเลศนัย/ทำเป็นเมินใส่คนอื่น/ไม่ตอบคำถาม/ชอบเสียดสี แต่ทั้งหมดนี้อาจทำให้คุณดูเหมือนพวกจองหองและขวางโลกมากกว่า
  • วิธีนี้มักจะได้ผลก็ต่อเมื่อมีสาเหตุอื่นๆ ที่ทำให้คนอื่นอยากรู้เรื่องของคุณเท่านั้น ไม่อย่างนั้นคุณจะถูกตีความว่าเป็นพวกเก็บตัวหรือเสแสร้ง
โฆษณา

เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้

มีการเข้าถึงหน้านี้ 25,766 ครั้ง

บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม

โฆษณา