ดาวน์โหลดบทความ ดาวน์โหลดบทความ

การย้อมสีผมมีหลายแบบ ทั้งย้อมสีอ่อนๆ หรือสีสันฉูดฉาด ย้อมเพื่อปิดผมขาว หรือย้อมเพราะอยากไฮไลท์ให้สะดุดตา ย้อมผมสีฟ้า ม่วง ชมพูแปร๋น หรือหลายๆ สีรวมกัน ถ้าผมคุณผ่านการกัดสี แปลว่ากัดสีธรรมชาติทิ้งไป เหลือแต่ผมที่พร้อมย้อมสีใหม่ ขั้นตอนการย้อมสีผมหลังกัดสี ค่อนข้างยุ่งยากและใช้เวลานาน เพราะงั้นให้เลือกวันว่างๆ ที่ไม่รีบเร่งหรือเหนื่อยล้า จะได้มีสมาธิจดจ่อกับการย้อมผมออกมาสวยสมใจ

วิธีการ 1
วิธีการ 1 ของ 6:

ใช้ยาย้อมผมสำเร็จรูป

ดาวน์โหลดบทความ
  1. พอผมผ่านการกัดสีแล้ว ก็ถึงเวลาเลือกสีใหม่ที่จะย้อมเข้าไป ชั้นของเกล็ดผมจะถูกทำลายในขั้นตอนกัดสี เลยทำให้ไฮโดรเจอเปอร์ออกไซด์ (ส่วนผสมหลักของน้ำยากัดสีผม) ซึมเข้าไปกัดสีผมธรรมชาติได้ กัดสีผมแล้วผมจะออกมาเป็นสีเหลือง ขาว หรือออกแดง อันนี้ก็แล้วแต่สีผมจริงของคุณ รวมถึงระยะเวลาในการกัดสีผม กัดสีผมเสร็จ ผมคุณก็พร้อมย้อมสีใหม่ ซึ่งจะดูดซับสีได้ดีและลึกล้ำกว่าย้อมทั้งๆ ที่ไม่ได้กัดสีผม คุณอาจจะย้อมผมสีธรรมชาติก็ได้ เช่น น้ำตาล ดำ แดง หรือบลอนด์ แต่บางคนก็ชอบผมสีสดใส อย่างแดงเชอร์รี่ ฟ้า ม่วง ชมพู เป็นต้น ถ้าอยากได้สีผมธรรมชาติ ให้เลือกเฉดสีที่เข้มหรืออ่อนกว่าสีผมจริงของคุณไม่เกิน 1 - 3 ระดับ
    • เช็คก่อนว่าผมคุณมี base color (สีผมหลังกัดสี) เป็นสีอะไร และตัดสินใจว่าจะย้อมผมด้วยยาย้อมผมที่มี base color (สีพื้น) เป็นสีอะไร เพราะถ้าเลือกไม่ถูก สีจะตัดกัน สีเพี้ยนได้ ถ้ากัดสีผมแล้วออกมาเป็นสีออกเหลือง แต่ใช้ยาย้อมผมที่มี base color สีน้ำเงิน ผมคุณจะกลายเป็นสีออกเขียว แต่ถ้าใช้ยาย้อมผมที่มี base color เป็นสีม่วง จะช่วยตัดสีเหลืองของผม ออกมาสวย ดูเป็นธรรมชาติกว่า ยังไงให้ใช้วงล้อสีของสีผม เลือกเฉดสีที่เหมาะสมที่สุด [1] ถ้าอยากรู้ว่ายาย้อมผมที่จะใช้ มี base color สีอะไร ให้เช็ค "palette list" หรือตารางสี ในเว็บของยาย้อมผมยี่ห้อที่ใช้ เพราะจะแบ่งสีที่มีออกเป็นประเภท เช่น สีโทนร้อน โทนกลาง โทนเย็น หรือซื้อชุดอุปกรณ์ย้อมผมตามร้านขายอุปกรณ์เสริมสวยโดยเฉพาะก็ได้ เพราะจะมี base color บอกที่กล่องเลย (เช่น ฟ้า ม่วงประกายฟ้า ม่วง แดงประกายม่วง แดง แบบนี้เป็นต้น) [2] ต้องศึกษา color palette หรือตารางสีของยาย้อมผมดีๆ เพราะช่วยให้ย้อมแล้วสีผมไม่เพี้ยน
    • ลองสังเกตสีผมตัวเองในรูปสมัยเด็กดู เพราะช่วยให้รู้แน่ชัดว่าย้อมออกมาจะเป็นสีประมาณไหน ถ้าสีผมจริงเป็นโทนร้อน (สีน้ำผึ้ง (honey blonde) หรือใกล้เคียง) ย้อมผมแล้วยังไงก็จะออกมาโทนร้อน แต่ถ้าปกติสีผมเป็นโทนเย็น (ดำ น้ำตาล บลอนด์หม่น) ผมที่ได้จะมี undertone หลังย้อมเป็นโทนเย็น [3]
    • ก่อนเลือกสีผมใหม่ ให้พิจารณาหน้าที่การงานประกอบด้วย อย่างถ้ารับราชการก็อาจจะต้องย้อมผมสีธรรมชาติ ดำ น้ำตาล ถ้าที่ทำงานไม่เคร่งมาก จะย้อมผมสีสันสดใสก็ไม่ว่ากัน
  2. ยาย้อมผมสำเร็จรูปที่ขายกันเดี๋ยวนี้มีให้เลือกเยอะแยะไปหมด ทั้งแบบถาวร ชั่วคราว กึ่งถาวร และแบบแชมพูเปลี่ยนสีผม โดยยาย้อมผมแต่ละแบบก็จะคงทนต่างกันไป คุณหาซื้อยาย้อมผมประเภทต่างๆ ได้ตามร้านขายยาและเครื่องสำอาง ร้านขายอุปกรณ์เสริมสวย ไปจนถึงซูเปอร์มาร์เก็ต และห้างสรรพสินค้าทั่วไป
    • ยาย้อมผมถาวร (Permanent dyes) ย้อมแล้วสีติดทนนาน ได้สีผมสวยเป็นธรรมชาติ จะย้อมสีเข้มสดหรือจัดจ้านแค่ไหนก็ทำได้ แต่เพราะแบบนี้เลยทำผมเสียง่าย เพราะตอนย้อมต้องทิ้งไว้นานกว่ายาย้อมชนิดอื่น
    • ยาย้อมผมกึ่งถาวร (Demi-permanent dyes) ก็ทนน้อยกว่ายาย้อมผมถาวรอีกหน่อย ปกติสีจะจางลงหลังสระไปได้ 20 - 25 ครั้ง ยาย้อมผมแบบนี้จะเข้มกว่าสีผมจริง 1 - 2 ระดับ แต่จะย้อมไฮไลท์สีสดใสก็ทำได้
    • หรือจะใช้ยาย้อมผมชั่วคราวที่อยู่ได้ในช่วงสั้นกว่านั้นก็ได้
    • ยาย้อมผมชั่วคราว (Semi-permanent dyes) ก็อยู่ได้แค่ชั่วคราวสมชื่อ จะได้สีที่เป็นธรรมชาติกว่า ปกติสีจะจางลงหลังสระไปได้ประมาณ 10 ครั้ง ยาย้อมผมแบบนี้ไม่ต้องผสมก่อนใช้ แค่แกะกล่องแล้วใช้ได้เลย เป็นสีที่จางง่ายหน่อย โดยเฉพาะถ้าโดนอากาศและสระผมบ่อยๆ ยาย้อมผมชนิดนี้ปกติจะไม่มีแอมโมเนียหรือเปอร์ออกไซด์ เลยเหมาะจะใช้กับคนที่ผมเสีย เส้นเล็ก หรือขาดง่าย
    • ปกติยาย้อมผมแบบชั่วคราวเหมาะจะใช้เก็บงานเล็กๆ น้อยๆ หรือลองสีผมใหม่ที่ยังไม่แน่ใจว่าจะเหมาะกับคุณไหม ยาย้อมผมประเภทนี้มีหลายแบบให้เลือก ทั้งแชมพู มูส สเปรย์ ชอล์ค และสีเทียน ลักษณะการทำงานคือสีจะไปเคลือบผม ไม่ได้ซึมเข้าไปในเส้นผม ทำให้สีจางหรือหลุดง่าย ภายในการสระ 1 - 3 ครั้ง [4] [5] พอสีของยาย้อมผมชั่วคราวหลุดไปหมดแล้ว สีผมที่เหลืออยู่อาจจะไม่น่ามองเท่าไหร่ เช่น ถ้ากัดสีผมแล้วย้อมผมเป็นสีฟ้า หลังสีฟ้าชั่วคราวหลุดไป จะเหลือแต่ผมสีเขียวน่าดูชม
  3. ให้ใช้ 1 - 2 วันก่อนกัดสีผม ครีมนวดผมเข้มข้นจะช่วยให้ภายในเส้นผมชุ่มชื้น ไม่แห้งเสียง่ายหลังกัดสี ครีมนวดเข้มข้นมีให้เลือกหลายแบบด้วยกัน ตั้งแต่ราคาย่อมเยา (ไม่กี่ร้อย) ไปจนถึงราคาไม่เบา (เป็นพันขึ้นไป) มีทั้งยี่ห้อดัง และสูตรธรรมชาติแบบผสมเอง จริงๆ แล้วมีสูตรผสมครีมนวดใช้เองด้วย โดยใช้วัตถุดิบต่างๆ ตามธรรมชาติ เช่น อาหาร ลองค้นในเน็ตดูว่า “deep conditioner recipes” จะพบพวกสูตรทำครีมนวดจากกล้วย อะโวคาโด มายองเนส โยเกิร์ต ไข่ น้ำมันมะพร้าว เป็นต้น [6] ขั้นตอนนี้ช่วยลดผมแห้งเสียรุนแรงหรือขาดง่าย หลังกัดสีและย้อมผม เพราะเพิ่มความนุ่มชุ่มชื้นให้เส้นผม ผมจะยืดหยุ่นสวยเด้ง คืนตัวง่าย แนะนำให้ใช้ครีมนวดเข้มข้นบำรุงผมก่อนกัดสีผม แต่ถึงไม่ได้กัดสีผม ก่อนย้อมก็แนะนำให้บำรุงผมสูตรนี้เช่นกัน [7]
  4. protein filler หรือฟิลเลอร์จากโปรตีน จะช่วยเติมเต็มช่องว่างในเส้นผม ทำให้ย้อมผมแล้วสีติดทั่วถึงสม่ำเสมอ ช่วยคืนสีให้ผม คุณผสม protein filler ในยาย้อมผมได้ด้วย แต่ถ้าจะใช้ฟิลเลอร์กับผมโดยตรง ให้บีบใส่ฝ่ามือเล็กน้อยแล้วทาให้ทั่วผม เสร็จแล้วไม่ต้องล้างออกก่อนย้อมผม หรือผสมฟิลเลอร์กับยาย้อมผมในปริมาณเล็กน้อยก็ได้ (ถ้าใส่ฟิลเลอร์เยอะไป ยาย้อมผมจะเหลวจนเลอะเทอะ ใช้ไม่สะดวก)
    • ผสมฟิลเลอร์แล้วช่วยปรับสีผมได้ เช่น ถ้ากัดสีผมเป็นสีออกเหลืองแล้วจะย้อมเป็นสีน้ำตาลโทนร้อน แม่สีทั้งหมด (แดง เหลือง น้ำเงิน) ก็ต้องเข้าไปในผม ถ้ากัดสีผมแล้วออกมาเป็นสีออกเหลือง ให้ใช้ฟิลเลอร์สีแดง ผสมกับยาย้อมผมสีน้ำตาลหม่นที่มี undertone เป็นสีฟ้า เพราะฉะนั้นพอรวมกันแล้ว ก็จะออกมาเป็นสีผมที่ต้องการ [8]
  5. ขั้นตอนนี้อาจจะดูกินเวลาสักหน่อย โดยเฉพาะถ้าอยากย้อมผมสีใหม่เร็วๆ แต่ถือเป็นขั้นตอนสำคัญ ที่ช่วยป้องกันอาการแพ้เห่อรุนแรงได้ (หรืออันตรายกว่านั้น) ในกรณีที่คุณเกิดแพ้ส่วนผสมสักอย่างในยาย้อมผมขึ้นมา วิธีทดสอบอาการแพ้ คือให้แต้มยาย้อมผมเล็กน้อยที่หลังหู ทิ้งไว้ 24 - 48 ชั่วโมง แล้วเช็คว่ามีอาการแพ้ไหม เช่น ผื่น คัน แสบร้อน ถ้าสรุปแล้วคุณแพ้ยาย้อมผม ถึงจะเล็กน้อยแค่ไหนก็ตาม แนะนำให้เปลี่ยนยี่ห้อจะปลอดภัยที่สุด และถ้าเปลี่ยนยี่ห้อแล้วก็อย่าลืมทดสอบอาการแพ้ก่อนด้วย
  6. ยาย้อมผมที่เป็นสารเคมี จะเลอะมือและผิวติดแน่นทนนานมาก เพราะงั้นต้องป้องกันดีๆ โดยสวมถุงมือและผ้าคลุม จะใช้เสื้อผ้าที่เลอะได้ไม่เป็นไร หรือใช้ผ้าเช็ดตัวเก่าก็ได้ อย่าลืมทาปิโตรเลียมเจลลี่ตามกรอบหน้าเล็กน้อย รวมถึงแถวต้นคอ เพื่อไม่ให้สีติด [9] นอกจากนี้ให้เตรียมขวดโทนเนอร์ล้างหน้าสูตรแอลกอฮอล์ไว้ใกล้ๆ เผื่อสีเลอะจะได้เช็ดออกง่าย ทั้งที่ผิว หน้าเคาน์เตอร์ และพื้น
  7. ถ้าเป็นยาย้อมผมถาวร ส่วนใหญ่ต้องผสมสีกับน้ำยาโกรก (developer) เข้าด้วยกันก่อน ถึงจะได้ยาย้อมผมสีที่ต้องการ ก็ให้ผสมไปตามคำแนะนำที่ฉลากหรือใบที่ติดมาในกล่อง
  8. รวบผมจากต้นคอมาปอยเล็กๆ จากนั้นเอาแปรงทายาย้อมผมลงไป เริ่มตั้งแต่รากผมจรดปลาย ตั้งเตือนตามเวลาที่แนะนำในคู่มือการใช้งาน (ประมาณ 20 นาที) เสร็จแล้วล้างหรือเช็ดยาย้อมผมออก แล้วเช็คสีที่ติดบนผ้าขาว จะได้รู้ว่าชอบสีผมที่ได้หรือเปล่า ก่อนย้อมจริงทั้งหัว แถมยังเช็คได้ด้วยว่าต้องย้อมผมทิ้งไว้นานแค่ไหน [10]
  9. แบ่งผมออกเป็น 4 ช่อ เอาผมขึ้นแล้วติดกิ๊บไว้ 3 ช่อ จากนั้นย้อมผมช่อที่ 4 ให้เริ่มย้อมผมทีละส่วน ส่วนละประมาณ 1 นิ้ว (2.5 ซม.) โดยเริ่มย้อมจากรากยาวไปจนจรดปลายผม เพื่อให้ชุ่มสีทั่วถึงกัน พอย้อมผมครบทั้งสีช่อแล้ว ให้ใช้มือขยี้เบาๆ เหมือนสระผมให้สีทั่วถึง ย้ำว่าต้องอ่านคำแนะนำการใช้งานที่ฉลากก่อนเริ่มย้อมผม
  10. อ่านคำแนะนำที่ฉลากหรือในกล่องให้ละเอียดก่อน ว่าต้องย้อมผมทิ้งไว้นานแค่ไหน ปกติจะให้ย้อมทิ้งไว้ประมาณ 20 นาทีขึ้นไป โดยเริ่มนับตั้งแต่ตอนย้อมผมปอยสุดท้ายเสร็จ
    • ยาย้อมผมบางชนิดต้องให้ใช้ไดร์เป่าลมร้อนด้วย สีถึงจะยิ่งติดทน
  11. ค่อยๆ ล้างผมด้วยน้ำอุ่นเพื่อขจัดสีส่วนเกิน ให้ล้างผมจนน้ำใส จากนั้นใช้ครีมนวดซองๆ ที่ติดมากับกล่องยาย้อมผม (ถ้ามี) ขยี้ให้ทั่วผม สุดท้ายทิ้งไว้ตามเวลาที่กำหนด แล้วล้างออก
  12. ถ้าใช้ไดร์เป่าจะยิ่งทำให้ผมแห้ง ซึ่งผมจะเสียได้เพราะกำลังอ่อนแอหลังย้อม ตอนนี้อย่าเพิ่งเช็คสี ให้รอจนผมแห้งสนิท ถึงจะรู้ว่าสีที่ได้เป็นยังไง ผมที่กำลังเปียกส่วนใหญ่จะดูสีเข้มกว่าความเป็นจริง
  13. ทั้งน้ำ แชมพู และความร้อน ทำให้สีผมจางหรือหลุดลอกได้ง่าย เพราะงั้นให้งดสระผมสัก 3 วัน เพื่อให้สีที่เพิ่งย้อมไป ซึมลึกเข้าไปในเกล็ดผม ที่เปิดตอนย้อม [11] ถ้าตอนหลังสระผมแล้วสีหลุด ก็ให้ย้อมผมเพิ่ม แต่ก็เสี่ยงจะทำผมเสียได้ ถ้ากัดสีผมแล้วย้อมผมไม่ค่อยติด แนะนำให้ช่างทำผมมืออาชีพช่วยปรับแก้ให้จะดีที่สุด
  14. หลังกัดและย้อมสีแล้ว ผมจะแห้งและขาดง่าย ต้องบำรุงด้วยครีมนวดเข้มข้น เพื่อคืนความนุ่มเด้งชุ่มชื้นให้เส้นผม ให้ลงครีมนวดเข้มข้น (จะสำเร็จรูปหรือผสมเองก็ได้) อย่างน้อยอาทิตย์ละครั้ง หมักทิ้งไว้ 20 - 30 นาทีด้วยกัน แล้วล้างออก ผมจะยิ่งเงางามถ้าหลังจากใช้ครีมนวดแล้วใช้ไดร์เป่าด้วย ถ้าผสมครีมนวดเข้มข้นใช้เองจากวัตถุดิบที่ใช้ทำอาหาร ก็ต้องเช็คดีๆ ว่ายังไม่บูดไปเสียก่อน ถ้าผสมไว้นานเกิน 2 - 3 วัน (หรือเป็นอาทิตย์ ถ้าแช่ตู้เย็นไว้) ก็ทิ้งไปแล้วผสมใหม่จะดีกว่า
  15. ถ้าย้อมผมแล้วชอบสีที่ได้ ก็ย้อมสีนั้นต่อไปได้เลย ถึงจะใช้ยาย้อมผมถาวร แต่หลังผ่านไปได้ 6 - 8 อาทิตย์ ผมใหม่จะงอก สีก็จะเริ่มหลุดลอกไป ก็ไม่ถึงกับต้องย้อมผมใหม่ทั้งหัว แค่ย้อมเก็บงานเฉพาะจุดเล็กน้อย โดยย้อมแถวรากผม/หนังศีรษะ จากนั้นหวียาวมาตามเส้นผม ก่อนจะทันครบกำหนดการย้อม [12]
    • ถ้าจะย้อมเก็บงานให้ได้ผลดีที่สุด ให้ย้อมเฉพาะผมที่งอกใหม่ ให้มาบรรจบกับส่วนที่ยังมีสีอยู่
    โฆษณา
วิธีการ 2
วิธีการ 2 ของ 6:

ย้อมผมด้วยสีจากอาหารหรือสีผสมอาหาร

ดาวน์โหลดบทความ
  1. พอผมผ่านการกัดสีแล้ว ก็ถึงเวลาเลือกสีใหม่ที่จะย้อมเข้าไป ชั้นของเกล็ดผมจะถูกทำลายในขั้นตอนกัดสี เลยทำให้ไฮโดรเจอเปอร์ออกไซด์ (ส่วนผสมหลักของน้ำยากัดสีผม) ซึมเข้าไปกัดสีผมธรรมชาติได้ กัดสีผมแล้วผมจะออกมาเป็นสีเหลือง ขาว หรือออกแดง อันนี้ก็แล้วแต่สีผมจริงของคุณ รวมถึงระยะเวลาในการกัดสีผม ปกติสีผสมอาหารจะมี 4 สีด้วยกัน (แดง เหลือง เขียว และน้ำเงิน) คุณจะผสมสีไหนกับสีไหนก็ได้ เพื่อให้ได้สีตามต้องการ เช่น ผสมสีแดงกับเขียวให้ได้สีน้ำตาล ผสมสีเหลืองกับแดงให้ได้สีส้ม และผสมสีน้ำเงินกับแดงให้ได้สีม่วง
    • ต้องพิจารณาสีผมหลังกัดสีเสียก่อน เพราะจะมีผลต่อการผสมสีที่จะใช้ย้อมผมด้วย
  2. หยดสีผสมอาหารผสมกับแชมพูในขวดเปล่า โดยใช้สี 6 หยดต่อแชมพูทุก 1 ออนซ์ ให้ผสมแชมพูมากพอสำหรับผมที่จะย้อม ใส่สีผสมอาหารแล้วปิดฝาขวดแชมพูให้แน่น เขย่าจนสีเข้ากันกับแชมพู เติมน้ำเปล่าลงไป 1 ช้อนโต๊ะ จากนั้นปิดฝาอีกรอบ เขย่าต่ออีก 2 นาที เท่านี้สีย้อมก็พร้อมใช้
  3. รวบผมจากต้นคอมาปอยเล็กๆ จากนั้นเอาแปรงทายาย้อมผมลงไป เริ่มตั้งแต่รากผมจรดปลาย ตั้งเตือนประมาณ 20 นาที แล้วเช็คสีผม จะนานกว่านั้นก็ได้ ถ้าสียังไม่โดนใจ เสร็จแล้วล้างหรือเช็ดยาย้อมผมออก แล้วเช็คสีที่ติดบนผ้าขาว จะได้รู้ว่าชอบสีผมที่ได้หรือเปล่า ก่อนย้อมจริงทั้งหัว แถมยังเช็คได้ด้วยว่าต้องย้อมผมทิ้งไว้นานแค่ไหน
  4. แบ่งผมออกเป็น 4 ช่อ เอาผมขึ้นแล้วติดกิ๊บไว้ 3 ช่อ จากนั้นย้อมผมช่อที่ 4 ให้เริ่มย้อมผมโดยใช้มือลูบจากรากยาวไปจนจรดปลายผม พอย้อมผมครบทั้งสีช่อแล้ว ให้ใช้มือขยี้เบาๆ เหมือนสระผมให้สีทั่วถึง
  5. ใช้หมวกอาบน้ำเก่าคลุมผมทิ้งไว้ 30 นาทีถึง 3 ชั่วโมง แล้วแต่ว่าอยากย้อมผมออกมาสีเข้มขนาดไหน ให้ตั้งเตือนทันทีหลังย้อมผมช่อสุดท้ายเสร็จ
  6. ค่อยๆ ล้างผมด้วยน้ำอุ่นเพื่อขจัดสีย้อมส่วนเกิน โดยล้างผมไปเรื่อยๆ จนน้ำใส
  7. ใช้ผ้าขนหนูเช็ดผมหรือใช้ไดร์เป่าผมให้แห้ง หรือจะผึ่งลมไว้จนผมแห้งเองก็ได้ เพราะเราไม่ได้ย้อมผมด้วยสารเคมี ไม่ต้องกลัวผมเสียหรือแห้งกรอบ ใช้ไดร์เป่าได้ทันทีหลังย้อมและล้างผมเสร็จ
  8. ทั้งน้ำ แชมพู และความร้อน ทำให้สีผมจางหรือหลุดลอกได้ง่าย เพราะงั้นให้งดสระผมสัก 3 วัน เพื่อให้สีที่เพิ่งย้อมไป ซึมลึกเข้าไปในเกล็ดผม ที่เปิดตอนย้อม [13] แต่ย้อมผมด้วยวิธีธรรมชาติแบบนี้ หลังสีที่ย้อมไปหลุดลอก สีผมที่เหลืออาจจะไม่ค่อยน่าดูเท่าไหร่ เช่น ถ้ากัดสีผมแล้วย้อมเป็นสีแดงสด หลังสีหลุด จะเหลือแต่ผมสีส้มน่าดูชม
    โฆษณา
วิธีการ 3
วิธีการ 3 ของ 6:

ย้อมผมด้วย Kool-Aid

ดาวน์โหลดบทความ
  1. เป็นขั้นตอนแบบ dip-dye คือจุ่มปลายผมลงในสีที่ผสมแล้ว แบบนี้จะง่ายกว่าย้อมผมทั้งหัวด้วยสีจาก Kool-Aid เพราะไม่ได้ใช้ย้อมผมโดยเฉพาะ ควบคุมสีได้ยากกว่ายาย้อมผมทั่วไป (เป็นน้ำ ไม่ใช่ครีม) วิธีนี้เลอะเทอะเปรอะเปื้อนง่ายมาก
  2. Kool-Aid เป็นผงเครื่องดื่มสำหรับชง ให้เลือกที่ไม่แต่งรสหวาน และสีตรงตามต้องการ ถ้าเลือกรส Tropical punch จะเป็นสีแดงสด ถ้ารส Cherry จะเป็นสีแดงเข้ม ส่วนรส Black Cherry ถ้าผสมกับรส Strawberry จะได้สีแดงสด [14] ก่อนเลือกสีต้องพิจารณาจากสีผมหลังกัดสีซะก่อน เพราะจะมีผลต่อสีย้อมโดยรวม ให้เติมน้ำอุ่นหรือน้ำร้อน 1 ถ้วยตวงใส่ชาม ผสมผง Kool-Aid ลงไป 3 ซอง ตามด้วยน้ำส้มสายชูกลั่นขาว 2 ช้อนโต๊ะ จากนั้นคนผสมให้เข้ากัน อย่าให้เหลือเป็นผง [15]
  3. รวบผมจากต้นคอมาปอยเล็กๆ จากนั้นเอาผมจุ่มลงในน้ำ Kool-Aid ที่ผสมแล้ว ตั้งเตือนใน 20 นาที แล้วเช็คสีที่ได้ จะนานกว่านั้นก็ได้ ถ้าสียังไม่โดนใจ เสร็จแล้วล้างหรือเช็ดยาย้อมผมออก แล้วเช็คสีที่ติดบนผ้าขาว จะได้รู้ว่าชอบสีผมที่ได้หรือเปล่า ก่อนย้อมจริงทั้งหัว แถมยังเช็คได้ด้วยว่าต้องจุ่มผมทิ้งไว้ใน Kool-Aid นานแค่ไหน
  4. มัดผมหางม้าแล้วจุ่มทั้งหางม้าลงในน้ำ Kool-Aid ให้จุ่มไว้นิ่งๆ แบบนั้นประมาณ 30 นาที เพื่อให้ผมดูดซับ Kool-Aid เข้าไป เรียกว่าเตรียมหนังสือมาอ่าน หรือเปิดหนังดูไปเพลินๆ ได้เลย อย่าลืมตั้งเตือนด้วย จะได้รู้ว่าย้อมเสร็จหรือยัง
  5. ค่อยๆ ล้างผมด้วยน้ำอุ่น ล้างไปเรื่อยๆ จนน้ำใส
  6. ใช้ผ้าขนหนูเช็ดผมหรือใช้ไดร์เป่าผมให้แห้ง หรือจะผึ่งลมไว้จนผมแห้งเองก็ได้ เพราะเราไม่ได้ย้อมผมด้วยสารเคมี ไม่ต้องกลัวผมเสียหรือแห้งกรอบ ใช้ไดร์เป่าได้ทันทีหลังย้อมและล้างผมเสร็จ
  7. ทั้งน้ำ แชมพู และความร้อน ทำให้สีผมจางหรือหลุดลอกได้ง่าย เพราะงั้นให้งดสระผมสัก 3 วัน เพื่อให้สีที่เพิ่งย้อมไป ซึมลึกเข้าไปในเกล็ดผม ที่เปิดตอนย้อม [16] แต่ย้อมผมด้วยวิธีธรรมชาติแบบนี้ หลังสีที่ย้อมไปหลุดลอก สีผมที่เหลืออาจจะไม่ค่อยน่าดูเท่าไหร่ เช่น ถ้ากัดสีผมแล้วย้อมเป็นสีแดงสด หลังสีหลุด จะเหลือแต่ผมสีส้มน่าดูชม
    โฆษณา
วิธีการ 4
วิธีการ 4 ของ 6:

ย้อมผมด้วยกาแฟ

ดาวน์โหลดบทความ
  1. สีย้อมผมจากกาแฟ จะออกมาเป็นสีน้ำตาลช็อคโกแลตเข้มๆ ให้ชงกาแฟดำ 1 กาเข้มๆ เลย จากนั้นทิ้งไว้ให้เย็น ผสมกาแฟที่ชงแล้ว 1 ถ้วยตวง กับครีมนวดแบบไม่ต้องล้างออก 2 ถ้วยตวง ใส่ในขวดแชมพูเปล่า สุดท้ายเติมกากกาแฟ 2 ช้อนโต๊ะ แล้วผสมให้เข้ากัน
  2. แบ่งผมออกเป็น 4 ช่อ เอาผมขึ้นแล้วติดกิ๊บไว้ 3 ช่อ จากนั้นย้อมผมช่อที่ 4 ให้เริ่มย้อมผมโดยใช้มือลูบจากรากยาวไปจนจรดปลายผม พอย้อมผมครบทั้งสีช่อแล้ว ให้ใช้มือขยี้เบาๆ เหมือนสระผมให้สีทั่วถึง
  3. ใช้หมวกอาบน้ำเก่าคลุมผมทิ้งไว้ประมาณ 1 ชั่วโมง ให้ตั้งเตือนทันทีหลังย้อมผมช่อสุดท้ายเสร็จ
  4. ค่อยๆ ล้างผมด้วยน้ำส้มสายชูหมักจากแอปเปิ้ล เพราะช่วยให้สีกาแฟติดผมทนนานยิ่งขึ้น จากนั้นล้างผมด้วยน้ำเย็นจนน้ำใส
  5. ใช้ผ้าขนหนูเช็ดผมหรือใช้ไดร์เป่าผมให้แห้ง หรือจะผึ่งลมไว้จนผมแห้งเองก็ได้ เพราะเราไม่ได้ย้อมผมด้วยสารเคมี ไม่ต้องกลัวผมเสียหรือแห้งกรอบ ใช้ไดร์เป่าได้ทันทีหลังย้อมและล้างผมเสร็จ
  6. ทั้งน้ำ แชมพู และความร้อน ทำให้สีผมจางหรือหลุดลอกได้ง่าย เพราะงั้นให้งดสระผมสัก 3 วัน เพื่อให้สีที่เพิ่งย้อมไป ซึมลึกเข้าไปในเกล็ดผม [17]
    โฆษณา
วิธีการ 5
วิธีการ 5 ของ 6:

ย้อมผมด้วยสีจากพืชหรือสมุนไพร

ดาวน์โหลดบทความ
  1. พอผมผ่านการกัดสีแล้ว ก็ถึงเวลาเลือกสีใหม่ที่จะย้อมเข้าไป ชั้นของเกล็ดผมจะถูกทำลายในขั้นตอนกัดสี เลยทำให้ไฮโดรเจอเปอร์ออกไซด์ (ส่วนผสมหลักของน้ำยากัดสีผม) ซึมเข้าไปกัดสีผมธรรมชาติได้ กัดสีผมแล้วผมจะออกมาเป็นสีเหลือง ขาว หรือออกแดง อันนี้ก็แล้วแต่สีผมจริงของคุณ รวมถึงระยะเวลาในการกัดสีผม สีย้อมที่ได้จากพืชและสมุนไพรทำให้สีผมที่ได้ดูสวยเป็นธรรมชาติ โดยไม่ต้องใช้สารเคมีแรงๆ อย่างน้ำชา สีเฮนน่า และสมุนไพรอื่นๆ ก็ใช้ย้อมผมได้ดี อย่างน้ำชาก็เลือกได้หลายเฉดสี ตั้งแต่น้ำตาลไปจนถึงดำ กระทั่งบลอนด์และแดง ถ้าใช้ชาดำ ก็จะได้สีย้อมผมเข้มหน่อย ส่วนชาคาโมไมล์ จะได้สีออกบลอนด์ และชาแดงหรือชารอยบอส จะให้สีโทนแดง ในขณะที่เฮนน่าให้สีเข้มข้น แถมหาซื้อได้ตามร้านขายอาหารสุขภาพหรือร้านสมุนไพร ข้อเสียคือผมจะหนาหน่อย เพราะไปเกาะผมแต่ละปอยแยกกัน [18] ก่อนเลือกสีย้อมต้องพิจารณาสีผมหลังกัดสีด้วย เพราะมีผลต่อสีย้อมผมโดยรวม
  2. ให้ผสมสีตามสูตรต่อไปนี้ หรือค้นหาเพิ่มเติมในเน็ต เพื่อให้ผสมสีย้อมผมได้ถูกสัดส่วน และย้อมผมออกมาได้สีตามต้องการ
    • ใช้ผงเฮนน่า ผสมผงเฮนน่ากับคาโมไมล์ หรือสมุนไพรสีอ่อนชนิดอื่น เพื่อไม่ให้สีย้อมผมเข้มเกินไป [19] สัดส่วนคือให้ผสมผงเฮนน่า 2 ส่วน กับผงคาโมไมล์ 1 ส่วน ในชามที่ไม่ใช่โลหะ ตามด้วยน้ำเดือดเพื่อให้ได้ paste เหนียวข้น จากนั้นผสมน้ำส้มสายชู 1 ช้อนโต๊ะ ผสมให้เข้ากันแล้วทิ้งไว้ให้เย็น [20]
    • ใช้ถุงชาหรือใบชา (loose leaf) แช่ชา 3 - 5 ถุง (หรือใช้ใบชาในปริมาณเท่าๆ กัน) ลงในน้ำ 2 ถ้วยตวง ต้ม 3 - 5 นาที แล้วทิ้งไว้ให้เย็น จากนั้นเทชาใส่ขวดยาย้อมผมเปล่าๆ
    • ใช้ผงวอลนัทดำ ถ้าอยากได้ผมสีน้ำตาลเข้มมาก ให้ผสมผงวอลนัทดำ ¼ ถ้วยตวง กับน้ำ 3 ถ้วยตวง ทิ้งไว้ข้ามคืน ใช้เทย้อมผมทุกวัน ก็จะได้สีเข้มข้นกว่าวิธีอื่น [21]
    • ผสมตามสูตรอื่นๆ ในเน็ต ค้นสูตรย้อมผมด้วยสีธรรมชาติ “natural hair color recipes” เผื่ออยากได้สูตรผสมยาย้อมผมจากสมุนไพรอื่นๆ เช่น กลีบดอกดาวเรืองฝรั่ง (marigold), ดอกดาวเรืองหม้อ (calendula), ใบโรสแมรี่ และอื่นๆ
  3. รวบผมจากต้นคอมาปอยเล็กๆ จากนั้นเอาแปรงทายาย้อมผมลงไป เริ่มตั้งแต่รากผมจรดปลาย ตั้งเตือนประมาณ 20 นาที แล้วเช็คสีผม จะนานกว่านั้นก็ได้ ถ้าสียังไม่โดนใจ เสร็จแล้วล้างหรือเช็ดยาย้อมผมออก แล้วเช็คสีที่ติดบนผ้าขาว จะได้รู้ว่าชอบสีผมที่ได้หรือเปล่า ก่อนย้อมจริงทั้งหัว แถมยังเช็คได้ด้วยว่าต้องย้อมผมทิ้งไว้นานแค่ไหน
  4. แบ่งผมออกเป็น 4 ช่อ เอาผมขึ้นแล้วติดกิ๊บไว้ 3 ช่อ จากนั้นย้อมผมช่อที่ 4 ให้เริ่มย้อมผมโดยใช้มือลูบจากรากยาวไปจนจรดปลายผม พอย้อมผมครบทั้งสีช่อแล้ว ให้ใช้มือขยี้เบาๆ เหมือนสระผมให้สีทั่วถึง
  5. ใช้หมวกอาบน้ำเก่าคลุมผมทิ้งไว้ 30 นาทีถึง 3 ชั่วโมง แล้วแต่ว่าอยากย้อมผมออกมาสีเข้มขนาดไหน ให้ตั้งเตือนทันทีหลังย้อมผมช่อสุดท้ายเสร็จ
  6. ค่อยๆ ล้างผมด้วยน้ำอุ่น เพื่อขจัดสีย้อมส่วนเกิน ให้ล้างผมไปเรื่อยๆ จนน้ำใส
  7. ใช้ผ้าขนหนูเช็ดผมหรือใช้ไดร์เป่าผมให้แห้ง หรือจะผึ่งลมไว้จนผมแห้งเองก็ได้ เพราะเราไม่ได้ย้อมผมด้วยสารเคมี ไม่ต้องกลัวผมเสียหรือแห้งกรอบ ใช้ไดร์เป่าได้ทันทีหลังย้อมและล้างผมเสร็จ
  8. ทั้งน้ำ แชมพู และความร้อน ทำให้สีผมจางหรือหลุดลอกได้ง่าย เพราะงั้นให้งดสระผมสัก 3 วัน เพื่อให้สีที่เพิ่งย้อมไป ซึมลึกเข้าไปในเกล็ดผม [22]
    โฆษณา
วิธีการ 6
วิธีการ 6 ของ 6:

ย้อมผมที่ร้าน

ดาวน์โหลดบทความ
  1. พอผมผ่านการกัดสีแล้ว ก็ถึงเวลาเลือกสีใหม่ที่จะย้อมเข้าไป ชั้นของเกล็ดผมจะถูกทำลายในขั้นตอนกัดสี เลยทำให้ไฮโดรเจอเปอร์ออกไซด์ (ส่วนผสมหลักของน้ำยากัดสีผม) ซึมเข้าไปกัดสีผมธรรมชาติได้ กัดสีผมแล้วผมจะออกมาเป็นสีเหลือง ขาว หรือออกแดง อันนี้ก็แล้วแต่สีผมจริงของคุณ รวมถึงระยะเวลาในการกัดสีผม กัดสีผมเสร็จ ผมคุณก็พร้อมย้อมสีใหม่ ซึ่งจะดูดซับสีได้ดีและลึกล้ำกว่าย้อมทั้งๆ ที่ไม่ได้กัดสีผม คุณอาจจะย้อมผมสีธรรมชาติก็ได้ เช่น น้ำตาล ดำ แดง หรือบลอนด์ แต่บางคนก็ชอบผมสีสดใส อย่างแดงเชอร์รี่ ฟ้า ม่วง ชมพู เป็นต้น ก่อนเลือกสีผมใหม่ ให้พิจารณาหน้าที่การงานประกอบด้วย อย่างถ้ารับราชการก็อาจจะต้องย้อมผมสีธรรมชาติ ดำ น้ำตาล ถ้าที่ทำงานไม่เคร่งมาก จะย้อมผมสีสันสดใสก็ไม่ว่ากัน ถ้าอยากได้สีผมธรรมชาติ ให้เลือกเฉดสีที่เข้มหรืออ่อนกว่าสีผมจริงของคุณไม่เกิน 1 - 3 ระดับ
    • ลองสังเกตสีผมตัวเองในรูปสมัยเด็กดู เพราะช่วยให้รู้แน่ชัดว่าย้อมออกมาจะเป็นสีประมาณไหน ถ้าสีผมจริงเป็นโทนร้อน (สีน้ำผึ้ง (honey blonde) หรือใกล้เคียง) ย้อมผมแล้วยังไงก็จะออกมาโทนร้อน แต่ถ้าปกติสีผมเป็นโทนเย็น (ดำ น้ำตาล บลอนด์หม่น) ผมที่ได้จะมี undertone หลังย้อมเป็นโทนเย็น [23]
  2. หารูปสีผมตามแมกกาซีนหรืออื่นๆ ที่ตรงกับสีผมที่ต้องการที่สุด แล้วพกติดตัวไปร้านเสริมสวยด้วย จะได้เป็นแนวทางพอให้ช่างเห็นภาพ ว่าคุณต้องการสีผมแบบไหน
    • เดี๋ยวนี้มีทรงผมและสีผมให้เลือกเป็นแบบได้ทั้งตามแมกกาซีน ใน Pinterest และโซเชียลมีเดียอื่นๆ
  3. อย่าลืมว่าช่างทำผมเป็นผู้มีทั้งความเชี่ยวชาญและประสบการณ์ ว่าควรผสมสียังไง ไฮไลท์ ไลว์ไลท์แบบไหน ถึงจะออกมาสวยและเหมาะกับคุณที่สุด เพราะงั้นอยากได้สีไหนก็บอกช่างได้เลย เขาผ่านการอบรมด้านเคมี การผสมสีย้อมผมมาแล้ว จับคู่สีให้คุณได้ถูกใจแน่นอน
  4. แจ้งช่างก่อนถ้าคุณแพ้ยาย้อมผมหรือสารเคมีอะไร. ช่างทำผมอาจจะให้คุณทดสอบอาการแพ้ก่อน แล้วค่อยนัดมาย้อมผมอีกทีวันอื่น หรือแนะนำให้ใช้ยาย้อมผมสูตรอ่อนโยน ตามสภาพผมของคุณ
  5. แน่นอนว่าย้อมผมตามร้านเสริมสวยก็ราคาพอตัว เริ่มที่ราคาเกือบพันไปจนถึงหลายพัน แต่ถ้าแวะไปตามโรงเรียนเสริมสวย จะมีนักเรียนที่อยู่ในช่วงฝึกตัดผมย้อมผม บางโรงเรียนเลยมีบริการทำผมฟรีหรือในราคาย่อมเยา แลกกับการให้นักเรียนได้ทดลองประสบการณ์จริง ไม่ต้องกลัวว่าจะออกมาผิดพลาดร้ายแรงด้วย เพราะมักจะมีช่างผมผู้เชี่ยวชาญคอยดูแลให้คำแนะนำอย่างใกล้ชิด หรือแก้ไขให้ทันที ซึ่งจะฟรีหรือมีค่าใช้จ่าย ก็ขึ้นอยู่กับคุณภาพของโรงเรียน และประสบการณ์ของช่างด้วย
  6. เพื่อให้สีผมคงความสดสวยอยู่ตลอด แนะนำให้แวะไปย้อมเก็บงานเฉพาะจุดที่ร้านทุก 6 - 8 อาทิตย์
    โฆษณา

คำเตือน

  • คุณหมอบางท่านแนะนำว่าหญิงตั้งครรภ์หรือคุณแม่ให้นม ไม่ควรย้อมผมด้วยสารเคมี เพราะถ้าร่างกายดูดซึมสารเคมีเข้าไปเพียงเล็กน้อย ก็อาจส่งต่อไปยังตัวอ่อนในครรภ์หรือนมแม่ได้ ถึงปริมาณสารเคมีจะน้อยจนโอกาสที่จะถ่ายทอดจากแม่สู่ลูกนั้นเป็นไปได้น้อย แต่ก็ควรระมัดระวังไว้ก่อน ปรึกษาคุณหมอที่ฝากครรภ์ไว้ก็ได้ หรือใช้ยาย้อมผมสูตรธรรมชาติแทน [24]
  • จากงานวิจัยพบว่ายาย้อมผมที่เป็นสารเคมีอาจก่อให้เกิดมะเร็งได้ โดยเฉพาะย้อนไปในช่วง 1970 หรือประมาณ 50 ปีก่อน ที่ยาย้อมผมผสมสารเคมีอันตรายที่ก่อให้เกิดมะเร็ง ทำให้หลังจากนั้นมีการเปลี่ยนส่วนผสมไป ถึงอย่างนั้นยาย้อมผมในปัจจุบันก็ยังมีส่วนผสมที่อาจก่อให้เกิดมะเร็งได้อยู่ ซึ่งแต่ละงานวิจัยที่เชื่อมโยงยาย้อมผมกับการเกิดมะเร็งก็ยังแย้งกันอยู่ ทางที่ดีให้ปรึกษาคุณหมอประจำตัว หรือใช้ยาย้อมผมสูตรธรรมชาติแทน [25]
  • ห้ามย้อมขนคิ้วและขนตาด้วยยาย้อมผมที่เป็นสารเคมี เพราะเสี่ยงจะเข้าตาจนระคายเคืองรุนแรง หรือถึงขั้นตาบอดได้เลย แนะนำให้ไปที่ร้านเสริมสวยหรือสถาบันเสริมความงามโดยเฉพาะ จะมีช่างที่มีความเชี่ยวชาญให้บริการอย่างปลอดภัย [26]
  • ยิ่งกัดสีผมอ่อนลงเท่าไหร่ สีของยาย้อมผมก็ยิ่งซึมลึกและติดทนนานขึ้นเท่านั้น โดยเฉพาะคนที่คิดจะย้อมผมสีพาสเทล แดง ชมพู ฟ้า ม่วง ใครอยากย้อมผมสีอ่อนให้ลองดู
โฆษณา

เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้

มีการเข้าถึงหน้านี้ 8,548 ครั้ง

บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม

โฆษณา